...On that starry, starry night.
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2551
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
29 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 

Enlightened by โอม ชาตรี คงสุวรรณ



อาทิตย์ก่อนโน้นเพื่อนโทรมาบอกว่า โอม ชาตรี จะมาเล่นที่ร้านกู๊ดวิล เป็นส่วนหนึ่งของ road show ก่อนคอนเสิร์ตใหญ่ ไอ้เราฟังแล้วก็หูผึ่งขึ้นมาทันที เลยรีบนัดแนะกับเพื่อนว่าถ้าไม่ติดอะไรจะไปแน่นอน วางหูไปก็คิดกับตัวเองว่าถ้าได้ไปดูจริงๆ ก็จะเป็นครั้งแรกที่เห็นสุดยอดนักกีตาร์คนนี้เล่นแบบสดๆ

แม้ โอม ชาตรี จะอยู่ในวงการมายาวนาน ตั้งแต่สมัยอยู่กับวงดิอินโนเซ็นต์ จนมาทำงานเบื้องหลังให้แกรมมี่ จนได้ข่าวออกจากแกรมมี่ไปแล้ว แต่ผมก็ไม่เคยมีโอกาสได้ดูเขาวาดลวดลายกับตาตัวเองแม้แต่ครั้งเดียว คราวนี้คงถึงเวลาได้ชมเป็นบุญตาเสียที แม้จะไม่ใช่คอนเสิร์ตใหญ่โตก็ตาม

ยังจำได้ว่าตอนอยู่ ป.3 ผมยืนร้องเพลง "เพียงกระซิบ" ของเขาสอบหน้าชั้นในวิชาดนตรี เพราะชอบเพลงนี้มาก ต่อมาได้ฟังเพลงของค่ายแกรมมี่อยู่บ่อยๆ พร้อมกับมีนิสัยประจำอย่างหนึ่งก็คือ เวลาเห็นปกเทป-ปกซีดีก็จะชอบพลิกดูว่าใครเป็นคนแต่งคำร้อง-ทำนองเพลงนั้นเพลงนี้ ทำอย่างนี้มาตลอดทุกครั้งที่มีโอกาส จากการเก็บเล็กผสมน้อยก็ได้ข้อสรุปส่วนตัวว่า ถ้าเพลงไหนของแกรมมี่มีทำนองอยู่ในระดับโครตรไพเราะ หรือเพราะฉิบหาย หรือเพราะเชี่ยๆ ก็มีแนวโน้มสูงมากว่าจะ 1.ลอกมา หรือ 2.ชาตรี คงสุวรรณ แต่งทำนอง

นอกจากจะเป็นโปรดิวเซอร์ชั้นยอดและนักแต่งทำนองชั้นเยี่ยมแล้ว โอม ชาตรี ยังได้ชื่อว่าเป็นคนที่เล่นกีตาร์ด้วยสำเนียงไพเราะ เมโลดี้งดงามไม่ธรรมดา ผมเองไม่ใช่คนที่รู้เรื่องดนตรีอะไร แต่เท่าที่ได้ฟังด้วยหูชั้นอนุบาลก็ต้องยอมรับว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ

ที่ผ่านมาเห็นเขาเข้าไปทำงานกับแกรมมี่ประหนึ่งเครื่องจักรผลิตดนตรีอยู่เป็นสิบๆ ปีก็คิดว่าคงไม่กลับมา "สู่แสงสว่าง" อีกแล้ว คงหมดไฟไปตามกาลเวลาเรียบร้อย แต่จู่ๆ ก็ได้ข่าววว่าเขาลาออกจากแกรมมี่ไปทำอะไรสักอย่างไม่แน่ใจ แล้ววันหนึ่งอัลบั้ม "Into The Light" ของเขาก็ออกวางแผงอย่างเซอร์ไพรส์

กลับมาพูดเรื่องที่จะไปดู โอม ชาตรี เล่นกันต่อ พอใกล้ถึงเวลานัดหมายก็เกิดเหตุผิดคิวเล็กน้อยเพราะผมไปผิดร้าน จริงๆ เขาเล่นที่ร้าน Good View พระรามสาม แต่ตัวเองดันเสร่อมุ่งหน้ามาที่ร้าน Good Will สีลม ความผิดพลาดอยู่ตรงที่ตอนเพื่อนบอกชื่อร้าน มันไม่ยอมเอาฟันแตะริมฝีปากด้านล่างตอนเปล่งสียงพยางค์ที่สองด้วย เลยออกเสียงตัว "V" เป็น "W" (ทำไมชีวิตมันซับซ้อนอย่างนี้วะเนี่ย ฮ่วย) แต่ไม่เป็นไร เวลายังเหลือพอสมควร

พอไปถึงร้าน Good View ก็จัดแจงเดินเข้าไปข้างใน บรรยากาศสวยดีสมชื่อ ไฟสลัวพร้อมเฟอร์นิเจอร์โทนน้ำตาล โปร่งโล่งไม่แออัด เดินเข้าไปนั่งโต๊ะตัวเกือบหน้าสุดติดเวที เก้าอี้ก็นั่งสบาย ไม่เบียดเสียดกับใคร โอ้โห ทำเลดีที่สุดแล้วในการรับชม นั่งคุยสัพเพเหระกับเพื่อนสักพักก็ได้เวลาที่ โอม ชาตรี (พร้อมวง) ขึ้นเวที จากนั้นก็เล่นยาวเหยียดหนึ่งชั่วโมงกว่า บนเวที โอม ชาตรี พูดน้อยมาก แต่ก็ดูเป็นมิตร มีความสุข และดื่มด่ำกับสิ่งที่ตัวเองเล่นอย่างมาก ท่วงท่าดูสุภาพแต่ก็น่าเกรงขามอยู่ในที

ผมจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่ได้ฟังกีตาร์เมโลดี้สวยๆ ละเมียดๆ พร้อมชั้นเชิงระดับเทพแบบสดๆ คือเมื่อไหร่ เอาเข้าจริงผมอาจไม่เคยมีบุญได้ฟังมาก่อนเลยก็เป็นได้ สมัยก่อนเวลาที่เฉียดเข้าไปใน Rock Pub หรือ Metal Zone ก็ไม่เคยเกิดความรู้สึกแบบที่ว่านั้น แต่อาจเป็นเพราะหูผมไม่ถึงเองก็ได้

วันนั้นพอ โอม ชาตรี เริ่มเล่นได้แค่สองเพลงผมก็มั่นใจแล้วว่า คืนนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะอะไรไม่รู้ แต่นั่งดูไปก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้กำลังนั่งฟัง โอม ชาตรี เล่นดนตรี มากไปกว่าที่รู้สึกว่ากำลังสัมผัส "วิถี" และ "จิตวิญญาณ" บางอย่างของเขาอยู่ สัมผัสถึงสิ่งที่อยู่ลึกลงไปอันเป็นที่มาของเสียงดนตรีที่ผมกำลังเคลิบเคลิ้มนี้ อารมณ์ตอนนั้นเหมือนถูกกลืนเข้าไปในห้วงลึกล้ำของสิ่งที่อธิบายไม่ถูก

ผมกับเพื่อนพูดกันเพียงสองสามคำตลอดชั่วโมงกว่าที่นั่งดูเขาเล่น ราวกับว่าต่างคนต่างใช้โอกาสนี้หลบไปอยู่ในโลกของตัวเอง บทสนทนาใดๆ ก็ถือเป็นสิ่งล้นเกินสำหรับห้วงเวลาแบบนี้ พอการแสดงมาถึงช่วงท้าย รู้สึกตัวอีกทีน้ำตาผมก็คลอเบ้าแล้วค่อยๆ ไหลลงมาอาบแก้ม เพราะรู้สึกเต็มตื้นเต็มที่ สักพักหันไปทางเพื่อนเห็นมันกำลังแอบเอามือปาดน้ำตาอยู่ ผมคิดว่าเราคงรู้สึกไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่เอาเข้าจริงผมก็ไม่แน่ใจว่าตอนนั้นตัวเองกำลังรู้สึกอะไรกันแน่

เวลานั้นรู้แต่ว่า คนที่ทำอะไรออกมาจากข้างในมักจะมีพลังบางอย่างให้เราสัมผัสได้เสมอ และมักสั่นสะเทือนเราได้อย่างลึกซึ้ง ทำให้เราระลึกถึงบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เปี่ยมความหมาย และให้แรงบันดาลใจ เหมือนจิตวิญญาณเราได้รับการย้ำเตือนสิ่งสำคัญของชีวิตอีกครั้ง

ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า แต่สิ่งที่ผุดขึ้นมาในความรู้สึกตอนนั้นก็คือ คนๆ นี้ต้องรักสิ่งที่ตัวเองทำแน่นอน ทั้งยังต้องฝึกฝนและเคี่ยวกรำตัวเองอย่างหนักแบบต่อเนื่องยาวนาน จนทุกอย่างออกมาสุดยอด เป็นธรรมชาติ และงดงามได้ขนาดนี้ แถมยังต้องมีวินัยกับตัวเองอย่างมาก และต้องดูแลตัวเองดีด้วย ไม่อย่างนั้นไม่มีทางมาอยู่ตรงจุดนี้ได้

แม้จะเป็นคอนเสิร์ตเล็กๆ แต่สิ่งที่ โอม ชาตรี แสดงออกมากลับยิ่งใหญ่ในความรู้สึกผม แค่ได้เห็นสิ่งที่เขาแสดงออกเบื้องหน้า คุณก็สัมผัสถึงวิถีเป็นมาของเขาได้หลายอย่างทีเดียว ค่ำคืนนั้นมีความหมายขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ รู้สึกเหมือนตัวเองได้รับการสั่งสอนถึงวิถีแห่งการเป็น "ยอดคน" รวมถึงวิธีมุ่งสู่ "ความสำเร็จ" จาก "ปรมาจารย์" ตัวจริงไปในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง

ปรมาจารย์ท่านนี้ไม่ได้เอ่ยปากสอนสักคำ แต่แสดงให้เห็นกับตาเลย

เป็นบุญตาจริงๆ




 

Create Date : 29 พฤษภาคม 2551
1 comments
Last Update : 29 พฤษภาคม 2551 13:00:39 น.
Counter : 986 Pageviews.

 

ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันนะคะ อ่านแล้วเหมือนได้แรงฮึดอะไรบางอย่างก็ไม่รู้...แต่ที่แน่ๆ รู้สึกมีอารมณ์ร่วมแบบกระเจิดกระเจิงจนต้องยอมให้ตัวเองฮัมเพลงของพี่โอมตามเป็นระยะ



ปล. มิต้องสงสัยเลยว่าฮัมเพลงอะไร...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ก็เพลงเดียวกะที่คุณ havana ร้องสอบหน้าชั้นตอนอยู่ป.3 นั่นแหละ (เขินๆๆ)

 

โดย: เบาหวิวเหลือทน IP: 125.25.139.185 1 มิถุนายน 2551 0:52:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


havana
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add havana's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.