|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | |
|
|
|
|
|
|
|
เนื้อหาในพระไตรปิฏกใช้เป็นหลักในการอ้างอิงได้มากแค่ไหน?
พระไตรปิฎก เป็นคัมภีร์สูงสุดของศาสนาพุทธ ซึ่งเกิดขึ้นจากการสังคายนาหลังพระพุทธเจ้าปรินิพานไปแล้ว 3 เดือน โดยที่ประชุมสงฆ์ที่เป็นพระอรหันต์ 500 รูป และมีพระมหากัสสปะและพระอานนท์ เป็นหลัก รวบรวมคำสอนของพระศาสดาจากความทรงจำ ถกเถียงกันจนเป็นเอกฉันท์ว่าถูกต้อง แล้วจึงสวดขึ้นพร้อมกัน
พระไตรปิฏกมีการสืบทอดต่อๆ กันมาด้วยการท่องจำของพระสงฆ์จากรุ่นสู่รุ่นซึ่งเป็นวัฒนธรรมการสืบทอดคัมภีร์ทางศาสนาของอินเดียในสมัยก่อน และมีการสังคายนาตามมาอีกหลายครั้ง ก่อนที่จะมีการเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นครั้งแรก ราว 500 ปีหลังพุทธกาล ณ ประเทศศรีลังกา
ตามความเชื่อของนิกายเถรวาท การสืบทอดข้อความในพระไตรปิฏกนับร้อยๆ ปีนั้น ไม่มีการผิดเพี้ยนเลย เพราะพระสงฆ์จำนวนมากต้องสวดตรงกันทุกตัวอักษรก่อนเท่านั้น ถึงจะยอมรับว่าถูกต้องได้ แถมยังมีการสังคายนาต่อมาอีกหลายครั้ง ซึ่งเป็นการแก้ไขคำให้ถูกต้อง ไม่ได้มีการแก้ไขหรือเพิ่มเติมใดๆ เลย
แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ความเชื่อของนิกายเถรวาทที่เชื่อตามๆ กันมาอย่างแข็งขันเท่านั้น ศาสนาพุทธนิกายอื่นต่างก็มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับการสังคายนาพระไตรปิฎกในเวอร์ชั่นของตัวเองที่ต่างออกไป ส่วนในทางประวัติศาสตร์ นักประวัติศาสตร์ก็ยิ่งเห็นไม่ตรงกับชาวพุทธเข้าไปใหญ่
นักประวัติศาสตร์เชื่อว่า พระไตรปิฏกถูกแต่งขึ้นครั้งแรกประมาณ 100 ปีหลังพระพุทธเจ้าปรินิพาน และมีการแก้ไขปรับปรุงและเพิ่มเติมเนื้อหาใหม่เข้าไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่องหลังจากนั้นอีกหลายร้อยปี ก่อนที่จะกลายมาเป็นพระไตรปิฎกฉบับ ที่เรายึดถือกันอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากแต่ละส่วนของพระไตรปิฏกฉบับเถรวาทนั้นมีรูปแบบการใช้ภาษาบาลีที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก เป็นภาษาบาลีคนละยุคสมัย อีกทั้งพระไตรปิฎกยังเต็มไปด้วยการอ้างถึงหลักธรรมที่พบว่าถูกพัฒนาขึ้นในยุคหลังๆ ไม่ใช่ในสมัยพุทธกาล
ในส่วนของพระวินัยนั้น นักประวัติศาสตร์เชื่อว่าลอกมาจากพุทธประวัติ ซึ่งมีใครสักคนแต่งขึ้น (น่าจะเป็นคนๆ เดียวแต่ไม่ทราบว่าคือใคร) ประมาณ 100 ปีหลังพระพุทธเจ้าปรินิพานเช่นกัน ซึ่งต้นฉบับพุทธประวัติดังกล่าวที่สมบูรณ์ได้สูญหายไปแล้ว แต่ส่วนต่างๆ ของพุทธประวัตินั้น ได้กระจัดกระจายอยู่ในส่วนต่างๆ ของพระไตรปิฏก
ในส่วนของพระสูตร ก็แต่งขึ้นในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน และมีการ edit ตลอดจนเพิ่มเติมเนื้อหาใหม่ๆ ให้มีความพิสดารเข้าไปภายหลังเป็นจำนวนมาก ในส่วนพระอภิธรรมนั้นยิ่งแล้วใหญ่ เกือบทั้งหมดมีการพูดถึงหลักธรรมที่ยังไม่มีในสมัยพุทธกาล
ดังนั้นถ้าจะถามว่า พระไตรปิฏกเป็นพุทธพจน์หรือไม่ (คำว่าพุทธพจน์ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นคำพูดของพระศาสดาแบบคำต่อคำ แต่หมายถึงเป็นคำพูดของพระศาสดาที่ถูกนำมาเล่าด้วยสำนวนใหม่ก็ได้) ก็ตอบได้เลยว่า พระไตรปิฏกมีส่วนหนึ่งที่เป็นพุทธพจน์จริง แต่ในเวลาเดียวกันก็มีเนื้อหาอีกจำนวนมาก ที่เป็นเรื่องแต่งเติมเสริมขึ้นในภายหลัง โดยเฉพาะเกือบทั้งหมดของพระอภิธรรมนั้นไม่ใช่พุทธพจน์ นี่ยังไม่ได้พูดถึงพวกคัมภีร์และอรรถกถาต่างๆ ที่ไม่ได้อยู่ในพระไตรปิฏก เหล่านั้นก็ไม่ใช่พุทธพจน์อย่างแน่นอน
โดยส่วนตัว ข้าพเจ้าเห็นว่า ความเชื่อของนิกายเถรวาทที่ว่า พระไตรปิฏกถูกถ่ายทอดต่อๆ กันมาโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือผิดเพี้ยนเลยนั้น เป็นอะไรที่ฟังดูย้อนแย้งมาก เพราะถ้ามันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยแล้วจะต้องมีการสังคายนาตามมาอีกหลายครั้งไปเพื่ออะไร ตรงกันข้ามข้าพเจ้ากลับเห็นว่า การสังคายนาตลอดจนเปลี่ยนแปลงเนื้อหาในพระไตรปิฎกที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าในประวัติศาสตร์นั้นเป็นเรื่องปกติของคนหมู่มากที่ย่อมมีความคิดเห็น หรือการตีความที่ผิดแผกแตกต่างกันได้ ยิ่งมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์มากมายที่บ่งชี้ด้วยว่า คณะสงฆ์หลังพุทธปรินิพานนั้นมีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง พระที่มีอำนาจทางการเมืองมากกว่าก็ย่อมอยากให้เนื้อหาในพระไตรปิฏกเป็นไปในแบบที่ตัวเองตีความ หรือบางทีก็เป็นเพราะแรงศรัทธาที่อยากแต่งเติมอภินิหารเข้าไป เพื่อให้คนหันมานับถือพุทธศาสนาเยอะๆ (บิดเบือนแบบเจตนาดี) ตลอดจนประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา คนที่มีอำนาจในแต่ละยุคสมัย มักใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือในการปกครองคน ผู้ปกครองจึงมักอยากเข้ามามีบทบาทในการกะเกณฑ์เนื้อหาในพระคัมภีร์ทางศาสนา เพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตนเอง จึงหลีกเลี่ยงได้ยากที่เนื้อหาในพระไตรปิฏกจะไม่ถูกเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติม
การยอมรับว่า พระไตรปิฏกก็ไม่ต่างจากคัมภีร์ความเชื่ออื่นๆ ที่หนีไม่พ้นการถูกเปลี่ยนแปลงนั้นโดยคนรุ่นหลังที่เป็นปุถุชนนั้น ไม่ได้ทำให้ศาสนาพุทธเสื่อมลง แต่ตรงกันข้าม มันคือการเรียนรู้พุทธศาสนาไปตามความเป็นจริง อันไหนจริงก็ว่าไปตามจริง อันไหนไม่จริงก็คือไม่จริงไม่ต้องไปพยายามดิ้น น่าจะเป็นวิธีการศึกษาศาสนาพึ่งกระทำตามหลักกาลมสูตรมากกว่า
Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2565 |
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2565 20:32:11 น. |
|
0 comments
|
Counter : 276 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|