|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ไปเที่ยวพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง
วันหยุดที่ผ่านมา พอมีเวลาว่างบ้าง เลยคิดว่าสุพรรณบุรีน่าจะเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนในวันหยุด
จากบ้านที่นนทบุรี ไม่ถึงสิบนาที เราก็เข้าเขตจังหวัดนครปฐม แล้วก็วกไปอยุธยา วกกลับมาปทุมธานี ก่อนจะเข้าสู่เขตจังหวัดสุพรรณบุรีในอีกไม่กี่นาทีต่อมา
บนถนนมาลัยแมน บริเวณริมคูเมืองอู่ทอง เราพบพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง ตั้งอยู่ริมทางซ้ายมือ แม้ว่าจะไม่ใช่จุดหมายปลายทางที่เราตั้งใจจะไปแต่แรก แต่โอกาสที่จะผ่านเส้นทางนี้มีไม่บ่อยนัก เลยตัดสินใจเลี้ยวรถเข้าไปในที่สุด
คูเมืองด้านหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง
บนเนื้อที่ 25 ไร่ของตัวพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง แห่งนี้ จากประวัติบอกว่า เดิมเป็นเมืองโบราณรุ่นเดียวกับนครปฐม รัชกาลที่ 6 ได้เสด็จทอดพระเนตรเมื่อปี 2456 จากนั้นอีก 20 ปี ราชบัณฑิตสภาจึงได้สำรวจและจัดทำแผนผังเมืองอู่ทองขึ้น และได้โอนงานให้กรมศิลปากรดูแลรับผิดชอบ ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติเมื่อปี 2478
อาคารชั่วคราวแห่งแรกของพิพิธภัณฑสถานฯ ก่อสร้างขึ้นในปี 2500 ก่อนจะดำเนินการจัดสร้างอาคารถาวรในปี 2508 เพื่อจัดแสดงโบราณวัตถุที่มีการขุดค้นพบเป็นจำนวนมาก
อาคารปัจจุบัน
ห้องจัดแสดงมีอยู่ด้วยกัน 3 อาคาร สองอาคารแรกจัดแสดงอารยธรรมเมืองอู่ทอง ทั้งสมัยก่อนประวัติศาสตร์และสมัยประวัติศาสตร์ โบราณวัตถุที่นำมาจัดแสดงมีทั้งเครื่องดินเผา และเครื่องสำริด ทั้งศิลปะแบบทวารวดี ศิลปะแบบอมราวดี ศิลปะแบบคุปตะจากอินเดีย และศิลปะแบบศรีวิชัยจากทางภาคใต้ เนื่องจากอู่ทองในสมัยนั้น เป็นเมืองท่าติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ จึงรับทั้งรูปแบบศาสนา และศิลปะจากต่างเมืองเข้ามาด้วย
เครื่องประดับและจี้ทองคำ ศิลปะแบบทวารวดี
หม้อดินเผา
ครั้งหนึ่งเคยเป็นธรรมจักร
แวปั่นด้ายดินเผา
ศิวะลึงค์-ความเชื่อในยุคนั้น
อาคารหลังที่สาม เป็นสถาปัตยกรรมเรือนลาวโซ่ง โดยจัดสร้างเรือนของชาวลาวโซ่งรวมสองหลัง พร้อมหุ่นแสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของชาวลาวโซ่ง
เรือนลาวโซ่ง
หุ่นทอผ้าบริเวณใต้ถุนเรือน
เมืองอู่ทองเป็นเมืองโบราณ มีร่องรอยของชุมชนอาศัยมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย มีอายุราว 2,500-2,000 ปีมาแล้ว ต่อมาได้พัฒนาตนเองไปสู่สังคมเมืองสมัยประวัติศาสตร์ ด้วยการติดต่อค้าขายกับชาวต่างชาติ และมีบทบาทในฐานะเป็นศูนย์กลางทางการค้าและเมืองท่า นอกจากโบราณวัตถุต่างๆ ของเมืองอู่ทองเองแล้ว ยังมีการค้นพบหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า เมืองอู่ทองมีการติดต่อกับต่างประเทศอีกเป็นจำนวนมาก อาทิ เหรียญกษาปณ์ เหรียญโรมันสมัยจักรพรรดวิคโตรินุส เป็นต้น
อย่างไรก็ดี เมืองอู่ทองได้กลายเป็นเมืองร้างเพราะหมดความสำคัญในช่วงพุทธศตวรรษที่ 16 ซึ่งหลังจากนั้นอิทธิพลของเขมรได้แผ่เข้ามาในสยามประเทศในราวพุทธศตวรรษที่ 18 หรือในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 นั่นเอง
ผู้สนใจเข้าชมอดีตอันรุ่งเรืองของเมืองอู่ทอง สามารถเข้าชมได้ทุกวันพุธถึงวันอาทิตย์ ในเวลา 08.30 น. ถึง 16.00 น. ด้วยราคาค่าเข้าชมเพียง 10 บาทเท่านั้น
Create Date : 24 ตุลาคม 2550 |
Last Update : 24 ตุลาคม 2550 19:26:24 น. |
|
1 comments
|
Counter : 3430 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Madmonkey (Neilnuch_T ) วันที่: 22 มกราคม 2551 เวลา:18:53:05 น. |
|
|
|
|
|
|
|