แวะเอาปกนิยายมาแปะค่ะ (^__^) หลังจากเพียรขอปกนิยายแบบใหญ่ๆจากสนพ. มาเกือบเดือน พร้อมเริ่มบ่นน้อยใจว่าตัวเองเหมือนลูกเมียเก็บคนที่ 8 ของเจ้าสัวกิมเฮงที่ป๊ะป๋าเพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นกะเทยชอบแต่งหญิงแล้วไม่สนใจลูก เหอๆ บ่นแบบนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ได้หน้าปกมาแล้วค่ะ แต่ยังไม่ทราบราคาและวันวางแผงเลยค่ะเพราะดูท่าแล้วน่าจะอีกสักพักกระมัง จริงๆ ทอฟฟี่ก็แก้ต้นฉบับส่งไปเป็นระยะเวลาพอสมควรแล้วนะคะ ก็ไม่ทราบว่าทำไมถึงยังไม่เสร็จเช่นกัน น่าจะเป็นเรื่องของการจัดหน้าหรือไม่ก็เรื่องระบบของโรงพิมพ์นั่นล่ะค่ะ (แต่ของคนอื่นๆเขาขึ้นราคาหน้าปกกันไปหมดแว้วววว เหอๆ) ก็ต้องรอนิดนึงอ่ะเนอะ ถือซะว่าเป็นการรอให้พ่อคีริล กริกอร์เยวิช โตรชิน พระเอกของเรื่องได้ไปอาบแดดเพิ่มผิวให้มีสีแทนมากขึ้น แล้วก็ซิทอัพฟิตกล้ามก็แล้วกัน (แหะๆ) ถ้าจะถามว่าเรื่องนี้เป็นแนวไหน ก็ต้องตอบว่าเป็นพารานอร์มอลในแนวชญาน์พิมพ์นั่นล่ะเนอะ พระเอก หึงโหดหื่น 3 ห. ที่ทอฟฟี่ภูมิใจเสนอ (น่าภูมิใจไหมเนี่ย) ช่วงนี้เป็นช่วงที่ไม่ไปอ่านนิยายที่เว็บไหนเลยเพราะเริ่มแอบเบื่อนิดนึงที่เห็นแต่นิยายแนวแรงๆ ตบจูบอะไรน่ะไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ แต่ประเภทใช้ภาษาหยาบคาย อย่างพูดถึงไอ้นั่นของผู้ชายตรงๆ หรือไล่ผู้หญิงให้เก็บปากเอาไว้ไปดูด...ของผู้ชายเนี่ย ทอฟฟี่อึ้งมาก นี่มันนิยายชีวิตประเภทตีแผ่สังคมหรือนิยายรักกัน (วะ) เนี่ย (- -) อืม...มาเขียนแบบนี้บางทีก็รู้นะคะว่าอาจจะงานเข้าได้ แต่มันก็เป็นหนึ่งในความคิดเห็นส่วนตัวของทอฟฟี่เท่านั้น ใครที่ชอบหรือไม่เห็นด้วยก็ไม่ได้ว่าอะไรค่ะ ก็แค่เล่าสู่กันฟังว่ารู้สึกว่ามันเกินรับเท่านั้นเอง ใครรับได้ใครชอบก็ไม่ว่ากันค่ะ แต่สำหรับทอฟฟี่ ทอฟฟี่คิดว่าบางอย่างมันก็เกินขอบเขตมาตรฐานของการเป็นนิยายรักไปนิดหนึ่ง นิยายต่างประเทศประเภทโรแมนซ์ หรืออีโรติกจริงๆ อย่างที่ทอฟฟี่เคยอ่านจากต้นฉบับภาษาอังกฤษก็ไม่มีการใช้คำแบบนี้เลยด้วยซ้ำ ถ้าบอกว่าติดมาจากหนังสือแปลเนี่ยก็ต้องบอกกันนิดนึงว่ามาจากเล่มไหนจะได้ขอตามไปอ่านต้นฉบับนิดนึง ทอฟฟี่คิดว่าเรื่องการเขียนถึงฉากรักหรือฉากเซ็กซ์เนี่ยมันก็เป็นเรื่องธรรมดาค่ะ เป็นคนหนึ่งที่ชอบอะไรหื่นๆ เหอๆ คือชอบอ่านฉากเลิฟซีนมากค่ะ เพราะคิดว่ามันคือส่วนหนึ่งของการแสดงความรัก เป็นหัวใจของงานเขียนท่แสดงให้เห็นถึงประสบการณ์ (ไม่ใช่ด้านเซ็กซ์นะคะ) ของคนเขียนที่จะถ่ายทอดออกมาให้หวานละมุนหรือนุ่มนวลได้เพียงใด คือไม่ชอบอ่านแนวเอานางเอกมัดกับเสาเอาแส้ฟาด เพียะๆ แล้วบอกว่าฉันรักเธอน่ะค่ะ แหะๆ อย่างที่เคยบ่นๆ นั่นล่ะว่าเรื่องเซ็กซ์เนี่ยเป็นเรื่องธรรมชาติแต่ไม่อยากให้เห็นเป็นเรื่องธรรมดา คืออะไรที่เห็นบ่อยๆ จนชินมันก็จะกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปที่สุด อย่างเมื่อก่อนเวลาเราเห็นข่าวคนฆ่ากันตายเราก็จะรู้สึกกลัวและไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่ทุกวันนี้เวลาเปิดทีวีเดี๋ยวก็เห็นว่าฆ่าแกงกันเป็นเรื่องธรรมดามากๆ เราก็เห็นข่าวจนชาชิน จากประสบการณ์ที่ไปอยู่ฝรั่งเศสมาทำให้รู้ว่าคนในปารีสบางกลุ่มก็สามารถทนยืนดูผู้หญิงถูกข่มขืนในรถไฟใต้ดินได้หน้าตาเฉยโดยไม่คิดจะช่วยด้วยซ้ำ นั่นล่ะค่ะที่เกิดจากความเคยชิน ทอฟฟี่เคยลงเมโทรหรือรถไฟใต้ดินที่Belle Ville แหะๆ โดนเพื่อนญี่ปุ่นลากไปหาหนุ่มที่นั่นค่ะ เธอแอบชอบเขาอยู่ คิดดูว่าลากทอฟฟี่จากเมือง Tours ที่อยู่ไกลจากปารีสตั้งกว่า 200 กิโลเมตรไปด้วยกันได้ (ย่านนั้นอันตรายมากพอเพื่อนของคุณลุงทอฟฟี่ทราบเข้าโดนด่าซะหูชาไปหลายวัน ขนาดกลับมาตูร์แล้วยังโทรมาด่าต่อเลยเชียว) ตอนจะเดินกลับไปขึ้นเมโทรก็เจอรอยเลือดกองใหญ่มากที่ขั้นบันได แทบช็อค ตำรวจเต็มเลยนะคะ เขาบอกว่ามีคนถุกแทงตายตรงนั้น แต่คนปารีสก็เดินขึ้นลงข้ามกองเลือดกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักนิด ไอ้เราจะเดินผ่านยังแขยงเท้าเลยค่ะ แต่เขากลับเฉยๆ กัน นี่กเพราะชินอีกเช่นกัน ก็ไม่ได้คิดว่านิยายตัวเองดีกว่าคนอื่น แต่แค่คิดว่าการเขียนนิยายก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมเหมือนกัน เพราะการที่เราเขียนอะไรออกไปให้คนอื่นเขาอ่านกันเราก็ถือเป็นสื่อชนิดหนึ่ง คนที่อ่านเรื่องพวกนี้บ่อยๆ อาจจะเกิดความเคยชินและคิดว่ามันธรรมดา ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย มาตรฐานอะไรบางอย่างมันก็จะปรับไปตามสิ่งที่แวดล้อมผู้คนในสังคมนั่นล่ะค่ะ ทอฟฟี่ก็เป็นคนหนึ่งที่อยู่กับควมรุนแรงมาตลอดชีวิต บ้านทอฟฟี่ก็อยู่กับแวดวงการเมืองท้องถิ่นที่มีความรุนแรงมาตลอด ผู้คนรอบตัวแม้แต่ญาติๆ ก็เคยเป็นมือปืนในซุ้มอะไรอยู่นาน (แต่ตอนนี้เลิกแล้วนะคะเพราะบางคนก็เลิกแบบถาวรด้วยเสียชีวิตค่ะ) ทอฟฟี่ก็เรียนรู้เรื่องปืนผาหน้าไม้และเรื่องนักเลงมาจากคนเหล่านี้นั่นล่ะค่ะ ซึ่งพอมองย้อนกลับไปไอ้ที่เคยเห็นคนเตะปืนต่อหน้าแล้วเรายืนเฉยๆ ไม่กลัวก็เพราะมันชินนี่ล่ะ ถ้าตอนนั้นตายไปจะทำไงน้อ นิยายก็คือนิยายล่ะเนอะ อ่านแบบไม่คิดอะไรมากก็โอเค แต่มันก็จะมีบางคนเหมือนกันที่ติดกับสิ่งที่นักเขียนป้อนให้ด้วยอาจจะมีวัยวุฒิหรือประสบการณ์ชีวิตน้อย ถ้าเขาแยกแยะได้ก็ไม่น่าเป็นห่วง คำหยาบบางคำที่อยู่ในหนังสือพอเอามาใช้บ่อยๆ ก็กลายเป็นว่าเป็นเรื่องธรรมดา ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วมันหยาบเกินรับ ก็บ่นไปอย่างนั้นล่ะค่ะ แนวทางของใครก็แล้วแต่ ก็แค่บ่นเพาะคิดว่าตัวเองคงไม่ไปไกลถึงขนาดนั้นก็อยู่ในมุมของตนเองไปเรื่อยๆ เขียนอะไรที่เพ้อฝันต่อไป แนวทางของเราคงไม่อาจจะแรงล้ำแบบนั้นได้ หวานๆ ขมๆ หื่นๆ ของเราต่อไปดีกว่า เอ...แล้วจะมาบ่นทำไมเนี่ย... ...ก็แค่เสียงๆ เดียวล่ะเนอะ...
|