|
|
ผู้ว่า กทม.เตรียมประกาศพื้นที่อพยพเพิ่ม หวั่นน้ำลอดท่อผุดทะลักท่วมกรุง เสรีค้าน เจาะถนนทั่วกรุง
"สุขุมพันธุ์" เล็งประกาศพื้นที่อพยพเพิ่ม 3-4 วันนี้ มั่นใจไม่ท่วมหนัก 50 เขต หวั่นน้ำลอดท่อผุดทะลักท่วมกรุง เตรียมจับมือรัฐจัดระเบียบน้ำ สั่งอพยพ "แขวงศาลาธรรมสพน์" หลังคลองทวีวัฒนาระดับน้ำสูง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.15 น. วันที่ 27 ต.ค.ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมประชุมสัมมนาเพื่อชี้แจงสถานการณ์และแผนรองรับผลกระทบจากวิกฤติน้ำท่วมกรุงเทพฯ ร่วมกับตัวแทนภาคอุตสาหกรรม หอการค้าไทย หอการค้าต่างประเทศ ว่า สำหรับภาคเอกชนขณะนี้ยังไม่ได้ขอให้ กทม.ดูแลในพื้นที่ใดเป็นพิเศษ ส่วนข้อเสนอของบางฝ่ายที่จะให้ใช้ถนนเป็นเส้นทางผ่านน้ำนั้น ตนเห็นว่าหากจะใช้ถนนใดเป็นทางผ่านน้ำ ก็ควรจะต้องมีมาตรการในการดูแลทรัพย์สินของประชาชนที่อยู่ริมถนนด้วย แต่ที่เป็นห่วงคือน้ำที่อาจขึ้นมาตามท่อระบายน้ำในเขตพื้นที่ต่างๆ ในกรุงเทพฯ แต่จากนี้กทม.จะร่วมมือกับรัฐบาล เพื่อพัฒนาระบบการป้องกันน้ำท่วมแบบบูรณาการ รวมถึงร่วมมือกันผันน้ำลงทะเลอย่างรวดเร็ว
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวด้วยว่า คาดว่าภายใน 3-4 วันนี้ กทม.อาจจะต้องมีการประกาศอพยพบางเขตเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นเขตใด แต่สถานการณ์น้ำท่วมยังเชื่อว่าน้ำจะไม่ท่วมทั้ง 50 เขต โดยขณะนี้ยังคงมีมวลน้ำประมาณ 1.6 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร ที่บริเวณด้านเหนือของกรุงเทพฯ แต่คาดว่าน้ำที่เข้ามาในกรุงเทพฯอาจอยู่แค่หลักพันล้านลูกบาศก์เมตร เนื่องจากมวลน้ำได้ไหลไปในทิศทางอื่นและที่การระเหยไปบางส่วนแล้ว
สั่งอพยพ "แขวงศาลาธรรมสพน์" หลังคลองทวีวัฒนาระดับน้ำสูง
เมื่อเวลา 17.05 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวภายหลังเดินทางมาตรวจการระบายน้ำที่ประตูระบายน้ำ คลองทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนาว่าขณะนี้ ขณะนี้ระดับน้ำนอกประตูสูงถึง 2.60 เมตร โดย มีการเปิดประตูระบายน้ำกว้าง 1.70 เมตร จึงเป็นห่วงว่า หากเปิดมากกว่านี้ จะมีผลกระทบกับประชาชนที่อาศัยอยู่พื้นที่ปลายน้ำและทำให้ กทม. เกรงว่า อาจจะมีผลกระทบ จึงขอประกาศให้ประชาชนที่อยู่ในแขวงศาสลาธรรมสพน์ ประกาศอพยพไปที่ศูนย์พักพิง
ส่วนพื้นที่อื่นๆจะประเมินสถานการณ์ในคืนนี้อีกครั้งว่าจะประกาศให้เขตทวีวัฒณาเป็นพื้นที่อพยพทั้งหมดหรือไม่ เพราะขณะนี้ระดับน้ำคลองทวีวัฒนาสูงมาก ดังนั้นขอให้ประชาชนที่อยู่ในแขวงดังกล่าวอพยพไปยังศูนย์พักพิงทั้งนี้ เบื้องต้นคาดว่า กทม. ยังควบคุมสถานการณ์ได้ แต่หากมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นจะควบคุมสถานการณ์ยาก จึงต้องประเมินเป็นระยะ
---
ดร.เสรีค้านเจาะถนนระบายน้ำ
ดร.เสรีค้านแนวคิดเจาะถนนระบายน้ำ ย้ำไม่เกิดประโยชน์ แนะให้รื้อคันดินกั้นน้ำตั้งแต่คลอง 9-13
ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยภัยธรรมชาติ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและทรัพยากรน้ำชาวไทย ที่เสนอแนวทางในการระบายน้ำในพื้นที่ตะวันออกของ กทม.ต่อรัฐบาลด้วยการทำการขุดเจาะตัดถนนจำนวน 5 เส้นทาง ประกอบด้วย ถ.ประชาร่วมใจ ถ.ราษฎร์อุทิศ ถ.สุวินทวงศ์ ถ.ร่วมพัฒนา และ ถ.นิมิตรใหม่ โดยระบุว่า ไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้องและจะไม่สามารถระบายน้ำได้จริง
อีกทั้ง การเจาะถนนตรงพื้นที่คลอง 13-14 ไม่เกิดประโยชน์ เนื่องจากขณะนี้ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าท่วมมาจากคลองเปรมประชากร และคลองรังสิตอย่างเดียว ไม่ได้มาจากที่อื่น
ขณะนี้ระดับในคลองเปรมสูงกว่าคลองรังสิตถึง 4.60 เมตร จึงทำให้มีน้ำเอ่อล้นลงที่คลองรังสิต และไหลเข้าดอนเมือง สายไหม อย่างต่อเนื่อง หากมีการขุดเจาะถนน ผมเป็นห่วงว่า เจาะไปแล้วน้ำจะไหลไปได้ไม่เท่าไหร่ ซึ่งไม่คุ้มกับความเสียหายที่เกิดขึ้น จะทำให้ถนนเสียหายและน้ำยังไปทลายคันดินบริเวณคลอง 13 และคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิตอีกด้วย ดร.เสรี กล่าว
ดร.เสรี กล่าวต่อว่า ตนได้เสนอแนวทางการแก้ปัญหาให้รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการในขณะนี้ คือ การรื้อคันดินที่กั้นน้ำตรงคลอง 9-13 เพื่อให้น้ำไหลเร็วขึ้น และติดตั้งเครื่องสูบน้ำประมาณ 10 เครื่องบริเวณคลองรังสิต และคลองหกวาสายล่าง พร้อมทั้งสูบน้ำปล่อยลงไปที่คลอง 13 ซึ่งจะช่วยทำให้น้ำไหลระบายลงสู่อ่าวไทยได้เร็วขึ้น
ส่วนสาเหตุที่ทำให้การระบายน้ำจากฝั่งทางด้านตะวันออกล่าช้านั้น เกิดจากระดับพื้นที่ดินในเขตจ.นครนายกสูงกว่ารังสิต ดังนั้นหากมีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำดันกลับไปก็จะทำให้สามารถระบายน้ำทางฝั่งตะวันออกได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตาม จากการลงพื้นที่สำรวจเครื่องสูบน้ำที่ติดตั้งอยู่บริเวณเขื่อนคลองด่านพบว่า เครื่องทำงานได้ดีและสามารถสูบน้ำลงอ่าวไทยได้ในระดับที่น่าพอใจ
| Create Date : 27 ตุลาคม 2554 |
| Last Update : 27 ตุลาคม 2554 18:36:41 น. |
|
0 comments
|
| Counter : 470 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [