เรื่องเล่าจากความฝัน



สวัสดีครับพี่น้องทุกท่าน,

เมื่อครึ่งปีก่อน ผมฝันว่ากำลังกวาดลานวัดแห่งหนึ่ง

สภาพวัดมีเนื้อที่กว้าง มีไม้ยืนต้นขึ้นเป็นระเบียบ ใบไม้ใหญ่ร่วงหล่นประปรายอยู่เต็มพื้นทราย

ผมเดาว่า ที่นี่คือวัดสนามใน นนทบุรี เป็นวัดสายหลวงพ่อเทียน

เหตุผลที่เดาว่าวัดนี้ เพราะบรรยากาศในฝันใกล้เคียงกับความเป็นจริงอยู่บ้าง


ผมเคยพักอาศัยอยู่วัดสนามใน ช่วงวัยละอ่อนครับ กิจกรรมประจำวันคือฝึกสมาธิแบบเคลื่อนไหว

ส่วนตัวผมเป็นเด็กซนอยู่นิ่งไม่ค่อยได้ นั่งพักหนึ่งก็เบื่อ พอคุณย่าเห็นก็จะไล่ให้ไปเดินจงกรมแทน แต่ก็เดินได้ได้ไม่นานหรอกครับ พักหนึ่งก็เบื่ออีก ไปวิ่งเล่นดีกว่า

เบื่อวิ่งเมื่อไรก็คุ้ยทรายเล่น สุดท้ายไม่มีอะไรทำ ถึงจะจับไม้กวาดช่วยกวาดลานวัด

มีเรื่องหนึ่ง ตลกดี อยากเล่าให้ฟังครับ ...


เรื่องมีอยู่ว่า ช่วงที่ผมพักอาศัยอยู่ที่วัด ผมรู้จักพี่ผู้ชายคนหนึ่ง ผมเรียกแกว่า "พี่เอเลี่ยน" ครับ คือลักษณะท่าทางแกไม่ค่อยน่าไว้วางใจ คุณย่าคงเป็นห่วงผม เลยบอกว่าแกเป็นเอเลี่ยนจะได้กลัวแล้วอยู่ห่างๆ แก

แต่ที่ไหนได้ ผมไม่กลัวเอเลี่ยนครับ ผมอยากรู้ว่าเอเลี่ยนทำอะไรได้บ้าง ก็คุยกับแกว่ามาจากดาวไหน มาทำอะไร

แกก็ตอบผมนะ (ฮา) ...คงเห็นว่าเป็นเด็กบ๊องคนหนึ่ง


พอสนทนาภาษาเอเลี่ยนบ่อยเข้า ชักเริ่มสนิทกันครับ ผมสังเกตเห็นว่า แกแอบมองพี่สาวคนสวยคนหนึ่งที่บวชชีพราหมณ์อยู่ในวัด

ผมแซวแกว่า รักพี่สาวหรอ แกก็ปฏิเสธ บอกเพียงแต่ว่าเป็นห่วงพี่สาวคนนั้น เพราะหน้าตาเธอแลดูเศร้า


ไม่นานหลังจากนั้น พี่เอเลี่ยนแกเริ่มถามผมว่า พี่หล่อไหม พี่ดูเป็นยังไง ถามบ่อยมาก ตลอดทั้งวัน ผมก็ปัดรำคาญ ตอบแกไปว่า หล่อครับ ...หล่อแบบเอเลี่ยน

แกคงชอบพี่สาวคนนั้นจริงๆ คงอยากจะเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง แต่เลือกคนถามผิดไปหน่อย


วันหนึ่ง พี่เอเลี่ยนแกก็วิ่งกระหืดกระหอบมาบอกว่า อยากให้ผมช่วยอะไรหน่อย ผมก็รับปาก ถามแกว่าอยากให้ช่วยอะไร

แกบอกว่า ช่วยเข้าไปในเขตภิกษุณี ไปปีนหน้าต่างดูให้หน่อย ว่าพี่สาวคนนั้นผูกคอตายหรือเปล่า

ผมก็ เอ๊ะ! ใช้งานอะไรพิเรนท์จริง แต่คิดดูอีกทีไม่เห็นพี่สาวคนนั้นตั้งแต่เช้า อาจเกิดอะไรขึ้นก็เป็นได้


ถึงเวลา ผมก็ไม่ได้ปีนหน้าต่างดูหรอกครับ ไม่ได้เข้าเขตภิกษุณีด้วย เผื่อใครเดินผ่านมาเห็นว่า ผมปีนหน้าต่างมองสาว เขาจะหาว่าผมเป็นเด็กโรคจิต ผมจึงเลือกจะชะเง้อมองผ่านหน้าต่างอยู่ห่างๆ พอไม่เห็นว่ามีใครผูกคอตายอยู่ก็กลับมาบอกแก


เย็นวันนั้นผมคัดจมูกมาก หายใจไม่ค่อยออก เอายาดมมาดม กลิ่นก็ไม่ค่อยมี เลยเอาสมุนไพรยัดใส่หลอดยาดมเยอะๆ กลิ่นจะได้แรงสมใจ สมุนไพรหอมๆ ใกล้ตัวก็มีการบูร เมนทอล เป็นต้น ผมก็ยัดใส่จนแน่นหลอด ... คืนนั้นไม่คัดจมูกอีกเลย (ฮา)


วันรุ่งขึ้น พี่สาวคนนั้นก็มาทานข้าวตามปกติ

พี่เอเลี่ยนบอกกับผมว่า ดีใจที่พี่สาวไม่เป็นไร หน้าตาดูผ่องใสขึ้น

ผมถามว่า รักแล้วทำไมไม่คุยกับพี่สาว แกก็ทำหน้าเจื่อนๆ คงไม่มั่นใจในตัวเอง


เย็นวันนั้น ผมเจอแกยืนมองห้องของพี่สาวคนนั้นอยู่นานสองนาน ท่าทางไม่น่าไว้วางใจ ผมเข้าไปทัก แกไม่พูดอะไร แต่ทำหน้าตากรุ้มกริ่ม จมูกบาน

ผมนึกสนุก ถามว่า คัดจมูกหรอพี่เอเลี่ยน แกก็บอกว่า เออ

ผมก็ว่า โห ...ไม่บอก ผมมียาดมติดตัว จะดมไหม? แกก็พยักหน้า ผมก็ยื่นให้

พี่แกเล่นกระชากยาดมไปจากมือ แล้วยัดเข้ารูจมูกเต็มๆ เกิดมาไม่เคยเจอใครยัดเข้าไปลึกขนาดนั้นมาก่อน

พอแกหายใจเข้าเท่านั้นแหละ เจอฤทธิ์ยาดมเข้าไป ถึงกับกระเด็นครับ (ฮา)

จากนั้น ผมไม่เคยเห็นแกยืนจ้องห้องพี่สาวอีก

รวมความว่า ยาดมขนานนี้ระงับอาการจมูกบานจนออกนอกหน้า (หื่น) ได้ชะงัดนัก


เรื่องก็มีเท่านี้แหละครับ เอ๊ะ! เราคุยกันเรื่องความฝันอยู่ดี ๆ วกมาเรื่องอะไรก็ไม่รู้


งั้นขอพาตัวเองกลับเข้าเรื่องก่อนครับ …

ย้อนความว่า ในความฝัน ผมกำลังกวาดลานวัด (ที่คาดว่าเป็นวัดสนามใน) อยู่


เมื่อเสร็จงานกวาดลานวัดแล้ว ผมถึงวางมือ พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นศาลาไม้ทรงไทยยกสูง หลังใหญ่พอสมควร

พอเดินขึ้นบันใดไปก็พบกับคุณย่า แกทำอะไรอยู่ก็ไม่ทราบ

ผมนั่งคุยกับแกพักหนึ่ง หันลงไปมองข้างล่าง ก็เห็นพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ฯ (หลวงพ่อวัดท่าซุง) ท่านเดินมาพอดี

สักพักท่านก็เดินขึ้นมา ผมรีบยกมือไหว้ท่าน

ท่านมายืนใกล้ ๆ แล้วบอกว่า "ทรงอารมณ์ใจให้เป็นปรกติไว้นะ แล้วพ่อจะมานั่งด้วย"

จากนั้นผมก็ตื่น ...


ผมปลื้มใจมากที่ฝันเป็นมงคล มานั่งครุ่นคิดถึงคำว่า "ทรงอารมณ์ให้เป็นปรกติ"

ไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร ที่สำคัญ ผมไม่แน่ใจว่าท่านมาหาจริงหรือเปล่า พอเล่าให้พี่สาวที่สนิทกันฟัง พี่สาวถามผมว่า ทำไมถึงไม่เชื่อว่าท่านมาหาจริง?

คำตอบคือ ผมไม่เคยฝันแบบนี้มาก่อน และไม่คิดว่าท่านจะมาหาคนห่วยๆ อย่างผมด้วย

ผมยังไม่หายข้องใจ หาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตต่อ พบกระทู้หนึ่งที่สะดุดตา คือกระทู้ วิธีการเก็บศิษย์ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลายข้อตรงกับผมหมด ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ การเสาะหาครูบาอาจาร์ย ฯลฯ แต่ข้อที่สำคัญที่สุด คือ ข้อที่บอกว่า ท่านจะมาหาในความฝัน

(หนังสือเรื่องจริงอิงนิทาน ภาคพิเศษ หน้า ๑๔๕ หลวงพ่อกล่าวไว้ว่า "... ฉะนั้น ความรักลูกของพ่อ ถ้าหากว่าพ่อตายไปแล้ว พ่อยังจะห่วงลูก ถ้าสามารถปรากฏได้ พ่อก็จะปรากฏให้เห็น...")

เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ผมก็คลายความสงสัย


ส่วนคำสอนที่ว่า "ทรงอารมณ์ใจให้เป็นปรกติ" ยังคงค้างคาใจอยู่ แต่ก็ไม่ได้ค้นหาความหมาย

สองสามวันต่อมา ผมเล่น Facebook ตามปกติ ดูหนัง ฟังเพลง อ่านธรรมะไปเรื่อย จนพบกับคำสอนที่ศูนย์พุทธศรัทธาเอามาลงไว้ : คำสอนเรื่อง ..."การทรงอารมณ์ใจให้เป็นปรกติ"

เท่านั้นแหละ ความฝัน/คำสอนก็กลับมา ถึงกับตกใจเลยทีเดียว! ศรัทธามาล้นเหลือเลยครับ ไม่สงสัยอะไรอีกแล้ว หลวงพ่อพูดไว้จริงทุกอย่าง


ผมจะขอยกคำสอนเรื่อง "การทรงอารมณ์ใจให้เป็นปรกติ" มาลงไว้ ณ ที่นี้

ส่วนที่มาของคำสอนนั้น ผมพบภายหลังในหนังสือ "โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง" เล่ม ๑ มีคำสอนนี้แบบเต็ม ๆ ในหนังสือ "มโนมยิทธิและประวัติของฉัน" ด้วยครับ หน้า ๓๙:-


"จงจำไว้ว่า จริยาที่เราจะต้องทรงใจมีดังนี้

  • ยามปกติ เราจะไม่สนใจในจริยาของบุคคลอื่น ใครเขาจะดี ใครเขาจะเลวมันเรื่องเขา อย่าโอ้อวด อย่ายกตนข่มท่าน อย่าถือตัวเกินไป
  • ไม่มีกังวล
  • ไม่ทำลายศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้บุคคลอื่นทำลายศีล ไม่ยินดี เมื่อบุคคลอื่นทำลายศีลแล้ว
  • ระงับนิวรณ์ได้โดยฉับพลัน เมื่อเราต้องการความเป็นทิพย์ของจิต ขณะใดที่จิตต้องการสมาธิ ไอ้ความเป็นทิพย์นี่มาจากสมาธิ มีความตั้งใจ จิตสะอาด ถ้าต้องการจิตเป็นทุกข์หรือต้องการสมาธิต้องระงับนิวรณ์ได้ทันทีทันใด
  • จิตทรงพรหมวิหาร ๔ ตลอดเวลา คือเป็นปกติตลอดวัน
  • และขอแถมอีกนิดหนึ่งคือ ใจยอมรับนับถือความดีของพระพุทธเจ้า ความดีของพระธรรม ความดีของพระสงฆ์ มีความรู้สึกว่าชีวิตนี้มันต้องตาย ถ้าตายเมื่อไรขอไปนิพพานเมื่อนั้น

ถ้ากำลังใจของบรรดาท่านพุทธบริษัททำได้อย่างนี้ ฌานสมาบัติจะทรงตัว คำว่าเศร้าหมอง ไม่ผ่องใส กำลังใจไม่เสมอกันสว่างบ้างมืดบ้างจะไม่มี จะมีแต่คำว่าผ่องใสเรื่อยขึ้นไปตามลำดับ ขึ้นชื่อว่าการเกิดในอบายภูมิต่อไปไม่มีแน่ จะเป็นการเกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉานเหล่านี้ ไม่มีต่อไปอีก มีอย่างเดียวคือมุ่งหน้าไปนิพพาน"


หลวงพ่อบอกว่า ถ้าทรงอารมณ์ได้อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ถือว่าเข้าถึง"เปลือก"ของพระพุทธศาสนาเท่านั้น

คำสอนนี้มีกล่าวไว้ในบทแรกๆ ของหนังสือกรรมฐาน ๔๐ ด้วย ถือเป็นกฏการปฏิบัติพระกรรมฐานที่มีความสำคัญ ผมอ่านคำสอนนี้จนขึ้นใจ ปฏิบัติได้บ้าง ไม่ได้บ้าง

หลวงพ่อบอกว่า ให้ค่อยๆ ชนะไป ทำทีละนิดละหน่อย เหมือนชาวนาไถนาทั้งไร่ไม่ได้ทำวันเดียวจนเสร็จ เป็นกำลังใจและช่วยชี้แนะผมด้วยครับ :)


หากข้าพเจ้าได้ล่วงเกินองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ ครูบาอาจาร์ย มีหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง เป็นที่สุด อีกทั้งผู้มีพระคุณ และพี่น้องทุกท่าน ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ด้วยเจตนา ไม่มีเจตนา หรือด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ตาม ขอท่านทั้งหลายได้โปรดอดโทษให้แก่ข้าพเจ้าด้วย ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน


ที่สำคัญที่สุด ขอขมาความผิดต่อพี่ชายในความทรงจำไว้ตรงนี้ด้วย ในฐานะที่ทำผิดไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ครับ.




Create Date : 01 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2555 10:50:49 น. 0 comments
Counter : 1128 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ZenSoki
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2555
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
1 พฤศจิกายน 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ZenSoki's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.