Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
BOOKS
How to be an Au Pair
บินไปหาลุงแซม
Orientation
Diary ณ บ้านโฮส Leesburg
บ้านโฮส ณ Alexandria
เรื่องชวนหัวของออแพร์
Live in Caregiver [Canada]
<<
กันยายน 2555
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
12 กันยายน 2555
เดินทางจาก Thailand สู่ Canada (ตอนที่ 3)
All Blogs
ไดอารี่สุดท้ายของพี่เลี้ยงเด็ก
หนึ่งปีในแคนาดากับชีวิตแนนนี่
จู่ๆ Nanny ก็กลายเป็น Armed Forces ซะงั้น
แนนนี่กับวันคริสมาสที่แคนาดาปีแรก
แนนนี่หัวดำกับเด็กผมทอง และครอบครัวสุขสันต์ (?)
ทำบัตร SIN และเปิดบัญชีธนาคารที่แคนาดา
ทำงานอาทิตย์แรก งานก็เข้าซะแระ
เดินทางจาก Thailand สู่ Canada (ตอนที่ 3)
เดินทางจาก Thailand สู่ Canada (ตอนที่ 2)
เดินทางจาก Thailand สู่ Canada (ตอนที่ 1)
แจ้งการเดินทางไปทำงานต่างประเทศที่กระทรวงแรงงาน
วันฟังผลวีซ่าแคนาดา
ได้เวลาทำวีซ่าแคนาดา (ซะที!)
~ถ้าเธอไม่ทิ้ง...ฉันคงไม่เจอ~ (ได้โฮสใหม่แล้ว ย้าฮู้วว!)
ว้าย กรี๊ด! โดนบอกเลิกจ้างทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มงาน!
สัมภาษณ์กับโฮสแคนาดา
FBI Record
สมัครกับ agency ไม่ได้ easy อย่างที่คิด
จาก Au Pair สู่ Caregiver
เดินทางจาก Thailand สู่ Canada (ตอนที่ 3)
พอเครื่องออกจากอินเดีย ก็ใช้เวลาเดินทางประมาณแปดชั่วโมง แล้วมาแวะเปลี่ยนเครื่องที่ Brussels ประเทศเบลเยี่ยม
ตอนอยู่บนเครื่องบินก็ไม่ได้ทำอะไรมาก แค่กินกับนอนเท่านั้น ...คือมันก็มีอะไรให้ทำแค่นั้นแหละ จะให้ออกไปโยนโบว์ลิ่งบนปีกเครื่องบินมันก็ใช่ที่
แต่รู้สึกตัวเองโชคดีที่ได้พักผ่อนเต็มอิ่มในโรงแรมที่สนามบินอินเดียมาเรียบร้อยแล้ว ก็เลยไม่ค่อยมีปัญหาว่าหลับๆ ตื่นๆ แถมยังหลับสนิทแบบทอเต็มผืนหลับเต็มตื่นอีกต่างหาก
ท่านอนก็ง่ายๆ คือกระเถิบก้นลงมาหน่อย แล้วก็นอนเกือบๆจะตะแคง ใช้หมอนที่สายการบินให้มารองไว้ตรงเอว (ที่เป็นช่วงต่อของเบาะกับพนักพิง) ยกขาขึ้นมางอเข้าหาตัว คล้ายท่านอนคุดคู้อยู่บนที่นั่ง แล้วเอาหมอนรองคอที่พกมาด้วยใช้เป็นต่างหมอนอีกที ห่มผ้าห่ม อาร์..หลับสบายจัง
ดีนะที่เป็นคนตัวเล็ก ก็เลยสามารถเล่นท่ายาก(?)ได้แบบสบายๆ 555+ นี่ถ้าช่วงขาไม่สั้นทำไม่ได้นะเนี่ย
...นี่มันกำลังหาข้อดีเพื่อกลบข้อด้อยในความเตี้ยของตัวเองสินะ (-''-)
ส่วนอาหารบนเครื่องก็ยังไม่พ้นอาหารอินเดีย และมีให้เลือกแค่ไก่กับผัก ด้วยความที่ไม่ชอบกินแต่ผัก ก็กินเลยได้กินไก่ไปตลอดการเดินทาง ( ̄~ ̄;)
ครั้งนี้มาต่อไม่นาน ประมาณสองชั่วโมงกว่าๆ และเครื่องที่จะต่อก็เป็นของ Jet Airways ซึ่ง Flight no. เดิม
ขั้นตอนการต่อเครื่องที่นี่ก็ไม่ได้ยุ่งยากเท่าที่อินเดีย ไปผ่านด่านตรวจแค่หนึ่งด่านแล้วเดินไปหาเกตต่อได้เลย
แล้วอิตอนนั่งรอที่เกตต่อเนี่ย อิชั้นรู้สึกว่าบรรดาผู้โดยสารที่นั่งรอในเกตเดียวกันจะคุ้นหน้าคุ้นตาเหลือเกิน
เอ๊ะ! นี่เป็นหมู่คนที่ขึ้นไฟลท์เดียวกันเมื่อกี้นี่หว่า ∑( ̄皿 ̄;;
ล..แล้วตรูจะได้นั่งใกล้กับอิตาอินเดียที่มาแย่งที่นั่งอีกไหมเนี่ย?
พอถึงเวลาขึ้นเครื่องปุ๊บ...
นั่นไง...ตรูนึกแล้ว อีตาอินเดียคนเดิมจริงๆด้วย (((( ̄□ ̄;ノ)ノ อย่ามาปล่อยกินเต่าแถวนี้เชียวนะเฟ้ย!
คงบ่มเพาะมาหลายชั่วโมงแล้วสิท่า
แต่ดีหน่อยที่ไม่ค่อยได้กลิ่นอะไรเท่าไร แบบว่ากลิ่นไม่แรงระดับเวิลด์คลาสเหมือนไฟลท์แรกที่เจอก็บุญแล้วอ่ะนะ
พอใกล้ถึงแคนาดาทางแอร์กับสจ๊วตก็เอาใบขาเข้า (เค้าเรียกงี้หรือเปล่าฟ่ะ) มาให้กรอก เป็นใบยาวๆ คล้ายๆ กับตอนไปเมกาเลย
และแล้วอิกะเหรี่ยงก็มาถึงสนามบิน YYZ ใน Toronto โดยสวัสดิภาพตอนประมาณเที่ยงวันกว่าๆ ใช้เวลาบินจาก Brussels ถึง Toronto อีกประมาณแปดชั่วโมง
ตามระเบียบการของคนที่เดินทางเข้าประเทศก็ต้องผ่านด่านตม.ก่อน ซึ่งจะถูกแบ่งเป็นโซนสำหรับ Citizen และ Visitor
อะฮั้นชำเลืองมองโซน Citizen เห็นว่าแถวคนไม่เยอะในโซน Visitor แต่เจ้าหน้าที่ตม.ในโซน Citizen ดันมีเยอะกว่าฝั่ง Visitor นี่ดิ
...
ฝั่ง Citizen มีเจ้าหน้าที่ตรวจ 3 คน ส่วนฝั่ง Visitor มีคนเดียว และมีเจ้าหน้าที่อีกหนึ่งคนสำหรับตรวจ Visitor ที่มีไฟลท์ต่อ
เมื่อสัดส่วนของเจ้าหน้าที่และคนที่รอตรวจไม่สัมพันธ์กัน ฉะนั้นเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ แถวของ Visitor ก็ยาวเฟื้อยจนล้นเขตที่กั้น ในขณะที่ฝั่ง Citizen เหลือนคนรอตรวจน้อยกว่าครึ่งต่อครึ่ง
คือแบบ...เฮ้ย พวกคุณเมิงช่วยเงยหน้ามาดูหน่อยดิว่าฝั่งที่ตรูยืนอยู่เนี่ย แถวมันไม่เคลื่อนมานานแล้วนะเฟ้ย ยืนอยู่ที่เดิมจนจะตั้งวงกินหมูกะทะรอกันแล้วเนี่ย
เวลานั้นอิชั้นก็เริ่มง่วง คนรอบๆข้างก็มีสีหน้าไม่ต่างกัน คือเบื่อ เหนื่อย เมื่อย หิว เด็กๆก็งอแง ปกติถ้าได้ยินเสียงเด็กร้องจะเฉยๆ แต่เวลานั้นมันไม่ไหวจริงๆ ทางนี้ร้องเสร็จ ทางโน้นร้องต่อ ทางนั้นได้ยินทางนี้ร้องก็ร้องบ้าง ได้จังหวะจะโคนกันดีมาก ตั้งวงออเครสต้าเลยไหมหนู (*+_+)
รอนานมากกกก กว่าทางเจ้าหน้าที่จะหันมาเหลียวแล ในที่สุดก็เฉลี่ยผู้คนจากฝั่ง Visitor ไปให้เจ้าหน้าที่ฝั่ง Citizen ซะที
พอเข้าช่องตรวจของตม.เขาก็ถามมาว่าทำอะไร ก็ตอบไปว่ามาทำงานเค๊อะ แล้วเค้าก็เขียนวงกลมใหญ่ๆ ในใบขาเข้า ในใจก็คิดว่า...ตรูโดนสุ่มตรวจอาหารอีกแล้วเรอะ แต่หาได้แคร์ไม่เพราะไม่ได้พกอะไรที่กินได้มาเลย เพราะของใช้ที่เอาใส่ในกระเป๋าเต็มแล้ว ไม่สามารถยัดอะไรเข้าไปได้อีก ก็เลยมาวัดดวงเอาที่แคนาดานี่แหละ หวังว่ามันจะมีอาหารไทย (อย่างน้อยได้มาม่าก็ยังดี) ขายล่ะนะ
ฉะนั้นจะสุ่มตรวจอะไรก็ตรวจไป ตามบาย ┐('~`)┌
และตามคาด พอเดินจะออกจากส่วนตม. เจ้าหน้าที่ดูใบยาวๆ นั่น พอเห็นว่าโดนวงก็ชี้ไปอีกทาง ซึ่งคนก่อนหน้าได้เดินออกอีกฝั่งที่เป็นทางเดินไปรับกระเป๋าเลย
อิชั้นก็เดินไปตามทางที่เขาบอก พบว่าเป็นห้องที่กั้นช่องสำหรับเข้าคิว (แต่ตอนนั้นไม่มีคนยืนเข้าคิว) แล้วก็มีเคาเตอร์คล้ายช่องตรวจตม. หลายๆ ช่อง พอเดินเข้าไปเจ้าหน้าที่ก็เรียกให้ไปที่หน้าเคาเตอร์
เค้าก็ขอพาสปอร์ต ขอดูใบสัญญาจ้างงาน สอบถามอะไรอีกเล็กน้อย เมื่อนั้นอิกะเหรี่ยงก็ตาสว่าง ว่าที่นี่ไม่ใช่จะมาตรวจสอบอาหารหรืออะไร แต่เหมือนเป็นที่สำหรับคนที่เข้ามาแคนาดาในวีซ่าทำงาน ซึ่งเค้าจะให้ใบอะไรสักอย่างมาอีกใบ เย็บติดกับพาสปอร์ตให้เลย เป็นการยืนยันว่าเรามาทำงานถูกต้อง อะไรเทือกนี้ (..มั้ง อิชั้นมั่วคิดเอง
)
พอเสร็จพิธีรีตรองก็บ๊ายบายเจ้าหน้าที่ เดินออกไปรับกระเป๋าได้
ไปถึงสายพานที่กระเป๋าจะออก ก็เห็นกระเป๋าหลายใบนอนระเนระนาดอยู่อยู่บนสายพาน และเห็นกระเป๋าของตัวเองสภาพคล้ายเสียชีวิตมาแล้วหลายชั่วโมง ฮา.. คือมันไม่บริ๊งบรั๊งเหมือนตอนแรกๆ สภาพโทรมมาก เปียกชื้ันด้วยอะไรด้วย
อิกะเหรี่ยงก็ต้องไปหยอดเหรียญเพื่อเอารถเข็นมาเข็นกระเป๋าสองใบใหญ่ๆ ด้วยความอึด&ถึก จึงสามารถลำเลียงกระเป๋าใส่รถเข็นได้อย่างสวยงาม 55+
เสร็จจากนั้นก็เดินออกมาด้านนอก มีคนมายืนรอญาติมิตรเพียบเลย อิกะเหรี่ยงก็มองหาโฮส เดาว่าโฮสจะถือป้ายชื่อตรูไหม ถ้าไม่ถือป้ายชื่อก็ซวยละ...เพราะจำหน้าโฮสไม่ค่อยได้อ่ะ orz|||
ปรากฏว่าโฮสแม่ถือป้ายชื่อหนูว์จริงๆด้วย ヽ(*^▽^*)ノ ปราดสายตามองแวบเดียวก็เห็นโฮสแม่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล เดินเข้าไปกอดทักทายพอเป็นพิธี
โฮสแม่ก็บอกว่า ชั้นรอเธอนานมาก นานจนจะไปแจ้งความคนหายแล้วเนี่ย อะฮั้นก็เล่าๆไปว่ารอแถวตม.นานมากกกกกกก
ระหว่างนั้นโฮสแม่ก็โทรหาโฮสพ่อว่าเจออิกะเหรี่ยงแล้วนะ มารับได้เลย เพราะตอนนั้นโฮสพ่อเหมือนจะพาเด็กๆขับรถไปหาไรกิน
โฮสแม่พาออกไปยืนรอโฮสพ่อนอกสนามบิน รู้สึกว่าฝนเพิ่งหยุดตก สักพักโฮสพ่อก็ขับรถมาจอดเทียบ ก็เซย์ไฮกับโฮสพ่อแล้วก็ช่วยกันเอากระเป๋าขึ้นรถ ...อันที่จริงจะใช้คำว่า 'ช่วยกัน' ก็ไม่ถูก เพราะโฮสพ่ออาสายกกระเป๋าทุกใบใส่หลังรถคนเดียว ส่วนอิกะเหรี่ยงยืนเอาใจช่วยอยู่ห่างๆ เท่านั้นเอง (= =)a
พอเข้าไปในรถก็ทักทายกับเด็กๆ ทั้งสามคน (คนโตเป็นผู้ชายอายุแปดขวบ คนกลางเป็นผู้หญิงอายุหกขวบ คนสุดท้องเป็นผู้ชายอายุสี่ขวบ) แล้วก็พูดคุยกันไปตลอดทางจนถึงบ้าน ส่วนใหญ่โฮสก็จะถามเรื่องการว่าเดินทางเป็นไงมั่ง บลาๆๆ
สรุปแล้วรู้สึกอบอุ่นกับครอบครัวนี้ตั้งแต่เริ่มต้นเลย รู้สึกว่าเค้าดีกับเราจัง หวังว่าเค้าจะดีอย่างนี้กับเราต่อไปเรื่อยๆ (*´▽`*)
อาร์...เล่าจบเรื่องการเดินทางมาแคนาดาเสียที อาจจะรวบรัดไปหน่อยนะคะเพราะผ่านมาประมาณหนึ่งเดือนแล้ว วันนี้ก็ครบหนึ่งเดือนที่ใช้ชีวิตในแคนาดาพอดี
ครั้งหน้าก็จะเป็นการเล่าประสบการณ์ในการเป็นพี่เลี้ยงเด็กกับโฮสที่แคนาดากันแล้วนะคะ อย่าลืมติดตามกันน้าา อิๆ
Create Date : 12 กันยายน 2555
4 comments
Last Update : 12 กันยายน 2555 8:10:52 น.
Counter : 2668 Pageviews.
Share
Tweet
เล่าเรื่องได้สนุกมากค่ะ อยากเล่าได้เก่งอย่างนี้บ้างจัง รอติดตามตอนต่อไปอยู่นะคะ
โดย: นุ้ยหนุ่ย (
cleaver
) 12 กันยายน 2555 15:05:08 น.
วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายนนี้ ถ้าว่างไปทำบุญที่วัดไทยริชมอนด์ฮิลซิคะ คนไทยไปกันเยอะจะได้ไปกราบหลวงพ่อด้วยคะ
โดย: คนข้างบ้าน IP: 216.145.98.26 12 กันยายน 2555 22:52:02 น.
เดี๋ยวมาอ่านต่อค่ะ น่าสนุกดี
โดย:
Jujastar
13 กันยายน 2555 22:25:06 น.
สนุกดีครับ
โดย:
Borkum_Monet
19 กันยายน 2555 5:50:37 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
แมวดำข้างหน้าต่าง
Location :
Canada
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [
?
]
Que sera sera
Whatever will be will be
The future's not ours to see
Que sera sera
What will be, will be.
Friends' blogs
ลวิตร์
Froggie
jackfruit_k
lozocat
Webmaster - BlogGang
[Add แมวดำข้างหน้าต่าง's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.