Group Blog
 
<<
กันยายน 2555
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
12 กันยายน 2555
 
All Blogs
 

เดินทางจาก Thailand สู่ Canada (ตอนที่ 3)

พอเครื่องออกจากอินเดีย ก็ใช้เวลาเดินทางประมาณแปดชั่วโมง แล้วมาแวะเปลี่ยนเครื่องที่ Brussels ประเทศเบลเยี่ยม

ตอนอยู่บนเครื่องบินก็ไม่ได้ทำอะไรมาก แค่กินกับนอนเท่านั้น ...คือมันก็มีอะไรให้ทำแค่นั้นแหละ จะให้ออกไปโยนโบว์ลิ่งบนปีกเครื่องบินมันก็ใช่ที่ Smiley

แต่รู้สึกตัวเองโชคดีที่ได้พักผ่อนเต็มอิ่มในโรงแรมที่สนามบินอินเดียมาเรียบร้อยแล้ว ก็เลยไม่ค่อยมีปัญหาว่าหลับๆ ตื่นๆ แถมยังหลับสนิทแบบทอเต็มผืนหลับเต็มตื่นอีกต่างหาก Smiley

ท่านอนก็ง่ายๆ คือกระเถิบก้นลงมาหน่อย แล้วก็นอนเกือบๆจะตะแคง ใช้หมอนที่สายการบินให้มารองไว้ตรงเอว (ที่เป็นช่วงต่อของเบาะกับพนักพิง) ยกขาขึ้นมางอเข้าหาตัว คล้ายท่านอนคุดคู้อยู่บนที่นั่ง แล้วเอาหมอนรองคอที่พกมาด้วยใช้เป็นต่างหมอนอีกที ห่มผ้าห่ม อาร์..หลับสบายจัง Smiley

ดีนะที่เป็นคนตัวเล็ก ก็เลยสามารถเล่นท่ายาก(?)ได้แบบสบายๆ 555+ นี่ถ้าช่วงขาไม่สั้นทำไม่ได้นะเนี่ย Smiley
...นี่มันกำลังหาข้อดีเพื่อกลบข้อด้อยในความเตี้ยของตัวเองสินะ (-''-)

ส่วนอาหารบนเครื่องก็ยังไม่พ้นอาหารอินเดีย และมีให้เลือกแค่ไก่กับผัก ด้วยความที่ไม่ชอบกินแต่ผัก ก็กินเลยได้กินไก่ไปตลอดการเดินทาง ( ̄~ ̄;)

ครั้งนี้มาต่อไม่นาน ประมาณสองชั่วโมงกว่าๆ และเครื่องที่จะต่อก็เป็นของ Jet Airways ซึ่ง Flight no. เดิม

ขั้นตอนการต่อเครื่องที่นี่ก็ไม่ได้ยุ่งยากเท่าที่อินเดีย ไปผ่านด่านตรวจแค่หนึ่งด่านแล้วเดินไปหาเกตต่อได้เลย

แล้วอิตอนนั่งรอที่เกตต่อเนี่ย อิชั้นรู้สึกว่าบรรดาผู้โดยสารที่นั่งรอในเกตเดียวกันจะคุ้นหน้าคุ้นตาเหลือเกิน
เอ๊ะ! นี่เป็นหมู่คนที่ขึ้นไฟลท์เดียวกันเมื่อกี้นี่หว่า ∑( ̄皿 ̄;;

ล..แล้วตรูจะได้นั่งใกล้กับอิตาอินเดียที่มาแย่งที่นั่งอีกไหมเนี่ย?

พอถึงเวลาขึ้นเครื่องปุ๊บ...

นั่นไง...ตรูนึกแล้ว อีตาอินเดียคนเดิมจริงๆด้วย (((( ̄□ ̄;ノ)ノ อย่ามาปล่อยกินเต่าแถวนี้เชียวนะเฟ้ย!
คงบ่มเพาะมาหลายชั่วโมงแล้วสิท่า Smiley

แต่ดีหน่อยที่ไม่ค่อยได้กลิ่นอะไรเท่าไร แบบว่ากลิ่นไม่แรงระดับเวิลด์คลาสเหมือนไฟลท์แรกที่เจอก็บุญแล้วอ่ะนะ Smiley

พอใกล้ถึงแคนาดาทางแอร์กับสจ๊วตก็เอาใบขาเข้า (เค้าเรียกงี้หรือเปล่าฟ่ะ) มาให้กรอก เป็นใบยาวๆ คล้ายๆ กับตอนไปเมกาเลย

และแล้วอิกะเหรี่ยงก็มาถึงสนามบิน YYZ ใน Toronto โดยสวัสดิภาพตอนประมาณเที่ยงวันกว่าๆ ใช้เวลาบินจาก Brussels ถึง Toronto อีกประมาณแปดชั่วโมง

ตามระเบียบการของคนที่เดินทางเข้าประเทศก็ต้องผ่านด่านตม.ก่อน ซึ่งจะถูกแบ่งเป็นโซนสำหรับ Citizen และ Visitor

อะฮั้นชำเลืองมองโซน Citizen เห็นว่าแถวคนไม่เยอะในโซน Visitor แต่เจ้าหน้าที่ตม.ในโซน Citizen ดันมีเยอะกว่าฝั่ง Visitor นี่ดิ Smiley...

ฝั่ง Citizen มีเจ้าหน้าที่ตรวจ 3 คน ส่วนฝั่ง Visitor มีคนเดียว และมีเจ้าหน้าที่อีกหนึ่งคนสำหรับตรวจ Visitor ที่มีไฟลท์ต่อ

เมื่อสัดส่วนของเจ้าหน้าที่และคนที่รอตรวจไม่สัมพันธ์กัน ฉะนั้นเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ แถวของ Visitor ก็ยาวเฟื้อยจนล้นเขตที่กั้น ในขณะที่ฝั่ง Citizen เหลือนคนรอตรวจน้อยกว่าครึ่งต่อครึ่ง

คือแบบ...เฮ้ย พวกคุณเมิงช่วยเงยหน้ามาดูหน่อยดิว่าฝั่งที่ตรูยืนอยู่เนี่ย แถวมันไม่เคลื่อนมานานแล้วนะเฟ้ย ยืนอยู่ที่เดิมจนจะตั้งวงกินหมูกะทะรอกันแล้วเนี่ย

เวลานั้นอิชั้นก็เริ่มง่วง คนรอบๆข้างก็มีสีหน้าไม่ต่างกัน คือเบื่อ เหนื่อย เมื่อย หิว เด็กๆก็งอแง ปกติถ้าได้ยินเสียงเด็กร้องจะเฉยๆ แต่เวลานั้นมันไม่ไหวจริงๆ ทางนี้ร้องเสร็จ ทางโน้นร้องต่อ ทางนั้นได้ยินทางนี้ร้องก็ร้องบ้าง ได้จังหวะจะโคนกันดีมาก ตั้งวงออเครสต้าเลยไหมหนู (*+_+)

รอนานมากกกก กว่าทางเจ้าหน้าที่จะหันมาเหลียวแล ในที่สุดก็เฉลี่ยผู้คนจากฝั่ง Visitor ไปให้เจ้าหน้าที่ฝั่ง Citizen ซะที

พอเข้าช่องตรวจของตม.เขาก็ถามมาว่าทำอะไร ก็ตอบไปว่ามาทำงานเค๊อะ แล้วเค้าก็เขียนวงกลมใหญ่ๆ ในใบขาเข้า ในใจก็คิดว่า...ตรูโดนสุ่มตรวจอาหารอีกแล้วเรอะ แต่หาได้แคร์ไม่เพราะไม่ได้พกอะไรที่กินได้มาเลย เพราะของใช้ที่เอาใส่ในกระเป๋าเต็มแล้ว ไม่สามารถยัดอะไรเข้าไปได้อีก ก็เลยมาวัดดวงเอาที่แคนาดานี่แหละ หวังว่ามันจะมีอาหารไทย (อย่างน้อยได้มาม่าก็ยังดี) ขายล่ะนะ

ฉะนั้นจะสุ่มตรวจอะไรก็ตรวจไป ตามบาย ┐('~`)┌

และตามคาด พอเดินจะออกจากส่วนตม. เจ้าหน้าที่ดูใบยาวๆ นั่น พอเห็นว่าโดนวงก็ชี้ไปอีกทาง ซึ่งคนก่อนหน้าได้เดินออกอีกฝั่งที่เป็นทางเดินไปรับกระเป๋าเลย

อิชั้นก็เดินไปตามทางที่เขาบอก พบว่าเป็นห้องที่กั้นช่องสำหรับเข้าคิว (แต่ตอนนั้นไม่มีคนยืนเข้าคิว) แล้วก็มีเคาเตอร์คล้ายช่องตรวจตม. หลายๆ ช่อง พอเดินเข้าไปเจ้าหน้าที่ก็เรียกให้ไปที่หน้าเคาเตอร์

เค้าก็ขอพาสปอร์ต ขอดูใบสัญญาจ้างงาน สอบถามอะไรอีกเล็กน้อย เมื่อนั้นอิกะเหรี่ยงก็ตาสว่าง ว่าที่นี่ไม่ใช่จะมาตรวจสอบอาหารหรืออะไร แต่เหมือนเป็นที่สำหรับคนที่เข้ามาแคนาดาในวีซ่าทำงาน ซึ่งเค้าจะให้ใบอะไรสักอย่างมาอีกใบ เย็บติดกับพาสปอร์ตให้เลย เป็นการยืนยันว่าเรามาทำงานถูกต้อง อะไรเทือกนี้ (..มั้ง อิชั้นมั่วคิดเอง Smiley)

พอเสร็จพิธีรีตรองก็บ๊ายบายเจ้าหน้าที่ เดินออกไปรับกระเป๋าได้

ไปถึงสายพานที่กระเป๋าจะออก ก็เห็นกระเป๋าหลายใบนอนระเนระนาดอยู่อยู่บนสายพาน และเห็นกระเป๋าของตัวเองสภาพคล้ายเสียชีวิตมาแล้วหลายชั่วโมง ฮา.. คือมันไม่บริ๊งบรั๊งเหมือนตอนแรกๆ สภาพโทรมมาก เปียกชื้ันด้วยอะไรด้วย Smiley

อิกะเหรี่ยงก็ต้องไปหยอดเหรียญเพื่อเอารถเข็นมาเข็นกระเป๋าสองใบใหญ่ๆ ด้วยความอึด&ถึก จึงสามารถลำเลียงกระเป๋าใส่รถเข็นได้อย่างสวยงาม 55+

เสร็จจากนั้นก็เดินออกมาด้านนอก มีคนมายืนรอญาติมิตรเพียบเลย อิกะเหรี่ยงก็มองหาโฮส เดาว่าโฮสจะถือป้ายชื่อตรูไหม ถ้าไม่ถือป้ายชื่อก็ซวยละ...เพราะจำหน้าโฮสไม่ค่อยได้อ่ะ orz|||

ปรากฏว่าโฮสแม่ถือป้ายชื่อหนูว์จริงๆด้วย ヽ(*^▽^*)ノ ปราดสายตามองแวบเดียวก็เห็นโฮสแม่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล เดินเข้าไปกอดทักทายพอเป็นพิธี

โฮสแม่ก็บอกว่า ชั้นรอเธอนานมาก นานจนจะไปแจ้งความคนหายแล้วเนี่ย อะฮั้นก็เล่าๆไปว่ารอแถวตม.นานมากกกกกกก

ระหว่างนั้นโฮสแม่ก็โทรหาโฮสพ่อว่าเจออิกะเหรี่ยงแล้วนะ มารับได้เลย เพราะตอนนั้นโฮสพ่อเหมือนจะพาเด็กๆขับรถไปหาไรกิน

โฮสแม่พาออกไปยืนรอโฮสพ่อนอกสนามบิน รู้สึกว่าฝนเพิ่งหยุดตก สักพักโฮสพ่อก็ขับรถมาจอดเทียบ ก็เซย์ไฮกับโฮสพ่อแล้วก็ช่วยกันเอากระเป๋าขึ้นรถ ...อันที่จริงจะใช้คำว่า 'ช่วยกัน' ก็ไม่ถูก เพราะโฮสพ่ออาสายกกระเป๋าทุกใบใส่หลังรถคนเดียว ส่วนอิกะเหรี่ยงยืนเอาใจช่วยอยู่ห่างๆ เท่านั้นเอง (= =)a

พอเข้าไปในรถก็ทักทายกับเด็กๆ ทั้งสามคน (คนโตเป็นผู้ชายอายุแปดขวบ คนกลางเป็นผู้หญิงอายุหกขวบ คนสุดท้องเป็นผู้ชายอายุสี่ขวบ) แล้วก็พูดคุยกันไปตลอดทางจนถึงบ้าน ส่วนใหญ่โฮสก็จะถามเรื่องการว่าเดินทางเป็นไงมั่ง บลาๆๆ

สรุปแล้วรู้สึกอบอุ่นกับครอบครัวนี้ตั้งแต่เริ่มต้นเลย รู้สึกว่าเค้าดีกับเราจัง หวังว่าเค้าจะดีอย่างนี้กับเราต่อไปเรื่อยๆ (*´▽`*)


อาร์...เล่าจบเรื่องการเดินทางมาแคนาดาเสียที อาจจะรวบรัดไปหน่อยนะคะเพราะผ่านมาประมาณหนึ่งเดือนแล้ว วันนี้ก็ครบหนึ่งเดือนที่ใช้ชีวิตในแคนาดาพอดี Smiley

ครั้งหน้าก็จะเป็นการเล่าประสบการณ์ในการเป็นพี่เลี้ยงเด็กกับโฮสที่แคนาดากันแล้วนะคะ อย่าลืมติดตามกันน้าา อิๆ




 

Create Date : 12 กันยายน 2555
4 comments
Last Update : 12 กันยายน 2555 8:10:52 น.
Counter : 2668 Pageviews.

 

เล่าเรื่องได้สนุกมากค่ะ อยากเล่าได้เก่งอย่างนี้บ้างจัง รอติดตามตอนต่อไปอยู่นะคะ

 

โดย: นุ้ยหนุ่ย (cleaver ) 12 กันยายน 2555 15:05:08 น.  

 

วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายนนี้ ถ้าว่างไปทำบุญที่วัดไทยริชมอนด์ฮิลซิคะ คนไทยไปกันเยอะจะได้ไปกราบหลวงพ่อด้วยคะ

 

โดย: คนข้างบ้าน IP: 216.145.98.26 12 กันยายน 2555 22:52:02 น.  

 

เดี๋ยวมาอ่านต่อค่ะ น่าสนุกดี

 

โดย: Jujastar 13 กันยายน 2555 22:25:06 น.  

 

สนุกดีครับ




 

โดย: Borkum_Monet 19 กันยายน 2555 5:50:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


แมวดำข้างหน้าต่าง
Location :
Canada

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




Que sera sera
Whatever will be will be
The future's not ours to see
Que sera sera
What will be, will be.
Friends' blogs
[Add แมวดำข้างหน้าต่าง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.