Global Warming ปัญหาที่ทุกคนต้องใส่ใจ
เมื่อโลกอุ่น จนกลายเป็นร้อน เพราะมนุษย์ ไม่สามารถรักษาสภาะสมดุลของธรรมชาติเอาไว้ได้ ปัญหาหลายๆ ก็เกิดขึ้นตามมาเป็นเงาตามตัว

ต้นเหตุเกิดจากมนุษย์ ที่ทำลายธรรมชาติด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ พัฒนาเทคโนโลยี ประดิษฐ์คิดค้นสิ่งต่างๆ ขึ้นมา เพื่อสนองความสบายให้กับตัวเอง เพราะฉะนั้น "โลกร้อน" จึงเป็นปัญหาของคนทั้งโลก ที่ต้องช่วยกันแก้ไข เนื่องจากมนุษย์ร่วมกันสร้างปัญหานี้ขึ้นมา

อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นแค่เพียง 0.5 องศาเซลเซียส ก็มีผลกระทบกับสมดุลธรรมชาติอย่างมากมาย ระบบนิเวศน์เกิดการเปลี่ยนแปลง พืชจะขึ้นที่ทวีปน้ำแข็ง เชื้อโรคกลายพันธุ์ อีกทั้งยังมีสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นมาอีกมากมายพร้อมกับน้ำแข็งที่ละลายออกมา และยังมีปัญหาอีกมายมายที่สืบเนื่องมาจากอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น

ภาวะโลกร้อน ไม่ใช่ปัญหาของใครคนใดคนหนึ่งอีกต่อไป แต่ทุกคนต้องช่วยกันแก้ไขตั้งแต่วันนี้ ด้วยการไม่ทำให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้นไปกว่านี้

ทวีปแอนตาร์กติกอันหนาวเย็นจนน้ำเป็นน้ำแข็งทั้งปี อาจจะกลาย เป็นเรือกสวนไร่นาไปภายในศตวรรษนี้ได้ เนื่องจากอุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้น

จากรายงาน ปริมาณของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ทวีปแอนตาร์กติก บริเวณขั้วโลกใต้ พบว่า ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ได้เพิ่มทวีขึ้น และจะเพิ่มมากขึ้นถึงระดับ 2 เท่าตัว ภายในระยะเวลา 100 ปีข้างหน้านี้ เป็นเหตุให้ทวีปที่เป็นน้ำแข็งนี้ จะกลับไปมีสภาพเหมือนกับเมื่อ 40 ล้านปีที่แล้วอีกครั้งหนึ่ง

"อากาศจะอุ่นขึ้น และจะมีต้นไม้ พุ่มไม้โผล่ขึ้นตรงนั้นตรงนี้ ในทวีที่เป็นน้ำแข็ง"

ศาสตราจารย์โรเบิร์ต ดันบาร์ แห่งมหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ด ของสหรัฐฯ กล่าวในที่ประชุมในเมืองโฮบาร์ต เมืองหลวงของทัสมาเนียว่า ผู้เชี่ยวชาญดินฟ้าอากาศได้ทำนายว่า ปริมาณของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ภายในปี พ.ศ.2643 แต่ตามที่เป็นจริงแล้ว มันดูจะเกิดขึ้นเร็วกว่านั้นมาก

นักวิทยาศาสตร์ต่างพากันโทษสาเหตุที่ทำให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้น เนื่องจากการเผาผลาญเชื้อเพลิงที่เป็นซากอินทรีย์โบราณ เช่นพวกถ่านหินและน้ำมัน

ในความเป็นจริง ไม่ใช่แค่การเผาผลาญถ่านหิน และน้ำมันเท่านั้นที่เป็นสาเหตุให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น แต่ทุกขั้นตอนในการดำเนินชีวิตของคนเราเลยต่างหาก ที่ทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น เพราะฉะนั้นเราทุกคนจึงช่วยโลกได้

เริ่มตั้งแต่ การบริโภคเนื้อสัตว์ให้น้อยลง เพราะการบริโภคเนื้อสัตว์จะทำให้เกิดก๊าซในกระเพาะมาก ต้องใช้พลังงานในการย่อยสลายเนื้อสัตว์สูง ทำให้มีการปล่อยพลังงานความร้อนออกมาจากร่างกายของคนมาก ในขณะที่การบริโภคผักใช้พลังงานเพื่อย่อยสลายน้อยกว่ามาก จึงไม่เกิดการปล่อยพลังงานความร้อนออกมาจากร่างกายคนมากนัก

ลดการใช้ถุงพลาสติก ลองคิดดูว่า วันๆ หนึ่ง คุณได้ถุงพลาสติกมากี่ใบ แค่เข้า 7-11 ก็ได้ถุงพลาสติกมาแล้ว 1 ใบ ซื้อสินค้าแต่ละร้าน ก็ได้ถุงพลาสติกมาอีก หรือไปจ่ายตลาด ซื้อกับข้าวต่อมื้อ คุณได้ถุงพลาสติกมากี่ใบ พวกนี้ก่อให้เกิดขยะทั้งสิ้น

แต่ละวัน ทั่วโลกมีถุงพลาสติกว่า 1 พันล้านใบได้ถูกแจกจ่ายออกไปราวกับได้เปล่า แต่ลองมาดูกันว่า เราต้องแลกอะไรบ้างกับความสะดวกสบายจากการใช้ถุงพลาสติกในชีวิตประจำวัน

-ถุงพลาสติก 1 ใบ ใช้เวลาย่อยสลาย 450 ปี
-ทุกปีผู้คนจับจ่ายซื้อของทั่วโลกใช้ถุงพลาสติก 10,000 ล้านใบต่อปี ซึ่งจะต้องใช้เวลาย่อยสลาย นานกว่า 1,000 ปี
- ถุงพลาสติก 1.6 ล้านใบ นำไปเรียงเป็นเส้นรอบวงโลกได้ 1 รอบ
- พลังงานที่นำมาผลิตถุงพลาสติก 8.7 ใบ เท่ากับพลังงานที่เป็นน้ำมันให้รถวิ่งได้ 1 กิโลเมตร
- ทุก 1 ตารางไมล์ จะพบถุงพลาสติก 46,000 ใบลอยในมหาสมุทร ซึ่งส่งผลให้แต่ละปีมีนกทะเลตาย 1 ล้านตัว และสัตว์ทะเลอื่นๆจำนวน 100,000 ตัว และปลาอีกนับไม่ถ้วน
- แต่ละปีมีเต่าทะเล และสัตว์น้ำจำนวนมาก ตายจากการกินพลาสติก เพราะคิดว่าเป็นอาหาร เช่น แมงกะพรุน

หันมาใช้ปิ่นโต และถุงผ้า กันดีกว่า ช่วยลดปริมาณขยะในบ้านต่อวันได้ถึง 3-4 เท่า เลยทีเดียว

ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อสินค้าดู ตอนเช้าไปจ่ายตลาดซื้อกับข้าว ก็เอาปิ่นโตไปใส่อาหารแทนถุงพลาสติก จะไปซื้อของก็หิ้วถุงผ้าไปด้วย หรือจะกินข้าวนอกบ้านมาเลย จะได้ไม่ต้องหิ้วถุงพลาสติกใส่อาหารกลับบ้าน ช่วยลดปริมาณขยะในบ้านไปได้อีก

ลดการใช้ไฟฟ้า ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดที่ไม่ใช้งาน เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญ นอกจากจะช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าของคุณแล้ว ยังช่วยลดสภาวะโลกร้อนได้ด้วย เพราะการใช้ไฟฟ้าจะต้องใช้น้ำมันมาช่วยในการปั่นไฟ และยังมีความร้อนจากหลอดไฟที่แผ่ออกมาอีก

ส่วนคนที่ชอบใช้เครื่องปรับอากาศ ต้องอยู่ในที่เย็นตลอดเวลา ก็ลองหันมาใช้พัดลม หรือรับลมธรรมชาติดูบ้าง เพราะความร้อนที่ปล่อยออกมาจากเครื่องปรับอากาศนั้น ทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น และยังทำให้เครื่องปรับอากาศต้องทำงานหนักขึ้นด้วย เพราะเมื่อทุกบ้านติดแอร์ อุณหภูมิความร้อนที่เครื่องปรับอากาศแต่ละบ้านปล่อยออกมา ก็ยิ่งที่ให้อากาศภายนอกร้อน จึงต้องใช้เวลาที่จะทำให้อุณหภูมิภายในห้องเย็นได้ และก็ควรตั้งอุณหภูมิไว้ที่ 25 องศา เพื่อช่วยประหยัดไฟ

พยามยามเดินทางโดยใช้รถโดยสารสาธารณะ เช่น รถประจำทาง รถไฟฟ้า รถไฟ เรือเมล์ แทนการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ไปหลายๆ คนในคันเดียว แบบร่วมด้วยช่วยกัน ก็จะดีมาก

ช่วยกันปลูกต้นไม้ อย่างที่รู้กันว่า ต้นไม้ช่วยลดก๊าชคาร์บอนไดออกไซต์ในอากาศ ยิ่งปลูกต้นไม้มาก ก็จะยิ่งมีอ็อกซิเจนในอากาศมาก และยังช่วยลดมลภาวะเป็นพิษในอากาศได้ด้วย ดังนั้นช่วยกันปลูกป่า ปลูกต้นไม้กันดีกว่า

หยุดวงจรชีวิตที่เต็มไปด้วยการสร้างปัญหาให้กับผู้อื่น หันมาใส่ใจ ช่วยกันตั้งแต่วันนี้ เพื่ออุณหภูมิโลกจะได้ไม่สูงไปกว่านี้ หรืออย่างน้อยก็ให้รู้สึกทรมานน้อยลง เมื่อฤดูร้อนมาถึง

"โลกร้อน" ปัญหาระดับโลกเช่นนี้ เป็นของทุกคน เริ่มใส่ใจดูแลโลกตั้งแต่วันนี้ เพื่อชีวิตของตัวคุณเอง จะได้อาศัยโลกใบนี้อยู่ได้อย่างมีความสุข

//www.myspace.com/beemoon



Create Date : 18 มีนาคม 2551
Last Update : 18 มีนาคม 2551 10:57:09 น.
Counter : 483 Pageviews.

1 comments
  
โดย: CrackyDong วันที่: 18 มีนาคม 2551 เวลา:17:23:59 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

beemoony
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ผู้หญิงคนหนึ่งที่มีจินตนาการ และความสวยงามในจิตใจ
มีนาคม 2551

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
15
16
17
20
21
22
23
24
25
27
29
30
31