เมื่อฉันแอบหลงรัก (คนซื้อและคนขาย) หนังสือ



จบไปแล้วนะคะ 12 วันกับงานสัปดาห์หนังสือ งานที่ละลายทรัพย์ในกระเป๋าสำหรับคนรักหนังสือไปได้มากๆ บางคนหมดไป 155 บาท (อย่างเพื่อนเราเอง) บางคนหมดไปกับของที่ไม่ใช่หนังสือ (อย่างแฟนเพื่อนเราเอง) และบางคนก็หมดไปแต่กับหนังสือๆๆ (อย่างเราเอง)... ไม่ว่าจะหมดเงินไปเพราะอะไร หรือแค่ไปเดินเฉยๆ ไม่ได้ซื้อ แค่นี้เราก็ว่าดีแล้วล่ะค่ะ ไปช่วยกันพิสูจน์ว่า จริงๆแล้วคนไทยไม่ได้อ่านหนังสือเฉลี่ยกันแค่ 7 บรรทัดนะคะ



สำหรับเรา งานหนังสือปีนี้พิเศษกว่าปีอื่นๆตรงที่ เราได้ไปรับจ๊อบขายนิยายไทยอยู่ที่บู๊ทหนึ่งด้วยค่ะ เป็นการหาตังค์มาใช้ งานของเราก็ไม่มีไรมาก ก็แค่ยืนเฝ้าบู๊ท เชียร์ของ แนะนำของ ขายของ เดินไปเดินมาหยิบเรื่องอื่นๆให้ลูกค้า จัดหนังสือ (จริงๆงานหลังนี่เราไม่ต้องทำก็ได้นะ พี่ที่รับเรามาให้เรากลับ 2 ทุ่ม แต่เราอยู่ช่วยต่อจนจบทุกที) นี่คือการหาเงินครั้งที่ 2 ในชีวิต ครั้งแรกเรารับจ๊อบกับพี่ที่มหาลัย จัดดีวีดี อารมณ์ประมาณบรรณารักษ์อ่ะ เรากับเพื่อนก็ทำกันสนุกสนาน ทำไปดูไป ตอนนั้นได้ตังค์มา 750 บาท แค่นี้ก็หรูแล้วนะตอนนั้น มันไม่เหนื่อยมากเลย นั่งๆ สบายๆ แต่พอมางานที่สอง กับอิแค่เงิน 2 พันบาท ที่เมื่อก่อนขอแม่ทีไรแม่ก็ให้มา พอมาพิสูจน์ด้วยตัวเองจริงๆแล้ว

... มันหาได้ไม่ง่ายเลยนะ

วันแรกของการทำงาน เป็นวันเสาร์แรกของงานหนังสือ เรายืนเฝ้าบู๊ทตั้งแต่เช้า หิวน้ำมาก เราก็ไม่รู้จะไปกินน้ำกินข้าวได้ตรงไหน กว่าจะรู้ปาเข้าไป 1 ทุ่ม น้ำ 2 แก้วยังไม่พอกับความต้องการในวันนั้น แล้วพอกลับบ้าน ปวดขามากๆๆๆ เพราะว่ายืนทั้งวัน ยืนอยู่ที่เดิมๆ

บางทีก็เจอลูกค้าน่ารักมากๆ บางทีก็เจอลูกค้าที่ไม่น่ารักเลย (แต่ส่วนน้อยนะ) ลูกค้าบู๊ทนิยายก็เป็นแต่ผู้หญิง ผู้ชายน้อยมาก ยิ่งผู้ชายที่มาเดี่ยวๆนี่หาได้น้อยเข้าไปอีก ไปทำมา 5 วัน คิดว่าเจอลูกค้าอย่างนี้ไม่ถึง 5 ครั้งเลย ส่วนมากคือจะมากับแฟน กับแม่ แม่ดูนิยายไป ตัวลูกชายก็ไปหาหนังสือที่มุมอื่นประมาณนี้ มีลูกค้าอยู่ไม่กี่คนที่เราประทับใจมากๆ คือเราก็จะพยายามทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดอ่ะนะ แต่เราก็ไม่ใช่คนที่อดทนกับอะไรได้ง่ายๆ ถ้าเจอวีนมา เราก็มีวีนกลับ แต่งานนี้ต้องอาศัยความอดทนสูงมาก ซึ้งในงานบริการ และซึ้งใจในลูกค้าบางคน

คู่แรก เป็นผู้ชายสองคนมาซื้อหนังสือด้วยกัน แบกกระเป๋ามาใบใหญ่มาก มาถึงก็บอกว่า "น้อง เอาเล่มที่ออกใหม่ตั้งแต่ตุลาปีที่แล้วมาให้พี่หน่อย เอาหมดเลยนะ" โอ้โห สนุกคนขายสิคะ "เล่มนี้ออกใหม่ค่ะ" "เล่มนี้ก็ใหม่" "เล่มนี้ตั้งแต่ตุลาปีที่แล้ว" เล่มนี้ๆๆๆๆ หยิบไปหยิบมา 10 กว่าเล่ม ยังค่ะ มันยังไม่ครบ 2500 บาท ครบแล้วจะได้กระเป๋า "เอามาอีกน้อง เอาให้ครบ" โหย ชอบมาก ลูกค้าแบบนี้ น่ารัก กำลังซื้อมี ไม่ลังเลในการตัดสินใจ อารมณ์ประมาณเปิดร้านเช่า หาหนังสือไปใส่ร้าน สรุปแล้วได้หนังสือกันไป สองพันหกร้อยกว่าบาท แบกหนังสือไปเอากระเป๋ากันใหญ่

คนที่สอง เป็นผู้หญิงมาเดี่ยวๆ เมื่อวันอาทิตย์ งานก็ใกล้จะปิดแล้วล่ะค่ะ มาถึงก็ถามๆ "เล่มนี้ดีไหมอ่ะ หรือเอาเล่มนี้ดีกว่า" "น้องอ่านยังเล่มนี้" "เล่มนี้สนุกจริงเหรอ พี่เชื่อน้องนะเนี่ย" เชื่อกันไปเชื่อกันมา พันกว่าบาทเลยค่ะ ระหว่างรอหนังสือก็เลยได้คุยกัน พี่เขาชอบอ่านหนังสือมาก แต่ส่วนมากอ่านนิยายแปล แล้วปวดหัวมาก อ่านแล้วเหนื่อย ปีนี้เลยหนีมาหานิยายไทย ก็เลยคุยกันเรื่องนิยายแปลสนุกสนานเลย พี่เขาชอบดูหนังด้วย เรายังเมาท์กันเรื่องนิยายไทยเล่มหนึ่งที่มีที่ท่าว่าจะทำเป็นละครกันอยู่เลย

คนที่สาม ก็เป็นผู้หญิงอีกแล้ว รายนี้เลือกๆกำลังถามนู่นถามนี่ ก็มีโทรศัพท์มา แล้วเขาเลยไปคุยโทรศัพท์ คุยนานมาก กลับมา เขายังจำได้อยู่ว่าถามเราไปเรื่องอะไร สุดยอดมาก แล้วก็คุยกันเรื่องหนังสือชื่อมิติมหัศจรรย์ เขาถามว่าเราเคยอ่านยัง เราก็บอกว่าไม่เคย พี่เขาเลยถามกลับว่า "แต่มันเคยทำเป็นละครใช่ไหม พี่จำได้ตอนพี่เด็กมากๆ" เราก็เลยบอก "ใช่ค่ะ มันเคยทำเป็นละคร เบนซ์เล่น" เขาหันกลับมามองทำหน้าตกใจ "น้องทันด้วยเหรอ ?" เล่นเอาขำเลย ต้องรีบบอกว่าดูมาจากรายการแฟนพันธ์แท้ เลยเห็นภาพละครเรื่องนี้พอดี เขาก็บอก "พี่ก็ว่างั้นแหละ ตอนพี่ยังเด็กมากๆเลย น้องไม่น่าจะทัน" ต้องเห็นหน้าพี่เขาตอนตกใจ ขำมากๆ ตกใจแต่ก็ยังน่ารักหง่ะ

คนที่สี่ รายนี้มากันหญิงชาย เป็นแฟนกันค่ะ พี่ผู้หญิงมาแล้วก็ "น้องมีเรื่องนี้ไหม" แล้วมีลิสต์มาให้ 1 แผ่นเล็กๆ ขยุกขยำเต็มที่ เราก็อ่านๆ แล้วก็หยิบๆให้เขา แต่มันขาดชุดเชลยรักทะเลทรายไป ของหมด (อิชั้นขายจนของหมดได้ เยี่ยม) พี่เขาก็เลยทำท่าว่าจะไม่เอาเล่มที่ 4 เราเลยรีบบอก "เอาไปก่อนก็ได้นะคะ ยังไงสามเล่มนั้นมันก็มาเป็นชุดอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวไรกะเล่มที่ 4 " พี่สองคนมองหน้ากันแล้วขำ พี่ผู้ชายแซวว่า "ทำสาขาไหนเนี่ย พาร์ทไทม์เหรอ ต้องอ่านทุกเล่มเลยเหรอ มิน่าแว่นหนาเตอะเลย" แหม แซวๆๆๆๆ เดี๋ยวโดนแฟนเอาหนังสือทุ่มหรอกพี่ ฮ่าๆ

คนที่ห้า รายนี้เป็นคุณป้า มาแบบ "หนู นิยายของกิ่งฉัตรเล่มไหนสนุกๆบ้าง" เราก็เลยแนะนำชุดสามทหารเสือไป คุณป้าบอกว่า "สนุกแน่นะ ถ้าอ่านไม่สนุก จะมาตีคนขายจริงๆด้วย" ป้าพูดพร้อมกับทำมือตีเผียะๆ น่ารักเชียว ตกลงป้ามาตีจริงๆป่าวไม่รู้ เพราะว่าวันนั้นเราทำงานวันสุดท้ายพอดี แป่ว!!!!

คนที่หก คนสุดท้ายแล้ว รายนี้เป็นหญิงสาว มาคนเดียว เลือกๆ ถามนู้นถามนี้บ้าง พอจ่ายเงิน ก็เลยยืนคุยกัน พี่เขาบอก เขาชอบอ่านหนังสือที่พระเอกหรือนางเอกเป็นคนต่างชาติ ฝรั่งรักไทยอะไรทำนองนี้ เราเลยว่า "แล้วพี่ทำไมไม่เอาสะพานอธิษฐานไปด้วยล่ะคะ อันนี้พระเอกเป็นอเมริกัน นางเอกเป็นไทย พบรักกันที่อิตาลีค่ะ" เขาทำหน้าตกใจแล้วบอก "อ่าว ทำไมน้องไม่บอกพี่ ตายแระ สะพานที่อิตาลีเหรอ พี่ก็นึกว่าสะพานข้ามคลองของไทย เอารวมทันมั้ย เอาเล่มนึง" เราขำก๊ากเลย สะพานข้ามคลองของไทย 555 ข้ามคลองไหนดีละเนี่ย

ทำงานอย่างนี้สนุกดีนะคะ ได้เห็นอะไรมากมาย ใช้เก็บเป็นข้อมูลเราได้เพียบเลย และอย่างที่บอกลูกค้าน่ารักๆก็มี ลูกค้าไม่ดีๆก็มีบ้าง แต่เราก็ต้องอดทน เก็บภาคนางมารร้ายไว้ในกายชั่วคราว เผยภาพนางฟ้าน่ารักออกมาก่อน ทำงานบริการนี่เนาะ รอยยิ้มเท่านั้นที่จะมัดใจได้ (เราเลยยิ้มมันทั้ง 5 วัน ยิ่งกว่านางงามอีก เหงือกแห้งเลย)

เล่าเรื่องแอบรักคนซื้อไปแล้ว แอบชอบคนขายบ้างดีกว่า บู๊ทที่เราอยู่ค่อนข้างจะเป็นบู๊ทใหญ่ มีหนังสือหลายประเภท พนักงานก็ค่อนข้างเยอะ แต่ไปทำงานวันแรกก็ประทับใจพี่อยู่คน ตรงเสป็คเลยค่ะ น่ารัก ตัวสูง นักกีฬา ยิ้มง่าย มีทั้งมุมลึกลับและมุมเข้าถึงยาก 555 + อัธยาศัยดีค่ะ ก็แอบมองมา 5 วัน (จริงๆ 4 เพราะพี่เขาไม่มาทำงานวันนึง) แล้วประทับใจมาก คนนั้นก็ยุ คนนี้ก็ยุ ขอเบอร์ดิ เอาเบอร์ยัดใส่มือเขาดิ จับหนังสือทุบหัวแล้วลากเข้าซอกเลย (เย้ย...ย...ย) ยัดที่อยู่เข้ามือเลยดิ เผื่อเขาจะส่งโทรเลขมา ยุส่งกันไป แต่อิชั้นเป็นหญิงไทยใจไม่กล้าพอ ไม่ใช่วีรสตรี แค่แอบชอบผู้ชายจนมาบอกคนอื่นได้นี่ก็กล้ามากแล้ว แต่ละวิธีที่ว่ามา ไม่กล้าหรอกค่ะ ไม่สามารถเลยค่ะ เมื่อวานเลยแวะไปทักทายพี่ๆที่บู๊ท แล้วก็หวังผลว่าจะได้เจอพี่คนนั้นอีก บอกเพื่อนว่า ขอเบอร์ให้หน่อย บอกแฟนเพื่อนว่า เข้าไปถามให้หน่อยว่าทำสาขาไหน เดินผ่านไปผ่านมาประมาณ 6 รอบได้ แอบมอง แอบมอง แอบมอง

... และก็ได้เพียงแอบมอง

เพื่อนมาบ่นว่า จะขอเบอร์ให้ก็ทำวิ่งหนี ... อ่าวเฮ้ย ขอเบอร์ให้นี่เราต้องอยู่ข้างๆด้วยเหรอ
แฟนมันอุตส่าห์จะยอมให้คนเข้าใจว่าเป็นเกย์ไปขอเบอร์ให้ก็ไม่เอา ... เอา แต่แบบไม่อยู่ข้างๆได้ไหม
พี่เขาอยู่คนเดียวแล้วก็ไม่เข้าไปทัก ... อ่าวเฮ้ย ทำงานบู๊ทเดียวกันแต่คนละโซนนะ เคยคุยกันครั้งเดียวเอง เข้าไปทักแล้วพี่เขาทำหน้าเหรอกลับมาจะว่าไง อีกอย่าง อายพี่คนอื่นด้วยนะ
ไอ้ที่คุยกันอ่ะ ใครชวนคุย --> เขาชวนคุย --> งั้นก็มีลุ้น ... จริงเหรอ มาบอกอะไรเอาป่านนี้ล่ะ ขึ้นรถไฟใต้ดินจะถึงบ้านอยู่แล้ว
แค่ถามว่าทำสาขาไหนก็ได้ ... ก็ให้ไปถามให้หน่อยก็ไม่ได้ ใจร้าย เพื่อนๆหนิ
เอ้า ของอย่างนี้มันต้องกล้าๆ ... นี่ก็กล้าที่สุดเท่าที่เคยกล้าแล้ว
แล้วแกจะทำยังไงต่อไป ... นั่นดิ ทำไงดี

สรุปสุดท้าย ก็เลยได้แค่แอบมอง และอาศัยเพียงปาฏิหาริย์เท่านั้น ที่จะทำให้เรากลับมาเจอพี่เขาอีกครั้งได้ (พี่เขาอาจจะไม่อยากเจอยัยนี่แล้ว อาจจะแอบรู้สึกถึงรังสีอำมหิต เอ๊ย พิศวาส ที่ส่งผ่านไปให้เสียงสันหลังวูบๆทั้ง 5 วัน) ไม่เป็นไรค่ะ ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น ร้านหนังสือร้านนี้ก็มีแค่ 86 สาขาเอ๊ง ตัดสาขาต่างจังหวัดกับต่างประเทศออกไปก็เหลือแค่ 70 สาขา เอิ๊ก...ก...ก...ก

เรื่องของฉัน ผู้ที่แอบหลงรัก "คนซื้อ และ คนขาย" หนังสือก็จบแต่เพียงเท่านี้

... สวัสดี ...

อ้อ ลืมบอก เงิน สองพันที่หามาตั้ง 5 วัน หมดเกลี้ยงภายในเวลา 4 ชั่วโมงเลยค่ะ จากเงิน(กระดาษชนิดหนึ่ง) แปรสภาพมาเป็น หนังสือ (กระดาษอีกชนิดหนึ่ง) พี่ที่พาไปทำงานถามว่า คุ้มมั้ยเนี่ย ... ขาดทุนมั้งพี่ ฮ่าๆ แต่จริงๆคุ้มนะ ได้เจอพี่คนนั้น แล้วก็ได้เจ้าชายน้อยมาในราคา 50 บาท ได้สาวทรงเสน่ห์มาเล่มสุดท้าย (เยินหน่อยๆ) ได้เทพปกรณัมกรีกโรมันมาในราคาลด 30% (เพราะดันมือดีจับได้ super big bonus) เอาเป็นว่า หนูว่าคุ้มค่ะ เชื่อหนูสิคะ นะคะ ...




 

Create Date : 11 เมษายน 2550
4 comments
Last Update : 21 เมษายน 2550 21:42:59 น.
Counter : 537 Pageviews.

 

น่ารักจัง อ่านไปยิ้มไป ^^



 

โดย: Fleur Bleue (Fleur Bleue ) 11 เมษายน 2550 10:51:42 น.  

 

อ่านแล้วก็ได้บรรยากาศเลยค่ะ

อยากลองไปอาสาสมัครขายหนังสือในงานเหมือนกันนะคะนี่

ห้าวันสองพันเหรอ ก็พอใช้ได้เนาะ แต่เหนื่อยเหมือนกันง่ะ ท่าทาง แหะๆ

แต่ถ้าเราจะทำ คงเลือกทำสำนักพิมพ์ที่เรารู้สึกดีกับหนังสือและอ่านจริงๆ ค่ะ (เหมือนจขบ.หละเนาะ) จะได้แนะนำได้ถูก

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 11 เมษายน 2550 11:42:51 น.  

 

แค่ความรุ้สึกต่างๆที่ได้ในงานหนังสือคราวนี้ กับเงินสองพันที่ได้มา ก็นับว่า "เท่าทุน" แล้วครับ

แถมยังได้หนังสือกลับมา เป็น "กำไร" อีกต่างหาก

ไม่อยากบอกเลยว่า ผมเคยแอบชอบคนขายหนังสือเหมือนคุณเลยครับ ไปงานหนังสือปีละ 2 ครั้ง
ครั้งนึง 3 วัน เป็นเวลา 3 ปีครับ จึงได้เบอร์โทรมา

แต่เหมือนสวรรค์กลั่นแกล้ง ได้เบอร์มาไม่นาน โทรศัพท์โดนล้วงไปซะงั้น เบอร์หายหมดเลย เอ้อ! เซ็ง

 

โดย: poser (poser ) 11 เมษายน 2550 14:58:32 น.  

 

เหอๆๆๆ พี่ตี๋....บล็อกนี้เพื่อเธอ

 

โดย: zeta IP: 58.8.146.58 11 เมษายน 2550 22:50:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Our Magazine
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
<<
เมษายน 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
11 เมษายน 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Our Magazine's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.