พฤศจิกายน 2555

 
 
 
 
1
2
3
4
6
7
8
9
10
11
13
16
17
18
19
21
23
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
อันตรายจากกลูต้าไธโอน << ผิวขาว กับ ความเสี่ยง >>

สาวสวยอันตรายจากกลูต้าไธโอน "ผิวขาว"

เมื่อพูดถึงกลูต้ไธโอนในวงการผู้หญิงอยากขาวคงจะไม่มีใครที่ไม่รู้จักเจ้าสารกลูต้าไธโอนชนิดนี้ แต่คุณรู้บ้างไหมว่าอันตรายจากกลูต้าไธโอนนั้นมีอะไรบ้างมีผลข้างเขียงอย่างไรบ้าง หากว่าคุณคิดอยากจะมีผิวขาวสวยอมชมพูก็ต้องคิดกันสักนิดเพราะสิ่งเหล่านี้ไม่อยู่ยั่งยืนคู่กับคุณไปจนแก่ นั้นมาดูอันตรายจากกลูต้าไธโอนและประโยชน์ของกลูต้าไธโอนกันค่ะ

 อันตรายจากกลูต้าไธโอน

สารกลูต้าไธโอนเป็นโปรตีนที่ร่างกายเราสังเคราะห์ได้เองทำหน้าที่ปกป้องเนื้อเยื่อของอวัยวะทุกส่วน โดยการต่อต้านอนุมูลอิสระที่สะสมอยู่ตามส่วนต่าง ๆ และกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายช่วยตับขจัดสารพิษ โดยเฉพาะตัวยาหรือสารพิษที่ไม่ละลายน้ำ เช่น โลหะหนัก สารฆ่าแมลง เมื่อรวมตัวกับสารกลูต้าไธโอนจะช่วยให้ละลายน้ำได้และถูกกำจัดออกจากร่างกายช่วยปกป้องดีเอ็นเอของเซลล์ไม่ให้ถูกทำลายซึ่งเป็นการป้องกันการเกิดมะเร็งนั่นเอง

นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยพบว่า ผู้ที่อายุยืนยาวและมีสุขภาพแข็งแรงมักจะตรวจพบสารกลูต้าไธโอนปริมาณสูงในกระแสเลือด ต่อมาวงการแพทย์ได้นำสารกลูต้าไธโอนมาใช้เป็นยารักษาโรคเกี่ยวกับระบบเส้นประสาทบกพร่อง เช่น โรคตับ โรคไต พาร์กินสัน อัลไซเมอร์หรือโรคสมองเสื่อม โรคปลายเส้นประสาทอักเสบ มะเร็งกระเพาะ และมะเร็งต่อมลูกหมาก มานานกว่า 30 ปี โดยฉีดเข้าเส้นเลือดหรือกล้ามเนื้อ

เนื่องจากร่างกายเราสร้างกลูต้าไธโอนได้เองเมื่อต้องเสริมกลูต้าไธโอนในปริมาณมากเพื่อมุ่งรักษาโรค จึงมีผลข้างเคียงโดยกลูต้าไธโอนมีฤทธิ์ไปยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสซึ่งทำให้เม็ดสีของผิวหนังเปลี่ยนจากสีน้ำตาลดำเป็นเม็ดสีชมพูขาวทำให้ผิวขาวขึ้นในเวลาอันสั้น จึงเกิดการแตกตื่นและนำกลูต้าไธโอนมาเป็นอาหารเสริมเพื่อชะลอวัย และหวังผลให้ผิวขาวใสหรือผิวขาวอมชมพู

 

ผิวขาว

 

 
กิน-ฉีดให้ขาว อันตรายถึงชีวิต


ในความเป็นจริงยาเม็ดที่เป็นอาหารเสริมไม่มีผลให้ผิวขาว เพราะสารชนิดนี้ไม่สามารถดูดซึมและจะถูกขจัดออกจากร่างกายในที่สุด จึงได้มีการดัดแปลงนำมาผสมกับวิตามินซีแล้วฉีดเข้าเส้นเลือดหรือกล้ามเนื้อครั้งละ 600 มิลลิลิตร สัปดาห์ละครั้ง ราคา 4,000-5,000 บาท ติดต่อกัน 3-5 สัปดาห์ ผิวจะเริ่มขาวขึ้นหลังฉีดครั้งแรกประมาณ 1 เดือน หลังจากนั้น 2 เดือนผิวจะกลับมาเป็นสีเดิมจึงต้องฉีดซ้ำอยู่เป็นระยะ

ต่อมาองค์การอาหารและยาได้ประกาศห้ามใช้กลูต้าไธโอนเพื่อช่วยผิวขาวแล้ว เนื่องจากกลูต้าไธโอนทั้งชนิดเม็ดและชนิดฉีดเพื่อมุ่งผิวขาวมีกลูต้าไธโอนสูงถึง 500-1,000 มิลลิกรัม ซึ่งมากกว่าปริมาณที่แพทย์อนุญาตให้ผู้ป่วยใช้ คือ ไม่เกิน 250 มิลลิกรัมต่อวันและอาจทำให้แพ้ยาจนช็อกถึงขึ้นเสียชีวิตเฉียบพลันหรือส่งผลในระยะยาว เช่น สะสมในร่างกายส่งผลเสียต่อตับและไตได้ และทำให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังเนื่องจากผิวไวต่อแสงแดดเพราะเม็ดสีผิวถูกทำลายเสริมกลูต้าไธโอนด้วยการกิน

แม้การบริโภคกลูต้าไธโอนในปริมาณมากจะส่งผลเสียต่อร่างกาย แต่เมื่ออายุมากขึ้นหรือมีโรคแทรกซ้อนอาจทำให้ปริมาณกลูต้าไธโอนที่ร่างกายผลิตได้ลดลงทำให้ร่างกายขาดสารต้านอนุมูลอิสระ ผิวแห้งเหี่ยวเร็ว ไม่เปล่งปลั่ง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ (ในกรณีที่ป่วย) หรือเลือกกินอาหารที่ช่วยกระตุ้นร่างกายให้สร้างกลูต้าไธโอนได้ดีขึ้น ได้แก่ ปลา เนื้อหมู เนื้อวัว นม ไข่ หน่อไม้ฝรั่ง ผักโขม มะเขือเทศ และผลไม้ เช่น แตงโม สตรอว์เบอร์รี่ องุ่น อะโวคาโด

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Health&Cuisine  ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต




Create Date : 12 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2555 14:45:10 น.
Counter : 5226 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

AUM BELLEZZA
Location :
นนทบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 74 คน [?]



Aum BellezZa

หมายเหตุ ::
ด้วยสภาพผิวที่ต่างกัน ไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิตที่ต่างกัน กรรมพันธ์ สภาพสีผิว สีผม รูขุมขน อาหารการกิน และความชอบที่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกลิ่น สี รสสัมผัส ฯลฯ ล้วนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล เพราะฉะนั้น ถ้าอยากรู้ว่าสิ่งที่รีวิวนั้น ดีไหม จะเหมาะกับตัวเองหรือไม่ อั้มอยากแนะนำให้ลองด้วยตัวเองนะคะ จะเป็นคำตอบ ที่ดีที่สุดค่ะ