บล็อคนี้เป็นบล็อคทืี่ลงความบ้าหนังแอนิเมะทางฝั่งตะวันตก จำพวกแอนิเมะจาก Pixar , Disney และ DreamWork เป็นหลัก ไม่อยากนับจากฝั่งญี่ป่นเพราะขี้เกียจตาม
Group Blog
 
 
เมษายน 2553
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
22 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
บทนำ - จุดเริ่มต้น

รถตำรวจวิ่งเข้ามาล้อมรอบห้างสรรพ สินค้าแห่งหนึ่ง ซึ่งมีขนาดใหญ่มากและเป็นศูนย์รวมของแฟชั่นและสินค้า รวมไปถึงสถานที่บัดผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองด้วย แต่บัดนี้กลับกลายสภาพเป็นสถานที่แห่งความตายไปแล้ว ในเมื่อตอนนี้ได้มีคนร้ายจับตัวประกันนับร้อยคนไว้ในห้างสรรพสินค้า รวมทั้งได้เกิดระเบิดขึ้นตามจุดต่าง ๆ ของห้างสรรพสินค้าแล้ว เสียงไซเรนและเสียงนํ้าของรถดับเพลิงพุ่งฉีดเข้าไปในบริเวณที่มีไฟไหม้ของผล จากการระเบิด เสียงตะโกนโหวกเหวกและเสียงรํ่าไห้ของผู้รู้จักจากภายนอกแผงกั้นที่ตำรวจเอา มากั้นทางเอาไว้ไม่ให้ประชาชนที่มามุงเหตุการณ์เข้าไป คนที่ตนเองรักกำลังอยู่ในห้างนั้น

เฮลิคอปเตอร์ นักข่าวบินโฉบข้ามห้างสรรพสินค้าไปอีกฟากเพื่อบันทึกภาพและบรรยายสถานการณ์ ปัจจุบัน สภาพของห้างสรรพสินค้าตอนนี้มีกลุ่มควันขึ้นหนาแน่น รวมทั้งไฟไหม้ที่ลุกขึ้นไหมออกมาเป็นจุด ๆ รอบ ๆ ห้าง เปลวไฟพวยพุ่งออกมาจากหน้าต่างของห้างสรรพสินค้าหลายจุด เสียงกระจกแตกและเสียงระเบิดดังออกมาจากห้างสรรพสินค้าเป็นระยะ ๆ

" รายงานสถานการณ์ล่าสุด ผู้ก่อการร้ายที่ได้เข้ายึดห้างสรรพสินค้าและจับตัวประกันกว่าร้อยคนนั้นยัง ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยตัวประกันหรือยอมมอบตัวเลยคะ " ผู้สื่อข่าวสาวตอนนี้เธอนั่งอยู่บนเฮลิคอปเตอร์สำนักข่าว ช่างกล้องของสถานีโทรทัศน์ถ่ายภาพวีดีโอถ่ายทอดสดเพื่อดูสภาพของห้างสรรพ สินค้ารอบ ๆ " ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ปิดล้อมพื้นที่เอาไว้หมด แล้ว รวมทั้งได้ฉีดนํ้าเพื่อระงับไฟที่กำลังจะลามไปถึงบ้านเรือนข้าง ๆ ด้วยคะ ตอนนี้ทางตำรวจได้อพยพประชาชนออกมาจากพื้นที่ของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้หมด แล้ว เหลือก็แค่คนร้ายและตัวประกันข้างในเท่านั้น "

เฮลิคอปเตอร์ บินโฉบขึ้นไปเหนือบริเวณพื้นที่นี้เพื่อถ่ายภาพของประชาชนที่มุงดูเหตุการณ์ และกลุ่มคนบางกลุ่มที่พยายามวิ่งเข้าไปข้างในเพื่อช่วยเหลือคนที่ตนเองรัก ออกมา

" เข้าไปไม่ได้นะ ครับ " เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งพยายามกันผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งที่หน้าตานองไป ด้วยนํ้าตา " อันตรายนะครับ ถอยออกไปเถอะครับคุณนาย "

" ลูกฉัน " เธอรํ่าไห้ออกมาด้วยความตื่นกระหนกสุดขีด " ลูกฉัน อยู่ในนั้น "

เจ้าหน้าที่กู้ภัย และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงพลายคนช่วยกันลากสายนํ้าดับเพลิงออกมาเพิ่มอีกเมื่อ รถดับเพลิงอีก 2 คันตามมาสบทบ พวกเขาพยายามดับไฟที่ลุกไหม้บริเวณทางเข้าของห้างสรรพสินค้า บัดนี้มีเปลวเพลิงจำนวนมากลุกโซนปิดล้อมทางเข้าออกของห้างสรรพสินค้านี้ไว้ พวกเขาพยายามที่จะดับไฟเพื่อที่จะบุกเข้าไปช่วยตัวประกันข้างใน

" ไม่ไหวครับท่านสารวัตร " เจ้าหน้าที่กู้ภัยนายหนึ่งวิ่งออกมาจากกองเพลิง โดยมีเพื่อนร่วมทีมของเขาช่วยพยุงปีกไหล่ของเขาไว้ข้าง " ฝ่าเข้าไปไม่ได้เลยครับ ทางเข้าออกตอนนี้โดนไฟปิดตายไว้แล้วครับ "

" ไม่เป็นไร " ตำรวจนายหนึ่งที่มียศประดับไว้เต็มบ่าและท่าทางสูงอายุคนหนึ่งมองไปยังห้าง สรรพสินค้าตรงหน้าที่เต็มไปด้วยไฟที่กำลังลุกไหม้และลามไปอย่างรวดเร็ว " คุณไปพักผ่อนเถอะ "

เจ้าหน้าที่กู้ภัย คนนั้นเดินจากไปตรงบริเวณข้างรถของทีมงาน สารวัตรยังคงมองไปยังห้างสรรพสินค้าตรงหน้าต่อด้วยท่าทางที่กังวลมาก

" ทีมของคุณบุกเข้าไปถึงรึยัง " สารวัตรถามผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา เขาสวมแว่นตาดำเพื่อจะได้มองดูภาพตึกห้างขนาดใหญ่ที่กำลังลุกไหม้อยู่ เขาตัวสูงไม่มากนัก ไว้ทรงผมและมีโครงหน้าราวกับดารา สวมเสื้อสูทสีดำและกางเกงขายาวสีดำ บนหน้าอกของเขานั้น มีป้ายชื่อบอกพร้อม และเขียนไว้ว่า



' หน่วย ปฏิบัติการพิเศษ P.I.A.T '



" คนของผมได้วางแผนที่จะบุกเข้าไปข้างในโดยผ่านดาดฟ้าตึกครับ " ผู้ชายคนที่มาจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษบอก " ตอนนี้ ฮ. ขนส่งได้มาถึงบริเวณนี้แล้วครับ "

ผู้ชาย คนดังกล่าวชี้ให้สารวัตรดูข้างบนเหนือศีรษะตนเอง มีเฮลิคอปเตอร์เฉพาะกิจของหน่วยปฏิบัติการพิเศษบินออกมาอยู่เหนือพวกเขา และกำลังร่อนลงไปยังดาดฟ้าตึก

" ท่านเฟิร์น นี่ทีมบราโว 1 เรากำลังจะบุกเข้าไปแล้ว " เสียงเรียกผู้ชายคนนี้ดังออกมาจากวิทยุสื่อสารในกระเป๋ากางเกงของเขา เขาหยิบขึ้นมาและยกมันอยู่ในระดับปาก

" ระวังตัวด้วยนะ " ผู้ชายที่ชื่อ เฟิร์น บอกด้วยความเป็นห่วง โดยพวกเขานั้นเห็น ฮ. ลำดังกล่าวบินอยู่เหนือดาดฟ้าของห้างสรรพสินค้าแล้ว และมีเชือกปล่อยลงมา รวมทั้งมีหน่วยปฏิบัติการพิเศษแต่งชุดบุกเต็มยศกำลังเกาะเชือกไหลลงมาจาก เฮลิคอปเตอร์

บรึ้ม !

ทันใดนั้น เกิดระเบิดขึ้นที่ดาดฟ้าของห้างสรรพสินค้าตรงนั้น แรงระเบิดดังลั่นจนประชาชนและเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ถึงกับต้องก้มตัวและเอามืออุดหูเอาไว้ แรงระเบิดเมื่อสักครู่นี้ส่งผลไปยังชั้นบนสุดของห้างสรรพสินค้าด้วย เศษกระจกจำนวนมากพุ่งปลิวตกลงมาเบื้องล่าง มีเจ้าหน้าที่หลายคนที่อยู่ใกล้กับห้างสรรพสินค้าต้องวิ่งก้มหัวหลบเศษกระจก จำนวนมหาศาลที่ร่วงลงมาราวกับฝนเศษกระจก

" ท่านเฟิร์น นี่ทีมบราโว 1 เราเข้าไปทางดาดฟ้าไม่ได้แล้ว " เสียงคนเดิมดังออกมาจากวิทยุสื่อสาร เฮลิคอปเตอร์ต้องบินให้เหนือจากดาดฟ้าของห้างสรรพสินค้าเพื่อหลบแรงระเบิด เมื่อสักครู่นี้ หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ลงมาจากเชือกเมื่อกี้ยังเกาะอยู่บนเชือก ดูเหมือนเขาจะรอดตายทันเวลาพอดี " ไฟมันปิดปากทางเข้าหมด เราเข้าไปไม่ไหวครับ "

" ไม่เป็นไร ถอนตัวออกมาก่อน " คนที่ชื่อ เฟิร์น สั่งการให้พวกเขาบินถอยออกมาก่อน

" แล้วดอกเตอร์ไม่มาด้วยเหรอครับท่าน " สารวัตร คนเดิมเอ่ยถามผู้ชายคนที่ชื่อ เฟิร์น " ถ้าเขามา น่าจะคิดวางแผนจัดการได้ดีกว่านี้นะ "

" เขาติดภารกิจ มาไม่ได้ครับ " คนที่ชื่อ เฟิร์นพูด สายตาของเขามองไปห้างแห่งนี้อย่างเกรี้ยวกราดและเจ็บใจที่เขาไม่อาจทำอะไร ได้มากกว่านี้

ขณะเดียวกัน ภายในห้างสรรพสินค้า บริเวณห้องโถงใหญ่ชั้น 1 ที่ดูเหมือนแรงระเบิดจะส่งผลมาไม่ถึงที่นี่ บริเวณรอบ ๆ เต็มไปด้วยซากปรักหักพังที่รอบ ๆ ตึกถล่มลงมาเพราะแรงระเบิด มีตัวประกันนับร้อยชีวิตกำลังนั่งเกาะกันอยู่ด้วยความหวาดกลัว หลายคนรํ่าไห้ออกมา หลายคนนั่งกอดคน และอีกหลายคนมองไปยังตัวการทั้งหมดที่ยังนั่งอยู่บนขอบรูปปั้นนํ้าพุอย่าง สบายอารมณ์

คนร้ายของเหตุการณ์ ทั้งหมดนี้

" เอ้า เจ้าตอบผิดอีกคำตอบแล้วนะ " โจรคนร้ายเอ่ยออกมาอย่างสบาย ๆ ทั้ง ๆ ที่ตัวประกันทั้งหมดต่างหวาดกลัวและโกรธแค้น " ระเบิดลูกสุดท้ายก็คือจบชีวิตพวกเจ้าทั้งหมดเลยนะ เอ้า แก้ปริศนามาซะดี ๆ "

ผู้ชายคนหนึ่งที่ ก้มหน้าคุกเข่าอยู่ตรงหน้าคนร้าย เขาเป็นชายวัยกลายคนที่เป็นผู้จัดการห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ เขาตัวสั่นและเงยหน้ามองโจรคนนี้ด้วยความกลัว

" ขอร้องหละครับ " ผู้จัดการห้างสรรพสินค้าถาม ร่างกายของเขาสั่นเทา " คุณอยากได้อะไรเอาไปเลย แต่ได้โปรด ปล่อยพวกเขาไปเถอะ "

มีเสียงจากตัว ประกันหลายคนพึมพำอย่างเห็นด้วย หลายคนบ่นอยากกลับบ้าน อีกหลายคนพูดวิงวอนขอร้องชีวิตตนเอง แต่ทว่า คนร้ายคนนี้กลับไม่สนใจเลย

" ข้าไม่อยากฟังคำอื่นอีก " คนร้ายพูดขึ้น มีเสียงสิ่งก่อสร้างถล่มลงมาบริเวณรอบ ๆ ของห้องโถงแห่งนี้ รวมทั้งเสียงเด็กตัวเล็ก ๆ ร้องจ้าออกมา " รีบแก้ปริศนาออกมาเร็ว "

" ผมทำไม่ได้ " ผู้จัดการห้างสรรพสินค้าก้มหัวลงกับพื้นอีกครั้งอย่างจนปัญญา " ผมไม่สามารถแก้ได้ ไม่มีใครในนี้แก้ได้ ได้โปรดเถอะ ปล่อยพวกเราเถอะครับ "

" จะแก้หรือไม่แก้ " โจรเอ่ยเสียงเยือกเย็นออกมา แววตาของเขามองไปรอบ ๆ อย่างไร้ปราณี

" ไว้ชีวิตพวกเราด้วยเถอะ "

" หมดเวลา " มันเอ่ยออกมาด้วยทีท่าสนุกสนาน " ลาก่อนนะพวกเจ้า บ้ายบาย "

มันยิ้มออกมาแล้วก็ กระโดดขึ้นไปบนรูปปั้นนํ้าพุที่มีความสูงถึง 1 เมตรกว่าได้สบาย ๆ และกระโดดพุ่งตัวไปยังระเบียงชั้น 2 ของห้างสรรพสินค้าที่มีความห่างเกือบ 5 เมตรได้ราวกับมันใช้สลิงช่วย แต่เปล่าเลย มันทำได้ ตัวประกันหลายคนชี้มองด้วยความหวาดกลัว

เมื่อ มันยืนบนระเบียงได้ มันหันมามองดูกลุ่มคนด้วยความสะใจ นัยน์ตาของมันแปรเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแดงราวกับสัตว์ล่าเนื้อ บริเวณผมของมันนั้นมีใบหูสัตว์ที่ดูคล้ายเสือออกมา และบริเวณหลังของมัน ก็ปรากฎหางเสื้อออกมาจากตัวของมันด้วย ตัวประกันร้องออกมาราวกับพวกเขาเจอสัตว์ประหลาด

ใช่ มันไม่ใช่มนุษย์ !

" Say Bye " มัน หยิบรีโมทออกมาจากกระเป๋าของมัน และยิ้มให้ตัวประกันทั้งหมดอย่างเย็นชา

ตู้ มมมม !

เสียงระเบิดครั้ง ใหญ่ดังลั่น ดังสนั่นหวั่นไหวจนบ้านเรือนรอบ ๆ ห้างแห่งนี้กระจกแตกออกมาทุกหลัง ดังจนประชาชนถึงกับต้องวิ่งหนีออกมาจากที่เกิดเหตุด้วยความตกใจและหวาดกลัว ดังจนเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ต้องรีบวิ่งหนีเอาตัวรอดออกมาจากห้างสรรพสินค้า และดังจนทุกคนต้องมองไปที่ห้างสรรพสินค้าด้วยความตกใจ

ผลกระทบของแรง ระเบิดเมื่อสักครู่นี้แรงจนเฮลิคอปเตอร์ของสำนักข่าวถึงกับต้องหมุน คว้างกลางอากาศ นักข่าวและคนขับบนเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นต้องยึดกับที่นั่งคนขับเพื่อป้องกันไม่ ให้ตนเองร่วงปลิวออกมาจากเฮลิคอปเตอร์ แต่สักพักคนขับก็สามารถควบคุมเครื่องและกลับมาบังคับให้นิ่งได้

" ท่านผู้ชมคะ " ผู้สื่อข่าวสาวที่รอดตายจากแรงระเบิดเมื่อกี้รายงานสถานการณ์ด้วยสภาพที่ ตื่นตกใจและเส้นผมที่พันปิดหน้าตาตนเองยุ่งเหยิง " ตึก ตึกถล่มลงมาแล้วคะ "

เปลวเพลิงขนาดใหญ่ พร้อมกับกลุ่มควันพุ่งออกมาจากใจกลางของห้าง ตึกของห้างสรรพสินค้าถล่มลงมาต่อหน้าต่อหน้าพวกเขา เสียงดังกึกก้องกัมปนาทดังลั่นสนั่นหู โครงสร้างของห้างสรรพสินค้าถล่มลงมาจนแผ่นดินสั่นสะเทือน เศษปูนและชิ้นส่วนของตึกพุ่งปลิวออกมาจากใจกลางของห้าง และเมื่อแรงสั่นสะเทือนสงบลง บริเวณของที่เกิดระเบิดครั้งใหญ่นั้นคือใจกลางของห้างที่ถล่มลงมาราวกับยุบ เป็นตัว U เศษควันและฝุ่นยังฝุ้งกระจายออกมาทั่วบริเวณ นี้ และเจ้าหน้าที่ทุกคนต่างมองไปยังบริเวณนั้นอย่างตกตะลึง

" นี่ " สารวัตรที่วิ่งไปหลบหลังประตูรถตำรวจมองไปยังห้างที่ส่วนหนึ่งบัดนี้กลาย เป็นซากปรักหักพังไปแล้ว " นี่มัน "

" ตัวประกันทั้งหมดอยู่ตรงกลางของห้าง " ผู้ชายที่ชื่อ เฟิร์น บอก " ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ "

แต่แววตาของผู้ชาย ที่ชื่อ เฟิร์น มองไปยังซากตึกส่วนตรงกลางที่ถล่มลงมาด้วยความโมโหเจ็บแค้น

" ไอ้พวกองค์กรอาบรา " เขาพึมพำออกมาอย่างเคียดแค้น " พวกแกจะคร่าผู้บริสุทธิ์อีกกี่คนถึงจะพอใจกัน "

เปลวควันและเปลวไฟ นรกยังพุ่งออกมาจากห้างแห่งนี้ เสียงไซเรนและเสียงประชาชนดังระงมไปทั่ว เสียงรํ่าไห้ของคนที่สูญเสียคนที่ตนเองรักดังบาดหู ดังพร้อมกับเสียงหัวเราะดังลั่นสะใจและเยือกเย็น



ซ่า !

เสียงน้ำไหลดังออกมาจากห้องน้ำห้องหนึ่งภายในห้อง เช่าโทรม ๆ ห้องหนึ่ง ห้องเช่าห้องนี้ไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากห้องเช่าโทรม ๆ ของทุก ๆ ห้องในอาพาตเมนต์ราคาถูกแห่งนี้ มันมีขนาดพื้นที่เล็กกระจิดริด ข้าวของกระจัดกระจายเต็มห้องจนรกรุงรัง แต่ก็ไม่ได้รกมากจนเหมือนกองขยะขนาดย่อม แค่มีที่เดินแต่ต้องเลี้ยวคดเคี้ยวไปบ้าง บนพื้นห้องกระจัดกระจายไปทั่วด้วยหนังสือ เสื้อผ้า กระเป๋านักเรียน แม้แต่กางเกงในก็ยังวางอยู่บนพื้นโดยไม่เก็บ นี่คือสภาพของห้องพักของผู้ชายคนหนึ่งที่บ่งบอกถึงความโสตและไม่มีแฟน

ประตูห้องนํ้าเปิดออก ผู้ชายคนนั้นเดินออกมาจากห้องนํ้าในสภาพของผ้าขนหนูผืนเดียว ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยหยดนํ้าที่เช็ดแล้วไม่สนิท แต่ก็ไร้ซึ่งกล้ามอันแข็งแกร่งดั่งชายชาตรี ถึงจะมีกล้ามบ้างแต่ก็ไม่มาก เส้นผมที่กระเซอะกระเซิงยุ่งเหยิงและไม่เคยเป็นระเบียบและเจ้าตัวก็ขี้เกียจ จัดมัน ใบหน้ารูปไข่คิ้วโค้งเหมือนลูกครึ่งเชื้อสายจีน ดวงตากลมหวานเหมือนผู้หญิง และริมฝีปากบางไม่เข้มมาก และบนแผ่นหน้าอกของเขามีรอยกรีดเป็นแผลเป็นยาวตั้งแต่ระหว่างอกลงมาถึงเหนือ สะดือ

อ้อ ผมลืมทักทายคนอ่านไปซะนี่ สวัสดีครับ ผมมีชื่อว่า นพกรณ์ครับ หรือจะมีชื่อว่า นพ ก็ได้ เอาจริง ๆ แล้วตอนนี้ผมอายุครบ 16 ปีกับอีก 4 เดือน ไร้คู่ไร้แฟน และไร้แม้กระทั่งเพื่อนหญิง อย่ามามองผมว่าผมเป็นพวกเกย์แล้วกัน เพราะว่าผมเรียนโรงเรียนชายล้วนครับ ส่วนรอยแผลเป็นบนหน้าอกผมนี่ไม่ต้องแปลกใจครับ ผมไปผ่าตัดหัวใจมาในโครงการผ่าตัดหัวใจฟรี เพราะหัวใจผมตีบมาตั้งแต่เด็ก ๆ ด้วยเหตุนี้เลยทำให้ผมมีร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งแรงและอ่อนแอกว่าชาวบ้าน ไม่สมกับเป็นผู้ชายเลยผม คิดแล้วแค้นใจ ทำอะไรก็เหนื่อย ทำอะไรแปบ ๆ ก็เพลีย ฮึ้ย... ! ผมมองไปรอบ ๆ ห้องที่รกอย่างกับอะไร ตอนนี้ผมอยู่คนเดียวครับ พ่อผมไปทำงานต่างจังหวัด กว่าจะมาเยี่ยมผมก็นั่นนะ ปีละ 2 ครั้ง แถมมาเพื่อจ่ายค่าเช่าห้อง เจอผมแค่ 5 นาทีแล้วก็ไป ด้วยเหตุนี้ทั้งอาหารการกินอะไรผมเลยต้องบริหารจัดการตนเองทั้งหมด

ผมเดินไปยังโต๊ะเครื่องแป้ง เอิ่ม ว่าจะมันเป็นโต๊ะเครื่องแป้งดีไหมนะ ผมองไปยังโต๊ะไม้ที่เริ่มผุ ๆ และมีตัวยั้วเยี้ยเดินเล่นอยู่บนโต๊ะตัวนั้น กระจกเงาที่เริ่มร้าวและมีรอยตำหนิกับรอยเปื้อนฝุ่นที่ผมขี้เกียจเช็ดออกก็ บอกได้เลยว่ากระจกบานนี้ผมไปแอบฉกมาจากกองขยะข้าง ๆ อาพาตเมนต์นี้ ทำไงได้ เงินมันไม่มีนี่หว่า ผมกวาด ๆ เหล่าแมลงสาปตัวจ้อยที่มองผมอย่างกับจะมาขออาหารกินเพื่อหยิบดูหนังสือพิมพ์ ที่วางบนโต๊ะมาอ่าน เพราะผมยังไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์ ( ฉบับเมื่อวาน ) นี้เลย

มือของ ผมหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นขึ้นมา ( แน่นอนว่าไปยืมมาจากคนข้างห้อง ) และกวาดตามองข้าวหน้าหนึ่งที่พาดหัวตัวโต ๆ ว่า



' ระเบิด ห้าง ดับกว่าร้อย ตำรวจมุ่งประเด็นก่อการร้าย '



เนื้อหา ในหนังสือพิมพ์นั้นได้บอกถึงกลยุทธิ์ของคนร้ายที่จะส่งคำปริศนาออกมาให้คน แก้ ถ้าแก้ไม่ออกก็จะเริ่มระเบิดตามจุดต่าง ๆ ของห้างทีละจุด ๆ จนกระทั่งกดระเบิดชุดใหญ่จนคร่าชีวิตตัวประกันนับร้อย ผมกวาดสายตาอ่านบนหน้ากระดาษไปอย่างเสียวไส้ น่ากลัวจริง ๆ วุ้ย ผู้ร้ายแบบนี้ ผมมองอ่านจนเห็นข้อความนึงของของบทสัมภาษณ์ของผู้รอดชีวิต เขาบอกว่าเห็นคนร้ายในสภาพที่มีกรงเล็บและใบหน้าเหมือนเสือด้วย

" สงสัยจะเพี้ยนจนสติไม่ดีมั้ง " ผมพึมพำพลางพลิกไปยังอีกหน้าหนึ่ง แหงหละ มันไม่ใช่การ์ตูนสักหน่อยที่จะมีครึ่งคนครึ่งสัตว์โผล่ออกมา ผมอ่านจนใจลอยจนกระทั่งผมเหลือบมองไปดูนาฬิกาปลุกที่เสียงปลุกพังไปแล้ว มันบอกถึงเวลา 7.40 น.

! !

เฮ้ยยย ! จะสายแล้ววววว ! ผมรีบวางหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะอย่างลนลาน แล้วก็รีบคว้าชุดนักเรียนที่เตรียมเอาไว้มาใส่ทันที พลางรีบปลดผ้าขนหนูออกเพื่อมองหากางเกงใน แต่ผมก็ดันหาไม่เจอทั้ง ๆ ที่มันวางกองอยู่ข้างล่างผมเนี่ย

อ๊ากกก กางเกงในตูอยู่หนายยย จะสายแล้วววว ผมคิดในใจอย่างรีบร้อนและรีบไปมองหากางเกงในตรงใต้เตียงแทน



" เฮ้ย มาสายวะแก " เพื่อนของผมทักผมขึ้นเมื่อผมวิ่งไปเฉียดประตูหน้าโรงเรียนปิดพอดี หลังจากที่ผมก้มหัวขอโทษยามหน้าโรงเรียนแล้วก็รีบวิ่งขึ้นมาบนห้องเรียน ทันที เพื่อน ๆ ที่อยู่กลุ่มรายงานเดียวกับผมนั่งรอผมใจจดใจจ่อ

" โด่ เดทกับหญิงมาทั้งคืนอะเด้แก " เพื่อนผมหยิกอีกคนล้อผมอย่างเจ้าเล่ห์

" เหอ ๆ ไม่ใช่เลย ฉันอ่านหนังสือพิมพ์เพลินต่างหาก " ผมตอบอย่างเหน็ดเหนื่อย โอ้ย วิ่งมา เหนื่อยวุ้ย

" นั่นเดะ จะบ้าเรอะ ไอ้นี่มันมีแฟนที่ไหน " เพื่อนที่ทักผมคนแรกพูดขึ้น

" นั่นเดะ ถ้าไม่รีบหาแฟนนะ ได้เป็นเกย์สักวันแน่ " ไอ้เพื่อนผมหยิกล้อผมอีกละ

เห อ ๆ จิตใจฉันยังไม่แปลงเพศจะเฟ้ย ผมคิดในใจอย่างไม่สบอารมณ์

" ว่าแต่ เอารายงานมาเปล่าวะ " ทุกคนแทบถามผมเป็นประโยคเดียว

" เหอ ๆ อยู่นี่เฟร้ย เอาไปเขียนชื่อไป๊ " ผมล้วงเข้าไปใน กระเป๋าและโยนรายงานเล่มบางๆไปบนโต๊ะกลุ่มเพื่อนผมที่กำลังหยิบปากกามารอ เขียนชื่อตัวเองใส่ปกรายงานอย่างใจจดใจจ่อ เหอ ๆ ไอ้พวกนี้ ดีแต่มานั่งเกาะชาวบ้านกิน นั่งจับกลุ่มทำรายงานซะดิบดีแต่สุดท้ายผมก็ต้องทำให้เองทุกรอบ ผมถอนหายใจพลางมองไปยังห้องเรียนที่ผมมาเรียนอยู่ที่โรงเรียนนี้ ห้องเรียนธรรมดาที่ใช้โต๊ะไม้ผุบ้างไม่ผุบ้างมาให้นักเรียนเรียน กระดานสีเขียวกลับเปรอะไปด้วยฝีมือศิลปะของเพื่อน ๆ ผมในห้องมาละเลงเขียนจนเต็มกระดาน หน้าต่างที่ทำด้วยไม้และไม่ได้ทาสีจนเหมือนโรงเรียนร้างมาแล้วปีนึง เปิดอ้าบ้างไม่อ้าบ้าง พัดลมเพดานแค่ 2 เครื่องไม่ได้ทำให้อากาศภายในห้องเรียนเย็นขึ้นแม้แต่น้อย มองไปรอบ ๆ ก็มีแต่นักเรียนชายในชุดเครื่องแบบเสื้อนักเรียนแขนสั้นสีขาวและกางเกงขา สั้นสีน้ำตาล ต่างคนต่างใส่ถึงเท้าสีน้ำตาลมากันและปล่อยกลิ่นไม่พึงประสงค์มาแตะจมูกผม บ่อย ๆ ผมมองภาพพวกนี้จนเอียนไปหมดแล้ว อยากให้มีสาว ๆ มาเรียนบ้างจังเลยวุ้ย

" ขอบใจมากนะ พ่อหนุ่มไม่เอาอ่าว " เพื่อนผมหยิกหลังจากที่เขียนชื่อตนเองลงบนปกรายงานแล้วก็เดินมาค้อนพูดกับผม เหมือนทุกครั้ง ฆ่าเพื่อนแล้วจับยัดซักโครกโรงเรียนอำพรางศพนี่จะผิดกฎหมายเปล่าวะเนี่ย

ใช่แล้วครับ ผมอยู่ ม.4 ครับ และด้วยเหตุที่เจ้าผมหยิกนี่มันชอบมาล้อผมแบบนี้บ่อย ๆ ก็เพราะว่าผมค่อนข้างทำตัวเป็นแม่บ้าน ชอบทำความสะอาดและทำตัวให้สะอาดอยู่เสมอ ( ทั้ง ๆ ที่ในห้องเช่าตัวเองมีแมลงสาปเป็นเพื่อน ) แถมผมเป็นคนเดียวไม่มีแฟน เพื่อนในห้องผมจัดได้ว่ามีแฟนกันหมดทุกคน ส่วนมากก็ไปจีบ รร. หญิงล้วนข้าง ๆ โรงเรียนกัน แล้วสำหรับผมซึ่งไม่มีคนเดียว ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ผมอายเรื่องผู้หญิงมาก ด้วยเหตุนี้ผมเลยโดนล้อเรื่องนี้บ่อย ๆ

กริ๊ง งงงงงง.....................! ! ! !

เสียงออด ดังเข้าเรียน ผมมองไปทางกลุ่มเพื่อน ๆ ผมที่ฝากให้ผมทำรายงานกลุ่มคนเดียว ให้ ตายดิ ไหงมันไม่เคยทำเองก็ไม่รู้ ผมคิดในใจอย่างไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ขณะที่ผมมองดูพวกมันซึ่งก็เขียนชื่อคน ในกลุ่มบนปกรายงานเสร็จพอดีที่อาจารย์เดินเข้ามาในห้องเรียนพอดี

" กลุ่มของนพ กรณ์ รายงานเสร็จแล้วใช่มั้ย " อาจารย์ถามพลางมองมาทางกลุ่มผม ซึ่งแต่ละคนนั่งฉีกยิ้มแป้นกันอย่างเต็มที่ได้อย่างหน้าด้านหน้าตาเฉย

" แน่นอนครับ อาจารย์ "

" พวกผมช่วยกันทำกันทุกคนเลยนะคร้าบ "

" ขอเกรด 4 นะครับอาจารย์ "

เห อ ๆ ผมคิดในใจอย่างหมั่นไส้กับไอ้พวกตอแหลพวกนี้ ผมมองดูอาจารย์ที่มองดูผมและมองไปทางพวกนั้นเหมือนจะเข้าใจความคิดของผม

" ถ้าอยากได้ 4 พวกเธอต้องแก้ 0 ที่เธอติดมาตั้งแต่ ม.3 ก่อนนะ "

" โห่..... "

" อาจารย์ใจ ร้าย "

สม นํ้าหน้า ผมหัวเราะหึ ๆ



หลังเลิกเรียน ผมเดินทางกลับบ้าน เพื่อน ๆ ผมชวนเล่นเกม แต่วันนี้ผมกลับไม่มีอารมณ์เล่นซะอย่างงั้น ทำไมน้า ไม่ว่าจะเป็นเกมไหนเจอผมได้หมด ( สถิติเกมของผมนะ ชนะ 0 แพ้ 30 เป็นไง ผมเก่งม้า ) ผมเดินเตร่ไปเรื่อย ๆ เมื่อออกจากหน้าโรงเรียนที่เต็มไปด้วยนักเรียนตัวผู้ กลับบ้านก็ไม่อยากกลับซะด้วยสิ กลับไปอยู่คนเดียว แถมมีแต่มาม่าและแมลงสาปเป็นเพื่อนร่วมห้อง คอมที่บ้านก็ไม่มี ไปที่ไหนดีหว่า แอบส่องสาวที่โรงเรียนคิงฟอร์ดดีกว่า ผมคิดไปเดินบิดตัวด้วยความเขินอายไป พลางรีบวิ่งขึ้นรถเมลล์สายที่ไปโรงเรียนคิงฟอร์ดอย่างรวดเร็วจนคนอื่น ๆ มองดูผมราวกับคนบ้า

จากโรงเรียนของผมนั้นนั่งรถเมลล์ไป 2 ป้ายก็ถึงแล้ว ( แต่ระยะห่างระหว่างป้ายนี่ทางยาวนะ ) เพราะโรงเรียนคิงฟอร์ดนั้นมันอยู่ออกซานเมืองหน่อยเท่านั้นเอง เอาจริง ๆ ถ้าเทียบโรงเรียนคิงฟอร์ดกับโรงเรียนชายล้วนของผมแล้ว มันโรงเรียนคนละเกรดเลยแหละ เทียบให้เข้าใจง่ายก็คือ ดอกฟ้ากับหมาวัด

ทุก วันหลังเลิกเรียนหากผมไม่มีอะไรทำ ( เพราะความว่างจัด ) ผมก็จะนั่งรถเมล์เพื่อไปเป็นถํ้ามอง เอ้ยไม่ใช่ ไปมองหาบรรยากาศดี ๆ ที่โรงเรียนชายล้วนอย่างผมนั้นไม่เคยเห็นตอนเรียนปกติไงครับ เพราะคิงฟอร์ดนั้นเป็นโรงเรียนสหที่มีชายและหญิง และมีเนื้อที่ใหญ่เอามาก ๆ เพราะเล่นมีตั้งแต่อนุบาลยันมหาวิทยาลัยรวมอยู่ด้วย เสียดายที่เป็นเอกชน เพราะนํ้าหน้าอย่างผมคงไม่มีทางเข้าไปเรียนหรอก เพราะโรงเรียนนี่มีนายทุน 2 เชื้อชาติ คือญี่ปุ่นและอเมริกามาร่วมกันลงทุนเปิดโรงเรียนซะใหญ่โต ( เว่อร์ ) แบบนี้ ไม่แปลกที่มันจะหรูหราขนาดนั้น ผมมองดูประตูหน้าโรงเรียนที่ใหญ่โตโอ่อ่าโคตรอลังการ แค่มองดูประตูหน้าโรงเรียนก็หรูแล้ว ข้างในมันจะหรูสักแค่ไหนนะเนี่ย ผมแอบไปซ่อนหลังเสาไฟฟ้าเหมือนเคยเพราะประตูหน้าโรงเรียนกำลังเปิดออก ชายวัยกลางคนที่ใส่ชุด รปภ. เครื่องแบบสีน้ำเงิน เดินมาเปิดประตูให้ ถ้าจะถามว่าทำไมผมต้องซ่อนเหรอ เอ่อ แบบว่า......

ตอน นั้นเองมีนักเรียนโรงเรียนคิงฟอร์ดเดินออกมาพอดี ทางที่ผมมาแอบส่อง เอ้ย มายืนดูนั้นเป็นแผนกมัธยมปลาย นักเรียนชายจะใส่เสื้อสีขาวและผูกไทสีนํ้าเงิน กางเกงสีขายาวสีนํ้าเงิน ส่วนผู้หญิงนั้นบ้างใส่กระโปรงยาวบ้างสั้นบ้าง เสื้อจะมี 2 ชั้น ชั้นในน่าจะเป็นสีขาว ส่วนชั้นนอกนั้นเป็นชุดเครื่องแบบสีนํ้าเงินและมีโบว์สีขาวติดอยู่กลางอก ที่รู้ว่ามี 2 ชั้นเพราะผมมองบ่อย อะ ไม่นะ ผมไม่ได้คิดอะไรแปลก ๆ นะ และสิ่งที่ผมหวังมาตลอดทุกวันที่ผมแอบมามองก็คือ

นักเรียนหญิงคนนึง

เธอ มีผมยาวออกมาจนเกือบถึงสะโพก หน้าตาของเธอนั้นแจ่มใสและอารมณ์ดีตลอดเวลา ผมชอบแอบมองเธอตลอด เอาจริง ๆ ผมแอบมองเธอมาตั้งแต่ ม.2 แล้ว ผมไม่กล้าที่จะไปแม้แต่คุยกับเธอเลย ใช่ซิ ผมมันอายผู้หญิงนี่นา ใช่แล้วครับ นี่แหละที่สาเหตุที่ผมต้องมาแอบหลบหลังเสาไฟฟ้าต้นนี้ทุกครั้งที่มาแอบมอง เพราะสาเหตุนี้นั่นเอง

" นี่ ๆ แล้วเดี๋ยวงานเทศกาลจะมีตอนไหนนะ " นักเรียนหญิงคนที่ว่าหันไปถามคนที่เหมือนจะเป็นเพื่อนของเธอซึ่งใส่แว่นอยู่ ท่าทางฉลาดไม่เบาซะด้วยสิ

" ก็คงอีกประมาณ 2 เดือนนะครับ " เขาเงยหน้ามองฟ้าแล้วก็ตอบ

" นั่นสินะ ปีนี้จะจัดอะไรดีน้า ^^ " เธอพูดไปยิ้มไป ผมมองเธออย่างเพลิน ๆ น่ารักจังเลยแฮะ

" จัดคาบาเร่สาวน้อยหูแมวดีมะ >< "

" นี่ ไอ้ต้า " ผู้หญิงอีกคนที่ไว้ผมสั้นและมีที่คาดผมร้องลั่นออกมาเมื่อเพื่อนชายอีกคนที่ ผมออกแหลม ๆ หน่อยพูดออกมาหน้าตาเฉย " เมื่อไหร่แกจะเลิกลามกซะทียะ แกลามกมาแบบนี้ 3 ปีแล้วนะ "

" ขอให้ฉันมีแฟนก่อนแล้วถึงจะเลิก "

" อย่างแกไม่มีหรอก "

" ฉันก็ไม่เอาเธอเหมือนกันแหละ นังแมว "

" ว่าไงนะย้าาาา ! ! "

แล้วก็จบฉากที่นักเรียน หญิงคนที่ว่าหยิบกระเป๋านักเรียนวิ่งไล่ฟาดหัวนายคนนั้น ซึ่งเขาก็หลบได้และวิ่งหนีกัน นักเรียนหญิงคนเดิมนั้นจ้องไปที่เพื่อนของเธอแล้วก็หัวเราะ ทันใดนั้นไม่รู้ผมคิดไปเองไหม นักเรียนสาวคนที่ว่าและผมไม่รู้แม้กระทั่งชื่อหันมามองดูเสาไฟฟ้าที่ผม แอบอยู่ ผมรีบเอาหัวหลบและเอาหลังพิงเสาไฟฟ้าตันนั้นด้วยร่างกายอันสั่นเทาและเขิน อาย เหงื่อของผมผุดไหลออกมาอย่างรวดเร็ว

“ มีอะไรเหรอครับ “ นักเรียนชายที่ใส่แว่นถามนักเรียนสาวคนนั้นอย่างสงสัย

“ เปล่า “ เธอพูดทั้ง ๆ ที่สายตาของเธอยังมองไปยังเสาไฟฟ้าต้นที่ผมยังแอบอยู่ “ ไม่มีอะไร “

เมื่อเธอพูดจบ เธอก็เดินไปขึ้นรถเมล์เพื่อกลับบ้านพร้อมกับเพื่อนของเธอ โดยขณะที่นักเรียนสาวผมสั้นยังคงวิ่งไล่นักเรียนชายผมแหลมอยู่โดยไม่เลิก

“ จะหนีไปไหนยะ ไอ้ลามก “

“ หนีขึ้นรถเมล์นะสิฟะ “ นักเรียนชายคนนั้นร้องและวิ่งขึ้นรถเมล์ ในขณะที่นักเรียนสาวผมสั้นวิ่งตามขึ้นไป ประตูรถเมลล์คันนั้นปิดลงทันทีและเคลื่อนจากผมไปอย่างช้า ๆ

เมื่อผมเดินออกมาจากเสา ไฟฟ้าในที่สุดเมื่อรถเมล์คันนั้นหายลับจาสายตาผม ผมถอนหายใจอย่างหนักใจ ตลอดเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ผมเฝ้ารอ ผมมาแอบมองเธอ แต่ดูเหมือนเธอไม่เคยมองมาที่ผมยืนอยู่เลย ยกเว้นครั้งนี้ครั้งเดียว ผมหวังไว้ใจมาโดยตลอดว่าเธอจะหันมามองผมบ้าง แต่พอเอาจริง ๆ ผมกลับทำตัวไม่ถูก ผมส่ายหัวกับความคิดที่อยากไปขอเป็นเพื่อนกับเธอ เพราะคนจน ๆ ที่เรียนโรงเรียนโทรม ๆ อย่างผม สาวคุณหนูที่ไหนจะสนใจหละ จริงไหมครับ ผมก้มหน้าคอตกอย่างผิดหวังกับความคิดตนเองอีกครั้ง จากนั้นก็เดินไปที่ป้ายรถเมล์หน้าโรงเรียน ท่ามกลางสายตาของนักเรียนโรงเรียนหรูที่มองผมราวกับขอทาย แต่ผมไม่สนใจ ผมโบกมือเมื่อรถเมล์คันนึงเคลื่อนมาจอดหน้าป้ายโรงเรียน จากนั้นก็ขึ้นรถเมลล์คันนั้นโดยไม่สนใจเลยว่ามันสายอะไร ผมเลือกที่นั่งหลังสุดของรถ แล้วก็ยื่นมือที่มีเหรียญให้กระเป๋ารถเมลล์ พลางมองดูวิวข้างทางอย่างใจลอย

ระหว่าง ที่รถเมลล์เคลื่อนที่ ผมมัวแต่นึกถึงภาพของเธอ ภาพรอยยิ้มของเธอ ทำให้ผมอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ผมนึกแล้วผมก็ถอนหายใจอีกรอบ เมื่อรถเมลล์ขับเลยมา 2 ป้าย ผมก็ลงจากรถเมลล์ทันที ท้องฟ้าเริ่มมืดละ ผมเดินไปเพื่อหาซอยเข้าอาพาตเมนต์ที่ผมไปซุกหัวนอนอยู่ ว่าแต่ ไหนหว่าซอยที่ว่า ผมเงยหน้ามองป้าย

เฮ้ย ที่นี่มันที่ไหนเนี่ย เวรกรรม นี่ผมขึ้นรถเมล์ผิดสาย !

งานเข้าละตู แล้วเราอยู่ที่ไหนเนี่ย แถมเดินเข้าซอยอะไรมาไม่รู้มั่วด้วย ผมมองดูข้างหลังที่มีป้ายรถเมล์นั้น กลับกลายเป็นว่าบนป้ายรถเมล์ไม่มีสายรถเมล์ที่จะกลับไปทางบ้านผมเลย ผมหันไปมองซอยข้างหน้า ก็เห็นถนนใหญ่อีกเส้นอยู่อีกฟากของถนนซอยนี้ ผมเดินไปข้างหน้าต่อเพื่อหวังว่าจะเจอกับชื่อป้ายบอกทาง จะได้รู้ด้วยว่าผมอยู่ที่ไหน ตังค์ขึ้นแท็กซี่ก็ไม่มี เจริญ

ระหว่าง ที่ผมเดินเข้าไปในซอยที่ว่านี้ ผมกลับรู้สึกแปลก ๆ ราวกับว่าผมกำลังจะเดินเข้าไปพัวพันอะไรสักอย่าง บ้านเรือนที่พักอาศัยรอบข้างปิดไฟกันหมด ราวกับว่าพวกเขาอพยพไปเที่ยวกันยกซอยอย่างนั้นหลิ เมื่อผมมองดูกระดาษที่แปะข้าง ๆ เสาไฟฟ้า ก็พบว่ามีงานบวชอยู่ในวันนี้ที่ต่างจังหวัด สงสัยเพราะไปงานบวชกันยกซอยมั้ง ผมยักไหล่กับความคิดนั้น แล้วก็เดินเข้าไปในซอบมากขึ้น ตอนนี้ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว มีบางบ้านเท่านั้นที่เปิดไฟให้สว่างขึ้น รอบข้างผมมีแต่เสียงจิ้งหรีดร้องเล็กน้อยและไฟที่ส่องสว่างจากเสาไฟฟ้าเท่า นั้น วังเวงยังไม่รู้วุ้ย จะมีกระเทยแรมโบ้มาข่มขืนฉันเปล่าวะเนี่ย เสียวนะโว้ย !

ภาพของหนังสือพิมพ์ ที่ผมอ่านเมื่อเช้าปรากฏขึ้นในหัวของผม ภาพของข้อความของการสัมภาษณ์ของผู้รอดชีวิตว่าเห็นคนร้ายในสภาพครึ่งคนครึ่ง เสือเข้าในความคิดผมทันที ผมหอบหายใจแรงขึ้นเมื่อผมมองไปรอบ ๆ อย่างตกใจ อะไร กันนั่น ผมคิดในใจพลางปาดเหงื่อที่เริ่มผุดขึ้นมาบนหน้าผากของผม นี่มันอะไรกัน ผมจึงหยุดเดินและมองไปรอบอย่างสงสัย เพราะเหมือนกับว่ามีใครกำลังแอบมองผมด้วยนั่นเอง

บน ตึกที่ผมหยุดเดินอยู่นั้น บนชั้น 2 ก็มีร่าง 2 ร่างกำลังโต้เถียงกันอยู่

" ผมบอกคุณแล้วไง " ผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ในห้องบอก เขาเห็นใบหน้าไม่ชัดเพราะอยู่ในความมืด " ผมต้องการยาที่ทำให้คนกลายพันธุ์ได้ ไม่ใช่ยาที่สลับเพศอย่างที่คุณว่า "

" แต่ว่า " ผู้ชายอีกหนึ่งก็กำลังพูด ท่าทางเขาจะอายุมากกว่า " ถ้าเราผลิตยาแบบนี้มาได้ เราจะสามารถรักษาผู้ป่วยผู้หญิงที่มีฮอร์โมนเพศผิดปกติได้นะครับ "

” ที่ผมเชิญให้คุณเข้ามาร่วมองค์กรของเรา ไม่ใช่ให้คุณมาเป็นหมอนะ " ผู้ชายคนเดิมเดินเข้ามาใกล้ ๆ อย่างช้า ๆ " ไอ้ยาแบบนี้ " ชายคนนั้นคว้าขวดยาสีเขียวที่วางอยู่บนโต๊ะ ชายคนนั้นมองไปมารอบ ๆ ห้องสักพัก แล้วก็เทน้ำยาทิ้งหน้าต่าง

" อ้า นั้นมัน ยาตัวแรกที่ผมสร้างนะครับ ! ! "

ชายคนนั้นไม่สนใจ เขาเขย่ามือขวาเทนํ้ายาที่ว่าทิ้งลงหน้าต่างจนหมด แล้วก็เหวี่ยงลงพื้นห้องจนขวดแตกกระจาย สายตาต้องมาที่ชายคนที่ว่าอยู่อย่างเอาเรื่อง

" ท่าทางคุณ จะไม่มีประโยชน์ ซี่... กับองค์กรของเราแล้วสินะ " เขาพูดด้วยเสียงแปลก ๆ พลางเดินไปยังประตูทางออกห้อง " ก็ได้ ผมจะไม่ฆ่าคุณ ซี่.... รีบ ๆ ไสหัวไปซะ แล้วปิดปากเรื่ององค์กรของเรา ซี่... ให้เงียบ ๆ ไว้ละ " ชายคนนั้นเดินออกไปแล้วกระแทกประตูปิด ชายที่เป็นคนสร้างนํ้ายานั้นวิ่งออกมาดูที่หน้าต่างอย่างร้อนรน

" โถ่ หมดกัน " เขาพึมพำออกมาเมื่อพบว่านํ้าตาที่เขาสร้างขึ้นมากับมือเททิ้งลงหน้าต่างหมด แล้ว

" อะ อั่ค... "

" ! ! "

ชาย คนนั้นมองลงมาที่หน้าต่าง และพบร่างของผมกำลังนอนขดตัวอยู่บนพื้นถนน และร่างกายของผมนั้นก็เปรอะไปด้วยนํ้ายาสีเขียวของชายคนเมื่อกี้

" บรรลัยแล้ว " ชายคนนั้นรีบวิ่งออกไปนอกห้อง และเมื่อพบว่าคนที่ทิ้งนํ้ายาของเขานั้นไม่อยู่แล้ว เขารีบวิ่งลงมาที่ผมนอนอยู่ทันที โดยเขาเองก็ไม่ได้สังเกตเหมือนกับว่า พฤติกรรมของชายคนนี้ถูกจับตามองด้วยใครบางคน

ตอน นี้ผมนอนอยู่บนพื้น ใช่แล้ว และไม่รู้ทำไม มันถึงปวดแสบ ปวดร้อน แถมยังทรมานขนาดนี้ ! ! ผมจำได้ว่าผมอยู่กับที่อยู่ดี ๆ จู่ ๆ มีนํ้าอะไรไม่รู้ตกใส่หัวผม ไม่ทันที่ผมจะมองขึ้นไปดูเลยว่าน้ำอะไรหยดใส่หัวผม จู่ ๆ ร่างกายของผมนั้นก็กลับขยับไม่ได้และร้อนไปทั้งตัว ไม่นะ ทำไมเราถึงขยับแขนขยับขา แม้แต่จะขยับตัวเองก็ยังทำไมได้ นี่ นี่เราเป็นอะไรไปแล้ว ผมคิดในใจอย่างร้อนรนพลางคุกเข่าและลงไปดิ่นพราด ลงกับพื้นอย่างควบคุมไม่ได้

“ ทะ โทรศัพท์ “ ผมอ้าปากพึมพำออกมาอย่างเหนื่อยล้า มือของผมพยายามหยิบมือถือของผมที่อยู่ในกระเป๋าทางเกม แต่ผมกลับควบคุมมือตนเองไมได้ ตาของผมลายมากขึ้น และหอบหายใจแรงขึ้น ราวกับว่าผมไม่สามารถหายใจได้อีกแล้ว ภายในตัวของผมร้อนมาก ราวกับอวัยวะอายในของผมกำลังจะละลาย

" ไอ้หนู " เสียงผู้ชายที่ดูสูงอายุวิ่งเข้ามาหาผม " เป็นอะไรรึเปล่า ไอ้หนู ! ! "

ผม พยายามลืมตามองขึ้นว่าใครทักผม แต่ว่า ร่างกายมันไม่ทำตามคำสั่งเลย อั่ค ไม่นะ ที่เรากำลังจะตายในที่แบบนี้เนี่ยนะ ผมหอบหายใจแรงขึ้นกว่าเดิม ไม่ นะ ฉันยังไม่มีแฟนเลย ยังตายไม่.. ได้ และทุกอย่างที่ผมมองเห็นก็เริ่มเป็นสีดำ

“ ไอ้หนู ! ! "

สติ ของผมเลือนหายไปกับความมืด และผมก็ไม่รู้สึกอะไรอีก และหารู้ไม่ว่า มีอะไรบางอย่าง กำลังเกิดขึ้นในตัวผม และผมกำลังไปพัวพันกับอะไรบางอย่าง ที่จะทำให้ชีวิตของผมเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล


Create Date : 22 เมษายน 2553
Last Update : 22 เมษายน 2553 22:35:33 น. 0 comments
Counter : 393 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Parnkung
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Parnkung's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.