ประธาน กทค. ยันประมูลคลื่นโทรคมนาคม ทำตามกฎหมาย โดยประโยชน์สูงสุดของประชาชนต้องมาเป็นอันดับแรก ระบุเห็นใจ สหภาพฯ ที่ได้รับผลกระทบต่อการเปลี่ยนกฎหมาย...
เมื่อวันที่ 16 ส.ค. พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) กล่าวถึงกรณีที่สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ จำนวน 43 แห่ง รวมถึงสหภาพฯ อสมท เข้ายื่นออกแถลงการณ์ การออกกติกาประมูลคลื่นโทรคมนาคม ที่ต้องเปลี่ยนจากระบบสัมปทานไปสู่การให้ใบอนุญาต ส่งผลกระทบกับ 2 รัฐวิสาหกิจ คือ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) โดยให้เหตุผลว่า หลังจาก กสทช.เข้ามากำกับดูแล พบว่า คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ไม่ได้ปกป้องรักษาผลประโยชน์ชาติ และไม่ได้สร้างกลไกตลาดการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรม และทำให้รัฐวิสาหกิจทั้ง 2 แห่งต้องแบกภาระว่า กสทช.ปฎิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ เห็นใจสหภาพฯ ที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนผ่านของกฎหมาย จึงเป็นเรื่องของทุกฝ่ายที่จะต้องช่วยกันให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ลดผลกระทบและเกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติ
ประธาน กทค.กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ กทค.ตระหนักถึงประโยชน์ของรัฐและการคุ้มครองสิทธิ์ของคู่สัญญาสัมปทานตามรัฐธรรมนูญ การดำเนินการต่าง ๆ เช่น เรื่อง อินฟา-แชร์ริ่ง ก็จะเป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่ายรวมทั้ง CAT เอง เพราะในอนาคตทุกค่ายสามารถมีโครงข่ายของตนเองและ CAT ก็สามารถขอใช้ได้เป็นการลดค่าใช้จ่ายต้นทุนถูกลง ค่าบริการย่อมถูกลง เรื่องการโอนย้ายก่อนสัมปทานสิ้นสุด มีการเคลื่อนไหวให้ กสทช. เข้าไปผลักดันเร่งให้โอนย้ายคราวละมาก ๆ กสทช.เองก็ไม่ได้เห็นตามโดยทำอยู่ในกรอบไม่ให้กระทบต่อสิทธิ์ของคู่สัญญาสัมปทานและประโยชน์ของรัฐ หลายเรื่องที่ กสทช.ดำเนินการเพราะดำเนินการตามกฎหมาย
"ยืนยันว่าดำเนินการตามขั้นตอนถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ แต่ถ้าเป็นประเด็นที่บทบัญญัติของกฎหมายมีข้อขัดข้อง ก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการที่จะต้องมีการแก้ไขปรับปรุงให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้ หน้าที่ในฐานะกรรมการ กสทช.ต้องเป็นกลาง และต้องคำนึงถึงประโยชน์ 3 ฝ่าย คือ ประชาชน รัฐ และผู้ประกอบการ โดยประโยชน์สูงสุดของประชาชนต้องมาเป็นอันดับแรก" พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าว.