ยินดีต้องรับเข้าสู้ "ห้องพระ" ห้องที่รวบรวมข้อมูลวัตถุมงคล เพื่อประโยชน์ต่อผู้ที่ต้องการเสริมดวงชะตา ลดเคราะห์กรรม เพิ่มบารมี เพื่อชีวิตที่ดีกว่าเดิม ทุกรุ่น ทุกแบบ ล้วนมีประสบการณ์เป็นที่ประจักษ์ต่อบรรดาลูกศิษย์ทั้งหลาย
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2557
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
4 มีนาคม 2557
 
All Blogs
 
หินเขียวแม่น้ำโขง (หินโขงเขียว) ธาตุกายสิทธิ์จากลุ่มแม่น้ำโขง

ก้อนหินแต่ละก้อน ล้วนมีอายุยืนนานพอๆกับโลกใบนี้ เชื่อกันมานานนับพันปีว่าหินแต่ละก้อนต่างมีความเป็นมาที่แตกแต่งกันจากรูปลักษณะ และแหล่งที่หินนั้นไปอยู่ โดยมันจะซึมซับพลังงานธรรมชาติไว้ อย่างมากมาย  หินบางก้อนมีความสวยงามก็จะถูกแยกออกเป็นอัญมณีหรือรัตนชาติ   ซึ่งแท้ที่จริงบรรดาอัญมณี ทั้งหลายก็คือ หินชนิดหนึ่งนั่นเอง


หินแต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่เหมาะสมแตกต่างกันออกไป สิ่งเหล่านี้นำมาซึ่งความอาถรรพณ์ มหัศจรรย์และความลึกลับ หินบางชนิดใช้เป็นเครื่อง ประดับตกแต่งร่างกาย เพื่อบ่งชี้ถึงสถานะทางสังคม ในสมัยโบราณหินบางชนิดใช้กันเฉพาะในราชวงศ์ชั้นสูงเท่านั้นความเชื่อในเรื่องของการใช้หิน เพื่อเป็นเครื่องรางของขลังนั้นมีมาตั้งแต่ยุคโบราณ เนื่องจากมีความเชื่อกันว่า หินบางชนิดเมื่อมีการนำมาคำนวณกับ วัน เดือน ปีเกิด ของผู้สวมใส่ จะสามารถนำโชคและเพิ่มพลังแห่งการปกป้องคุ้มครองรวมทั้งขจัดภัยอันตรายให้แก่เจ้าของได้ จึงนิยมที่จะมอบหินที่ตนเชื่อว่า เป็นเครื่องรางคุ้มภัยให้แก่บุคคลอันเป็นที่รัก เพราะเชื่อว่า หินหรือรัตนชาติทุกก้อนมีรังสีเช่นเดียว กับดาวเคราะห์อื่นๆ และรังสีนั้นมีผลต่อมนุษย์ ความเชื่อนี้มีมากในแถบเอเชีย อินเดีย อียิปต์ รวมถึงไทยด้วย จึงได้มีการนำหินที่มีค่าและหายากหรือที่นิยมเรียกกันว่า "อัญมณี" มาใช้สวมใส่ให้ถูกโฉลกกับ วัน เดือน ปีเกิด ของตนเอง เพื่อความเป็นสิริมงคลหินนำโชคแต่ละชนิดจะมีรูปร่างและลักษณะที่แตกต่างกันไปตามส่วนประกอบของแร่ธาตุที่อยู่ในหิน และยังถือเป็นเครื่องรางของขลังเพื่อปกป้องคุ้ม ครองอันตราย  ในด้านของการเดินทางทั้งทางบกและทางน้ำ รางบอกเหตุของหิน หินจะมีการเปลี่ยน แปลงในลักษณะของสี ซึ่งเชื่อกันว่าหินที่มีความสวยงามและสมบูรณ์  มีสีสันสดใสจะนำมาซึ่งความโชคดีให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ ในทางตรงกันข้าม หินที่มีสีหมองมัวจะนำโชคร้ายมาสู่ผู้ครอบครอง บางครั้งจะทำหน้าที่เตือนภัยถ้าหินนั้นมีรอยร้าวหรือแตกหัก   นักวิทยาคมชาวยุโรป จะสามารถสื่อสารกับหินประจำตัวที่ เชื่อว่ามันจะนำโชคดีมาให้   โดยเข่าจะไปเก็บหินตามสถานที่ต่างๆ    ที่นิยมก็คือ  บนเขา  และแหล่งน้ำ   ความเชื่อ ลักษณะนี้ก็มีในเมืองไทยเช่นกัน   หินขนาดเล็กที่สุดที่นำมาใช้ในทางของค้ำของคูนก็คือ  “ทรายแม่น้ำ”  นั่นเอง  เชื่อว่า สิ่งที่ได้จากแม่น้ำ ที่เป็นสัญลักษณ์ของความร่มเย็นอุดมสมบูรณ์จะมีพลานุภาพทำให้สิ่งที่อยู่ใกล้ๆมันมีความร่มเย็นด้วย  ทรายแม่น้ำจึงมักนำมาใส่กระถางธูปบูชาพระ    สำหรับหินใต้น้ำนั้น  จะมีลักษณะกลมเกลี้ยง   ปราศจากเหลี่ยมมุมเนื่องจากสายน้ำได้กัดเซาะกล่อมเกลา   ถือว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความ  เยือกเย็นด้วย ในพิธีกรรมสำคัญก็จะมีการนำหินใต้น้ำมาเป็นสัญลักษณ์มงคลอย่างประเพณีการเชิญพระอุปคุต ในวันเพ็ญพุธ (ขึ้นสิบหาค่ำวันพุทธ)  ก็ใช้หินที่งมจากแหล่งน้ำแทนรูปเคารพพระอุปคุต

สำหรับหินแม่น้ำ ในบางสถานที่ก็ถือว่าได้รับพลังอำนาจจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่รักษาแหล่งน้ำนั้นด้วย  โดยเฉพาะหินที่แม่น้ำโขงซึ่งถือว่าเป็นแม่น้ำที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองอยู่ หลายๆคนเชื่อว่า คือ พญานาค ตามตำนานท้องถิ่นที่ผูกพันกับพญานาค หินแม่น้ำโขงจะมีหลายสีหลายวรรณะตั้งแต่ ขาวใส ขาวนวล เป็นก้อนกลมไม่ใหญ่มากนัก บางทีเรียกว่า “หินบัวลอย” นอกจากนี้ ยังมี สีน้ำผึ้ง  สีส้ม  สีแดง   สีเขียว    สีดำมัน   และสี กระซึ่งหมายถึง หลากสีในก้อนเดียวกัน  มีลวดลายสวยงามแปลกตา  หินเหล่านี้มีทั้งโปร่งแสงและทึบแสง   ซึ่งการจะนำมาเป็นของค้ำของคูนนั้นก็ต้อง ทำพลีกรรมให้ถูกต้อง  โดยบริเวณที่จะนำหินมาใช้  จะต้องเป็น “วังน้ำ “คือบริเวณนั้นเกิด  การหมุนวนของน้ำ    เชื่อว่าตรงนั้นก็คือวังพญานาค  เมื่อเก็บหินบริเวณนั้นมาแล้วก็จะนำมาบูชาถือว่าเป็นสื่อสัญลักษณ์ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ประจำวังน้ำนั้น   นอกจากนี้บางที่ก็นำหินใต้น้ำมาปลุกเสกโดยใช้การกลั่นธาตุ  หนุนธาตุตามวิชาสมถกรรมฐานโบราณ  ซึ่งไม่ใช่วิปัสสนา อย่างที่บางท่านเข้าใจ ต้องบอกว่า มันคนละเรื่องนะครับ  เพราะวิปัสสนาจริงๆ แล้ว เขาไม่มีการปลุกเสกใดใดทั้งสิ้น การทำวิปัสสนาเป็นการปลุกเสกใจผู้ปฏิบัติต่างหาก ส่วนสมถะเป็นกีฬาสมาธิ เมื่อฝึกสมถะจนจิตมีกำลังก็ใช้ประโยชน์ได้ทั้งทางโลกและเป็นพื้นฐานเพื่อเจริญในธรรมต่อไป การปลุกเสกศิลาน้ำหรือหินใต้น้ำก็จะเป็นการ โปรแกรมหรือจัดระบบพลังงานเพื่อเสริมธาตุพลังที่มีอย่างล้นเหลือในหินแต่ละก้อนนั้น  ให้แสดงพลานุภาพที่ซ่อนเร้นภายในออกสู่ภายนอก   

หินแม่น้ำโขงมีพลังลี้ลับในตัวแทบทุกก้อน หากอธิษฐานขอความศักดิ์สิทธิ์ อย่าเห็นเป็นก้อนกรวดก้อนหินธรรมดา ความศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่เราทำใจเชื่อหรือศรัทธาได้หรือไม่? ก้อนหินแม่น้ำโขงจะมีพลังในการทำให้ร่มเย็น สามารถอธิษฐานแช่น้ำทำน้ำมนต์ในคราวคับขัน บางครั้งบันดาลโชคดีให้ผู้ครองครองอย่างเหลือเชื่อ การเก็บหินแม่น้ำโขงในปัจจุบัน แม้จะมีการกระทำเชิงธุรกิจเก็บขายกันดาษดื่นขายในแบบใช้งานเป็นเครื่องประดับบ้านเรือน หรือทำประโยชน์ในด้านอื่นๆ แต่หากต้องการศิลาน้ำมาใช้แบบของค้ำของคูนจริงๆ  ต้องงมจากแม่น้ำโขง บริเวณที่น้ำไม่เคยแห้ง หรือได้ตรงวังน้ำก็ยิ่งดี เมื่อได้ศิลาน้ำมาต้องเลือกเม็ดที่กลมเกลี้ยงสีสะอาดตามาใช้ อธิษฐานขอความเป็นศิริมงคล สำหรับการที่บางท่านว่าศิลาน้ำต้องเป็นเม็ดใสนั้นขอบอกว่าไม่จำเป็นเสมอไป หากหาเม็ดใสได้ก็ดีแต่ต้องระวังในกรณีที่นำมาร่อนกัดสีหินด้วย   สำหรับศิลาน้ำจากแม่น้ำโขงนั้นมีหลายสี อย่างสีเขียวก็เรียกว่า “เขียวโขง” ก็มี  แต่เราต้องตระหนักไว้ว่า   หินทุกก้อนก็เกิดพร้อมๆกันบนโลกใบนี้ ขอเพียงเราศรัทธายึดมั่นก็สามารถใช้พลังลี้ลับจากหินนำโชคชนิดนี้ได้ ศิลาน้ำหรือหินใต้วังน้ำเป็นของค้ำของคูนที่มีมาคู่กับโลกใบนี้ ทรงอานุภาพชุ่มเย็นจากอาโปธาตุที่สั่งสมสัมผัสกับปถวีธาตุมานานนักหนา ถือเป็นธาตุฝ่ายกุศลเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้าม  ท่านที่สนใจธาตุกายสิทธิ์ต่างๆ ก็ควรหามาไว้ติดบ้านเรือนจะทำให้มีคววามสงบสุขไม่รุ่มร้อน และหากได้รับการปลุกเสกหรืออธิษฐานอย่างถูกวิธีจากผู้รู้ก็จะแสดงอานุภาพมายิ่งขึ้นเป็นทวีคูณ  ศิลาน้ำหนึ่งก้อน เมื่อใส่ลงในน้ำอธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่รักษาศิลาน้ำนี้ก็จะทำให้น้ำนั้นแปรสภาพเป็นน้ำมนต์ที่มีอิทธิคุณสูง  หรือติดตัวก็จะแสดงอิทธิคุณปกป้องจากอาถรรพ์มนต์ดำต่างๆ  ผู้ที่เล่าเรียนไสยเวทหากหาศิลาน้ำมาไว้ก็จะทำให้อาถรรพ์อาคมที่ทำให้รุ่มร้อน สงบเย็นลง เป็นของดีจริงๆ ที่ผู้ทรงจิตานุภาพต่างยอมรับจนเป็นตำนานของค้ำของคูนของชาวสยามเลยทีเดียว

ที่มา //www.ounamilit.com/ad_silanham.html

หินแม่น้ำโขง




Create Date : 04 มีนาคม 2557
Last Update : 4 มีนาคม 2557 13:42:59 น. 0 comments
Counter : 7214 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 1274472
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 1274472's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.