Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
 
6 กุมภาพันธ์ 2551
 
All Blogs
 
Across The Universe--เราอาจต้องว่ายข้ามห้วงจักรวาลเพื่อตามหาความรัก

Across The Universe เราอาจต้องว่ายข้ามห้วงจักรวาลเพื่อตามหาความรัก




“When I find myself in times of trouble
Mother Mary comes to me
Speaking words of wisdom, let it be”


แม้จะเคยฟังเพลงนี้มาเป็นร้อย เป็นพันครั้ง แต่ไม่มีครั้งใด ที่เพลงนี้จะเศร้าสุดใจเหมือนในภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ละประโยคที่เปล่งออกมาจากหนุ่มน้อยคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนถนนข้างรถยนต์ที่มีฉากหลังเป็นสงคราม แต่ละชีวิตค่อยๆ ร่วงหล่นลงสู่พื้นหลังจากเสียงปืนดังขึ้นนัดแล้วนัดเล่า

ภาพนั้นหายไป เสียงของหนุ่มน้อยก็หายไป


หนุ่มน้อยคนนั้นนอนสงบนิ่งไม่ไหวติงในโลงศพ เสียงเพลง Let It Be ในแบบกอสเปลดังขับขาน สวดส่งดวงวิญญาณดวงน้อยสู่อ้อมพระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้า

Let It Be, Let It Be, Let It Be...


ผมไปดูหนังเรื่องนี้ด้วยการรบเร้าจากผู้คนรอบข้าง ที่พูดประโยคเดียวกันซ้ำๆ ว่า ‘แกควรไปดู’ ที่จริงแล้ว โปสเตอร์หนังเรื่องผ่านตาผมมาหลายต่อหลายครั้ง ผมรู้สึกคุ้นๆ ว่าเหมือนกับ Paris, Je T’aime และ Romeo & Juliet แผ่นซีดีเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เคยนอนแอ้งแม้งอยู่บนโต๊ะทำงาน ก่อนจะถูกโยนโครมลงในลังที่ปิดผนึกไว้อย่างดีเตรียมหอบกลับบ้าน โดยที่ยังไม่ถูกเปิดฟัง


ถึงวันนี้ผมอยากจะตีอกชกหัวตัวเองว่าละเลยหนังเรื่องนี้และซีดีเพลงประกอบภาพยนตร์แผ่นนั้นไปได้อย่างไร

ค่าที่ไม่รู้มาก่อนว่าเรื่องราวความรักระหว่าง Jude และ Lucy ในหนังเรื่องนี้ ถูกขับขานผ่านบทเพลงทั้ง 33 เพลงของ The Beatles


Jude เปิดเรื่องด้วยเพลง ‘Girl’ บทเพลงจากอัลบั้ม ‘Rubber Soul’ ในปี 1965 ปีเดียวกันกับที่สงครามเวียดนามกำลังเริ่มต้น


“Is there anybody going to listen to my story. All about the girl who came to stay?. She's the kind of girl you want so much, It makes you sorry. Still you don't regret a single day.


จู้ดกำลังจะเล่าเรื่องของเขาให้เราฟัง เรื่องของเขาและหญิงสาวคนหนึ่ง เธอชื่อลูซี่

แน่ละ มันเป็นเรื่องราวความรัก


จู้ดเป็นหนุ่มจากลิเวอร์พูล เมืองท่าที่กำลังเติบโตด้วยอุตสาหกรรมต่อเรือ เขาเองก็ทำงานในอู่ต่อเรือ เป็นเพียงชนชั้นแรงงานที่ใฝ่ฝันจะโบยบินออกจากเมืองที่อึมครึมและเศร้าซึมแห่งนี้สู่สหรัฐอเมริกา เขามีแฟนสาวคนหนึ่ง คืนสุดท้ายที่ทั้งสองเจอกัน จู้ดบอกกับหญิงสาวคนนั้นว่า


“Close your eyes and I'll kiss you, Tomorrow I'll miss you; Remember I'll always be true. And then while I'm away, I'll write home every day, And I'll send all my loving to you”


ใช่แล้ว มันคือบทเพลง ‘All My Loving’ จากอัลบั้ม ‘With The Beatles’ ในปี 1963


เสียงของเขาช่างเปี่ยมเสน่ห์ แววตาของเขาที่มองเธอเปี่ยมไปด้วยความรัก แต่ใครจะรู้ได้ว่า รักครั้งนี้ คือครั้งสุดท้าย จะเป็นรักเดียว ชีวิตนี้จะไม่มีรักใหม่อีกแล้ว

ใครจะรู้ ในเมื่อ Love Is Old Love Is New รักมีเก่า รักมีใหม่


ที่จริงแล้วจู้ดมาตามหาพ่อ พ่อที่เขาไม่เคยเห็นหน้า ไม่เคยรู้จัก พ่อที่ทิ้งแม่ไปโดยที่ไม่รู้ว่าแม่กำลังท้อง เมื่อทั้งสองเจอกัน พ่อบอกกับเขาว่าไม่เคยรู้มาก่อนว่าแม่ของเขาท้อง ถ้ารู้จะรับผิดชอบ

จู้ดตอบกลับว่า แม่ไม่ต้องการความรับผิดชอบจากพ่อ แม่ต้องการความรัก

ที่นี่เองจู้ดได้รู้จักกับแมกซ์ ลูกชายทนายความที่ต้องการโบยบินอย่างอิสระสู่มหานคร นิวยอร์ก ซิตี และเขาทั้งสองก็ออกเดินทางร่วมกัน

จู้ดตกหลุมรักลูซี่—น้องสาวของแมกซ์ แต่เธอมีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว เขาเป็นทหารหนุ่มที่อาสาออกรบรับใช้ชาติ หนุ่มที่เธอร้องเพลง ‘It Won’t Be Long’ เพื่อรอวันที่เขาจะกลับมา


แต่เขากลับมาเพียงร่างไร้วิญญาณ


ลูซี่ตามมาอยู่กับแมกซ์ที่ นิวยอร์ก ในอพาร์ตเมนต์เล็กๆ ที่มีเจ้าของห้องเป็นนักร้องสาวชื่อแซดดี้ เธอใฝ่ฝันว่าสักวันจะเป็นนักร้องผู้โด่งดัง อีกหนึ่งสมาชิกคือ โจโจ้ หนุ่มผู้หลงรักเสียงกีตาร์ เสียงเพลงคือชีวิตของเขา พรูเดนซ์--สาวน้อยที่ชะตากรรมนำพาให้เธอมาอยู่ที่นี่

ทุกคนมารวมกันอยู่ที่นี่ พร้อมกับเสียงเพลง ‘Come Together’


ไม่นาน จู้ดและลูซี่ต่างตกหลุมรักกันและกัน ท่ามกลางบรรยากาศการเรียกร้องสันติภาพ และหยุดยั้งสงครามเวียดนามที่กำลังปะทุอย่างดุเดือด แมกซ์ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารและต้องรับใช้ชาติในสนามรบ ในขณะที่ลูซี่ตบเท้าเข้าร่วมงานกับขบวนการนักศึกษา ด้วยความฝังใจจากการตายของแฟนคนแรกของเธอ และความเป็นห่วงพี่ชายที่ต้องเสี่ยงชีวิตในสงครามอันงี่เง่าครั้งนี้


สงครามไม่เพียงทำร้ายผู้บริสุทธิ์ แต่ยังทำร้ายความรักของจู้ดและลูซี่


จู้ดกำลังจดจ่อกับการสร้างงานศิลปะ และครางแคลงใจกับความห่างเหินของลูซี่ ลูซี่เองก็คร่ำเคร่งอยู่กับขบวนการนักศึกษาที่พยายามประท้วงให้มีการยกเลิกสงครามครั้งนี้โดยเร็ว เพื่อชีวิตพี่ชายของเธอ เพื่ออดีตอันฝังใจ เพื่อมวลมนุษยชาติ

ทั้งสองคนเหมือนอยู่คนละฟากฝั่งของจักรวาล


ที่ใครคนหนึ่งต้องว่ายข้ามมาตามหาความรัก และเรียกคนที่รักกลับคืนมา


Across The Universe คือเพลงจากอัลบั้ม ‘Let It Be’ เพลงที่จอห์น เลนนอน แต่งขึ้นจากประโยคหนึ่งอันเป็นแรงบันดาลใจที่ภรรยาของเขา--Cynthia พูดกับเขาว่า


“Words are flowing out like endless rain into a paper cup”


และหลังจากนั้น ประโยคที่ดังซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ‘Nothing Gonna Change My World’ ก็ตามมา

เพลงที่จอห์น เลนนอน เคยพูดไว้ว่า บางทีเพลงนี้อาจเป็นบทกวีที่สวยงามที่สุดเท่าที่เขาเคยเขียนมา

และเช่นเดียวกัน หนังเรื่องนี้ก็ถ่ายทอดเสียงเพลงที่สวยงามที่สุด เพลงนี้ในฉากที่มีความหมายที่สุดเช่นเดียวกัน


ฉากที่จู้ดกำลังนั่งรถไฟใต้ดินเพื่อหาลูซี่ เธอกำลังก่อการประท้วงสงครามอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่งกับบรรดาเสรีชนผู้รักสันติภาพ ประโยคภาษาสันสกฤตอันคุ้นเคยดังขึ้นมาอย่างแผ่วเบา


“Jai Guru De Va Ohm”


จู้ดกำลังว่ายข้ามมหาสมุทรแห่งห้วงอวกาศเพื่อไปหาลูซี่


บทเพลงของ The Beatles คือตัวแทนแห่งบุปผาชน เป็นบทเพลงของเสรีชนแท้ หลายต่อหลายเพลงคือบทเพลงเพื่อชีวิตที่ขับกล่อมโลกใบนี้ ขบถต่อสังคมอย่างร้ายกาจ และหลายต่อหลายเพลงเป็นเพลงรักที่สวยงามราวกับบทกวี


การเรียงร้อยบทเพลงของ The Beatles เพื่อสร้างเป็นภาพยนตร์เพลงในเรื่อง Across The Universe จึงกลายเป็นความเต็มตื้นในอารมณ์อย่างที่สุด เมื่อเพลงทุกเพลงถูกตีความใหม่อีกครั้ง ภายใต้บริบทที่เนื้อหาของเพลงและภาพยนตร์ผูกสมัครรักใคร่กันอย่างกลมเกลียว ฉากหลังอันเป็นการประท้วงสงครามเวียดนามในยุค ’60s ของเหล่าเสรีชนในสหรัฐอเมริกาทำให้เพลงของ The Baetles เล่าความหมายด้วยตัวของมันเองได้ดีขึ้น สวยงามและเหมาะสม


ไม่ว่าจะเป็นเพลง ‘Let It Be’ ‘Revolution’ ‘I Want You (She’s So Heavy) หรือ ‘Happiness Is A Warm Gun’


และเรื่องราวของความรักระหว่างจู้ดกับลูซี่ หรือตัวละครอื่นๆ ทุกคนในภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็ทำให้เพลงรักของ The Beatles กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ทั้งเริงรื่น หม่นเศร้า เต็มไปด้วยอารมณ์อันหลากหลาย


‘I Want To Hold Your Hand’ กลายเป็นเพลงรักอันเดียวดายของพรูเดนซ์ในฉากเปิดเรื่อง ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้ยินสำเนียงอันหม่นเศร้าจากเพลงที่เริงรื่นเพลงนี้

‘If I Fell’ บัลลาดเสียงสวยจากหัวใจของลูซี่ ที่สงสัยในความมั่นคงทางใจ หากความรักจะเกิดขึ้นอีกครั้งกับจู้ด

‘Because’ ฉากที่สวยที่สุดและราวกับต้องมนตร์สะกด เสียงเพลงไหวกระซิบกับสายลมที่พัดพาให้หัวใจกระเจิดกระเจิง

Love Is Old Love Is New รักมีเก่า รักมีใหม่ เพราะอะไรหรือ…


และแน่นอน ‘All You Need Is Love’ เพลงที่จู้ดร้องออกมาจากหัวใจ ด้วยความรู้สึกที่อยากจะบอกกับลูซี่ บอกกับตัวเอง และคนทั้งโลก

ทุกเพลง ทุกจังหวะของดนตรีที่เรียบเรียงขึ้นมาใหม่ ทุกฉาก ทุกการเคลื่อนไหว สายตา ความรู้สึก เพลงของ The Beatles ทำให้หนังเรื่องนี้มีความหมาย และเช่นเดียวกัน หนังเรื่องนี้ก็ทำให้เราเข้าใจความหมายของเพลงของ The Beatles มากขึ้น


เหมือนกับที่เราเรียนรู้ที่จะเข้าใจความรัก


บางทีเราอาจจะต้องว่ายข้ามห้วงอวกาศอันกว้างใหญ่ ไม่ว่าห้วงอวกาศนั้นจะเป็นผืนแผ่นดินที่ไกลแสนไกล เป็นอุดมการณ์ที่อยู่กันคนละฟากฝั่ง เป็นตัวตนที่ต่างกันคนละขั้ว ฯลฯ เพื่อที่จะมีรัก ได้พบรัก และได้รัก


เพราะทั้งหมดในโลกนี้ที่เราต้องการคือความรักมิใช่หรือ















Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2551 0:35:30 น. 20 comments
Counter : 4576 Pageviews.

 
เรื่องนี้ผมได้ดูตั้งแต่ ตุลา ปีที่แล้ว 2 รอบ ชอบมาก ๆ เลยครับ
ไปดูกับ เพื่อน ๆ เด็กศิลปากร แบบว่าเพื่อน ๆ กรี๊ดกร๊าด กับ Art Direction กันมากมาย
ส่วนผม เด็กนิเทศ บุคคลผู้ไม่เคยชอบ หนังเพลงมาก่อน ก็ได้ตกหลุมรัก กับการนำเสนอแบบ หนังเพลงไปเป็นที่เรียบร้อย ด้วยหนังเรื่องนี้

หนังจบเดินไปซื้อ Soundtrack มาเลยทีเดียว

ในหนังจะชอบ ตอน เพลง i wanna hold your hand มาก ดูขลังมากเลย ชอบเวอร์ชั่นนี้อ่ะ เบส แบบว่า มีเสน่ห์ ดี

ส่วนฉาก ที่ชอบที่สุดก็เป็น ฉาก โบว์ลิ่ง อ่ะ สวยมาก ๆ
เป็นหนังเพลงวัยรุ่นที่ โมเดิร์นคลาสสิคมาก ๆ เลย

ตอนนี้กำลังเช่า DVD มาดูรอบที่ 3 เลยทีเดียว


โดย: pecochan วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:1:01:37 น.  

 
วันก่อนไปดูหนังเห็นโปสเตอร์หนังเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
แต่ไม่รู้ว่าเป็นหนังแนวไหน...
ได้มาอ่านที่คุณ จขบ.เขียนแล้ว...เริ่มอยากจะดูบ้างแล้ว


โดย: Almondblist วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:2:16:05 น.  

 
เข้ามาเยี่ยมบล๊อกจ้าาาา


โดย: Anny (ga_tan_u ) วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:6:28:09 น.  

 
โอยยยยย น็อทติ้งส กอนน่า เชนจ์ มาย เวิร์ลด์


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:03:43 น.  

 
เขียนได้น่าอ่านดีครับ...

เก็บรายละเอียดได้ดีจริงๆ...

หนังพยายามเก็บสไตล์ความเป็นบีเติลส์ในหลายๆ ฉาก..

โดยเฉพาะฉากเล่นดนตรีบนยอดตึก All you need is love...


โดย: หมีบางกอก (Bkkbear ) วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:13:52:05 น.  

 
"เก็บเงินอยู่ค่ะ ยังไม่พอค่าเช่าโรงแรม ค่าเช่าชุด ค่าพิมพ์การ์ด ค่าโน่นค่านี่ รวมถึงค่าตัวเจ้าบ่าวด้วย"

อันหลังนี่ แพง อ่ะ รติ เราว่า คงหายากที่สุดแหละ



โดย: ดาริ IP: 58.9.183.164 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:13:57:30 น.  

 
น่าดูจังเลยค่ะ รอดีวีดีท่าจะไม่สนุก


โดย: พี่แหม๋ว (ฟ้าคงสั่งมา ) วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:14:59:35 น.  

 
โว๊ววว ..น่าดูจังแฮะ..

มันเป้นหนังเพลงหร่อกเหรอ?

เด๊วต้องดูให้ได้..


โดย: ซซ วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:20:53:15 น.  

 
แหงะ...ไม่รู้จักอ่ะค่ะพี่ แต่ได้ยินว่าบีทเทิ้ลก็น่าดูชะมัด

ชอบ
v
v
เหมือนกับที่เราเรียนรู้ที่จะเข้าใจความรัก



บางทีเราอาจจะต้องว่ายข้ามห้วงอวกาศอันกว้างใหญ่ ไม่ว่าห้วงอวกาศนั้นจะเป็นผืนแผ่นดินที่ไกลแสนไกล เป็นอุดมการณ์ที่อยู่กันคนละฟากฝั่ง เป็นตัวตนที่ต่างกันคนละขั้ว ฯลฯ เพื่อที่จะมีรัก ได้พบรัก และได้รัก



เพราะทั้งหมดในโลกนี้ที่เราต้องการคือความรักมิใช่หรือ
^
^
ดี

ถูก

อีกอย่างพระเอกหน้าตาดีทีเดียวเชียว
หนังแนว หนังติสท์


โดย: นางสาวดุ่บดั่บ วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:4:07:39 น.  

 
ยังไม่ได้ไปดูเลยค่ะ


โดย: renton_renton วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:13:10:15 น.  

 
หวังว่าตอนนี้จะยังฉายอยุ่นะ


โดย: lamerdejoy IP: 202.57.140.170 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:53:32 น.  

 
เพลงเพราะ
หนังน่าดู


โดย: ม่วนหลังอาน (ม่วนน้อย ) วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:20:04:40 น.  

 
แหะๆ ยังไม่ได้ดูเลยแฮะ
เพลงก็ได้ฟังแต่ Acrossฯ ที่สาว Fional ร้องนี่แหละ


โดย: Unravel วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:22:48:50 น.  

 
Across the universe เคยฟังแต่ที่ Rufus somebody ร้องใน Brokeback Moutain แต่ทันก็เศร้าพอกัน


สปุตนิกสวีตฮาร์ท ไม่หวานโดนใจเท่า คาฟก้าริมฝั่งทะเล ค่ะ อ่านสปุตนิกไม่รู้เรื่อง แต่ต้องลองดูเองนะ


โดย: อั๊งอังอา วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:23:22:38 น.  

 
กรี๊ดดดด ๆ ๆ ๆ ๆ พี่เก่งขายออกแล้วเหรอพี่ กรี๊ด ๆ ๆ
ต้องไปอัพกับนิวใหม่ซะแระ อิอิ...อย่าบอกนิวนะ!!

วันนี้มาแนวไหนเนี่ยพี่ แหม แกล้งชมกันซะลอยเท้งเต้ง
เห็นปกติแอบกัดตลอด...อย่าคิดว่าไม่รู้นะคะ อิอิ
งั้นตอนนี้ก็เหมือนแพนเค้กได้แล้วสิ ช่ายป่าว??

อิจฉา ๆ อยากไปแด๊นซ์มั่งอ่า แล้วพี่มินต์ไม่บินเหรอน่ะ?
ไหงมาฉลองวาเลนไทน์กับพี่ ๆ ได้ หรือว่าฉลองวันเกิดไปด้วยเลย
ฝากบอกด้วยน้าว่าสุขสานต์วานเกิดดดดดดด คิดถึง ๆ
ไม่เป็นไรหรอกพี่ เดี๋ยวพี่ ๆ ก็ขายออกกัน เชื่อหนูเต๊อะ
ปลอบใจกันไปปลอบใจกันมาอย่างนี้แหละนะ
ฝากบอกเพื่อนพี่ด้วยว่า ขายไม่ออกเดี๋ยวปอยซื้อเอง

อิอิ รู้นะว่าใคร



โดย: นางสาวดุ่บดั่บ วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:0:42:46 น.  

 
โอ๋ย โหยย โย๋ววว

.

.

.

.

คือว่างี้ไงคะ

วันที่ 17 ปั๊บบบบ ก็จะเข้ามาอวยพรปุ๊บไงงงงงงงง

พี่มิ้นต์เนี่ย ไม่ค่อยได้เจอ แต่พี่อ่ะ เจออยู่กันในบลอค
เข้ามาอวยได้สะดวกกว่างายยยยยยยยยยยยยยยย
(รอดตัวป่าวฟร่ะกรู!!!!~)

อิอิ

เพื่อนพี่ไม่ใช่เนื้อหมูนะคะ จะได้ยิ่งอ้วนยิ่งราคาดี กรั๊ก ๆ
(อย่าไปบอกเค้านะ ฮาฮา)
ฝากเจรจาต่อรองให้หยุดราคาไว้ก่อนแล้วกันนะพี่
กำลังเก็บตังค์อยู่ อิอิ


โดย: นางสาวดุ่บดั่บ วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:2:43:48 น.  

 

ขอให้มีความสุข...สดชื่น...สมหวัง

กายและใจแข็งแรง

เป็นที่รักของทุกคนนะคะ




โดย: ปักเป้าจุด วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:0:09:53 น.  

 
มีความสุขมากๆนะค่ะ สุขภาพกายเเละใจเเข็งเเรงค่ะ


glitter-graphics.com



โดย: รวิษฎา วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:0:24:06 น.  

 



สุขสมหวัง สุขภาพแข็งแรงครับ


โดย: zunzero วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:0:48:45 น.  

 
วันเกิดปีนี้ขอให้มีความสุขมากๆนะครับ


โดย: ปืนแก๊ป วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:1:12:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แอบชอบ คห. ข้างล่าง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ผู้ชายที่ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจัย 5 อย่าง หนัง เพลง หนังสือ กาแฟ และบุหรี่
Friends' blogs
[Add แอบชอบ คห. ข้างล่าง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.