ขุนพันธรักษ์ราชเดช มือปราบดาบแดง ขุนพันธ์ดาบแดง

ฮือฮา 'เลขเด็ด' ปูชนียบุคคล 'ขุนพันธรักษ์ราชเดช' อดีตมือปราบจอมขมังเวทฟ

วันนี้หากเอ่ยชื่อ “มือปราบดาบแดง” หรือ “ขุนพันธ์ดาบแดง” เชื่อว่าคนรุ่นใหม่คงแทบไม่มีใครรู้จัก แต่ถ้าย้อนอดีตกลับไปราวครึ่งศตวรรษรับรองได้ว่าทุกคนล้วนรู้จักเป็นอย่างดี เพราะเป็นฉายาของ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช อดีตนายตำรวจมือปราบที่โชว์ผลงานไว้อย่างมากมาย กลายเป็นตำนานให้ “คนสีกากี” จดจำไว้ชั่วลูกชั่วหลาน

พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช อดีต ผู้บังคับการตำรวจภูธร เขต 8 เป็นชาวเมือง นครศรีธรรมราช โดยกำเนิด ได้สร้างเกียรติประวัติในหน้าที่การงานจนเป็นที่รู้จักและยอมรับกันทั่วไปในภาคใต้และในจังหวัดอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝีมือในการปราบปราม โจรผู้ร้ายในสมัยก่อน นอกจากนี้ท่านยัง เป็นผู้สนใจวิชาการด้านประวัติศาสตร์ คติชนวิทยาและไสยศาสตร์เป็นพิเศษ ดังมีข้อเขียนปรากฏอยู่ในหนังสือและวารสารต่าง ๆ หลายฉบับ

ย้อนอดีตไปหลายสิบปีก่อน พูด ถึง ตำรวจ คงจะไม่มีใครในประเทศไทยจะ ไม่รู้จัก พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ ราชเดช นายตำรวจร่างเล็กที่มีหัวใจเด็ดเดี่ยว มีจิตวิญญาณของการเป็น ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ซึ่งผู้คนทั่วไปรู้จักนายตำรวจผู้นี้ในหลาย ๆ ชื่อ เช่น ขุนพันธ์ดาบแดง ขุนพันธ์ดาบคู่ ขุนพันธ์จอมขมังเวท ขุนพันธ์หนังเหนียว วีรบุรุษตำรวจแดนใต้ มือปราบสิบทิศ เป็นต้น การทำงานด้วยความสำนึกต่อหน้าที่บนพื้นฐานของความทรหดอดทน ไม่เห็นแก่ความเหนื่อย ยาก ที่สำคัญคือมีความกล้าหาญไม่เกรง กลัวหรือตกอยู่ใต้อิทธิพลนอกกฎหมายทุกรูปแบบ ทำให้ฉายาต่าง ๆ ตามมาเหมือนเงา ตามตัว

พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช เป็น แบบอย่างตำรวจหัวใจสิงห์ ผู้หาญกล้าเสียสละเพื่อประชาชน โดยยึดมั่นในปณิธาน ที่ว่า “เคารพเอื้อเฟื้อต่อหน้าที่ กรุณาปรานีต่อประชาชน อดทนต่อความเจ็บใจ ไม่หวั่นไหวต่อความลำบาก ไม่มักมากในลาภผล บำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน”

บรรดาเสือร้ายหรือขุนโจรชื่อดังทั่วประเทศในอดีตในภาคใต้ล้วนสยบอยู่ในอุ้งมือนายตำรวจผู้นี้มาแล้วทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น เสือสังข์ เสืออะแวสะดอตาและ หรือ 4 เสือสุพรรณฯ ประกอบด้วย เสือฝ้าย จอมโจรชื่อดังที่ได้รับฉายาว่า “พ่อเสือ” เสือใบ เสือมเหศวร และ เสือดำ เหล่าเสือร้ายเหล่านี้ เคยมีชื่อเสียงและ มีอิทธิพลจนหาใครปราบไม่ได้เสียที ในสมัยนั้นไม่มีตำรวจคนไหนกล้าที่จะต่อกรกับบรรดาเสือร้ายเหล่านี้ จนยุคนั้นเรียกได้ว่า “ยุคโจรครองเมือง” แต่สุดท้ายขุนโจรชื่อ ดังก็ถูกมือปราบจอมขมังเวท กวาดล้างจนสิ้นซากหรือหายสาบ สูญไป

“บุตร์ พันธ รักษ์” เป็นชื่อเดิมของ ขุนพันธรักษ์ราชเดช เป็นบุตรคนที่ 2 ของ นายอ้วน-นางทองจันทร์ พันธรักษ์ เกิดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2442 ที่หมู่บ้านอ้ายเขียว หมู่ 5 ต.ดอนตะโก อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช (ปัจจุบันเป็น อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช) เป็นนักเรียนโรงเรียนตำรวจห้วย จระเข้ รุ่นปี พ.ศ. 2468 ขณะเรียนได้รับการตั้งยศสิบตำรวจตรีบุตร์ พันธรักษ์ และ ทำหน้าที่เป็นครูสอนวิชามวยไทยให้กับนักเรียนนายร้อยตำรวจทุกรุ่นจนจบการศึกษา บรรจุเข้ารับราชการครั้งแรกที่ จ.พัทลุง ได้รับเงินเดือนครั้งแรก 80 บาท และถวายตัวเป็นลูกศิษย์ สำนักเขาอ้อ สาย วัดดอนศาลา ต้นตำรับ “ตักศิลาแห่งไสยศาสตร์” ศึกษาวิชาวิทยาคม ชั้นสูงจนแกร่งกล้าจนสามารถปราบปรามเสือร้ายต่าง ๆ จนราบคาบ

ปี 2485 ขุนพันธรักษ์ราชเดช ย้ายไปเป็นผู้กำกับตำรวจเมืองสุราษฎร์ธานีได้ปราบ เสือสาย ผู้มีอิทธิพลในสุราษฎร์ธานีมานานกว่า 8 ปี จากนั้นทลายซ่องชื่อดังกลาง เมืองสุราษฎร์ธานี ทำให้ชีวิตต้องโดนวิบากกรรม เพราะคนคุมซ่องเป็นคนสนิทของผู้ใหญ่ จึงถูกย้ายข้ามห้วยไปเป็นผู้กำกับกองเมืองพิจิตร เมื่ออยู่เมืองพิจิตรก็ปราบ เสือโน้ม อ.พรานกระต่าย และรู้จักกับ “หลวงกล้า กลางณรงค์” ผู้สืบเชื้อสายของ “พระยาพิชัยดาบหัก” ที่มารับราชการ ในเมืองพิจิตร โดยขุนพันธ์ฝากตัวเป็นบุตรบุญธรรม ซึ่ง หลวงกล้ากลางณรงค์ ได้มอบ ดาบคู่ เหล็กน้ำพี้ ที่ พระยาพิชัยดาบหัก ใช้ออกรบในสงครามให้กับขุนพันธ์ และกลายเป็นอาวุธประจำตัวของ ขุนพันธ์ ปราบเสือร้ายภาคกลางอย่าง 4 เสือเมืองสุพรรณบุรี คือ เสือฝ้าย เสือใบ เสือมเหศวร เสือดำ รวมทั้งโจรก๊กอื่น ๆ จนเป็นที่มา ของชื่อ “ขุนพันธ์ดาบคู่” และ “ขุนพันธ์ดาบแดง”

ในปี 2490-2491 เมืองพัทลุงร้อนระอุขึ้นอีกครั้ง ปัญหาโจรผู้ร้ายชุกชุม เกิดคดีปล้นฆ่าทุกวัน จนชาวบ้านเดือดร้อนหนัก ทำหนังสือขอตัวขุนพันธ์กลับพัทลุง ปราบปรามโจรร้ายราบคาบ และชีวิตรับราชการ ของขุนพันธ์ก็อยู่ในภาคใต้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองผู้บังคับการตำรวจภูธร เขต 8 จ.นครศรีธรรมราช จนกระทั่งในปี 2494-2507 ขุนพันธ์ดำรงตำแหน่งสูงสุดในตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจภูธร เขต 8 จ.นครศรีธรรมราช และเกษียณอายุราช การเมื่อปี พ.ศ. 2511 ยศสูงสุดคือ พลตำรวจตรีขุนพันธรักษ์ราชเดช แม้จะเกษียณอายุราชการแต่ชื่อเสียง ถูกจารึกไว้ในใจของ ตำรวจทุกยุคทุกสมัย และเคยได้รับเลือก ตั้งเป็น ส.ส.นครศรีธรรมราช สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ โดยเป็น ส.ส.ที่มีคะแนนสูงสุดของประเทศสมัยนั้น พักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 764/5 ซอยราชเดช ตรงข้ามกองบังคับการตำรวจภูธรนคร ศรีธรรมราช ถนนราชดำเนิน อ.เมือง จ.นคร ศรีธรรมราช จนกระทั่งเมื่อเวลา 23.23 น. วันที่ 5 ก.ค. 49 พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดชก็เสียชีวิตด้วยโรคชราโดยสงบท่ามกลางความเศร้าโศกของลูกหลานและคนเคารพนับถือ รวมสิริอายุ 108 ปี

ญาติและลูกหลานนำศพตั้งบำเพ็ญกุศลที่ศาลา 100 ปี วัดพระมหาธาตุวรมหา วิหาร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช สวดพระอภิธรรมตั้งแต่คืนวันที่ 6-12 ก.ค. และ ในวันที่ 13 ก.ค. พล.ต.ต.สุดใจ ญาณรัตน์ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช เป็นประธานในพิธีบรรจุศพไว้ 100 วัน เพื่อรอพระราชทานเพลิงศพอย่างสมเกียรติแก่วงศ์ตระกูลสืบไป

นอกจากประวัติการทำงานด้วยการทุ่มเทแล้ว “มือปราบจอมขมังเวท” ผู้นี้ยังทิ้งมรดกคือการจัดสร้างวัตถุมงคลรุ่นต่าง ๆ เอาไว้ให้ผู้คนกราบไหว้บูชา โดยวัตถุมงคลรุ่นสุดท้ายคือ “จตุคามรามเทพ” ได้รับความนิยมอย่างมาก ขณะนี้ราคาจากเดิมบูชาองค์ละไม่กี่ร้อยบาทขยับไปกว่าพันบาทแล้ว รวมทั้งบรรดานักเสี่ยงโชคก็แห่ซื้อลอตเตอรี่และหวยบนดินเลขอายุ 108 ปี เวลาเสียชีวิต 23.23 น. วันที่ 5 ก.ค. จนหมดเกลี้ยงแผงทั่วเมือง เชื่อกันว่า “มือปราบจอมขมังเวท” อาจสำแดงความเฮี้ยนให้โชคลาภผู้คนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเข้าสู่สัมปรายภพด้วย.

ไพฑูรย์ อินทศิลา - ข้อมูล, ศิวสรร เมฆสัจจากุล - รายงาน, เดลินิวส์

Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2550		6 comments
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2550 2:02:18 น.
Counter : 59449 Pageviews.
Share Tweet