อภ.ฟ้อง USA for Innovation พันล้าน
อภ.เตรียมฟ้อง ยูเอสเอ ฟอร์ อินโนเวชัน 1,000 ล้านบาท อึ้งเบื้องต้นพบเอ็นจีโอข้ามชาติดำเนินการด้วยคนคนเดียว ชี้ เป็นไปได้ ล็อบบี้ยิสต์ ป่วนไทยโยงถึงแม้ว ดีใจมติ WHO หนุนไทยนิมิตหมายที่ดี
นพ.วิชัย โชควิวัฒน ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวภายหลังการประชุมบอร์ด อภ.ว่า จากการที่ยูเอสเอ ฟอร์ อินโนเวชันซื้อพื้นที่โฆษณาในสื่อของประเทศไทยโจมตีกระทรวงสาธารณสุข และ อภ.ว่า ผลิตยาไม่ได้มาตรฐาน และ อภ.ได้แจ้งความดำเนินคดีอาญาไปแล้วนั้นโดยคณะกรรมการด้านกฎหมาย ได้หารือร่วมกันและแจ้งที่ประชุมว่าควรต้องมีการฟ้องทางแพ่ง และได้ประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นในเบื้องต้นเป็นจำนวน 1,000 ล้านบาท โดยคิดจากยอดขายของ อภ.ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ ต้องหารายละเอียดให้พร้อมก่อนดำเนินการต่อไป นพ.วิชัย กล่าวต่อว่า สำหรับการดำเนินคดีแพ่ง อภ.ต้องเป็นผู้ดำเนินการหาบุคคลรับผิดเองต่างจากคดีอาญาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเป็นผู้ดำเนินการหาตัวผู้กระทำผิด โดยขณะนี้ได้ประสานความร่วมมือไปยังสถานทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา เพื่อหาข้อมูลที่ชัดเจนว่า ยูเอสเอ ฟอร์ อินโนเวชัน เป็นกลุ่มบุคคลหรือนิติบุคคล ทั้งนี้ อายุความในการฟ้องคดีอาญามีระยะเวลา 3 เดือน ส่วนฟ้องแพ่งมีระยะเวลา 1 ปี อภ.จึงต้องมีความชัดเจนว่ามีบุคคลใดเป็นผู้กระทำการในครั้งนี้บ้าง เบื้องต้นทราบว่า องค์กรดังกล่าวเป็นการดำเนินการของคนคนเดียวไม่ใช่องค์กร หรือคณะบุคคล ทั้งนี้ ได้ประสานสถานทูตให้ตามข้อมูลบุคคลที่ทำการจดแจ้งการทำเว็บไซต์ขององค์กรดังกล่าว ส่วนผู้ดำเนินการนี้จะเชื่อมโยงกับนักล็อบบี้ยิสต์ของอดีตนักการเมืองหรือไม่นั้นในความเห็นส่วนตัวเห็น ว่า ทุกอย่างมีความเป็นไปได้ทั้งสิ้นจึงเป็นเรื่องที่ต้องหารายละเอียดตรวจสอบให้แน่ชัดต่อไปนพ.วิชัย กล่าว นพ.วิชัย กล่าวต่อว่า การดำเนินคดีในครั้งนี้ ต้องการปกป้องชื่อเสียงของ อภ.โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ยาต้านไวรัสเอดส์ ซึ่งเป็นความสนใจของคนทั่วโลกและการกินยาประเภทดังกล่าว ต้องมีความเชื่อมั่นเพราะยามีฤทธิ์ข้างเคียงสูง หากหวั่นไหวไม่มั่นใจ รับประทานยาไม่ต่อเนื่องอาจเป็นสาเหตุสำคัญของการดื้อยา การดำเนินการในครั้งนี้จึงทำเพื่อปกป้องชื่อเสียงพร้อมทั้งปกป้องสุขภาพของผู้ใช้ยา นพ.วิชัย กล่าวว่า สำหรับประเด็นที่องค์การอนามัยโลก (WHO) มีมติสนับสนุนประเทศไทยและบราซิล ในการประกาศบังคับใช้สิทธิเพื่อผลิตยาที่ติดสิทธิบัตร หรือซีแอล นั้นถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่ประเทศสมาชิกมีความเข้าใจ และสนับสนุนการทำซีแอล แต่ในมติที่ประชุมใช้คำว่า องค์การอนามัยโลก ควรสนับสนุนการใช้ข้อยืดหยุ่นในข้อตกลงทริปส์ และยึดถือเจตนารมณ์ที่ประกาศขององค์การอนามัยโลกที่เมืองโดฮา ซึ่งซีแอลถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในข้อตกลงทริปส์ ท่าทีที่ผ่านมาขององค์การอนามัยโลกต่อการสนับสนุนการทำซีแอล เป็นท่าทีของฝ่ายบริหารแต่ผู้มีอำนาจเหนือกว่า คือ ภาคีสมาชิก 193 ประเทศที่มีบทบาทผลักดันให้ที่ประชุมสมัชชาองค์การอนามัยโลก มีมติเห็นชอบดังนั้นมตินี้ อาจทำให้ประเทศสมาชิกใช้ข้อยืดหยุ่นดังกล่าวได้มากขึ้นผลประโยชน์ต่อประชาชนจะเพิ่มขึ้นความสมดุลระหว่างเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาและประชาชนก็จะมีมากขึ้นเราไม่ได้คิดว่าใครจะมาหนุนหลังแต่สิ่งที่ทำทั้งหมดเพื่อขยายการเข้าถึงยาเป็นหลัก นพ.วิชัย กล่าวข่าวจากผู้จัดการออนไลน์ 25 พฤษภาคม 2550
Create Date : 26 พฤษภาคม 2550 |
Last Update : 26 พฤษภาคม 2550 15:01:13 น. |
|
0 comments
|
Counter : 58096 Pageviews. |
|
|