เพตรา นครศิลาสีกุหลาบ
เพตรา มหานครศิลาทรายสีชมพู หรือ Red Road City
เมืองมรดกโลก ที่แกะสลักขึ้นจากภูเขาทั้งลูก ที่น่าตื่นตาตื่นใจ
กับการขี่ม้าลัดเลาะไปตามหุบเขาและเดินเท้าเข้าสู่รอยแยก ของ
เปลือกโลก (Siq) ที่ซ่อนความยิ่งใหญ่ตระการตาของมหา
วิหารปราสาททรายสีชมพู เอล คาซเนห์ มานับพันปี
จอร์แดน ถือเป็นประเทศศูนย์กลางแห่งมิตรภาพแห่งตะวันออก
กลาง ดินแดนศักดิ์สิทธิ์สถานที่โมเสสเสียชีวิต และแหล่ง
อารยธรรมหัวเมืองเอกของอาณาจักรโรมันอันยิ่งใหญ่กว่า 2,000
ปีมาแล้วเมืองเพตรา นครศิลาสีกุหลาบ เมืองที่ถูกลืมเลือนไป
จากความทรงจำของผู้คนและสูญหายไปจากแผนที่นานนับพันปี
ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางอ้อมกอดของขุนเขาที่สูงชันประดุจเป็น
ปราการอันยิ่งใหญ่
เมื่อลัดเลาะไปตามพื้นหินและทรายกว่า 800 เมตร ที่จะมุ่งหน้า
ไปในเส้นทางมหัศจรรย์ที่ทางเข้าออกของเมืองเพตรา คือ
บริเวณซอกเขาเรียกว่า ซิค (Siq) เป็นหุบเขาสูง 250 ฟุต และ
ทอดคดเคี้ยวไปบนเส้นทางที่พาดผ่านเข้าไปถึงใจกลางเมือง เกิด
จากการถูกน้ำซัดกัดกร่อนจนเกิดเป็นช่องทางเดินเล็กๆ ระหว่างหุบ
เขา ความสวยงามของหุบเขาทั้งสองด้าน สวยงามด้วยสีสันของ
หินสีต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ ชมร่องรอยซากปรักหักพังที่ยังมี
ร่องรอยให้เห็นการจัดการเรื่องการชลประทานใน การลำเลียงน้ำ
จากแหล่งน้ำภูเขาเข้าสู่ตัวเมืองได้อย่างน่าทึ่ง และยังมีภาพศิลปะ
แกะสลักจากภูเขาอีกมากมายจากนั้นเข้าเขตหน้าผาสูงชันสองข้าง
ทางสู่มหานครแห่งศิลาทรายสีชมพูตื่นตา ตื่นใจกับความสวย
งามของมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ปราสาททรายสีชมพู ที่นี่เคยใช้
เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง อินเดียน่าโจนส์ ภาค
3 ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า มหาวิหารแกะสลักเสลาจากภูเขา
อย่างกลมกลืนได้สัดส่วนและสวยงามน่าอัศจรรย์ เป็นอาคาร 2
ชั้น ประดับด้วยเสาแบบคอรินเทียนส์และรูปคน ซึ่งสลักขึ้นจากเขา
บริเวณกลางเมืองว่ากันว่าเป็นคลังที่เก็บสมบัติของฟาโรห์
เพตรา เคยเป็นเมืองหลวงของพวก นาเบเธียนมา ตั้งแต่ศตวรรษ
ที่ 4 ก่อนคริสตกาล ทำเลที่ตั้งของเมืองอยู่กึ่งกลางของเส้นทาง
การค้าคาบสมุทรอาระเบีย-ลุ่มแม่ น้ำไนล์ และปาเลสไตน์-ลุ่ม แม่
น้ำไทกริสและยูเฟรติส เลยไปจนถึงอินเดีย จึงทำให้เป็นเมืองศูนย์
กลางเส้นทางการค้าทางบกอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ชาวโรมันจึงได้เข้ามายึดครอง จนกระทั่งในปี 363 ได้
เกิดแผ่นดินไหวบ้านเรือนภายในเมืองพังทลายลงมาประกอบกับมี
การเปิดเส้นทางการค้าทางทะเลที่อ่าวสุเอช ชาวเมืองจึงพากัน
ละทิ้งเมืองไปอยู่ที่อื่น เพตรากลายเป็นเมืองร้างไปในที่สุด
เมื่อเวลาผ่านไป ทรายได้ปลิวมาปกคลุมเมืองทั้งเมือง จนหายไป
จากแผนที่นานกว่าพันปี แต่ในที่สุดปี 1813 จอห์น เลวิช เบอร์
คฮาร์ดท์ นักเดินทางชาวสวิสได้มาพบนครแห่งนี้ จึงเริ่มปรากฏ
แก่สายตาชาวโลกอีกครั้งและในปี 1985 องค์การยูเนสโกได้
ประกาศให้ เพตรา เป็นเมืองมรดกโลก
..