การเดินทางในครั้งนี้เรามาถึงเชิงดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่เวลาประมาณ 17.30 น.ซึ่งเป็นเวลาที่เจ้าหน้าที่อุทยานฯไม่อนุญาตให้ขึ้นดอยแล้วเราจึงตัดสินใจตรงเข้าที่พักบริเวณเชิงดอยอินทนนท์ซึ่งได้จองมาไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว อากาศเชิงดอยปลายเดือนพฤศจิกายนเย็นเยียบจับใจแม้เป็นช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ยังไม่ลับขอบฟ้า ยามลมกรรโชกพัดต้องร่างกายซึ่งห่มคลุมด้วยเสื้อหนาวตัวหนาทำเอาเราสั่นสะท้านด้วยความเหน็บหนาว เราตัดสินใจเช่าเครื่องทำความร้อน( heater )จากที่พักมาไว้ในห้องแล้วรีบอาบน้ำแต่หัววันด้วยกลัวว่าหากปล่อยให้เวลาเนินช้าต่อไป อุณหภูมิซึ่งค่อยๆลดลงจะทำให้เราไม่สามารถชำระล้างทำความสะอาดร่างกายได้อย่างสบายใจสบายกายเท่าไหร่นัก
ภายในที่พักมีเครื่องทำน้ำอุ่นซึ่งให้ความอุ่นเฉพาะเวลาที่ร่างกายสัมผัสกับสายน้ำเล็กๆที่ไหลผ่านฝักบัวออกมาหากแต่เวลาถูสบู่กำจัดคราบเหงื่อไคลที่หลั่งไหลมาจากการเดินทางท่องเที่ยวตลอดวันนั้นบอกได้เลยว่า เย็นจับจิต เมื่ออาบน้ำแปรงฟันเสร็จเรียบร้อยทีมงานท่องเที่ยวดอทคอม(www.Thongteaw.com)ของเราก็เปิดเครื่องทำความร้อน แล้วมานั่งคุยกันเล็กน้อยโดยต่างหวังว่าพรุ่งนี้จะได้เห็น“เหมยขาบ”กันบ้าง ( “เหมยขาบ”เป็นภาษาท้องถิ่นของภาคเหนือ หมายถึง “น้ำค้างแข็ง” หากเป็นภาษาอีสานเรียก“แม่คะนิ้ง”จะเกิดขึ้นต่อเมื่อน้ำค้างบริเวณยอดดอยต่างๆอยู่ในสภาพแวดล้อมซึ่งมีอุณหภูมิต่ำกว่า 4 องศาเซลเซียสเป็นอย่างน้อย) เนื่องจากก่อนหน้าที่เราจะขึ้นมาที่ดอยอินทนนท์ 2 วัน เราได้โทรศัพท์มาตรวจสอบข้อมูลแล้วว่าเริ่มมี “เหมยขาบ”เกิดขึ้นบนยอดดอยให้เห็นแล้ว หลังจากนั่งคุยกันช่วงสั้นๆเราก็ต่างแยกย้ายกันเข้านอนสะสมพลังงานเพื่อจะได้รีบออกเดินทางไปดูพระอาทิตย์ยามอรุณรุ่งในวันเช้าวันถัดไป
ทีมงานอาวุโสของเราตื่นตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่แล้วเริ่มอาบน้ำตั้งแต่ประมาณ 4.45 น.หลังจากนั้นก็เริ่มปลุกทีมงานคนอื่นให้ลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตาจัดผมเผ้าเพื่อขึ้นรถไปชมพระอาทิตย์ที่ยอดดอยอินทนนท์ เราใช้เวลาในการขับรถขึ้นสู่ยอดดอยประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาทีก็มาถึง กม.48 จุดซึ่งเป็นภูมิประเทศที่สูงที่สุดในไทย
บรรยากาศบนยอดดอยเย็นเยียบเหน็บหนาวจนทีมงานของเรามือชาไปตามๆกันแม้จะใส่ถุงมือกันหนาวมาทุกคนแล้วก็ตาม ทำให้ต้องคอยขยับไปมาซุกมือในกระเป๋าเสื้อหนาวเป็นพักๆเพื่อคลายความเหน็บหนาว......แต่ทีมงานของเราโชคไม่ดีที่แม้จะหนาวเข้ากระดูกดำยังไงแต่อุณหภูมิของอากาศยอดดอยวันนี้ก็อยู่ที่เพียงแค่ 7 องศาเซลเซียสเท่านั้น ทำให้เราไม่สามารถพบเห็น “เหมยขาบ”ได้อย่างที่ใจหวัง เพียงสักครู่หนึ่งภายหลังจากเราขึ้นมาถึงยอดดอยอินทนนท์ไม่เกิน 15 นาที แสงอรุณสีแสดแดงก็เริ่มเผยให้เห็นบริเวณเส้นขอบฟ้าตัดกับสีขาวของมวลหมู่เมฆหมอกที่โรยตัวอยู่เหนือแผ่นดินเบื้องล่างเป็นภาพความประทับใจที่ยากยิ่งจะหาชมได้หากขาดเสียซึ่งแรงกายแรงใจในการดั้นด้นมาค้นหา
หลังจากทีมงานอาวุโสของเราถ่ายรูปอยู่ที่จุดสูงสุดของดอยอินทนนท์ กม.48 ไปได้ประมาณ 10 – 15 นาทีก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติตรงที่พระอาทิตย์ไม่ยอมโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาสักทีทั้งๆที่แสงทองเรืองรองมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ตระหนักได้ว่าจุดซึ่งสามารถเห็นพระอาทิตย์ขึ้นได้เต็มๆดวงนั้นไม่น่าจะใช่ที่จุดนี้
ทีมงานอาวุโสของเราจึงรวมพลคนอื่นๆขึ้นรถแล้วขับย้อนกลับลงมา ณ จุดชมทิวทัศน์ใกล้ กม.42 .....แต่อนิจจาเมื่อลงมาถึงก็พบว่าพระอาทิตย์ลอยล่วงเลยขึ้นมาเหนือทะเลหมอกเสียแล้ว เราจึงพลาดรูปถ่ายชั่วขณะซึ่งพระอาทิตย์กำลังขึ้นพ้นเส้นขอบฟ้าไปอย่างน่าเศร้าใจ
| |
| อรุณรุ่ง ณ ยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย 2,565 เมตร เหนือจากระดับน้ำทะเล |
| |
| แสงสีแสดแดงตัดกับสายหมอกสีขาวซึ่งโรยตัวดุจดังพรมขนแกะปกคลุมทั่วพื้นแผ่นดินด้านล่าง |
| |
| สีสันของพระมหาธาตุนภเมทนีดลในไอแดดยามเช้า |
ภายหลังจากทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมของเราเก็บภาพพระอาทิตย์กันไปได้พอสมควรแล้ว เราก็เดินทางต่อไปยังบริเวณที่ตั้งของ “พระมหาธาตุนภเมทนีดล” และ “พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ” ซึ่งอยู่ใกล้ๆจุดชมทิวทัศน์ พระมหาธาตุนภเมทนีดลนั้นเป็นพระมหาธาตุซึ่งทางกองทัพอากาศได้จัดสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2530 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชซึ่งทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ ลักษณะพระมหาธาตุเป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำแปดเหลี่ยมสีน้ำตาลเข้ม ส่วนยอดมีลักษณะปลีสีทองรองรับด้วยกลีบบัวบานบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางประทานพรแกะสลักด้วยหินแกรนิต โดยรอบด้านในแกะสลักหินด้วยศิลปะนูนต่ำเป็นเรื่องราวพุทธประวัติ ส่วนพระมหาธาตุนภพลภูมิสิรินั้นทางกองทัพอากาศจัดสร้างขึ้นภายหลังเคียงข้างกับพระมหาธาตุนภเมทนีดลในปี พ.ศ. 2535 เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถซึ่งทรงเจริญพระชนมพรรษา 5รอบ ลักษณะพระมหาธาตุเป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ 12 เหลี่ยมสีฟ้าคราม ส่วนยอดปลีสีทองบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ภายในพระมหาธาตุประดิษฐานพระพุทธรูปปางรำพึงแกะสลักด้วยหินหยกขาว ผนังด้านในเขียนจิตรกรรมฝาผนังไว้สวยงาม ภายนอกประดับด้วยกระเบื้องเคลือบดินเผาเป็นภาพเรื่องราวพระราชกรณีย์กิจของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ(ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนของพระมหาธาตุจากนายรอบรู้ครับ)
พื้นที่โดยรอบพระมหาธาตุทั้งสองนั้นถูกจัดแต่งไว้โดยสวยงาม ประดับประดาไปด้วยไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวหลากสีสัน นอกจากนี้ยังสามารถชมทะเลหมอกกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาจากจุดชมทิวทัศน์บนเจดีย์พระมหาธาตุทั้งสองได้อีกด้วยซึ่งถึงแม้เวลาจะล่วงเลยมาถึงประมาณ 7.30 น.และแสงแดดเริ่มแผดแรงแล้ว แต่มวลหมู่เมฆหมอกก็ยังคงโรยตัวหนาเหนือผืนปฐพีเบื้องล่างอยู่อย่างไม่เบาบางเจือจางลงสักเท่าไหร่นัก ทำให้ทีมงานของเราสามารถบันทึกภาพความงดงาม ณ ดอยอินทนนท์นี้ได้อีกหลายภาพเลยทีเดียว
เมื่อท่องเที่ยวกันจนเหงื่อเริ่มซึมและเป็นที่พออกพอใจกันแล้วทีมงานของเราก็เตรียมตัวเดินทางกลับสู่ที่พักเชิงดอยเพื่อแปรงฟันและให้ทีมงานบางคนซึ่งยังไม่ได้อาบน้ำอาบท่าได้ชำระล้างร่างกายก่อนเดินทางไปท่องเที่ยวต่อยังน้ำตกเชิงดอยอินทนนท์อีก 3 แห่งต่อไป สุดท้ายนี้แม้ว่าทีมงานของเราอาจจะพลาดความงดงามบางอย่างในการมาท่องเที่ยวดอยอินทนนท์ครั้งนี้ไปบ้าง หากแต่สิ่งต่างๆซึ่งได้พบพานตลอดเส้นทางนั้นก็เติมเต็มความสุขในหัวใจของพวกเราได้อย่างมากจนเพียงพอทีเดียว
การเดินทาง : ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 มุ่งหน้าจาก อ.เมือง จ.เชียงใหม่สู่ อ.จอมทอง(ขับผ่าน อ.หางดงและ อ.สันป่าตองลงมาเรื่อยๆ)จะพบแยกตัดกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1009 อยู่ด้านขวามือก่อนถึงตัว
อ.จอมทองประมาณ 1 กม. ให้เลี้ยวขวาไปตามแยกนี้ ขับตรงไปเรื่อยๆก็จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอย
อินทนนท์ กรณีไม่มีรถยนต์ส่วนตัวให้ขึ้นรถสองแถวสายเชียงใหม่ - จอมทอง(มีรถบริการที่สถานีขนส่งช้างเผือกตั้งแต่เวลาประมาณ 7.00 – 18.00 น.รถออกทุกประมาณ 20นาที) เมื่อถึง อ.จอมทองให้ต่อรถสายจอมทอง – อินทนนท์ จากหน้าตลาดจอมทองเพื่อไปยังดอยอินทนนท์อีกทอดหนึ่ง(มีรถบริการตั้งแต่เวลาประมาณ 8.00 – 17.00 น. รถออกทุกประมาณ 30 นาที)
| |
| พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ พระพุทธรูปหยกขาว และพระพุทธรูปหินแกรนิตภายในพระมหาธาตุนภเมทนีดล |
| |
| ความงดงามภายใน และภายนอกพระมหาธาตุทั้งสอง |
| |
| ดอกไม้เมืองหนาวหลากสีอวดโฉมอยู่ทั่วบริเวณสวนโดยรอบพระมหาธาตุ |
| |
| เมื่อเริ่มสาย เราก้ได้พบกับทัศนียภาพอันน่าประทับใจซึ่งต่างไปจากเมื่อยามพระอาทิตย์ขึ้น |
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
Our convenient Bedside Water Carafe Set will be the perfect accent to any night stand or end table. With its resourceful effect and distinguished look, this carafe and glass set comes to life with shapely silhouettes and multi-purpose uses. Designed to be the ideal bedside companion, this classic pair is dishwasher safe and makes a great gift for all occasions! Details: Size: Measures (with glass) 7.5 inches high with a 2.25 inch wide opening at the top and a 2.75 inch base. Carafe holds up to 16.75 ounces.