เมื่อครั้งอดีต “
เกาะตะรุเตา” เคยเป็นที่รู้จักกันในฐานะของ “
คุกนรก” และแหล่งซ่องสุมของ “
โจรสลัดตะรุเตา” ผู้ดุร้ายโหดเหี้ยม แต่ปัจจุบันเกาะแห่งนี้รวมถึงเกาะอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียงได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งในหมู่ชาวไทยและชาวต่างประเทศ ความอุดมสมบูรณ์และความงดงามของสภาพธรรมชาติต่างๆ โดยรอบเขตพื้นที่ “
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา อ.เมือง จ.สตูล” นั้นถึงกับทำให้นักท่องเที่ยวบางคนขนานนามหมู่เกาะแห่งนี้ว่าเป็น “
มัลดีฟส์ (Maldives) แห่งเมืองไทย” เลยทีเดียว
|
...................................เรือน้อยลอยลำ ในลำคลอง................................... (ถ่ายภาพบริเวณ "ท่าเทียบเรือปากคลองพันเตมะละกา" ประตูสู่ "เกาะตะรุเตา") |
“ตะรุเตา” เป็นคำที่เพี้ยนมาจากคำว่า “ตะโละเตรา” ในภาษามลายูซึ่งมีความหมายว่า “มีอ่าวมาก” เกาะตะรุเตาและเกาะอื่นๆ ในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงรวมทั้งหมด 51 เกาะได้รับการประกาศให้เป็นเขตอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2517 นับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 8 ของประเทศไทย ประกอบไปด้วยเกาะขนาดใหญ่ซึ่งมีความสำคัญและเป็นที่รู้จักอยู่หลายเกาะ อาทิเช่น เกาะตะรุเตา , เกาะไข่ , เกาะอาดัง , เกาะราวี , เกาะหลีเป๊ะ เป็นต้น ในครั้งนี้ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอม (www.thongteaw.com) จะขออาสาพาท่านผู้อ่านทุกๆ ท่านไปทำความรู้จักกับเกาะสำคัญๆ แต่ละแห่งกันแบบเจาะลึก โดยเริ่มต้นจากข้อมูลประวัติความเป็นมารวมถึงข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่นรอบๆ “เกาะตะรุเตา” ก่อนเป็นลำดับแรก
|
ท่าเทียบเรือ "ปากคลองพันเตมะละกา" ในวันฟ้าใส |
|
ใครจะขึ้น "เกาะตะรุเตา" เขาก็ต้องมาที่นี่กันทั้งนั้นแหละ |
คุกนรกเกาะตะรุเตา
บริเวณ “หมู่เกาะตะรุเตา – ลังกาวี (หมู่เกาะลังกาวีอยู่ในเขตประเทศมาเลเซียครับ)” เริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะของเส้นทางเดินเรือข้ามมหาสมุทรมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 เมื่อชาวฮินดูพวกแรกได้อพยพจากประเทศอินเดียผ่านทางประเทศพม่าและประเทศไทยไปยังประเทศอินโดนีเซีย ตามตำนานเก่าแก่ของชาวเรือเล่าขานกันว่า “เกาะตะรุเตา” มีอาถรรพ์ ผู้ใดซึ่งหาญกล้าเดินทางเข้าไปภายในป่าทึบสีเขียวชอุ่มที่มีอยู่อย่างหนาแน่นบนเกาะแห่งนี้จะไม่มีโอกาสได้กลับออกมาอีก และผู้ที่พักอาศัยอยู่ตามอ่าวต่างๆ ของเกาะตะรุเตาเป็นระยะเวลานานจะต้องตกเป็นเหยื่อของความหนาวเย็น การจับไข้ อาการเพ้อ หรือแม้กระทั่งความตาย
|
ดอกผักบุ้งทะเล , พระบรมราชานุสาวรีย์ "พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" , ศาลเจ้าพ่อตะรุเตา และ เปลือกหอยบริเวณลานหน้าอาคารนิทรรศการฯ |
|
อาคารนิทรรศการ "อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา" อยู่ลึกเข้าไปจากชายหาดอ่าวพันเตมะละกาไม่เกิน 150 เมตร |
เนื่องจากเกาะตะรุเตาเป็นเกาะซึ่งตั้งอยู่กลางท้องทะเลลึกห่างไกลจากแผ่นดินใหญ่ คลื่นลมในฤดูมรสุมรุนแรง อีกทั้งยังชุกชุมไปด้วยจระเข้และฉลาม เกาะแห่งนี้จึงได้รับการคัดเลือกจากรัฐบาลไทยให้ใช้เป็นสถานที่กักกันนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ รวมถึงนักโทษการเมืองต่างๆ โดยเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2480 กลุ่มบุกเบิกของกรมราชทัณฑ์ได้ขึ้นสำรวจเกาะตะรุเตาบริเวณ “อ่าวตะโละอุดัง” และ “อ่าวตะโละวาว” เพื่อเตรียมการจัดทำเป็นทัณฑสถาน จวบจนกระทั่งเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2481 นักโทษรุ่นแรกจึงได้ถูกส่งมายังเกาะแห่งนี้
|
สะพานท่าเทียบเรือ "อ่าวตะโละวาว เกาะตะรุเตา" เปิดให้เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ใช้เฉพาะในช่วงฤดูมรสุม |
นักโทษภายในทัณฑสถานเกาะตะรุเตาจะถูกกักกันแบ่งแยกออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ “กลุ่มนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ทั่วไป” และ “กลุ่มนักโทษการเมือง” โดยกลุ่มนักโทษคดีอุกฉรรจ์ทั่วไปจะถูกใช้งานอย่างหนักและได้รับการลงโทษอย่างรุนแรงหากกระทำผิดต่อข้อกำหนดต่างๆ ของทัณฑสถาน ส่วนกลุ่มนักโทษการเมืองนั้นจะได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพมากกว่ากลุ่มนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ทั่วไป เนื่องจากถือว่ากลุ่มนักโทษการเมืองเป็นกลุ่มนักโทษที่มีความรู้สูง
|
เรือนพักนักโทษ , รูปปั้นผู้คุม , เส้นทางเดิน และ ตึกแดง |
|
....................ผืนป่าอาถรรพ์.................... |
การรักษาพยาบาลนักโทษที่เจ็บป่วยในทัณฑสถานเกาะตะรุเตานั้นไม่มีการคิดค่าใช้จ่าย แต่ก็ยังมีเจ้าหน้าที่พยาบาลบางคนแสวงหาผลประโยชน์ขูดรีดเงินทองและทรัพย์สินจากนักโทษด้วยวิธีการต่างๆ เช่น จะคัดชื่อออกจากโรงพยาบาลเพื่อให้ออกไปทำงานหนักหากผู้ป่วยไม่ยอมมอบทรัพย์สินให้ตามความต้องการ , เปลี่ยนเสื้อผ้าดีๆ ของนักโทษที่ป่วยมาเป็นของตน หรือในกรณีที่มีนักโทษเลี่ยมฟันทองเสียชีวิตก็จะถูกงัดปากและถอนฟันทองออกจนหมด บางครั้งผู้ป่วยยังไม่ทันสิ้นใจก็แย่งกันช่วงชิงเสื้อผ้าหรืองัดเอาฟันทองกันจนผู้ป่วยต้องตายไป นักโทษบางคนต้องการอยู่ในสภาพผู้ป่วยนานๆ เพื่อจะได้ไม่ต้องออกไปทำงานหนักจึงไม่ยอมรักษาตนเองให้หาย คนที่เป็นแผลก็จะพยายามทำให้แผลเปื่อยขยายออกไปอีก
|
ประติมากรรมนักโทษหน้าโฉด กับ เรือนพักเจ้าหน้าที่ทัณฑสถานเกาะตะรุเตา |
กลางปี พ.ศ. 2486 เกิดไข้มาลาเรียระบาดอย่างรุนแรงภายในทัณฑสถานเกาะตะรุเตา เจ้าหน้าที่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้เนื่องจากขาดแคลนแพทย์และยารักษาโรค ทำให้มีนักโทษตายจากไข้มาลาเรียไม่ต่ำกว่าวันละ 5 – 6 คน ปลายปี พ.ศ. 2486 มีจำนวนนักโทษล้มตายสะสมจากไข้มาลาเรียกว่า 700 คน เจ้าหน้าที่จะห่อศพนักโทษที่เสียชีวิตด้วยผ้าหรือเสื่อแล้วนำไปฝังยังป่าช้าพร้อมแทงจำหน่ายออกจากทะเบียนนักโทษโดยไม่ได้แจ้งให้ญาติผู้เสียชีวิตรับรู้
|
ตึกแดง , สะพานท่าเทียบเรือเก่า และ ซากรถเข็นวัสดุก่อสร้าง |
|
ส่วนหนึ่งของความน่าพรั่นพรึงจากกาลก่อน |
สภาพแวดล้อมอันโหดร้ายทารุณและเหตุการณ์เลวร้ายต่างๆ ซึ่งเกิดขึ้นภายในทัณฑสถานเกาะตะรุเตานี่เองที่ทำให้ทัณฑสถานแห่งนี้ได้รับสมญานามอีกอย่างหนึ่งว่า “
คุกนรกเกาะตะรุเตา”
This twin workstation loft bunk features full length guard rails for security and a convenient built-in ladder for easy access. The high gloss black metal frame presents a sleek casual appeal that will match any decor. Below the bunk bed is a corner desk, providing room for a work space or computer and a desk chair offering comfortable seating