"ขาดใครไม่ได้สักคน" วลีทองของน้องกัน
<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
5 กันยายน 2553

กัน เดอะสตาร์ 6 คิดแบบพรุ่งนี้ (TOMORROW MIND)




ขอแสดงความยินดีกับน้องกัน นภัทร อินทร์ใจเอื้อ ที่ได้รับการยกย่อง เชิดชูเกียรติจากกระทรวงวัฒนธรรม ว่าเป็นพลเมืองดี คิดดี สร้างสังคมดี น้องกันจะเข้ารับโล่ประกาศเกียรติคุณในวันจันทร์ ที่ 6 กันยายน 2553 ณ กระทรวงวัฒนธรรม


สำหรับน้องกันที่ได้รับรางวัลเพราะเหตุผลว่า ชนะเลิศการประกวดเดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว ปีที่ 6 ตลอดระยะเวลาการแข่งขันได้ประพฤติดี ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้ภาษาไทย และมีกิริยามารยาทแสดงถึงความเป็นไทย มีใจรักในเพลงลูกทุ่ง และมีความคิดดีในทางสร้างสรรค์


เชื่อว่าเพื่อน ๆ ทุกคนคงร่วมแสดงความยินดีกับน้องกันด้วย เพราะน้องกันเหมาะสมกับรางวัลนี้อย่างแท้จริง และนี่เป็นอีกรางวัลหนึ่งที่น้องกันได้รับต่อเนื่องจากรางวัลที่เคยได้รับมาแล้วในด้านอื่น ๆ





น้องกัน จาก VOLUME



สำหรับงานเขียนในวันนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คนรักน้องกันคนนี้ต้องการเสนอข้อคิดบางอย่างให้เลือกนำไปประยุกต์ใช้ เหมือนอาหารจานหนึ่งที่นำมาวางไว้ตรงหน้า น้องจะเลือกซื้อหรือไม่ก็ได้ ไม่ได้บังคับ ไม่ได้กดดัน เพียงแต่ชอบทำอาหารมาเสนอ ทำมาให้รับประทานฟรี ๆ เพราะอยากให้คนที่รักได้อาหารดี ๆ ไปบำรุงสมอง บำรุงร่างกาย ส่วนเพื่อน ๆ ถ้าคิดว่ามีคุณค่าและมีประโยชน์ จะหยิบกันไปคนละจานสองจานก็ยินดีนะคะ




เรื่องนี้เป็นความคิดเห็นของชาวอเมริกัน ชื่อ Warren Bennis ซึ่งได้ข้อมูลมาจาก ดร.พรศักดิ์ อาษาสุจริต กราบขอบพระคุณท่านเป็นอย่างสูงยิ่งค่ะ


Warren Bennis กล่าวว่าโลกยุคปัจจุบันมีชื่อเรียก 4 ชื่อ คือ


1. โลกแห่งการแข่งขัน

The world is closer than we think โลกปัจจุบันแคบกว่าที่เราคิด เพราะการสื่อสารที่ไร้ขีดจำกัด ใครทำอะไรที่ไหน เราจะรู้หมดด้วยข้อมูลข่าวสารที่ส่งต่อถึงกันอย่างรวดเร็วทันใจ ดังนั้นถ้าเราไม่คิดจะแข่งขันกับผู้อื่น เราก็จะยืนนิ่งอยู่กับที่ และกลายเป็นคนล้าหลังในที่สุด


2. โลกแห่งความเปลี่ยนแปลง
เมื่อเราจะต้องแข่งขันกับผู้อื่น สิ่งหนึ่งคือ การแข่งขันกับตัวเอง เราต้องปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน ต้องทำให้ดีขึ้นกว่าเดิมทุกครั้ง เปลี่ยนพฤติกรรม เปลี่ยนความคิด ชีวิตก็จะเปลี่ยนไปด้วย


3. โลกแห่งการศึกษา
การศึกษาจะทำให้คนพัฒนาขึ้น การศึกษาจะทำให้คนเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เพราะการศึกษาทำให้เรามีความรู้ ความคิด มีคุณธรรม จริยธรรม รู้จักการยับยั้งชั่งใจ รู้กาลเทศะ รู้สิ่งใดควรไม่ควร เหล่านี้เราสามารถนำไปใช้ในการดำเนินชีวิต ชีวิตเราก็จะดีขึ้น เจริญขึ้น


4. โลกแห่งข้อมูลข่าวสาร
ด้วยความเจริญของเทคโนโลยีที่มากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เราสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ทั่วโลกในชั่วพริบตาเดียวโดยไม่ต้องเดินทางถึงกันได้ มีข้อมูลข่าวสารเกิดขึ้นมากมายที่ทำให้เราเลือกสรร เราจึงควรเลือกบริโภคเฉพาะข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง จะได้นำไปพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น




น้องกัน จาก VOLUME



เมื่อเราเข้าใจโลกปัจจุบันแล้ว เราจึงควรปฏิบัติตัวเองให้สอดคล้องกับโลก ดังนี้

1. มีการแข่งขันในเรื่องการทำงาน
2. มีการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ก้าวทันโลก
3. มีการศึกษาสูงเพื่อพัฒนาตนเอง
4. มีข้อมูลข่าวสารเพื่อนำไปประยุกต์ใช้




Warren Bennis บอกว่าสมองของมนุษย์จะประกอบด้วยความคิด 2 อย่าง คือ

1. ความคิดแบบเมื่อวาน (YESTERDAY MIND)
2. ความคิดแบบพรุ่งนี้ (TOMORROW MIND)




คนที่มีความคิดแบบเมื่อวาน จะคิดแบบนี้

1. ทำงานแบบที่เคยทำ ทำแบบเดิม ๆ ไม่เปลี่ยนแปลง ทำซ้ำซาก ไม่มีอะไรใหม่ให้น่าสนใจ


2. กลัวการเปลี่ยนแปลง ไม่มีเหตุผลในตัวเอง ไม่กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพราะกลัวหลายอย่างอย่างไม่มีเหตุผลในตัวเอง ว่าทำไมจึงต้องกลัว ไม่คิดพัฒนาตัวเอง ไม่คิดปรับเปลี่ยนสิ่งใดให้ดีขึ้น


3. ขาดความมั่นใจ ขาดแรงจูงใจ เพราะจิตใจไม่เข้มแข็งมั่นคง ไม่มั่นใจว่าจะทำได้ดี หากไม่มีแรงใจจากผู้อื่น หรือมีผู้ให้กำลังใจน้อย จะขาดความมั่นใจในตัวเองจะรู้สึกว่าไม่มีใครรักเรา ไม่มีใครมาดูเรา อารมณ์เริ่มน้อยใจตัวเอง น้อยใจคนอื่น บางคนแสดงอาการออกมาชัดเจนทางสีหน้า แววตา ร้องไห้ ตัดพ้อต่อว่า


4. ไม่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ รูปแบบการทำงานไม่มีความแปลกใหม่ ไม่มีอะไรน่าสนใจ ไม่คิดนอกกรอบเพื่อให้งานของตัวเองพัฒนาขึ้น คนอื่นทำอย่างไรก็เลียนแบบเขาไป โดยไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง


5. จมอยู่กับความผิดหวังในอดีต ชอบคิดถึงอดีตที่ผ่านมา ทำให้เกิดความรู้สึกในทางลบอยู่เสมอ จึงบั่นทอนกำลังใจในการทำงาน และทำให้จิตใจร้อนรน เป็นทุกข์ หาความสุขไม่ได้


6. ไม่มีการศึกษาเรียนรู้ ข้อนี้สำคัญมาก เมื่อทำงานแล้ว ไม่สนใจที่จะศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อนำมาพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น จึงเป็นผลให้คิดและทำในสิ่งเดิม ๆ และอาจทำในสิ่งที่ผิดพลาดได้




น้องกัน จาก VOLUME



คนที่มีความคิดแบบพรุ่งนี้ จะคิดแบบนี้

1. คิดว่าสิ่งที่ทำอยู่ มีทางทำให้ดีกว่านี้ไหม คนที่คิดแบบนี้ เท่ากับเปิดใจกว้างที่จะยอมรับสิ่งใหม่เข้ามา เป็นน้ำที่ไม่เต็มแก้ว พร้อมรับฟังคำติติงจากผู้อื่นเพื่อนำไปปรับเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้น


2. ไม่อยู่นิ่ง คิดอยู่ตลอดเวลาเพื่อสร้างงานที่ท้าทาย คิดพัฒนาไปสู่สิ่งที่ดีกว่าอยู่เสมอ มีวิสัยทัศน์ มองให้กว้าง ให้ไกล วางแผนเพื่อวันพรุ่งนี้และอนาคต เห็นคุณค่าของเวลาที่ผ่านไป ไม่ปล่อยความคิดและเวลาให้เปล่าประโยชน์


3. มีใจหนักแน่น มั่นคง เป็นตัวของตัวเอง มีเหตุผล มั่นใจในตัวเอง รู้จักกาลเทศะ และแสดงออกในสิ่งที่เหมาะสม


4. มีเทคนิคในการสื่อสารให้เหมาะสม รู้จักวิธีการพูดในแต่ละช่วง ในแต่ละจังหวะ ในแต่ละคน ในแต่ละเวลา การพูดแต่ละครั้งต้องมีข้อมูล ต้องศึกษาเรียนรู้ ควรให้ทั้งความสนุกสนานและสาระแก่ผู้ชม ให้ข้อมูลเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยบ้าง ก็จะดีมาก


5. มีความเป็นผู้นำ ฉลาดเรียนรู้ สู้ทุกงาน ต้องยอมรับว่าในขณะที่อยู่บนเวที เราคือผู้นำ นำให้คนเขามีความสุข มีความสนุก มีส่วนร่วมกับการทำงานดังนั้นจึงต้องทำทุกวิถีทางให้คนเขาศรัทธา เชื่อถือ ยอมรับ และทำตามเราได้ เรื่องนี้เหมือนเสน่ห์อย่างหนึ่งที่สร้างยาก แต่ต้องศึกษาเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ ขอเพียงอย่าหยุดอยู่กับที่เท่านั้น


6. ต้องเรียนรู้ตลอดเวลา ทุกครั้งที่ทำงาน นั่นคือการเรียนรู้ไปในตัว เป็นการเรียนรู้แนวปฏิบัติที่มาจากประสบการณ์จริง ขณะเดียวกันควรศึกษาหลักการในแต่ละเรื่องให้เข้าใจด้วย เช่น การพูด การแสดงออก มนุษยสัมพันธ์ การควบคุมอารมณ์ ฯลฯ เพื่อนำหลักการไปประยุกต์ใช้ให้ถูกต้อง


7. อยู่เพื่อความสำเร็จและอนาคต นั่นคือผู้ชนะ หากคิดว่านี่คือเส้นทางที่เลือกเดินแล้ว ต้องสร้างความมุ่งมั่นให้กับคนเอง วางแผนงานให้กับตนเองในเรื่องการทำงาน การเรียน และเรื่องส่วนตัว




น้องกัน จาก VOLUME




บทสรุปของ Warren Bennis คือ

1. ไม่ยึดติดกับความคิดแบบเดิม
2. ปรับเปลี่ยนตัวเองไปสู่สิ่งที่ดีกว่า
3. ศึกษาเรียนรู้ มีความเป็นผู้นำ
4. มุ่งสู่อนาคต และพบกับความสำเร็จ
5. คิดแบบพรุ่งนี้ (TOMORROW MIND) คือผู้ที่อยู่อย่างผู้ชนะ



“มองไปข้างหน้าเพื่อสร้างความหวัง
มองไปข้างหลังเพื่อปรับเปลี่ยนตนเอง”



ป.ล. ขอบคุณมากค่ะสำหรัย คุณ เกาเหลาใส่เส้น ที่ส่งหนังสือ VOLUME หน้าปกร้องกันมาให้ ต้องส่งกลับไปมาถึงสองครั้ง เสียค่าส่งมากมาย จึงจะได้หนังสือมา ขอบคุณจากใจจริง ๆ ค่ะ


Create Date : 05 กันยายน 2553
Last Update : 5 กันยายน 2553 17:26:42 น. 25 comments
Counter : 872 Pageviews.  

 
volume เล่มนี้ เจ้าแก้มบุ๋ม หล่อแบบแปลกๆ แต่ก็ยังหล่อนะค๊า....


โดย: NuHring IP: 192.168.99.32, 61.19.24.122 วันที่: 5 กันยายน 2553 เวลา:19:18:51 น.  

 
ขอบคุณคุณ Ably มากค่ะ บทความนี้ไม่ได้มีประโยชน์ต่อน้องกันเท่านั้น แต่ประโยชน์กับดิฉันเช่นกันค่ะ ขอเอาไปปรับใช้กับการทำงานในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงนะคะ



โดย: แบบว่าสบายดี IP: 112.142.163.230 วันที่: 5 กันยายน 2553 เวลา:20:13:17 น.  

 
แวะมาราตรีสวัสดิ์ค่ะ


โดย: blog pu วันที่: 5 กันยายน 2553 เวลา:20:45:09 น.  

 
ชื่นใจแทนน้องนะค่ะที่มีคนหวังดี คอยชี้แนะทางให้
เป็นหน้าที่ของน้องที่จะเลือกไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเนอะ
แอบมาอ่านบ่อยๆนะค่ะ


โดย: แอบอ่าน IP: 58.9.145.75 วันที่: 5 กันยายน 2553 เวลา:21:42:02 น.  

 
-ขอบคุณในสิ่งดีๆที่เข้ามาในชีวิตน้องกันนี่ก็คือบททดสอบชิวิตของ นภัทร เป็นกำลังใจให้เด็กดีๆคนหนึ่ง


โดย: suladda IP: 182.52.129.29 วันที่: 5 กันยายน 2553 เวลา:21:52:31 น.  

 
บทความครั้งนี้ดีจริง ๆ
ขอบคุณมากค่ะ


โดย: มิตรอนันต์ IP: 183.89.99.184 วันที่: 5 กันยายน 2553 เวลา:21:57:44 น.  

 
ขอบคุณ คุณAbly สำหรับข้อมูลจานอร่อย แถมยังดีต่อสุขภาพด้วยค่ะ


อยากให้น้องกัน และคนรักัน ได้ฟังเพลงนี้ค่ะ....สิ่งแรกที่ต้องแข่งก็คือ "ตัวเอง"


เพลง ต้องดีกว่าเก่า /ตั้ม สมประสงค์


ไม่คิดจะลงแข่งแย่งความเป็นหนึ่ง
ไม่ดึงดันกับใคร
สุดท้ายก็แค่เหนื่อยไม่มีใครได้อะไร


สิ่งเดียวที่คิดจะแข่งขัน
นั่นคือตัวของเรา
อาจจะเคยดีแล้วเมื่อวันเก่าแต่มันยังไม่พอ


ต้องดีกว่าเก่า ต้องดีกว่า ต้องดีไปกว่าเมื่อวาน
ต้องแซงตัวเราต้องแซงคนเก่าให้ตามไม่ทัน
ต้องดีกว่าเก่า ต้องดีกว่า บอกตัวเองไว้ทุกวัน


แพ้ให้คนอื่นเหนือกว่าคนอื่น
ไม่ยั่งยืนเท่าไร
ชนะก็เย่อหยิ่งแพ้ก็คงไม่พอใจ


ต้องดีกว่าเก่า ต้องดีกว่า ต้องดีไปกว่าวันวาน
ต้องแซงตัวเราต้องแซงคนเก่าให้ตามไม่ทัน
ต้องดีกว่าเก่า ต้องดีกว่า
อยากจะทำให้ดีกว่าวันนั้นที่มีสิ่งพลั้งพลาดไป
คำว่าพรุ่งนี้คือสิ่งที่ดีขึ้นไป

+++++++++++++++++++++++++++++

เป็นกำลังใจให้คุณ Ably ต่อไปค่ะ....ดูแลตัวเองด้วยน๊า


โดย: Wonderfulmoon วันที่: 6 กันยายน 2553 เวลา:1:33:44 น.  

 
ผมเคยตั้งใจ มุ่งมั่นจะทำสิ่งดีๆหลายอย่างเพื่อตนเอง ครอบครัว สังคม บางครั้งก็สำเร็จ บางครั้งก็รู้สึกท้อ เห็นด้วยกับ Tomorrow mind แต่คิดว่า หากเรามุ่งมั่นมากเกินพอดี ชีวิตก็จะเครียด ขาดความสุข ทำอะไรก็เอาเรื่องชนะเป็นหลักชัย ผมเห็นด้วย แต่...ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ ผมพอใจกับคำว่า"พอเพียง" ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เราดิ้นรนมากไปก็เหนื่อย อ่อนล้า แบกโลกไว้มากมาย หากปล่อยวางบ้างชีวิตจะเย็น สงบ และนี่คือสิ่งที่ทุกชีวิตปรารถนา เพราะท้ายที่สุดชีวิตนี้ก็ไม่เหลืออะไร ทุกคนต้องจากโลกนี้ไปแน่นอน เรียนให้ทราบว่าเป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ


โดย: คนไกลที่รักและหวังดี IP: 202.29.52.220 วันที่: 6 กันยายน 2553 เวลา:8:53:00 น.  

 
ให้หนังสือแทนคำขอบคุณที่เขียนเรื่องน้องกันให้อ่าน ตั้งแต่ตอนแรกๆเลยครับ อยากบอกว่าชอบตั้งแต่แรกอ่านเลยทีเดียว จะติดตามตลอดๆไปครับ ดีใจที่ดูเหมือนหนังสือจะไม่ยับมากทั้งที่ส่งกลับไปมากันหลายรอบ

อ้อ ยินดีกับรางวัลของน้องด้วยครับเป็นรางวัลที่เหมาะสมกับน้องจริงๆครับ

สุดท้าย หนังที่คุณ Ably ถามถึงนี่ผมไม่คุ้นชื่อเลย พอไปหาข้อมูลใน imdB ก็ไม่มีหนังชื่อนี้ที่เกี่ยวกับเด็กและม้าเลย ไม่แน่ใจว่าคุณ Ably จำชื่อถูกหรือเปล่าครับ เผื่อเจอจะได้ซื้อมาฝากครับ


โดย: เกาเหลาใส่เส้น วันที่: 6 กันยายน 2553 เวลา:9:56:48 น.  

 
ดีใจกับน้องกันด้วยครับ น้องเหมาะสมกับตำแหน่งนี้มากๆ แต่ที่ยากกว่านี้คือต้องรักษาความดีนี้ให้อยู่นานๆ แต่ผมเชื่อว่าน้องกันจะทำได้ แล้วถ้าน้องกันคิดแบบพรุ่งนี้ตามที่คุณ Ably บอกด้วยก็จะดีมากครับ เด็ก ๆ ต้องคิดแบบนี้ ชีวิตถึงจะเจริญ ประเทศจึงจะก้าวหน้า ถ้าย่ำอยู่กับที่ ชีวิตก็ไม่ไปไหน แต่ผู้ใหญ่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหมดแล้ว ไม่มีพรุ่งนี้ให้คิดหรอกครับ นอกจากคิดถึงวันที่ผ่านมา คิดรอวันจาก การ คิดแบบพรุ่งนี้แบบประมาณตนว่าตนเองทำได้ นี่ก็เศรษฐกิจพอเพียงแล้วครับ ขอบคุณครับ จขบ สำหรับเรื่องดีๆที่นี่


โดย: ผมเอง IP: 202.143.162.138 วันที่: 6 กันยายน 2553 เวลา:16:00:28 น.  

 
......ดิฉันก็คนไกลบ้าน และเห็นด้วยกับคุณเป็นอย่างยิ่งกับ "คุณคนไกลที่รักและหวังดี" ดิฉันก็เป็นเหมือนคุณเกือบทุกอย่าง จากความโชคโชนของชีวิตมาจนถึงชีวิตป่านนี้มันเป็นบทเรียน มันเป็นครูสอนเราเป็นอย่างดี อะไรก็ไม่ด๊เท่ากับห้องเรียนจากประสพการณ์ชีวิต ทฤษฎีในตำราของนักวิชาการนั้นมันเขียนไว้สวยหรูมีหลักมีเกณฑ์ทุกเล่ม แต่เราไม่สามารถนำมาใช้ได้ทั้งหมด โดยเฉพาะของชาวตะวันตก เราเป็นชาวเอเชีย เราจะไปเดินตามทฤษฎีฝรั่งคงยาก เราจะต้องรู้สถาณะภาพ สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม นิสัย ธรรมเนียมประเพณี รากเง่า ของเรา ฝรั่งก็อย่างหนึ่ง ของเราก็อย่างหนึ่ง เพราะเราไปหยิบของเขามาใช้ไม่ไช่หรือ "ทฤษฎีคิดใหม่ทำไหม่" "ระบบทุนนิยม" เสร็จแล้วเป็นอย่างไรประเทศไทยในปัจจุบันนี้ ดิฉันเคยทำวิจัยไว้ว่า ประเทศอเมริกาจะประสพความล่มจมทางเศษฐกิจในอีกไม่เกิน ๓๐ ปีข้างหน้านี้ แล้วก็เป็นจริง เพียงไม่ถึง ๒๐ ปีเท่านั้น เพราะระบบทุนนิยม เพราะระบบแข็งขัน สงครามเกิดเพราะอะไร เศรษฐกิจโลก การแย่งชิงกันเป็นประเทศมหาอำนาจ มาจากการแข๋งขันทั้งนั้น ถามว่าประสพผลสำเร็จไหม มีความสุขไหม เคลียดไหม ถ้าเทียบกับ "ระบบพอเพียง" คือค่อยๆเป็นค่อยๆไปตามสถานะภาพของเรา คือไม่ใช่ขี้เกียด หยุดอยู่กับที่ แต่เราสามารถสร้างให้มีความสุขยั่งยืนและถาวรได้ พวกเราคงทราบข่าวกันแล้วว่าประเทศต่างๆยอมรับทฤษฎีของพระองค์กันหมดแล้ว

...... สังคมไทยต้องการคนเก่ง มากกว่าต้องการคนดี
...... สังคมไทยต้องการใช้คำว่า "น้ำขึ้นให้รีบตัก" แต่ในขณะเดียวกันอีกฝ่ายหนึ่งของความพอเพียง ก็ยึดหลักว่า "ช้าๆได้พร้าเล่มงาม" เพราะฉะนั้นหลายสุภาษิตย์ไทยมันค้านกันนะ ไม่เชื่อไปเปิดอ่านดู

......และมันกลายเป็นเรื่องติดนิสัยของคนไทย ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องเอาเรื่องชนะเป็นหลัก ถ้าคิดว่ามันจะไม่ชนะก็จะเกิดความกลัวขึ้นมา จึงเป็นสาเหตุคิดหาวิธีการโกงขึ้นเพื่อความชนะให้จงได้

......และอีกอย่างหนึ่งคือ คนไทยชอบเรียกร้องสิทธิ แต่ไม่รู้จักหน้าที่ของคนเอง
......คนไทยไม่เข้าใจคำว่าประชาธิปไตยคืออะไร ?
......คนไทยรู้กฎหมาย แต่ไม่เคารพกฎหมาย
......คนไทยนับถือศาสนาพุทธ แต่ปาก
......คนไทยรักในหลวง แต่ปาก
......คนไทยบอกรักประเทศไทย แต่ปาก

*** "แต่ทั้งหมดทั้งหลายนี้ ตัวกูของกูต้องมาก่อน" ***

......ดิฉันสอนหนังสือในต่างประเทศ หลักสูตรของเขามุ่งเน้นให้เด็กมีความรู้ ไม่ต้องการเด็กเก่ง แข่งกันได้ที่หนึ่ง มุ่งเน้นให้เด็กรู้จักหน้าที่ มีคุณธรรม เด็กจะรับรู้แบบไม่เคลียด เรียนสบายๆ สนุกสนาน มีกิจกรรมร่วมกันเป็นหลัก ทำให้เด็กเพลินไปวันๆหนึ่งโดยไม่ถูกกดดัน ทำให้เด็กมีสมองปลอดโปร่ง มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์เกิดขึ้นโดยธรรมชาติมากมาย เราเป็นครูอาจารย์มีหน้าที่ให้กำลังใจ ช่วยเหลือสนับสนุนและชี้แนะ ไม่มีสิทธิ์ดุด่าตีเด็ก

......ถ้าดิฉันได้พบ "น้องกัน" ดิฉันจะบอกว่า น้องกัน ทำได้เยี่ยมมาก ทำได้ดีที่สุดแล้ว ประสพการณ์มันจะเป็นครูสอนตัวน้องเองให้มีพัฒนาการณ์ขึ้นไปเรื่ยๆ ไม่ต้องไปเร่ง ไม่ต้องไปกลัวสิ่งรอบข้างเอามาเป็นสิ่งกดดันจนกลายเป็นเกร็งไปหมดจนเสียสุขภาพจิต สุขภาพกาย นี่เป็นแค่ก้าวบันไดขั้นแรก "จะเอาอะไรกันหนักหนา" จริงไหมประชาชนทุกคน บันไดยังมีอีกเป็นร้อย "ให้โอกาสและเวลาผมบ้างสิ" น้องกัน เป็นเด็กฉลาด สุขุมลุ่มลึก ไม่ต้องไปทำตัวหน้าด้าน หรือเต้นเป็นลิง เหมือนอย่างไอ้สองคนนั่นหรอก (อย่างที่คุณบอยว่า) ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น สิ่งที่สำคัญอันดับหนึ่งคือต้องระวังสุขภาพให้มากที่สุด เรื่องอื่นมันจะเป็นไปตามธรรมชาติของมันเอง น้องกัน จะต้องไปได้สวย จะต้องประสพผลสำเร็จ เพราะน้องมีพรสวรรค์อีกมากมายในตัวที่ยังไม่ได้เปิดเผย
น้องกัน ยังมี คุณพ่อ - คุณแม่ - คุณยาย ครูอาจารย์ พี่น้องที่อบอุ่น แฟนคลัปทั่วประเทศ คอยให้กำลังใจทุกวัน ทุกที่ ขอให้วางตัวสบายๆ อย่าเคลียด สนุกกับงาน แล้วความคิดดีๆมันจะมาเอง อย่าไปหวังว่าต้องชนะ ต้องถูกใจคนทุกคน ต้องได้แค่นั้นแค่นี้ สุดท้ายเราจะล้า อย่าไปแบกโลกไว้ทั้งโลกอย่างคุณข้างบนว่า เมื่อเราคิดได้ สลัดหลุด ยึดหลักพอเพียง ทุกอย่างมันจะเบาไปหมด แล้วมันจะดีเอง

......เราเป็นผู้ให้กำลังใจน้องเขา อย่าไปตั้งเป้าคาดหวังกับน้องมาก ผู้ให้กำลังใจที่ดีต้องไม่วาดให้เขาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ บางอย่างอาจจะไม่ถูกใจหรือได้อย่างใจเราเอง นั่นคือ เรากำลังห่วงตัวเองต่างหากเล่า ห่วงตัวเองที่จะไม่ได้รับความสุขจากตัวน้องเท่าที่ต้องการ และอีกหลายๆห่วงตัวเองที่มันซ่อนอยู่ในตัวเรา รักและห่วงด้วยใจบริสุทธิ์ต้องไม่หวังผลอะไรตอบแทน เราก็ไม่เคลียด น้องก็ไม่เคลียด มีความสุขด้วยกันทั้งคู่

.....ดิฉันกำลังแต่งเพลง "เหงื่อหยดติ๋งๆ" อยู่ เป็นเพลงสนุกๆ ไม่ทราบว่าน้องเขาจะเอาไปร้องหรือเปล่า เห็นแล้วสงสารทุกงานเหงื่อหยดติ๋งๆจริงๆ ประเทศไทยร้อนจะตายใส่เสื้อเข้าไปสองสามชั้น เหงื่อท่วมตัวเชียว น่าจะเป็นลมนะ บางครั้งเคยเห็นต้องดมยาดมยาหมอง มันไม่ง่ายนะคุณอาชีพนี้ โดยเฉพาะจะต้องทำให้ถูกใจและคนรักทั้งประเทศ "เชื่อดิฉัน น้องจะต้องดังทะลุฟ้า อย่าเพิ่งใจร้อน ถ้าไม่จริงจะให้เตะ" ดิฉันอยู่ออสเตรเลีย มาเลย
และน้องจะต้องไปเด่นดังอีกหลายวงการ


โดย: ทองหยอด IP: 124.186.136.134 วันที่: 6 กันยายน 2553 เวลา:16:36:23 น.  

 
เห็นด้วยอย่างยิ่งกับ "ผมเอง" แต่อยากฝาก"น้องกัน"ว่า ทำเท่าที่กำลังกายและกำลังใจสู้ไหวล่ะกันนะ อะไรที่เกินความพอดี ก็หนักเกินไป น้องคงต้องใช้วิจารณญาณล่ะคราวนี้ อย่างไรก็ตาม ขอให้น้องเดินหน้าเต็มที่ เท่าที่จะทำได้ก็แล้วกัน ขอให้"น้องกัน" โชคดี ประสบความสำเร็จทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต และที่สำคัญคือขอให้น้องเป็นเด็กดีและเป็นที่รักของผู้คนตลอดไป


โดย: คนไกลที่รักและหวังดี IP: 202.29.52.220 วันที่: 6 กันยายน 2553 เวลา:16:40:30 น.  

 
ชอบแง่คิดจังเลยครับ
โลกทุกวันนี้มันเปลี่ยนเร็วมาก..
หลายอย่างเปลี่ยนเร็วขึ้นตาม

มีบางอย่างเท่านั้นที่ไม่เปลี่ยน
หนึ่งนั้นคือ "คน" ยังเหมือนเดิมครับ..

ถ้าสอนน้องเข้าใจธรรมชาติของคน ผมว่า..ชิว ชิว ครับ

ฝันดีครับ
P1013525



โดย: CEO นิ้วก้อย วันที่: 7 กันยายน 2553 เวลา:1:24:54 น.  

 
ข้อเขียนของคุณทองหยอดโดนมากเลยค่ะ
ดิฉันห่างเหินกับการเขียนมามากมาย
ได้แต่นั่งอ่านความคิดเห็นของคนอื่น
ซึ่งบางความเห็น ก็ทราบว่าต่างมุม
แต่ก็อยากแลกเปลี่ยนในแง่มุมของดิฉันบ้าง
ดีใจค่ะที่ข้อเขียนของคุณทองหยอด เหมือนใจตัวเอง
ที่อยากจะถ่ายทอด แต่ก็เขียนไม่เก่งจริงๆ


โดย: เห็นใจ IP: 124.120.130.226 วันที่: 7 กันยายน 2553 เวลา:16:04:26 น.  

 
ให้น้องกันเดินสายกลางดีที่สุด แต่ทำยากมากนะคะ

ขึ้นบันไดทีละขั้นอย่างสง่างาม

ดีกว่ารีบร้อนข้ามขั้น จะตกมาเจ็บมาก

ฝากแฟนคลับที่เร่งรัดให้น้องทำนั่น ทำนี่ ให้ได้ดั่งใจตัว

เองด้วยค่ะ


โดย: ป้าเล็ก IP: 110.168.72.73 วันที่: 7 กันยายน 2553 เวลา:21:10:27 น.  

 
ชอบประโยคนี้จังเลยค่ะ

“มองไปข้างหน้าเพื่อสร้างความหวัง
มองไปข้างหลังเพื่อปรับเปลี่ยนตนเอง”

ขอบคุณนะคะได้ข้อคิดดีๆไปปรับใช้กับตัวเองด้วย


โดย: ยูอิจัง IP: 124.120.254.114 วันที่: 7 กันยายน 2553 เวลา:23:40:43 น.  

 
เห็นด้วยกับคุณ "ป้าเล็ก"มากมาย ขอให้"น้องกัน"ฟังแล้วเก็บไปพิจารณานะครับ รวมถึงผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องด้วย หากทำได้ มั่นใจว่า"น้องกัน"จะเป็นดาวที่เจิดจรัสคู่ฟ้าเมืองไทยและอยู่ในหัวใจผู้คนตราบนานเท่านาน


โดย: คนไกลที่รักและหวังดี IP: 202.29.52.220 วันที่: 8 กันยายน 2553 เวลา:9:19:37 น.  

 
เวลาที่จะแสดงความสามารถอันล้ำลึกของ"น้องกัน"ยังมีอีกยาวนาน น้องเพิ่งเข้ามาในวงการเพียงไม่กี่เดือน น้องยังทำได้ขนาดนี้ อยากให้น้องบ่มเพาะศักยภาพแล้วค่อยๆคลี่คลายออกมาให้ผู้คนได้เห็นอย่างช้าๆ (ไม่เร่งรีบ) มั่นคง และเปี่ยมคุณภาพ ใจผมนะ อยากให้น้องเขามีชื่อเสียงและคลาสสิคแบบ "สุรพล สมบัติเจริญ" "ผ่องศรี วรนุช" "ชรินทร์" "สุเทพ" "แอ๊ด คาราบาว คนบ้านเดียวกับน้อง" และอื่นๆโน่น ที่ประทับใจผู้คนไม่รู้เลือนแม้เวลาจะผ่านไปนานแสนนานก็ตาม สรุปนะครับ ทำสิ่งที่น้องมีความสามารถอย่างเต็มที่นะครับ (น้องตระหนักอยู่แล้ว) อย่าได้ทำแบบขอไปที น้ำขึ้นไม่จำเป็นต้องรีบตักก็ได้ ตักช้าๆแต่มั่นคง จะได้น้ำเต็มๆไม่มีหกหล่นเลย ผมเชื่ออย่างว่าโอกาสและสิ่งดีๆ เข้ามาหาคนดีและตั้งใจดีเสมอ


โดย: คนไกลที่รักและหวังดี IP: 202.29.52.220 วันที่: 8 กันยายน 2553 เวลา:9:31:17 น.  

 
ขอบคุณมากนะคะที่มีบทความดีๆมาให้อ่าน...และต้องขอโทษคุณAblyด้วยที่บางครั้งแสดงความเห็นแรงไปซึ่งเมื่อมาย้อนอ่านแล้วก็รู้สึกเสียใจที่ตัวเองนำความรู้สึกด้านลบมาแสดงออกในที่ๆไม่สมควร...ชี่นชมคุณAblyและน้องกัน นภัทรเสมอค่ะ...


โดย: แม่น้องนิว IP: 183.89.91.37 วันที่: 9 กันยายน 2553 เวลา:8:17:31 น.  

 
การได้เข้ามาอ่านในกระทู้ของคุณ Ably นี่ช่างมีคุณค่าและก็เสริมสร้างสติปัญญาเสียจริง ได้มีโอกาสรับฟังความคิดเ็ห็นที่แตกต่างกัน ล้วนแล้วแต่มาจากผู้ที่มีประสบการณ์ชีวิตทั้งนั้น สำหรับน้องกัน อายุยังน้อย พลังยังเหลือเฟือ การนำข้อคิดเรื่องไม่หยุดอยู่กับที่เพราะจะกลายเป็นคนล้าหลังของคุณ Ably ไปปรับใช้นั้น น่าจะ้ประโยชน์ในการพัฒนาตนเองของน้องนะคะ แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป พบความเศร้าบ้าง ไม่สมหวังบ้าง ต่างๆ เหล่านี้จะทำให้น้องเรียนรู้ที่จะปรับตัว ปรับทิศทางความคิด (mindset) และเดินสายกลางเพื่อประคองชีวิตตนเองให้ก้าวต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืนในสายอาชีพที่ตนรัก น้องรักการร้องเพลงมาก ยังไงๆ พวกเราต้องได้ยิน ได้ฟัง น้องร้องเพลงไปตลอดชั่วชีวิตของทั้งเราและของน้องอย่างแน่นอน ตัวดิฉันเองก็ยังอดคาดหวังไม่ได้ อยากให้น้องเป็นนักร้องที่ "อมตะนิรันดร์กาล" แบบที่คุณคนไกลที่รักและหวังดีว่าไว้ และดิฉันก็ประทับใจในตัวน้องเขามากมายเหมือน FC ทั้งหลายเช่นคุณ ยังทึ่งในความสามารถ ความดีงามต่างๆ ที่เขาสั่งสมมาจนเป็นที่ประจักษ์และได้รับรางวัลมากมาย เ็ด็กคนนี้แบ่งเวลาในการใช้ชีวิตยังไง เขาถึงได้มีทักษะในหลายด้านๆ แบบ Top Form ซะด้วย ในขณะที่มีเยาวชนอีกหลายคนกลับรวมตัวกัน สะสมอาวุธเพื่อไปฆ่าฟันเด็กโรงเรียนอื่น อ้อ แต่รู้สึกว่า สื่อค่อนข้างให้ความสนใจน้อยนะคะกับเรื่องดีๆ น่าจะได้ลงหน้าหนึ่งของ นสพ. บ้างนะ เห็นแค่เป็นหัวข้อข่าวอยู่ในฉบับ เนื้อความสั้นๆ แถมไม่มีรูปอีกตะหาก อ้อ ก่อนจบอยากถามคุณ Ably นิดนึงว่า "นภัทร" มีความหมายว่าอย่างไร ใช่แปลว่า ผู้เป็นที่รัก หรือเปล่า อยากให้คุณ Ably ช่วยขยายความอีกสักหน่อย จักขอบพระคุณยิ่งค่ะ


โดย: pongolover IP: 124.121.124.22 วันที่: 11 กันยายน 2553 เวลา:8:17:16 น.  

 
....จะสายเกินไปหรือเปล่าที่เพิ่งเข้ามาตอนนี้ และจะมี ไครเข้ามาวกอ่านอีกหรือไม่

......."อีกหลายแง่มุมที่เป็นตัวตนของ น้องกัน ซึ่งเราๆ ท่านๆ ทั้งหลายยังไม่รู้จักน้องลึกซึ้ง นี่เป็นบางส่วนบางตอนที่ได้ค้นพบ และนำมาถ่ายทอดให้แฟนคลับได้รู้จักน้องมากขึ้น"....

........^^."เบื้องหลัง.. ลูกกตัญญู."^^.........
จากคุณ pladown เขียนเมื่อ 5 ส.ค. 53..............

ความกตัญญูเป็นคุณธรรมอันดับแรก เป็นต้นกำเนิดของความดีงาม เป็นคุณธรรมสำนึกที่ควรปฏิบัติรักษาเป็นสำคัญ ซึ่งคนจะขาดเสียมิได้
ขาดความกตัญญู ก็เหมือนต้นไม้ไม่มีราก เหมือนน้ำไม่มีต้นน้ำ
คนที่เป็นลูกจึงควรสำนึกตอบแทนพระคุณพ่อแม่
แม้นอยากให้ลูกกตัญญูต่อเรา จงเริ่มที่เรากตัญญูต่อพ่อแม่
เราเป็นลูกในวันนี้ ภายหน้าเรา ก็ต้องเป็นพ่อแม่ของลูก
หากวันนี้เราเป็นลูกที่ไม่กตัญญู ผลกรรมนั้นย่อมตอบสนอง เป็นธรรมดา
ลูกกตัญญูย่อม ได้ลูกกตัญญู
ลูกอกตัญญูย่อมได้ลูกอกตัญญู
เพราะตนเป็นแบบอย่างให้ลูกเรียนตาม
1.
ฉันอ่านบทความนี้จากหนังสือ "ลูกกตัญญู ...พึงปฏิบัติต่อมารดาบิดา" แล้วอดคิดถึงรางวัลที่น้องกันจะเข้ารับในวันที่ 10 นี้ไม่ได้ ตอนแรกที่ฉันกระซิบบอกคนใกล้ตัวของน้องกันว่าน้องจะได้รับรางวัลนี้ เสียงแย้งดังขึ้นมาทันทีในทำนองว่า ไม่น่าจะได้แล้วล่ะ เพราะมีคนได้ไปแล้ว
ฉันอธิบายว่าถึงศิลปินค่ายเดียวกันจะได้ไปแล้ว แต่ยังไงๆ น้องกันก็ต้องได้จากสถาบันอื่นอีกแน่ๆ แต่ทางนู้นบอกว่า น้องเพิ่งเข้าวงการมาใหม่ๆ แค่ไม่กี่เดือน ไม่น่าจะมีโอกาสได้หรอก
ฉันไม่ละความพยายามเพราะเชื่อมั่นใน "สายข่าว" และ "สายตา" ของตัวเองจึงโทรแจ้งข่าวดีนี้กับคุณพ่อและคุณแม่น้อง ท่านทั้งสองรับฟังด้วยความยินดี แต่ก็ทำใจเผื่อไว้ เพราะว่ารางวัลนี้ไม่ใช่ว่าจะได้กันง่ายๆ และอีกอย่างน้องยังใหม่ ยังไม่ค่อยมีผลงานอะไร แต่ฉันก็ย้ำอีกครั้งว่า
"คุณพ่อคะ ยังไงๆ น้องก็ได้แน่ๆค่ะ ให้คุณพ่อบอกน้องได้เลยนะคะ"
2.
หลังจากเช็คข่าวไปลุ้นจนตัวโก่งไป เพราะงานนี้ทำกันแบบ "เงียบ"มากวันที่คุณพ่อไปร่วมงานเลี้ยงมีทติ้งชาวครก@พันทิป คุณพ่อก็โทรมาบอกฉันด้วยน้ำเสียงที่ดีใจว่า
"น้องกันเพิ่งโทรมาบอกว่าน้องกันได้รับรางวัลลูกกตัญญูเมื่อตะกี้นี้เองครับ น้องกันดีใจมากและภูมิใจที่สุดในชีวิตของเขาเลยครับ "
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ฉันลืมตัวกรีดร้องดีใจประหนึ่งว่าตัวเองได้รับรางวัลเสียเองจนลืมไปว่า นี่ฉันกำลังคุยโทรศัพท์กับคุณพ่อน้องอยู่นะ พอตั้งสติได้ ฉันรีบละล่ำละลักบอกว่า
"ฝากแสดงความดีใจกับน้องด้วยนะคะ"
" ได้ครับ น้องดีใจจริงๆ ฟังเสียงเขาก็รู้เลยว่าเขาดีใจสุดๆ เสียงที่โทรมาเครือเลย"
3.
......ลูกกตัญญูย่อมได้ลูกกตัญญู.......
......เพราะตนเป็นแบบอย่างให้ลูกเรียนตาม ......
"คำคม" นี้ทำให้ฉันตัดสินใจขออนุญาตคุณพ่อเล่าเรื่องนี้ให้ทุกท่านได้รับรู้ว่าที่น้องกันเป็นเด็กกตัญญูได้ในวันนี้และเป็นเด็กที่รู้คุณพ่อแม่ในวันนี้ได้ เป็นเพราะน้องกันมีพ่อกับแม่ที่เป็น "ลูกกตัญญู" เป็นแบบอย่างเช่นกัน
เพราะน้องกันได้ "เห็น" และ "ซึมซับ" การตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ มาตั้งแต่เล็กจนโต น้องกันจึงมีสิ่งที่เป็นเครื่องหมายของคนดีมาจนถึงทุกวันนี้

4.
หลายคนรับรู้เรื่องของ "ยายปาน" แล้วว่าน้องรักและเคารพยายปานมากแค่ไหน แต่หลายคนไม่รู้ว่า "คุณแม่วรรณาของน้อง" รักและกตัญญูต่อยายปานผู้เป็นแม่มากเพียงใด
หลายคนรับรู้เรื่องที่น้องร้องไห้คิดถึง "ยาย" แต่จะมีสักกี่คนที่รู้เรื่อง "ย่า" ของน้อง และจะมีใครรู้บ้างไหมว่า "คุณพ่อชำนาญของน้อง" รักและกตัญญูต่อคุณย่ามากแค่ไหน อย่างไร
วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ "คุณย่าสมบูรณ์ อินทร์ใจเอื้อ" กันค่ะ

5.
นอกจากที่บ้านของน้องกันที่สุพรรณจะมีคุณยายปานอยู่ด้วยแล้ว ยังมี "คุณย่าสมบูรณ์ อินทร์ใจเอื้อ" ซึ่งปีนี้อายุ 86 ปีแล้วอาศัยอยู่ร่วมชายคาเดียวกันด้วย
มีรายการโทรทัศน์หลายรายการพยายามขอคุณพ่อให้คุณย่าได้ออกรายการโทรทัศน์ของตนเพราะอยากให้รายการมีเนื้อหาที่ไม่ซ้ำกับใคร แต่คุณพ่อก็ปฎิเสธทุกรายการไปอย่างนิ่มนวลด้วยเหตุผลว่า
"คุณย่าแก่จนหลงลืมแล้ว ที่สำคัญยังเดินไม่ได้ คงไม่สะดวกครับ"
6.
คุณย่าสมบูรณ์ป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบมานานนับ 10 ปีแล้ว ระยะแรกคุณย่ายังพอจะช่วยเหลือตัวเองอยู่ได้บ้าง แต่มา 2-3 ปีหลังนี้ คุณย่าเดินไม่ได้ การถัดคือการเดินของคุณย่าในตอนนี้ แต่คุณย่าก็ถัดไปได้ไม่ไกลมากนักเพราะสุขภาพและวัยไม่เอื้ออำนวย
เป็นธรรมดาของคนที่อายุใกล้จะ 90 แล้ว คุณย่าจึงเลอะเลือนและ
หลงลืมตามประสาคนแก่ บางครั้งกินข้าวแล้วก็นึกว่ายังไม่ได้กิน บางครั้งอาบน้ำแล้วก็คิดว่ายังไม่ได้อาบ บางครั้งก็นั่งบ่นลูกหลาน บางครั้งก็นั่งเล่าความหลัง ใครมีคุณย่าคุณยายวัยนี้ คงเข้าใจดีว่าเป็นอย่างไร และคงมีหลายคน "รำคาญ" กับวัยไม้ใกล้ฝั่งที่เป็นแบบนี้
แต่นั่นไม่ใช่คุณพ่อชำนาญ ลูก 1 ใน 4 คนของคุณย่าที่อาสาพี่ๆ น้องๆ (คนโตชาย คนที่ 2 หญิง(เสียชีวิต) คนที่ 3 (ลุงวิน-อ.วินัย) คุณพ่อชำนาญเป็นคนสุดท้อง) รับคุณย่ามาดูแลที่บ้าน และดูแลอย่างดีในฐานะ "พระ" ของบ้านควบคู่กับ "ยายปาน" ซึ่งเป็น "แม่ยาย" แม่พระอีกคนมาตลอดและตลอดมา (ยังมีคุณยายอีกคน เป็น ๓ คน)

7.
ตลอดเวลาที่น้องกันโตมาในครอบครัวอินทร์ใจเอื้อ น้องกันเห็นภาพ ที่คุณแม่ลุกขึ้นมาทำกับข้าวเตรียมไว้ให้คุณยายคุณย่ากินมื้อเช้ากับมื้อเที่ยงตั้งแต่ตี 4- ตี5 ทุกๆวัน
น้องกันได้เห็นภาพที่คุณพ่ออุ้มคุณย่า คุณแม่เช็ดตัวให้คุณยาย คุณพ่อเอากระโถนให้คุณย่าอุจจาระ คุณพ่อพาคุณยายไปทำบุญที่วัด คุณแม่คอยเฝ้าไข้คุณย่า ฯลฯ ตลอดมา
น้องกันเห็นภาพที่คุณพ่อคุณแม่ปรนนิบัติคุณย่าคุณยายจนซึมซับเข้าไปในกมลสันดานโดยไม่ต้องสอนเป็นคำพูดเลยว่า ...เป็นลูกที่ดีต้องกตัญญูต่อพ่อแม่ ...
เพราะพ่อแม่ทำให้เห็น น้องกันจึงเรียนรู้ได้เองโดยอัตโนมัติจาก "แบบ อย่าง" ที่เห็นจนชินตาว่า
......ให้พ่อแม่ได้กินเศษปลาเค็มในวันนี้ ดีกว่าไปเคาะโลงให้ท่านกินเนื้อมังกรในวันหน้า.......

8.
ไม่มีใครร้อง "ยี้ " สักคนที่น้องกันได้รางวัลอันทรงเกียรตินี้เพราะทุกคนรู้ดีว่าน้องกันเป็นผู้ที่กตัญญูจริง ไม่ใช่ได้ตามกระแส ....ไม่เพียงแต่สำนึกบุญคุณและตอบแทนพ่อแม่ในฐานะลูกกตัญญูเท่านั้น แต่น้องกันยังรู้คุณผู้อื่นที่มีบุญคุณและเคยให้ความช่วยเหลือน้องกันด้วย
ในหนังสือศึกษาพระไตรปิฏกบอกไว้ว่า
ความคิดและความเชื่อตามวัฒนธรรมไทยนั้น สรรเสริญผู้มีความกตัญญูและตำหนิผู้ที่ไม่รู้จักบุญคุณคนอื่นเป็นอย่างมาก คนไทยมีความเชื่อว่าผู้ที่มีความกตัญญูต่อพ่อแม่ ครูอาจารย์ จะมีความเจริญรุ่งเรืองประสบความสำเร็จในชีวิต ส่วนผู้ที่เนรคุณนั้นจะประสบความวิบัติเป็นที่รังเกียจในสังคม ได้มีการเปรียบเทียบว่า คนที่เนรคุณนั้นเป็นคนไร้ค่ามีจิตใจกระด้างดังเนื้อหิน เขาจะกรุณาคนอื่นได้อย่างไรในเมื่อคนที่มีบุญคุณต่อเขา ยังทำให้เขาสำนึกไม่ได้
ไม่น่าแปลกใจเลยที่คนทั้งบ้านทั้งเมืองรักน้องกัน...เพราะผู้ควรค่าแก่ความรัก ได้รับเกียรติ ได้รับศักดิ์ศรี และการยกย่องสรรเสริญจากผู้อื่นอย่างน้องกันนั้น มีความความกตัญญู อันเป็นธรรมมงคลที่ทำให้ผู้มีธรรมะข้อนี้ มีชีวิตที่ประสบแต่ความก้าวหน้าเจริญรุ่งเรือง มีแต่คนรักและเมตตา เป็นเกราะคุ้มครอง

9.
มีบางคนอาจแย้งว่า ไม่เห็นน้องกันทำอะไรให้พ่อแม่เลย แล้วอย่างนี้น้องจะกตัญญูได้อย่างไร
ฉันขอเล่าเรื่องนี้ให้คนที่ "คิดต่าง" ฟังนะคะ
คุณอาจเห็นว่าน้องกันมีบ้านหลังใหญ่โต และอาจคิดว่าครอบครัวน้องกันร่ำรวยมีอันจะกิน แต่คุณรู้บ้างไหมว่าเบื้องหลังของการมีบ้านไว้ให้ คุณย่า คุณยาย และลูกๆ อีก 3 คนมีที่อยู่นั้นมีที่มาอย่างไร
คุณพ่อน้องกันบอกอย่างไม่ปิดบังว่า
"กู้เงินมาครับ เป็นเงินสวัสดิการข้าราชการของผมกับคุณแม่น้องช่วยกัน คนเป็นข้าราชการและเป็นคนชั้นกลางอย่างเรากว่าจะได้ของสักชิ้น กว่าจะได้รถสักคัน ต้องกู้ต้องผ่อนทั้งนั้นละครับ "
แล้วคุณรู้ไหม เด็กผู้ชายอายุ 19 ที่เพิ่งเริ่มเป็นนกน้อยหัดบินคนนี้กำลังคิดทำอะไร

10.
....น้องกันกำลังสะสมเงินให้พ่อแม่ "ปลดหนี้" ค่าบ้านอยู่ค่ะ....
ตอนนี้เขาเตรียมเช็คไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้เขียนจำนวนเงินลงไป เพราะยังหาเงินได้ไม่พอที่จะช่วยแบ่งเบาภาระอันแสนหนักหน่วงนี้
....แต่สักวัน เขาคิดว่าเขาจะต้องทำความฝันนี้ให้ได้....
....ฝันที่จะเลี้ยงดูพ่อแม่ ฝันที่จะเลี้ยงย่ายายด้วยน้ำพักน้ำแรงของเขาในบ้านของเขาเอง
....บ้านที่ปลอดหนี้แล้ว...
....บ้านที่เป็นของครอบครัว อินทร์ใจเอื้ออ ย่างแท้จริง...

11.
มีนิทานจีนสอนใจเรื่องหนึ่งที่ฉันเคยอ่านและจำได้ขึ้นใจอยากนำมาเล่าต่อ
กาลครั้งหนึ่งมีชายคนหนึ่งชื่อหยางผู่ วันหนึ่งขณะที่เขากำลังเดินทางไปเมืองเสฉวนเพื่อหาพระอาจารย์อู๋จี้ ซึ่งเป็นพระชื่อดังในสมัยนั้น ระหว่างทางได้พบหลวงจีนชรารูปหนึ่ง หลวงจีนถามว่า “โยมจะไปไหน?”
หยางผู่ตอบว่า “ผมจะไปหาพระอาจารย์อู๋จี้”
หลวงจีนบอกว่า “ไปหาพระอรหันต์ไม่ดีกว่าหรือ”
หยางผู่ถามว่า “พระอรหันต์อยู่ที่ไหน?”
หลวงจีนบอกว่า “เมื่อโยมกลับถึงบ้าน ถ้าเห็นคนคลุมผ้าห่มและใส่รองเท้ากลับข้าง นั่นแหละคือพระอรหันต์”
หยางผู่ได้ฟังดังนั้นจึงรีบกลับบ้าน ตอนที่เขามาถึงบ้านเป็นเวลามืดค่ำ มารดาของเขาเข้านอนแล้ว เมื่อได้ยินเสียงบุตรร้องเรียก นางดีใจจนใส่เสื้อไม่ทัน ด้วยความรีบร้อนจึงใช้ผ้าห่มคลุมตัว แม้แต่รองเท้าก็ยังใส่กลับข้าง ออกมาเปิดประตูรับบุตร หยางผู่เห็นมารดาในสภาพเช่นนั้น พลันก็รู้แจ้งว่า
….ผู้บังเกิดเกล้าก็คือ พระอรหันต์ในบ้านนั่นเอง….

12.

พ่อแม่ก็แก่เฒ่า จำจากเจ้าไม่อยู่นาน
จะพบจะพ้องพาน เพียงเสี้ยววารของวันวาน
ใจจริงไม่อยากพราก เพราะยังอยากเห็นลูกหลาน
แต่ชีพมิทนนาน ย่อมร้าวรานสลายไป

ขอเถิดถ้าสงสาร อย่ากล่าวขานให้ช้ำใจ
คนแก่ชะแรวัย ผิดเผลอไผลเป็นแน่นอน

ไม่รักก็ไม่ว่า เพียงเมตตาช่วยอาทร
ให้กินและให้นอน คลายทุกข์ผ่อนพอสุขใจ

เมื่อยามเจ้าโกรธขึ้ง ให้นึกถึงเมื่อเยาว์วัย
ร้องไห้ยามป่วยไข้ ได้ใครเล่าเฝ้าปลอบปรน

เฝ้าเลี้ยงจนเติบใหญ่ แม้เหนื่อยกายก็ยอมทน
หวังเพียงจะได้ยล เติบโตจนสง่างาม

ขอโทษถ้าทำผิด ขอให้คิดทุกทุกยาม
ใจแท้มีแต่ความ หวังติดตามช่วยอวยชัย

ต้นไม้ที่ใกล้ฝั่ง มีหรือหวังอยู่นานได้
วันหนึ่งคงล้มไป ทิ้งฝั่งไว้ให้วังเวง

วันนี้คุณรักพ่อรักแม่ กตัญญูต่อพ่อต่อแม่
เหมือนที่น้องกันรักและกตัญญูต่อพ่อแม่หรือยังคะ
ด้วยจิตคารวะ
ปลาดาว
13.
แฮ่ะๆ ปลาดาวมาอีกรอบ
ขอโทษค่ะ ตกประเด็นสำคัญไป พอดีช่วงนี้ถ่ายมิวสิกเพลงหวังดีประสงค์รักกลางสายฝนทุกวันเลยเป็นหวัดและเบลอจัด ขออนุญาตเล่าต่ออีกหน่อยนะคะ
คุณพ่อน้องกันบอกว่า หลายคนชมคุณพ่อว่าชาติที่แล้วทำบุญมาดีชาตินี้คุณพ่อจึงมีลูกดีอย่างน้องกันที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม มีแต่คนรักคนชอบ หยิบจับอะไรก็ดี ก็เฮง ก็เจ๋งไปหมด
คุณพ่อบอกว่า ผลบุญที่ทำดีในชาตินี้ก็มีส่วนอย่างมากด้วย คุณพ่อเชื่อว่าการทำดีกับพ่อกับแม่ การตอบแทนพ่อแม่ การเลี้ยงดูพ่อแม่ยามแก่เฒ่านั้นเป็น "มหาบุญกุศล"ที่ยิ่งใหญ่ และการทำมหากุศลครั้งนี้ก็ส่งผลทำให้คุณพ่อ มีลูกดีๆ ที่ได้ดั่งใจอย่างน้องกัน น้องทิว และน้องข้าวค่ะ
คุณผู้อ่านละคะ "ทำบุญนอกบ้าน" แล้วลืม "ทำบุญในบ้าน" หรือเปล่า
อย่าลืม "พระที่ไม่ได้อยู่บนหิ้งพระ" ในบ้านด้วยนะคะ
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
...กฎแห่งกรรมนี้ใช้กับความกตัญญูกตเวทิตาได้ด้วยค่ะ....
ด้วยจิตคารวะ (อีกครั้ง)
ปลาดาว

*** น้องกัน .... ได้ร้องเพลง “อิ่มอุ่น” ถวายหน้าพระที่นั่งในงานวันที่ 10 นี้ด้วยค่ะ ***


โดย: ทองหยอด IP: 58.164.164.132 วันที่: 11 กันยายน 2553 เวลา:17:23:51 น.  

 
.......ขออนุญาต คุณ Ably อีกเรื่องนะคะ.....

.^^^ มุมน่ารักและน่าประทับใจ ของครอบครัว "กัน" ^^

มุมน่ารักๆ ของครอบครัว"น้องกัน" (กระทู้นี้สำหรับคนรัก "กัน" ค่ะ)
พอดีได้ไปอ่านมาจากเว็บ PANTIP มา อยากให้ FC กันได้อ่าน หรือไม่ก็ใครก็ได้นะคะ !

.........เค้าบอกว่า.........
จขกท. เป็นคนนึงที่ได้มีโอกาสไปดูคอนฯ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาค่ะ (ช่วงกำลังแข่งขัน)
หลังคอนฯ จบก็ออกมารอส่งน้องๆ ทั้ง 7 คนที่หน้าสตูฯ ค่ะ
เวลานั้นก็ยังมีแฟนคลับอีก หลายๆ คนอยู่รอส่งน้องๆ รวมถึงคุณพ่อ คุณแม่ของน้องกัน
และคุณแม่ของน้องเกตค่ะ ซึ่งคุณพ่อ คุณแม่ของน้องกันยืนอยู่ข้างหลัง จขกท. พอดีค่ะ
ประมาณตี 1 น้องๆ ทั้ง 7 คนเดินออกมาจากสตูฯ โดยมีน้องกันเดินนำมาหน้าสุดค่ะ
น้องกันก็ยิ้มและ โบกมือให้แฟนคลับค่ะ แต่สายตาน้องกันจะมองมาทางคุณพ่อ คุณแม่ตลอดเวลา พอ ขึ้นรถไปแล้ว น้องกันก็นั่งหลังสุด และนั่งฝั่งที่เจ้าของกระทู้ยืนอยู่พอดีค่ะ
ขึ้นรถไปแล้วน้องกันรีบเปิด ม่านออกเลยค่ะ เปิดออกให้หมดเท่าที่จะเปิดได้อะคะ
แล้วสายตาน้องก็พยายาม สอดส่ายสายตามองหาคุณพ่อ คุณแม่ แล้วพยายามยิ้มให้คุณพ่อ คุณแม่ตลอด แต่ หน้าตาน้องตอนนั้นดูเศร้ามาก เศร้ามากๆ จิงๆ ค่ะ (ซึ่งเราถ่ายรูปไว้ได้ด้วย)
ตอนนั้นเราก็ไม่ได้สนใจหันมามองพ่อ-แม่ น้องกันหรอกนะคะ สายตามันมัวแต่จ้องมองน้องกันอย่างเดียว (คนอื่นไม่อยู่ในสายตาข้าพเจ้าเลยจิงๆ)
แต่ก็แอบคิดในใจว่า เฮ้ย! ทำไมน้องมันทำหน้าเศร้าขนาดนั้นว่ะ
จนรถขับออกไปแล้ว น้องกันก็ยังพยายามจะเอี้ยวตัวมามองตลอดจนลับสายตาอะคะ
เมื่อรถน้องๆ เขาออกไปแล้วเรากับเพื่อนก็กะลังจะกลับค่ะ
จังหวะที่หันหลังเตรียมกลับ ก็หันมาเจอคุณพ่อ คุณแม่น้องกันพอดีค่ะ
ภาพที่เห็นทำให้เราถึงบางอ้อเลย ค่ะ ว่าทำไมหน้าตาน้องกันเศร้าอย่างนั้น
คุณแม่น้องกันร้องไห้ค่ะ คุณแม่น้องกันร้องไห้เพราะคิดถึงน้องค่ะ
คุณพ่อก็โอบกอดคุณแม่ไว้ แล้วก็พูดปลอบใจคุณแม่ว่า "ไม่เป็นไรนะ ไม่ร้องนะ
ลูกเห็นเราแล้ว ลูกไม่เป็นอะไร อย่าร้องๆ เด๋วลูกไม่สบายใจ" ประมาณนี้อะคะ
เรากับเพื่อน เห็นแล้วน้ำตาซึมเลยค่ะ เข้าใจเลยว่าน้องกันกับคุณแม่ต้องผูกพันธ์กันมาก
คุณแม่คงคิดถึงน้องมากๆ เพราะตั้งแต่น้องเข้าบ้าน The Star มาน้องก็คงไม่ได้คุยกับคุณแม่เลย เห็นภาพนั้นแล้วแบบ มันบรรยายไม่ถูก รู้แต่ว่าประทับใจในความรักความผูกพันธ์ของ
ครอบครัวนี้มากๆ ค่ะ

ปล1. กระทู้ นี้อาจไร้สาระค่ะ แต่ถ้าได้เห็นกับตาแล้วคุณจะประทับใจเหมือนเรา

ปล2. อยากบอกคุณพ่อ คุณแม่ น้องกันว่า ลูกชายคุณพ่อ คุณแม่ หล่อและหน้าหวานมากกก
เรารักกัน"

ภาพ1. - นี่เป็นภาพ ที่ กันกำลังมองหา พ่อ เเม่ อยู่ !!.. ซึ้งง TT

ภาพ 2 - นี่ก็เป็นอีกภาพนะคะ ที่ตอนนั้นกันกำลังมองหาพ่อแม่อยู่ มี FC เรียกพี่กัน พี่กันตลอด แต่กันไม่สนใจเพราะยังคงมองหาพ่อเเม่อยู่ จนมี FC คนนึง ทนไม่ไหว เลยเอาป้ายไฟ ที่มีชื่อกันอยู่เอาไปแปะตรงกระจกรถ เรียกร้องความสนใจ กันก็เหมือนหลุดออกจากภวังค์ เลยหันมาโบกมือและยิ้มให้แฟนคลับ

......ภาพไม่ขึ้นค่ะ ไปดูได้ที่นี่นะคะ....จะประทับใจมาก

//webboard.gmember.com/index.php/topic,34848.0.html

//www.pantip.com/cafe/chalermkrung/topic/C9020955/C9020955.html




โดย: ทองหยอด IP: 58.164.164.132 วันที่: 11 กันยายน 2553 เวลา:17:48:34 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: y@mie วันที่: 11 กันยายน 2553 เวลา:21:21:44 น.  

 
ถ้าน้องกันคิดแบบพรุ่งนี้บ่อย ๆ ชีวิตน้องจะเดินไปข้างหน้า และประสบความสำเร็จได้เร็ววัน

น่าเอาข้อคิดนี้ไปใช้นะครับ


โดย: คนรอง IP: 202.29.18.253 วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:15:40:05 น.  

 
เหมือนนั่งฟังอาจารย์มหาลัยพูดเลย ให้สาระดีมากๆ หรือว่าคุณ Ably เป็นอยู่ งั้นน้องกันก็โชคดีมากที่มีคนให้กำลังและดูแลแบบนี้ เด็กดีๆแบบน้องกัน ต้องส่งเสริมให้มีมากๆในสังคมไทยนะครับ


โดย: ผมครับ IP: 202.143.162.138 วันที่: 24 กันยายน 2553 เวลา:18:01:14 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Ably
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






ฉันก็แค่คนหนึ่งที่รักน้องกัน เชียร์น้องกัน โหวตน้องกันเสมอมา ถึงน้องจะไม่รู้ แต่ฉันรู้ เท่านี้ฉันก็ภูมิใจแล้ว
รักนะ...นภัทร อินทร์ใจเอื้อ



[Add Ably's blog to your web]