ดอยอินทนนท์ เมื่อตอนหนาวๆ
วันที่ 16 ม.ค. 52 วันนี้เป็นวันเกิด ช่วงนี้ทำไมมันหนาวสุดๆ เลยมาคิดว่างานวันเกิดก้อไม่จัด เลี้ยงฉลองก้อไม่เลี้ยง จะหาอะไรทำเป็นของขวัญวันเกิดให้ตัวเองดี จะไปเที่ยวก้อไม่ได้ตั้งโครงการใว้ล่วงหน้าเลย เวลาก้อมีแค่ 2 วัน เอางี้ดีกว่า หนาวๆอย่างนี้ หาที่เที่ยวใกล้ๆแบบเช้าไปเย็นกลับ ได้การล่ะ ดอยอินทนนท์ดีกว่า ไกลจากบ้านเราแค่ สองร้อยกว่าโลเอง ถึงจะไปมาแล้วหลายครั้งแต่ก้อยังอยากไปอีก ว่าแล้วก้อชวนหลานๆ ทุกคนโอเค เป็นอันว่าพรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ ออกเดินทางกันประมาณตีสี่17 ม.ค.52ตื่นนอน ตีสี่ แย่แล้วยังไม่มีใครตื่นกันเลย(แหมหนาวๆอย่างนี้ใครๆก้ออยากอยู่ใต้ผ้าห่มกันทั้งนั้น) ไม่ได้การแล้วเดียวก้อไปไม่ทัน ดูทะเลหมอกและเหมยขาบ(คนเหนือเขาเรียกน้ำค้างแข็ง) เลยต้องโวยวายสักหน่อย จัดการธุระส่วนตัวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ออกเดินทางกันสักที ปาเข้าไปเกือบตีห้าแล้ววิ่งรถออกมาประมาณชั่วโมงนึกได้ว่าลืมเอากล้องมา ตายแล้วจะกลับไปเอาก้อไม่ใช่เรื่อง วิ่งข้ามเขาดอยลี้ มากว่า 50 โลแล้ว แต่ไม่เป็นไรมีกล้องคอมแพ็คอยู่ในรถตัวหนึ่งคงพอแก้ขัดได้ว่าแล้วก้อลองกล้องซักหน่อย กดไปเลย หนึ่งแช๊ะวิ่งไปเรื่อยๆสองชั่วโมงแล้ว เวลาก้อ 7 โมงเช้าแล้วยังไม่ถึงยอดเลย มาได้แค่ด่านอุทยานแค่นั้นเอง8:15 น. มาถึงยอดดอยอินทนนท์แล้วคนก้อเต็มแล้ว พลาดดูทะเลหมอกอีกแล้วเราไหนๆก้อพลาดดูทะเลหมอกแล้ว อาวุธที่นำติดตัวมายกขึ้นมายิงตัวเองไปซะ 1 แช๊ะ เพื่อเป็นหลักฐานว่ามาแล้ว มาถึงนี่ก้อมองหาสิ่งที่จะมาดูเป็นสิ่งที่สองนั่นคือ เหมยขาบเหลียวซ้ายเหลียวขวาก้อเจอเลยที่พื้นใกล้ๆลานจอดรถนี่เองหลักฐานอีกอย่างที่ ทุกคนพลาดไม่ได้เมื่อมาถึง เค้าว่ามาแล้วไม่ถ่ายตรงนี้ก้อเหมือนมาไม่ถึงราวไม้ยังเป็นน้ำแข็งเลยดูกันใกล้ๆกันเลยพื้นฟุตปาตยังเป็นน้ำแข็งเด็กๆอยากนำเสนอเสร็จจากชมจุดสุงสุดแล้ว ก้อลงไป อ่างกา บริเวณนี้มีร้านค้าของฝาก ร้านกาแฟ ก้อเดินหาซื้อของที่ระลึกเล็กๆน้อยๆกันก่อน กินกาแฟร้อนๆเพื่อเพิ่มความอบอุ่นกับร่างกายกันก่อน 1 แก้วถ่ายรูปกันก่อน ขาวๆบนโต๊ะนี่ก้อน้ำแข็ง ทั้งที่ 9 โมงกว่าแล้วยังละลายไม่หมดเลยมาดูกันใกล้ๆ(ขอฝากใว้อย่างหนึ่ง เจอน้ำค้างแข็งอย่าจับเลยครับ เหลือใว้ให้คนข้างหลังดูบ้าง)ขอนไม้กับเหมยขาบ ทางลงอ่างกาและศาลเจ้ากรมเกียรติลงมากันแล้ว ไอ่ที่ยกมือมันหมายความว่าไงเนี่ยถึงแล้ว อ่างกากล้วยไม้พันธ์อะไรก้อไม่รู้ดูไม่เป็นกุหลาบพันปี หรือคำแดงรายละเอียดของกุหลาบพันปีบรรยากาศในอ่างกา แหงนดูข้างบน ต้นไม้แย่งกันโตเพื่อจะขึ้นรับแสงแดด มืดครึ้ม จนแสงแดดไม่เล็ดลอดลงถึงพื้นเลยป้ายบอกทางชัดเจนครับ หากไม่ออกนอกเส้นทางรับรองไม่หลงแน่ นี่ไงศาลเจ้ากรมเกียรติ ที่เห็นอยู่ข้างใต้ศาลคือเครื่องยนต์ของเฮลิคอปเตอร์ที่ เจ้ากรมเกีรติขับมาตกตรงนี้เมื่อเดินดูดูจุดนี้จนทั่วแล้ว ต่อไปก้อลงมาชม พระธาตุนภเมทนีดล-พระธาตุนภพลภูมิสิริ ขาลงนี่ต้องระวังเป็นอย่างมาก รถไม่พร้อม เบรก,คลัทซ์ไม่สมบูรณ์อย่าได้เอาขึ้นไปเลยครับเด็กๆอยากนำเสนออีกแล้วครับ ไอ้เรามีหน้าที่ถ่ายก้อถ่ายไปไม่ได่มานานเดี๋ยวนี้ไม่ต้องเดินขึ้นให้เหนื่อยแล้ว เค้ามีบันไดเลื่อน สะดวกสะบายดีจริงๆถึงบนพระธาตุก้อเที่ยงแล้ว แกะห่อข้าวที่แวะซื้อข้างทางมากินกันดีกว่า กองทัพต้องเดินด้วยท้อง สำนวนนี้มันใช้ได้จริงๆด้วยความหิว เวลาไม่ถึง 5 นาทีก้อเป็นแบบนี้ (เร็วปานโจร) ถ่ายไม่ทันเลยว่ากินอะไรกันมั่งพระธาตุนภเมทนีดล-พระธาตุนภพลภูมิสิริ(จำไม่ได้ว่าองค์ไหนชื่อไร 555)กระหล่ำประดับครับมันน่าลองกินกับส้มตำจริงๆจุดชมคนน้ำตกจำลองด้านหน้าพระธาตุ อีกจุดหนึ่งที่คนเข้าคิวถ่ายรูปกันก่อนกลับหันมาก่อน แช๊ะ...ขากลับแวะตลาดสินค้าชาวเขาดูบรรยากาศในตลาดกันมีคติอยู่อย่างหนึ่งที่ไช้ได้ทุกสถานที่ท่องเที่ยว คือ เวลาซื้อของให้ต่อด้วยแปลงผักด้านหน้าตลาดเด็กชาวเขาเลี้ยงน้อง เล่นกะดินกะทรายระหว่างทางขากลับลงเขายังมีน้ำตกให้แวะเที่ยวเป็นระยะๆ