เทคนิคการเดาคะแนนเนติฯ ของเราเอง
ฮัลโหล สวัสดีเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ นักสอบทุกคน ไม่รู้จะมีใครหลงเข้ามาอ่านบล็อกนี้รึเปล่านะ

พอดีช่วงนี้เราเห็นนักสอบเนติกำลังลุ้นคะแนนเนติฯ 2/75กัน เลยอยากเอาเทคนิคการเดาว่าผ่านหรือไม่ผ่านมาแชร์ค่ะ 

เตือนไว้ก่อนนะ ว่าสูตรนี้เราฟังมาจากรุ่นพี่อีกที ถ้าไม่ตรงได้โปรดอย่ามากินหัวข้าพเจ้า (แต่ส่วนตัวเราลองใช้มาสองขาแล้วตรงนะ)

เทคนิคนี้มีข้อจำกัดในการใช้เล็กน้อยคือ
1. ต้องจำได้ว่าเราตอบอะไรลงไปในข้อสอบ
2. ต้องรู้ธงคำตอบที่ถูกต้อง
3. ต้องไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไป และ
4. คำว่าถูกธงของเราในที่นี้หมายถึงถูกทั้งธงและเหตุผลประกอบ ถ้าถูกแต่ธงแต่เหตุผลผิด ส่วนตัวเราจะนับว่าผิดเลย คิดแบบ worst case senario ไว้ก่อนเสมอนะคะ

วิธีการคิด
1. หากระดาษ ปากกามา 1ชุด หรือจดในแทปเลต มือถืออะไรก็ได้ค่ะ 
2. เขียนเลขข้อทั้งหมดลงไป และวาดวงกลมไว้ด้านหลังเลขข้อทั้งหมด 
3. อ่านธงคำตอบ แล้วนับประเด็นหลักในคำถาม แบ่งวงกลมเป็นส่วน ๆ ตามประเด็นในข้อสอบ 
4. แรเงาในประเด็นที่เราตอบถูก ทั้งธงและเหตุผล เช่น สมมติข้อ 2 มีทั้งหมดสามประเด็น เราตอบถูกสองประเด็น ก็แบ่งวงกลมเป็นสามส่วน และแรเงาสองส่วน แบบนี้

5. ทำให้ครบทั้งสิบข้อ
6. วาดเสร็จแล้วเอาทุกส่วนที่แรเงามารวมกัน ถ้าพื้นที่ที่แรเงาได้เกิน50% ของวงกลมทั้ง10วง เท่ากับมีลุ้นว่าจะสอบผ่านค่ะ ขึ้นอยู่กับวิธีการเขียนของเราละ ว่าจะดึงคะแนนส่วนที่พลาดขึ้นมาได้เยอะแค่ไหน ถ้าได้ 60%+ เราว่าน่าจะผ่านเกือบ100% ค่ะ 

วิธีคิดคะแนนแบบยิบย่อยลงไปอีกส่วนตัวเราเองคือ กรณีถูกทั้งข้อ(ธง+เหตุผล) เดาไว้ก่อนว่าได้ขั้นต่ำ 6 คะแนนเต็มสิบ ถ้าเขียนดีคืออาจจะได้7-10 แต่ถ้าเขียนห้วนๆถูกแค่ธงน่ะ เอาไปแค่ 6 พอ และถ้ามีผิดก็ต้องคิดแบ่งคะแนนตามสัดส่วนของแต่ละประเด็นด้วยค่ะ

ทั้งนี้ทั้งนั้น ห้ามเข้าข้างตัวเองนะคะ มองให้เป็นกลางค่ะ กด ๆ คะแนนนิดหน่อยก็ได้ ถ้าเข้าข้างจะไม่แม่น เพื่อนเราคนนึงใช้สูตรนี้คิด แล้วบอกว่าทำถูกธง(แต่เหตุผลถูกไหมไม่รู้นะ) 6-7ข้อ ปรากฏคะแนนออกมาได้แค่50 ส่วนตัวเราเองถูก70% คิดคะแนนแบบกด ๆ คิดว่าน่าจะได้50ปลาย แต่คะแนนออกมาได้60กว่าค่ะ131



เอาใจช่วยทุกคนนะคะ ส่วนตัวเรามูฟออนขยับมาสอบศาล/อัยการได้ 1 ปีเศษละค่ะ ซึ่งบอกเลยว่าใช้สูตรนี้ไม่ได้แล้ว 131  เพราะกว่าธงจะออกนี่ช้าเป็นเดือนหลังสอบเลยทีเดียว และการให้คะแนนค่อนข้างกดมากกว่าเนติเยอะเลยค่ะ แต่ถ้าใครเก่งอยู่แล้ว เขียนดี ยังไงก็ได้คะแนนดีค่า



Create Date : 29 พฤษภาคม 2565
Last Update : 29 พฤษภาคม 2565 18:51:24 น.
Counter : 1973 Pageviews.

1 comment
รีวิวการสอบปากเปล่าเนติบัณฑิต
เชื่อว่าหลายคนที่เรียนสายกฏหมายน่าจะรู้จักการเรียนเนติบัณฑิตหรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า เนติฯ กันเป็นอย่างดี พอดีเพิ่งมีโอกาสได้ไปสอบปากเปล่าเลยอยากมีรีวิวแบบคร่าว ๆ ให้ผู้ที่สนใจ หรือบังเอิญค้นมาเจอได้อ่านกันค่ะ

ก่อนอื่นขออธิบายเรื่องการเรียนเนติคร่าว ๆ ก่อน 

การเรียนเนติฯ เป็นการเรียนเพื่อเอาวุฒิค่ะ คุณจะมีสิทธิเรียนได้ต่อเมื่อคุณจบปริญญาตรีจากคณะนิติศาสตร์มาแล้วเท่านั้น ซึ่งทางเนติฯจะมีลิสต์รายชื่อคณะนิติฯจากมหาวิทยาลัยที่รับรองให้เข้าเรียนได้อยู่แล้ว ส่วนมากก็คลุมแทบจะทั่วประเทศ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนที่จบกฏหมายมาต้องเรียนเนติ แต่เรียนไว้ก็เป็นประโยชน์กับบางสายงานค่ะ เช่น งานเอกชนหรืองานราชการบางที่จะเพิ่มเงินเดือนให้ถ้าคุณมีวุฒิเนติฯ หรือกรณีที่คุณจะสอบเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษาหรืออัยการ คุณสมบัติที่บังคับก่อนสมัครสอบคือต้องมีวุฒิเนติฯ มิเช่นนั้นจะไม่สามารถสมัครสอบได้


เนติฯ เรียนยังไง?

การเรียนเนติเป็นหลักสูตร 1 ปีค่ะ เป็นเหมือนหลักสูตรที่ย่อเอาเนื้อหาที่เรียนมาสี่ปีสมัยปริญญาตรีมาอัด ๆๆๆๆ จนเหลือ 1 ปี เพราะฉะนั้นจากประสบการณ์ส่วนตัว คิดว่าเนื้อหาไม่ได้ยากกว่าสมัยเรียนมหาวิทยาลัยมาก แต่ความยากอยู่ที่เนื้อหาที่ต้องจำมันมีเยอะเกินไป ทำให้มีความยากพอสมควร เพราะต้องอาศัยการจำค่อนข้างมาก

การเรียนจะแบ่งเป็นสองเทอม เทอมละสองวิชาใหญ่ (ศัพท์ในวงการ ขา =วิชา = เนติฯมีสี่ขา หากสอบตกเรียกว่าขาขาด)
เทอม1 เริ่มเรียนช่วงพ.ค. ถึงก.ย. เปิดเป็นวิชาแพ่ง และวิชาอาญา 
เทอม2 เริ่มเรียนช่วง พ.ย. ถึง มี.ค. เปิดเรียนวิชา วิธิพิจารณาความแพ่ง และวิฯอาญา

ปัจจุบันมีการเรียนระบบออนไลน์ตั้งแต่ช่วงโควิด แต่ในอดีตไม่มีนะคะ มีแต่เรียนสดค่ะ


การสอบล่ะ?
การสอบจะเป็นข้อเขียนทั้งหมดค่ะ วิชาละสิบข้อ สอบตั้งแต่บ่ายสองถึงหกโมงเย็น=มีเวลาเขียนตอบข้อละ24นาที ต้องแบ่งเวลาและฝึกเขียนให้ทัน มีคะแนนเต็มอยู่ที่100คะแนน ตัดผ่านที่50 และไม่สามารถขอดูกระดาษคำตอบได้ เพราะมีอ.ตรวจให้สองท่านต่อหนึ่งข้ออยู่แล้ว หากคะแนนห่างกันเกินสี่คะแนนจะมีอ.อีกท่านไปตรวจซ้ำให้

หากผ่านขาใดขาหนึ่งแล้ว ผลคะแนนจะคงอยู่ตลอดชีพ หมายความว่าไม่ต้องสอบซ้ำใหม่ในวิชาเดิมอีก เพราะฉะนั้นบางคนอาจจะวางแผนเรียนเทอมละขา เพื่อจบในสองปีก็มีค่ะ ไม่จำเป็นต้องเร่งให้จบในปีเดียว แต่ถ้าทำได้ก็ดี




โอเค ทีนี้มาเข้าเรื่อง หลังจากเราผ่านครบทุกขา เราจะยังไม่ได้เป็นเนติบัณฑิตไทยเต็มตัวนะคะ จะมีการทดสอบอีกด่านหนึ่งที่เรียกว่า การสอบปากเปล่า อยู่ ถ้าผ่านไปได้ คุณจะได้ใบรับรองมา สามารถนำใบนี้ไปใช้ได้ทันที จนกว่าจะถึงวันที่รับประกาศเป็นทางการ

ซึ่งเราเพิ่งไปสอบมาเมื่อวานค่ะ68

การสอบปากเปล่านั้นสามารถถามได้ทุกเรื่อง ทุกหัวข้อ โดยจะมีคำถามมาแค่ข้อเดียว เป็นคำถามที่โดนเหมือนกันทุกคน สโคปวิชาที่ถามจะขึ้นอยู่กับเทอมที่เราเรียนจบ กล่าวคือ หากคุณเรียนจบในเทอม1 คำถามปากเปล่าจะเป็นเรื่องของวิชาในเทอม2 แต่ถ้าคุณเรียนจบตอนเทอม2 คำถามจะเป็นเรื่องของวิชาในเทอม1 โดยจะไม่มีกม.พิเศษเข้ามาเกี่ยวค่ะ 

ว่ากันตามจริง เราควรจะเรียนจบตั้งแต่ช่วงเมษายนละค่ะ แต่พอดีติดโควิด เลยโดนเลื่อนสอบเป็นครั้งแรก ยาว ๆ ไปเกือบ 6 เดือน จากแพลนสอบมี.ค. กลายเป็นได้สอบจริงกลาง ส.ค. โน่น กว่าจะประกาศผล ขึ้นทะเบียนคนจบ เลยเพิ่งได้สอบเมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมานี่เอง

ตามสถิติ 95%ของการสอบปากเปล่าที่ผ่านมา คำถามจะออกสลับวิชากันค่ะ เช่นสมัยที่69ถามอาญา สมัยที่70ถามแพ่ง สมัยที่71ถามอาญา เป็นต้น โดยมีเพียงสองครั้งที่ถามคำถามแพ่งติดกันสองปีก่อนเปลี่ยนเป็นอาญา รุ่นที่เราสอบคือรุ่น72ค่ะ เกือบทุกคนเลยเก็งกันว่าน่าจะถามแพ่ง

ในเช้าวันสอบ เราต้องตื่นเช้าเพื่อมาที่เนติก่อน7:30น. แต่แนะนำให้มาก่อน7:00น.จะดีที่สุด เพราะคนอาจจะเยอะจนไม่มีที่นั่ง และเผื่อเกิดเหตุสุดวิสัยด้วยค่ะ จะได้มีเวลาแก้ไข 

ช่วง7:30 ทางเนติฯจะเริ่มประกาศให้ผู้เข้าสอบเอากระเป๋าไปฝากในห้องบริเวณ One stop service เราจะได้สติ้กเกอร์หมายเลขที่ฝากกระเป๋ามาด้วย โดยต้องฝากทุกอย่าง รวมทั้งโทรศัพท์และนาฬิกาสมาร์ทว้อช ห้ามนำขึ้นไปห้องสอบเด็ดขาด ถ้าเผลอติดไปต้องเอาไปฝากที่จนท.ก่อนการสอบจะเริ่มนะคะ สิ่งที่บังคับนำติดตัวไปคือบัตรนศ.เนติฯและบัตรประชาชนเท่านั้นค่ะ

ฝากเสร็จจะเริ่มตั้งแถวกันค่ะ จน.จะเรียกให้ตั้งแถวตามหมายเลขสอบ แถวละ50คน พอเสร็จถึงเดินเรียงกันขึ้นไปชั้นสี่ ห้องที่ใช้นั่งรอคือห้องที่เรียนเนติฯกันปกตินั่นแหละ หลังจากนั่งที่นั่งกันเรียบร้อย อ.ประเสริฐจะขึ้นมากล่าวแสดงความยินดีคนแรก ต่อมาจะเป็นอ.ท่านอื่น ของเรามีอ.เกียรติขจร(ที่เข้ามาปุ๊บก็โพล่งออกมาว่าผมเพิ่งออกข้อสอบเสร็จครับ ง่ายมาก เราเริ่มตะหงิด ๆ ใจละ เพราะแกสอนอาญา… แต่นี่เตรียมอ่านแพ่งมาอย่างเดียว) อ.เมทินี ปธ.ศาลฎีกา อ.ที่เป็นอัยการ และสุดท้ายดร.ถวัลย์(ปธ.สมาคมทนายความ)  

ช่วงประมาณแปดโมงครึ่ง จะเริ่มเรียกคนออกไปทีละ50คนค่ะ ลำดับของเราอยู่ที่เกือบ ๆ 400 โดนเรียกออกไปตอน9โมงสิบห้า พอไปถึงจะต้องไปนั่งรอหน้าห้องสอบก่อน แล้วเข้าห้องไปทีละสิบคน ตอนเดินเข้าไปนี่ละลานตามากค่ะ มีกรรมการอยู่ 60โต๊ะ โต๊ะละสามท่าน!?! โต๊ะไหนว่างจนทจะเรียกให้คนที่รอเข้าไปตามหมายเลขโต๊ะ ของเราได้โต๊ะที่48 เป็นอ.ผญ1ท่านนั่งทางขวา อ.ผชสองท่าน ตรงกลางดูมีอายุเยอะสุด และเป็นคนถามนำ ก่อนอื่นเลยให้ไหว้สวัสดี พอนั่งลงอ.จะคุยให้เราคลายเครียดด้วยการให้แนะนำตัวเอง พอแนะนำเสร็จมีการเกรอ่นว่าเตรียมวิชาไหนมา พอเราตอบไปว่าอ่านแพ่งมาค่ะ อ.เริ่มหันไปคุยกันเองว่าทำไมมีแต่คนเตรียมแพ่งมานะ 555 สุดท้ายให้เปิดกระดาษคำถามที่คว่ำอยู่บนโต๊ะมาอ่าน และ…ใช่ค่ะ ทุกคนน่าจะเดาได้ คำถามที่ถามคือ ขาอาญาที่เราไม่ได้อ่านมาเลยจ้า และสอบไปตั้งแต่ปีที่แล้ว นานจนลืมเพราะติดโควิด 55555555555

เราสตั้นท์ไปสามวิ คำถามที่เราเจอคือ ความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามมาตรา295 ประมวลกฏหมายอาญา มีเหตุฉกรรจ์อะไรบ้าง ให้ตอบมาสามอนุ 

ด้วยความช็อก เราเลยถามอาจารย์ไปแบบมึน ๆ ว่า "ใช่297 ที่สูญเสียอวัยวะไหมคะ"
อ.ชะงัก ก่อนตอบมาว่า "นั่นมันผลฉกรรจ์!! ไหนคิดใหม่ซิ"
เราเลยเค้นสมองออกมาแบบเลือนรางตอบไปอีกครั้งว่า "งั้นน่าจะเป็น 296+289ที่เป็นเหตุฉกรรจ์ตาม288 เอามาใช้กับกรณีนี้ด้วยรึเปล่าคะอาจารย์" 
คราวนี้อ.ผญคงเอือมที่เราดูมึน ๆ เลยรีบพยักหน้าและบอกว่า ใช่ ๆ นั่นแหละ ไหนตอบมาสามอนุเร็ว

เราพอจำได้นิดหน่อย เลยเอาทุกอย่างที่ผุดมาในสมอง ณ ขณะนั้นมาตอบค่ะ และคือคำถามเค้าถามสามอนุ เราจำได้สามอนุพอดี คือจริง ๆ น่าจะจำได้เยอะกว่านี้แต่คือไม่ได้อ่านไปไง และคือตกใจ ภาพตอนนั้นถ้าเป็นการ์ตูนเราคงกำลังทำหน้ามึนเหงื่อตกแน่ ๆ

สุดท้ายที่ตอบไปคือ ทำร้ายผู้บุพการี เจ้าพนักงาน และไตร่ตรองไว้ก่อน โดนอ.ถามต่อมาอีกว่าบุพการีหมายถึงใครบ้าง ดูตามสายโลหิตมั้ย ซึ่งเราก็ตอบไปว่าตัวบทใช้คำว่าบุพการี เพราะฉะนั้นต้องอิงตามสายเลือดค่ะ เช่นบิดามารดาตามสายโลหิต แล้วอ.ก็ถามต่ออีกว่ามีอนุอะไรอีก ด้วยความตกใจเลยบอกไปว่าหนูจำไม่ได้ละค่ะ แต่สุดท้ายอ.ก็ช่วยใบ้เพิ่มให้จนตอบได้ (จริง ๆ เค้าบอกกันว่าตอบครบสามเท่าที่คำถามขอก็ผ่านละค่ะ คนที่ตอบไม่ได้จริง ๆ กรรมการจะช่วย เพราะเห็นว่าผ่านข้อเขียนที่หนักกว่ามาแล้ว แต่ถ้าใครตกใจจนไม่พูดอะไรเลย อาจจะโดนส่งไปห้องเย็นค่ะ ในห้องนั้นจะเจอกรรมการที่มีตำแหน่งใหญ่ ๆ แต่ถ้าไม่พูดอีกก็จะถูกปรับตก แต่ผลสอบข้อเขียนยังไม่หายไปนะคะ สามารถมาสอบปากเปล่าใหม่ได้สามครั้ง ถ้าไม่ผ่านสักครั้งเลยถึงโดนยกเลิกผลสอบข้อเขียน ซึ่งเท่าที่ทราบมา ได้ยินว่ายังไม่เคยมีใครตกปากเปล่าซ้ำหลายรอบขนาดนั้น อย่างมากคือโดนส่งไปห้องเย็นแค่นั้นค่ะ)


พออ.หมดคำถาม แกจะยึดใบประเมินของเราไป ส่วนเราต้องเดินลงบันไดไปอีกทาง ห้ามเดินกลับไปทางเดิมจากห้องบรรยาย มิเช่นนั้นจะถือว่าทุจริต พอลงมาก็รับกระเป๋าที่ฝากไว้ ลงชื่อรับใบรับรองการจบได้เนติฯ ก็เสร็จสิ้นขั้นตอนค่ะ มาเจอกันใหม่อีกครั้งวันอบรมจริยธรรมและรับใบประกาศฯ


รวมแล้วใช้เวลาไปแปบเดียวเองค่ะ ทำทุกอย่างเสร็จตอน9โมง 45 แต่เพื่อนบางคนที่เข้าไปพร้อมเรา เสร็จช้ากว่าก็มี ที่ถาม ๆ มาคนที่ช้าจะเป็นประมาณว่าเห็นคำถามละอึ้ง นึกอะไรไม่ออก กรรมการต้องช่วยใบ้ทีละเล็กละน้อยจนตอบได้ แต่อย่างที่บอกค่ะ ผ่านข้อเขียนมาได้ ปากเปล่าก็สบายแล้วค่ะ อ.จะช่วยเราเต็มที่ แต่สำหรับคนที่ตอบได้แบบเรา อาจจะโดนถามเพิ่มแทน 555

หวังว่าการรีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับผู้ที่สนใจ หรือผู้ที่หลงเข้ามาอ่าน ไม่มากก็น้อยนะคะ27

 



Create Date : 26 ตุลาคม 2563
Last Update : 26 ตุลาคม 2563 16:53:58 น.
Counter : 9560 Pageviews.

4 comment

แมวกับพระจันทร์
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]



New Comments