เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 2 แปลงโฉมเป็นสาวญี่ปุ่น


สวัสดีค่า หลังจากที่เอ็นทรี่ก่อนอีนี่ได้เหยียบลงบนแผ่นดินญี่ปุ่นแล้ว ก็มาอ่านตอนต่อกันเลยดีกว่า...แต่ก่อนอื่นขอพูดถึงห้องพักกันสักนิด

Sakura Hostel Asakusa ที่ได้เข้าไปพักมีห้องหลากหลายแบบค่ะ ส่วนห้องที่พวกเราไปพักกันนั้นเป็นห้องเตียง 2 ชั้น ทั้งหมด 3 เตียง ภายในห้องมีปลั๊กไฟมุมห้องและหัวเตียงของทุกคน เก้าอี้ 2 ตัวและชั้นล็อกเกอร์ ขนาดห้องไม่ใหญ่มาก แต่ละชั้นจะมีห้องอาบน้ำแยกชาย-หญิงฝั่งละ 2 ห้องและห้องน้ำ มีไดร์เป่าผมในห้องน้ำพร้อมสรรพค่ะ ส่วนก๊อกน้ำฝักบัวที่ญี่ปุ่นจะเป็นแบบแยกค่ะ คือก๊อกสีน้ำเงินจะเป็นน้ำเย็นและสีแดงเป็นน้ำร้อน วิธีใช้ที่เพื่อนสอนมาคือให้เปิดก๊อกน้ำเย็นแล้วค่อยเปิดก๊อกน้ำร้อนค่ะ ปรับๆ ให้อุ่นพอดีๆ ก่อนนะคะ


ซากุระหน้าหอยามเช้า

9 เม.ย. 59 ภารกิจแปลงโฉมเดินเที่ยววัดเซนโซจิ
เช้าวันที่สองก็มาเยือนแล้วค่ะ วันนี้เรามีภารกิจสำคัญจึงตื่นกันค่อนข้างเช้าอาบน้ำแต่งหน้าเพื่อเดินไปที่ร้าน Sakura Photo Studio เพื่อไปรับชุดเช่าที่เราจองกันไว้ค่ะโดยร้านอยู่ที่ Asakusa 1-chome ตรงข้ามกับฝั่งวัด ที่ปากซอยจะมีร้านStarbucksอยู่ค่ะหาไม่ยาก เพื่อนๆ หลายก็ถามกันมาเยอะว่าจองอะไรยังไง สามารถเข้าไปดูรายละเอียดการจองและราคาได้ที่เว็บ //www.sakuraphotokimono.com/english/ ขอแนะนำให้จองล่วงหน้าซัก 1-2 เดือนค่ะ


เดินเข้ามาเรื่อยๆ จนเจอตึกนี้ค่ะ



ร้านจะอยู่ชั้น 4 เราต้องทยอยขึ้นลิฟท์ไปเนื่องจากค่อนข้างจะแคบ แต่พอไปถึงข้างบนนี่ถึงกับตะลึงอ่ะเพราะคนเยอะมาก ร้านเค้าก็ไม่ได้ใหญ่มากแต่มีกิโมโนแขวนเต็มเลย มีช่างแต่งตัว แต่งหน้าทำผม โดยรวมๆ แล้วประมาณ 5-6 คนได้ พอไปถึงก็เช็คคิวและเข้าไปเลือกชุดและเปลี่ยนเสือ คุณผู้ชายนี่ง่ายๆ เลยค่ะเพราะเปลี่ยนกันกลางห้อง แต่ผู้หญิงจะมีโซนที่มีผ้ากั้นให้เข้าไปเปลี่ยนตรงมุมห้อง ตรงนี้ถอดหมดเหลือแต่ชั้นในนะคะแล้วเค้าจะคลุมผ้าผืนสีขาวทับชั้นนึงตรงนี้รัดชั้นที่ 1 ค่ะ

เปลี่ยนเสร็จเอาใส่ถุงที่ร้านเตรียมไว้แล้วออกไปรอคิวแต่งตัวอีนี่ก็ไปเลือกโอบิให้เข้ากับชุด การใส่กิโมโนนี่ลำบากมากกกกกกก เอาละมาถึงขนาดนี้ละ!! จากการสังเกตสรุปแล้วน่าจะรัดทั้งหมดประมาณ 3-4 ชั้นรวมโอบิก็มองสีหน้าเพื่อนร่วมทริป ตอนรัดชุดนี่ช่างจะถามตลอด ไหวมั้ยคะๆ ก็ต้องไหวละวะ 555 แต่งตัวเสร็จก็ทำผม เลือกกระเป๋า รองเท้า เป็นอันจบ....พร้อมสำหรับภารกิจแล้วค่า!!


แท่นแท๊นนนนน สวยหล่อกันสมใจ

ส่วนที่ยากอีกอย่างของการใส่ชุดนี้คือมันเดินไวๆ ไม่ด้ายยย โอ้แม่เจ้า...ลำบากมากกก แต่เพื่อความสวยพวกเราทนได้ค่ะ ไม่ไหวก็ถกนิดนึง 555 เออนะ...ทำไปได้

แล้วก็เดินกันมาจนถึงวัดเซนโซจิค่ะ เห็นแดดเปรี้ยงๆ แบบนี้แต่อากาศเย็นสบายสุดๆ







วันนี้เรามีตากล้องรับเชิญเป็นรุ่นน้องที่ได้ทุนไปเรียนที่บี่ปุ่นค่ะ ก็มาจอยกันหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนาน ขอบคุณน้องขวัญด้วยน้า....


บรรยากาศภายในวัด



เดินกันมานานข้าวเช้าก็ยังไม่ตกถึงท้องก็เริ่มหิวสิคะ เราฝากท้องไว้กับร้านอาเกะมันจูหรือซาลาเปาทอดนั่นเอง แต่ๆๆ ที่นี่ไม่ได้มีแค่อาเกะมันจูค่า อีนี่เหลือบไปเห็นไดฟุกุ ก็จัดการสั่งมา 2 อัน ปรากฏว่ากินเกือบไม่หมด...ไม่ใช่อะไรนะชุดมันรัดกินอะไรได้ไม่เยอะ 555


สตรอว์เบอร์รี่ลูกใหญ่ๆ นั่นแหละค่ะทำเอาจุกเลย กว่าจะหมดเพื่อนนี่รอกันเงก

อิ่มละก็พากันเดินชมวิวเรื่อยเปื่อยเข้าไปด้านในวัดจนถึงวิหารด้านใน เดินบ้างถ่ายรูปบ้าง โดนฝรั่งเรียกขอถ่ายรูปมาก ก็สนุกไปอีกแบบค่ะ







จากวัดเซนโซจิเราเดินกันไปถึงริมแม่น้ำสุมิดะเพื่อชมวิวซากุระริมแม่น้ำ โตเกียวสกายทรีและตึกอาซาฮี หรือที่หลายคนเรียกกันว่าตึกอุนจินั่นเอง ตรงนี้คนญี่ปุ่นมาปูเสื่อนั่งชมซากุระกันค่อนข้างเยอะทีเดียว



โตเกียวสกายทรีตั้งตระหง่านริมแแม่น้ำ


ชั้นหิวแล้วววววววววว



มาถึงตรงนี้ก็บ่ายโมงกว่าๆ แล้วค่ะเราเดินวนไปตรงสะพานที่มีตรงข้ามเป็นตึกอาซาฮีแล้วเดินกลับไปที่ร้านเพื่อคืนชุด จากนั้นก็มองหาร้านข้าวค่ะ หิวมากกกกกกกกกก กินควายได้เลยค่ะ โจทย์เดิมเลยคือร้านอะไรก็ได้แต่ถ้าเป็นซูชิต้องมีเมนูของสุก ก็วนมาจนเจอร้านนึงจำชื่อไม่ได้รู้แต่ว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามวัด ข้างๆ กันมีแผงขายผลไม้ ลูกอม ลูกกวาดและร้านของทอดที่มีคนต่อแถวเยอะๆ ค่ะ


อ่านออกแค่ คามินาริมง แค่เนี้ยแหละ

อร่อยค่ะ ของสดมากก เอาละๆ มูฟๆ ไปที่ต่อไป

หลังจากนั้นก็ไปดำเนินการแลก JR East Pass ที่สถานีJR Shinjuku // ละมั้ง...อีนี่มึนตลอด 555 แล้วก็จองที่นั่งสำหรับวันที่เราจะเดินทางไปหาฟูจิซัง จองชินคันเซ็นไป-กลับของเซนได-โตเกียว บลาๆ เสร็จแล้วก็มุ่งหน้าไปอากิฮาบาระกันต่อเล้ยย


คาเมะ!!!!!!!! ทำไมชั้นหาอีกระป๋องแบบนี้ไม่เจอ





ก่อนออกมาจากสถานี หัวหน้าทริปเราก็จัดชีสทาร์ตPabloรสมัชฉะมากล่องนึงที่ดูๆ แล้วทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชอบแน่ๆ คือมันใหญ่มากกก หลังจากซื้อชีสทาร์ตเสร็จเราก็มุ่งหน้าไปYodobashiสาขาอากิบะ เดินวนๆ ดูของเกือบทุกชั้น ที่นี่ขายทุกอย่างจริงๆ มีตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องสำอาง ซีดีเพลง อนิเม เกม โซน18+ อ้อๆ ที่นี่มีทาโกะยากิของคินดาโกะขายค่ะ น้องขวัญสั่งมาก็แบ่งๆ ชิม เอาละ...เริ่มหิวอีกละ

จริงๆ ที่มาอากิบะมันมีที่มาค่ะคือเราจะไปกินราเมงเจ้าที่น้องขวัญบอกว่าอร่อยมากที่อยากพาไปกิน ออกจากYodobashiเราเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งจนมาถึงหน้าร้านGundam CafeและAKB48 Cafe เดินไปฝั่งตรงข้ามร้านนะคะ จะมีสี่แยกให้เราเลี้ยวซ้ายเดินเข้าไปเรื่อยๆ // แอบเห็นตลาดนัดฟิกเกอร์ด้วยอ่ะ แต่ร้านเต็มค่ะเราเลยตัดสินใจย้ายร้าน จังหวะนั้นหัวหน้าทริปขอแยกตัวไปAKB48 Cafeค่ะ พวกเราที่เหลือไม่มีตัวเลือกละร้านไหนก็มาเถอะซักร้าน เลยแวะเข้าร้านราเมงตู้กดแถวนั้น ก็งมๆ กดๆ กันไปเข้าไปนั่งในร้านค่ะ ขอบอกว่า 900 เยนนี่ชามใหญ่อ่ะ ร้านนี้ค่อนข้างเล็กค่ะมีแค่ที่นั่งเคาท์เตอร์บาร์กับโต๊ะอีก 2-3 โต๊ะ


มิโซะราเมงจร้า

ทุกคนกินไปมองหน้าไปเลิ่กลั่กจากที่หิวมากตอนนี้จุกมากกก อีนี่ไม่สามารถจริงๆ บางคนก็หมดแต่บางคนไม่ไหวละอิ่ม เราตัดสินใจว่าไปเถอะ เดินออกจากร้านเข้าซอยเพื่อจะทะลุไปร้านAnimate ช้ำใจมากกก เจออีกร้านถูกกว่า โอ๊ยยยยย



ใกล้ๆ กันมีดองกี้นะคะ ออกจากAnimateเราก็ไปช๊อปต่อที่ดองกี้ เจ้ทำมือถือหล่นหายค่า...ทำไง ก็เดินกลับเข้าดองกี้ไปเจออยู่ในห้องน้ำที่เดิมเลยค่ะ โล่งอก จากนั้นก็แยกย้ายกลับที่พัก วันนี้กลับเร็วมาก เหนื่อยจริงไรจริง

จบทริปวันที่2 กับภารกิจแปลงโฉมและเดินเล่น หลายคนเริ่มปวดขาแล้วค่า....แล้วพบกันใหม่ ตอนต่อไปจะมีภารกิจอะไรรออยู่น้า





Create Date : 01 พฤษภาคม 2559
Last Update : 1 พฤษภาคม 2559 19:44:08 น.
Counter : 1200 Pageviews.

0 comment
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 1 แค่วันแรกก็เหนื่อยแล้ว!!


"ญี่ปุ่น" หนึ่งในประเทศที่ทุกคนใฝ่ฝันว่าอยากไปเยือนซักครั้งในชีวิตแต่ก็มักจะไม่เป็นแบบนั้น ทุกคนที่กลับมาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "กุจะกลับไปอีกให้ได้!!!" นั่นแหละค่ะ...อีนี่ก็เหมือนกัน

จากที่ไปยากไปเย็น ตอนนี้ญี่ปุ่นไม่ต้องมีวีซ่าแล้วนี่นา!! แถมอยู่ได้ตั้ง 15 วัน จะรีรออะไรล่ะค่ะ คุณเพื่อนเลยผุดโปรเจคอยากเที่ยวแบบไม่ง้อทัวร์บ้างเลยชักชวนเดอะแก๊งได้พรรคพวกร่วมทริปกันได้ 10 คน วางแพลนฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมวแบบข้ามชาติ แต่สุดท้ายทริปนี้ก็มีผู้ร่วมชะตากรรมเหลือเพียงแค่ 6 คนเท่านั้น ไม่เป็นไรยังไงเราก็พร้อมไปสร้างความเกรียนกันอยู่ดี ว่าแล้วก็ตบตีแย่งตั๋วโปร จองโรงแรม และแล้ววันเดินทางก็มาถึง!! ผ่างงงง!!

8 เม.ย. 59 พร้อมกันที่ดอนเมือง ณ เวลา 6.30 น.
เนื่องจากคุณเพื่อนบอกมาว่าวันนี้คนจะเยอะมากขอให้สแตนบายก่อนไฟลท์ ซึ่งก็จริงค่ะ...คนเยอะจริง!! หลังจากโหลดกระเป๋า นั่งรอบอร์ดดิ้งจนกระทั่งขึ้นไปนั่งบนเครื่องนี่ยังไม่อยากเชื่อเลยค่ะว่าจะได้ไปแล้ว ตื่นเต้นสุดๆ เลย ใช้เวลา 6 ช.ม. นั่งกันเงกเลยค่ะ


ยามานาชิโมจิ ของใหม่จากแอร์เอเชียค่ะ หนึบๆ อร่อยมากก


พระอาทิตย์ตกเหนือน่านฟ้าญี่ปุ่น





ถึงนาริตะประมาณ 6 โมงเย็นได้ เร็วกว่ากำหนดการประมาณ 15 นาที ก็ต้องไปผ่านต.ม.ของญี่ปุ่นที่....วุ่นวายมากกกกก เนื่องจากนักท่องเที่ยวหลากหลายเชื้อชาติแห่กันมาฤดูซากุระกันเต็มไปหมดเลย กว่าจะผ่านต.ม.ที่นี่ก็ล่อไปเป็นช.ม.ได้


มาถึงแล้วนะรู้ยัง

หลังจากผ่านต.ม.มาก็เตรียมเดินทางไปยังที่พักค่ะ เราเลือกพักที่ Sakura Hostel Asakusa อยู่ในย่านอาซากุสะเพื่อสะดวกต่อภารกิจแรก อิอิ ระหว่างที่หัวหน้าทริปเราไปจัดการเรื่องการเดินทางเข้าที่พัก แดกเกอร์ทั้งหลายก็เริ่มสอดส่ายหาร้านสะดวกซื้อ // ต่อไปจะเรียกย่อๆ ว่าคอมบินี่เด้อ มื้อแรกของพวกเราก็พึ่งที่นี่แหละค่ะ


เจ้านี่เห็นเขียนว่าแซลมอนมาโย จริงๆ แล้วในข้าวเหมือนมีต้นหอมสับด้วย อร่อยอ่ะ

จำไม่ได้แล้วว่าต่อรถอะไรเข้าเมือง เอาเป็นว่าตอนนั้นยังอึนๆ กับการขึ้นรถไฟญี่ปุ่นมากๆ เราก็มาโผล่สถานีเมโทรอาซากุสะ(ละมั้งนะ) อากาศหนาวมากค่ะขอยืมผ้าพันคอเจ้ผู้ร่วมทริปมาพันคอแพรพ เดอะแก๊งเราก็ลากกระเป๋าและสังขารออกมาและ....เดินมาราธอนเข้าที่พักค่ะ ณ ตอนนั้นเวลา 4 ทุ่ม!! ขุ่นพระ!!


บรรยากาศหน้าวัดเซนโซจิยามค่ำคืน

พวกเราเดินมาตามทางผ่านหน้าวัด ผ่านหลายๆ ซอยจนเลี้ยวเข้าซอยที่เป็นถนนสีส้มค่ะแล้วก็เดินเข้ามาเรื่อยๆ เลี้ยวมาตามทางที่หัวหน้าทริปพามา แต่ละคนทั้งเหนื่อย ทั้งปวดขา จนมาถึงที่พักในเวลา 5 ทุ่ม


ถ้าเจอต้นซากุระหน้าหอนี่เป็นอันว่าถึงแล้ว

หลังจากเช็คอินและเก็บกระเป๋าก็ตัดสินใจกันว่า ป่ะ...กินข้าว ห๊ะ!! ตอนนี้เนี่ยนะ...คือไม่ใช่อะไรนะ หิวมากจนไม่สามารถข่มตากันได้ค่ะและหัวหน้าทริปขอไปจัดการเรื่องตั๋วเข้าชมพิพิธภัณฑ์โดราเอมอน โอเค...ไปก็ไป ก็พากันหอบขาอันเหนื่อยล้าเดินฝ่าอากาศหนาวออกมากินค่ะ เดินออกมาถนนใหญ่นั่นแหละค่ะ เชรี่ยมากกกกบอกเลย คือเก๊าหนาวววววว

หลังจากแวะคอมบินี่จัดการเรื่องตั๋วเสร็จ ถนนใหญ่นั้นร้านรวงบางร้านก็ยังพอเปิดอยู่ค่ะ เป้าหมายเราคือ Sushi Zanmai ที่เปิด 24 ช.ม.ค่ะ แต่!!! ดูราคาแล้ว...ดูเมนูแล้ว.... เฮ้ย...เรายังไม่ต้องจัดหนักกันตั้งกะมื้อแรกหรอกว่ะ ไปๆ เดินดูไปเรื่อยๆ ถ้าไม่มีอะไรก็เดินกลับไปแฟมิลี่มาร์ท // อ้าว เอ็งจะพากันออกมาตั้งไกลละกลับเนี่ยนะ 5555 ไม่ได้ค่ะ เราต้องได้กิน!!

เราพากันข้ามฝั่งไปฝั่งตรงข้ามกับวัดเซนโซจิและก็แวะที่ตึกๆ นึง ดูแล้วเหมือนมีร้านอาหารเปิดอยู่ตามชั้น แต่เราแวะชั้นแรกนี่แหละค่ะ เพิ่งมารู้ชื่อทีหลังว่าชื่อร้าน Tsukiji Market Sushi ประมาณนี้แหละ เป็นร้านแนวอิซากายะค่ะเข้าไปนี่กินบุหรี่ตีแสกหน้าเลย ที่ร้านมีบวกเซอร์วิสชาร์จนะคะ เครื่องดื่มมีครบครันทั้งเหล้า เบียร์ เลือกได้ตามสบายเลย ส่วนเมนูมีทั้งญี่ปุ่นและอังกฤษค่ะ

หน้าตามื้อแรกก็ตามนี้เลยค่า............ // แต่จำชื่อไม่ได้ละอ่ะ






จานท่านหัวหน้าค่ะ ปลาไหลชิ้นใหญ่มาก!!


อันนี้อีนี่สั่งเองแต่เก๊าไม่กินหอยเม่นนะ

การันตีความสดว่าสดจริง ปลาหมึกไม่คาวเลย ก็จบกันไปกับมื้อแรก จริงๆ มีเมนูอื่นด้วยแต่ถ่ายมาแค่นี้เอง ที่ร้านมีหัวปลาต้มด้วยนะคะ แหม...เหมาะกับอากาศหนาวๆ กินกับข้าวร้อนๆ อร่อยเริ่ดด ก็คิดค่าเสียหายกันไปและรีบออกจากร้านค่ะกลิ่นบุหรี่แรงมาก ใครที่แพ้กลิ่นบุหรี่ระวังด้วยนะคะเพราะบางร้านจะไม่แยกโซนสูบบุหรี่โดยเฉพาะร้านแนวนี้ค่ะ สำหรับเอ็นทรี่นี้ก็จะจบลงตรงนี้ก่อน...จะค่อยๆ ทยอยมาเล่าตอนต่อไปนะคะ

To be continued.....



Create Date : 24 เมษายน 2559
Last Update : 24 เมษายน 2559 22:41:17 น.
Counter : 1185 Pageviews.

0 comment
เที่ยวทะเลเกาะพยาม จ.ระนอง
เฮลโหลว....ถึงแม้ว่าปีใหม่จะผ่านพ้นมาได้เดือนนึงแล้วแต่อีนี่งานเยอะตั้งแต่ปลายปียาวมาจนถึงตอนนี้เลยค่า ทำให้ไม่สามารถมานั่งเขียนบล็อกได้บ่อยๆ เอาละ...เขียนเรื่องของกินอะไรมาเยอะแล้ว วันนี้ขอเขียนเรื่องท่องเที่ยวบ้าง จรืงๆ ทริปนี้ไปสัมนากับที่ทำงานค่ะ ไปกันทุกปีจนนี่จะวนมาครบปีอีกแล้วเพิ่งมานั่งเขียน เอาล่ะ...ไปเที่ยวกันเลยค่า เกาะพยาม จ.ระนอง...

วันที่ 1 ออกเดินทางจากกทม.กันในช่วงค่ำ ไปด้วยรถทัวร์นะคะ นั่งกันยาวๆ ไปเลย



วันที่ 2 ตื่นเช้ามาพบกับอากาศเย็นๆ และฝนตกเล็กน้อยด้วยเวลาประมาณ 6 โมงเช้า ถึงจ.ระนองแล้วค่ะ แวะพักทำธุระส่วนตัวและกินข้าวเช้าที่บีซีบดินทร์รีสอร์ท โดยเช้านี้เราจะลงเรือข้ามฟากไปยังเกาะสน ประเทศพม่า // ง่อวววว ได้เที่ยวเมืองนอกด้วย 555




ถึงแล้วค่ะ อันดามันคลับ ณ เกาะสน





ภายในอันดามันคลับนอกจากจะเป็นโรงแรมแล้ว ยังมีคาสิโนและแหล่งขายของปลอดภาษีด้วยค่ะ ซึ่งพอไปดูราคาแล้วเนี่ยพอๆ กับตามร้านที่ไทยเลย ตอนนี้เลยยังไม่ซื้อค่ะ ส่วนคาสิโนไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปนะคะ


เก็บภาพภายในรีสอร์ทก็สวยแล้ว

หลังจากนั้นก็ลงเรือกลับฝั่งไทย แวะกินข้าวกลางวัน // ขออภัยที่ไม่มีรูปเนื่องจากหิวจัดค่ะ ซัดเกลี้ยง 555 ทางทัวร์ก็พาเราไปแวะที่บ่อน้ำพุร้อนรักษะวารินทร์ค่ะ ที่นี่มีบริการแช่น้ำพุร้อนแบบซาวน่าและทางด้านนอกก็มีบ่อกลางแจ้งเล็กๆ ที่สามารถเท้าได้ค่ะ แต่ขอบอกว่าร้อนมากกก ประมาณ 40 องศาได้




พอเอาขาขึ้นมาแดงแปร๊ดเลยค่า 555

แช่น้ำร้อนกันจนหนำใจแล้วคราวนี้เราจะไปลงเรือเพื่อข้ามไปเกาะพยามกันค่ะ ระยะเวลาข้ามไปจนถึงเกาะพยามถ้าจำไม่ผิดประมาณ 2 ช.ม.กว่าค่ะ // ยาวนานมากกกก




มีแต่ทะเล ไม่รู้จะมองอะไรเลยหลับรอเลยค่ะ

ถึงท่าเรือเกาะพยามน่าจะประมาณ 4 โมงกว่าๆ จากนั้นเราก็ต่อรถเข้าไปที่พยามคอทเทจรีสอร์ตค่ะ ตื่นเต้นๆๆ



ไอ้ช่วงที่นั่งรถเข้ารีสอรืทนี่แหละค่ะ หวาดเสียวมาก เพราะทางยังเป็นทางแคบๆ โค้งไปโค้งมา ข้างทางยังเป็นป่าอยู่เลย แถมบางช่วงเป็นเนินสูงพอสมควร...นั่งๆ กันอยู่ต้องหาที่เกาะเลยค่ะกลัวจะเงิบ 555 ธรรมชาติสุดๆ และขอบอกเลยค่ะนี่เพิ่งเริ่มต้น มีลำบากกว่านี้อีกเยอะ...แบบว่าสมชื่อเกาะมว๊ากกกกกกกกก!!


ถึงแล้วค่ะ

บรรยากาศที่นี่เหรอคะ เป็นรีสอร์ทไม่ใหญ่มากค่ะแต่บรรยากาศร่มรื่นดี เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายห้องพักไว้ค่ะ // นิดนึง...จริงๆ ก็ไม่นิดค่ะ 1.ที่นี่สัญญาณDTACไม่มีค่ะ ทั้งเน็ต ทั้งโทรศัพท์ แต่มีWi-Fiของรีสอร์ทนะคะซึ่งมันก็ช้าอ่ะ T^T 2.ความพร้อมห้องพัก มีแอร์เฉพาะห้องพิเศษซึ่งมีอยู่ไม่กี่ห้อง ที่เหลือพัดลมค่ะซึ่งอีนี่เจอห้องพัดลม ลักษณะห้องเป็นแบบก่อปูนทั้งหลังทำให้ช่วงกลางวันจะร้อนมาก น้ำในรีสอร์ทน่าจะเป็นน้ำบ่อเพราะออกเหลืองๆ กระด้างๆ แต่อันนี้เข้าใจค่ะรับได้ 3.ประตูห้องพักบางห้องมีปัญหาค่ะ มุ้งลวดด้วยค่ะ แต่อันนี้พอแจ้งรีสอร์ทไปเค้าก็มาจัดการให้ทันที ขอบคุณมากๆ ค่ะ บริการกันเองดี


เย็นวันนั้นยังฟิตกันอยู่ค่ะ เล่นกีฬาก่อนอาหารเย็น









เนื่องจากที่บอกไปแล้วคือห้องพัดลมมันร้อนมาก ก็นั่งชิลล์ริมสระโรงแรมค่ะ ส่วนอีกฝั่งนึงคุณเพื่อนทั้งหลายเปิดปาร์ตี้ริมสระ 555 จำไม่ได้ว่าผิดผับกี่โมง // ที่นี่มีร้านอาหารของคนในพื้นที่ด้วยนะคะ มีบาร์เล็กขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย แต่ว่าจะออกไปไหนก็ต้องเช่ารถมอเตอร์ไซค์ค่ะ แต่เก่าหน่อยนะขอบอก ใครกล้าก็ลองออกไปเที่ยวกันค่ะแต่ข้างทางป่ารกนะคะ ระวังด้วย



วันที่ 3 ตื่นแต่เช้าค่ะ ออกมาดูพระอาทิตย์ขึ้น สูดอากาศบริสุทธ์เต็มปอดก่อนกินข้าวเช้าและวันนี้จะลงเรือไปดำน้ำดูปะการังค่ะ // ตรงนี้อีกนิด อาหารเช้าจะเป็นข้าวต้มค่ะซึ่งก็มีเติมน้อยไปหน่อย แต่ก็คิดในแง่ดีว่าคนในกรุ๊ปเยอะไปมั้งคะ เพราะได้ยินทัวร์เค้าคุยกับที่รีสอร์ทว่าไม่เคยมีทัวร์มาลงใหญ่ขนาดนี้เลยยย









หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จเราก็รอเรือมารับค่ะ ตอนนี้น้ำขึ้นมาถึงชายหาดหน้ารีสอร์ทเลยค่ะ เด็กน้อยเล่นน้ำกันเมามันเลย คึกคักสุดๆ



ได้เวลาแล้ว....ไปกันเลย



จำไม่ได้แล้วค่ะว่าไปแวะหาดไหนมาบ้าง แต่สวยทุกหาดเลยค่ะติดตรงที่ว่าช่วงนี้น้ำไม่ใส เลยดำน้ำไม่ค่อยเจออะไร อ๊ะๆๆ แต่เจอปลาการ์ตูนด้วยค่ะ






ขำแม่มากเลย แม่บอกว่ากินน้ำทะเลตั้งหลายอึก 555




สู้ตาย



หลังจากอิ่มน้ำ เอ้ย อิ่มหนำสำราญใจก็ถึงเวลากลับที่พักค่ะ ช่วงบ่ายกว่าๆ แล้วแหละ....ถึงเวลาน้ำลงพอดี ค่ะ!! เอาเรือเข้าไปจอดตรงหน้าหาดไม่ได้ ทุกคนคะ...ขึ้นเรือแล้วเดินกลับเข้าเกาะ ปฎิบัติ!! ขุ่นพระ...มองไปไกลๆ นึกว่าพม่าอพยพเข้าเมือง เดินไกลมากกก แล้วน้ำสูงประมาณเกือบเอว เดินโคตรเหนื่อยเลย...อีนี่อยากเป็นลมมม





กลับถึงห้อง อาบน้ำและ...สลบค่ะ ตื่นมาอีกทีก็เย็นๆ แล้ว ก่อนกินข้าวเย็นก็ออกไปเดินเล่นแชะภาพพระอาทิตย์ตกกันซะหน่อย มื้อเย็นวันนั้นก็ซีฟู้ดเต็มคราบเลยค่า ก่อนจะแยกย้ายนั่งชิลล์ และเข้านอนนน











วันที่ 4 วันสุดท้ายของทริป ก็ยังคงตื่นแต่เช้าเหมือนเดิมค่ะ ไปเดินถ่ายรูปและสูดอากาศ คราวนี้เดินไปไกลอีกหน่อยออกจากหน้าหาดของรีสอร์ทไปอีกหาดนึง ไม่แน่ใจว่าชื่อหาดเขาควายหรือเปล่า ตรงนี้มีกลุ่มหินน้อยใหญ่เต็มเลยค่ะ สวยมากๆ เดินฟังเสียงคลื่นพลางถอนหายใจอารมณ์แบบว่านี่วันสุดท้ายแล้วเหรอเนี่ย













โขดหินใหญ่มากกก







หลังจากกินข้าวเช้าแต่ละคนก็แยกย้ายกันไปเตรียมเก็บของเพื่อออกไปลงเรือกลับเข้าฝั่งที่ท่าเรือเกาะพยามค่ะ ก่อนกลับแชะภาพหน้าห้องพักซะหน่อย




ถ่ายระหว่างทางมาให้ดูว่ามันธรรมชาติมากๆ


บ๊ายบายเกาะพยาม



ขึ้นฝั่งแล้วก็นั่งรถยาวๆ ไปแวะพักซื้อของที่ตลาดในชุมพร แวะกินซาลาเปาทับหลี แวะกินข้าว ผ่านเพชรบุรีและหลับยาวถึงกทม.โดยสวัสดิภาพค่า





ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้าค่า



Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2558
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2558 14:23:21 น.
Counter : 1629 Pageviews.

3 comment
บันทึกเที่ยวไทยของOL~ไปเที่ยวกาญจนบุรีล่องแพ~
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาอีนี่มีโอกาสได้ไปพักผ่อนที่ต่างจังหวัดกับเพื่อนๆ ที่ทำงานมาค่ะ หลังจากที่ตกลงกันอยู่นานก็ตัดสินใจว่าจะไปค้างคืนกันที่แพ จ.กาญจนบุรีค่ะ นัดรวมพลกันตอน 6 โมงเช้า และออกเดินทางกันประมาณ 7 โมง แหม่...แค่เริ่มเราก็เลทกันซะแล้ว 555

นั่งรถกันไปเรื่อยๆ แบบไม่รีบร้อน เราก็มาแวะที่ตลาดลีลา จ.สมุทรสาคร เพื่อซื้อกับข้าวและของสดกันค่ะ




น่ากินนนนนน





หลังจากช็อปปิ้งกันเรียบร้อยเราก็เดินทางต่อค่ะ ใช้เวลานานพอสมควรก็มาถึงอุทยา่นไทรโยค จ.กาญจนบุรีแล้วค่ะ


ทางเข้าด้านหน้าอุทยาน

ที่นี่มีแพหลายแพอยู่ค่ะ ส่วนที่เราจองกันไว้คือ แพสองเรา ขับรถเข้ามาตามทางเรื่อยๆ ข้างทางเต็มไปด้วยป่าไผ่ แปลกตามากๆ




ข้างหน้านี้คือแพที่เราจะไปพักกันค่ะ

จากนั้นเราก็ค่อยๆ ทยอยขนของลงแพกัน และเราจะไปใช้ชีวิตอยู่บนแพกลางแม่น้ำกันคืนนึง ตื่นเต้นสุดๆ Smiley


อ่า.........ฟินอ่ะ




อากาศดีสุดๆ เลย


แช่ไม่ถึงอ่ะ...ชิ!



จากนั้นก็เดินสำรวจค่า 55 ตามประสาเด็กอยากรู้อยากเห็น // เอ๊ะ!! เลยลองเดินขึ้นไปชั้นบน...


มีเครื่องนอนครบครันเลย





เนื่องจากป้าแกหุงข้าวแล้วยังไม่สุกดีเราเลยต้องรอกันต่อ แต่กับข้าวเสร็จแล้วง่ะ...หิวละด้วย ก็เลยจ้วงเลยค่ะ กินด้านบนที่มันสุกดีแล้วก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยเอาไว้ทำข้าวผัดเอา


อุ๊ย...ลืมเซ็นเซอร์

และแล้วก็ถึงเวลาออกเดินทางแล้วค่า กินขนมกันไป ชมทิวทัศน์รอบๆ ไป สวยมากกกก




น้ำตกไทรโยคค่ะ








ระหว่างเราจะเจอแพอื่นและแพร้านอาหารด้วยค่ะ บรรยากาศดีจัง

ก่อนจะถึงที่หมาย ก็....เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมเล่นน้ำกันเต๊อะ!! ก็ไม่มีอะไรมากแค่ใส่เสื้อชูชีพเอง 555




โว้ววววววววววว


ยิ้มจ้า~



ถึงที่หมายกันแล้วเราก็นั่งกินขนมกันไปเรื่อยเปื่อยเติมพลังไปในตัว นั่งร้องเพลง จนบ่ายแก่ๆ ก็ถึงเวลาลงเล่นน้ำกันซะที




น้ำใสและเย็นมาก หนาวปากสั่นเลย

เล่นน้ำกันจนเหนื่อยก็มาช่วยกันเตรียมข้าวเย็น ถึงข้าวของเครื่องใช้จะไม่พร้อมแต่ก็สามารถ แม่ครัวใหญ่เก่งมากๆ กับข้าวเย็นนั้นเป็นอะไรที่อิ่มสุขสุดๆ กินข้าวนั่งคุย เคล้าบรรยากาศเย็นๆ สุดยอด หลังจากนั้นก็นั่งคุยนั่งเล่น ร้องเพลง อีนี่เหนื่อยก็นอนก่อนเพื่อนเค้าล่ะ ไม่ค่อยหลับเท่าไหร่เพราะเสียงเครื่องปั่นไฟดังมาก สะเทือนยันเยื่อแก้วหูชั้นใน แถมอากาศยังเย็นมากกกกกกกก

เช้าวันรุ่งขึ้น อีนี่ตื่นแต่เช้าเพราะได้ยินเสียงเพื่อนที่ไปด้วยกันก็เลยเปิดประตูห้องออกมา ว้าว....เจอกับ...หมอกค่า


พระอาทิตย์กำลังขึ้นพอดี











เช้านี้ก็สบายๆ ชิลๆ กันต่อ กว่าเราจะทำกับข้าวกันก็ประมาณ 7-8 โมงเช้า มีเรือมาขายก๋วยเตี๋ยว ขายกาแฟก็จัดกันไปคนละแก้ว ใครตื่นแล้วก็มาช่วยกันทำกับข้าวไป เบาๆ รับวันใหม่ด้วยข้าวต้มไก่หม้อใหญ่มากกกก

กินข้าวเช้าเสร็จก็ทยอยเก็บล้างจานชาม เก็บข้าวของใส่กระเป๋ารอลากแพกลับเข้าฝั่ง ถึงแม้จะเป็นช่วงสายแล้วแต่อากาศก็ยังเย็นสบายอยู่เลย





หลังกลับเข้าฝั่ง ก็ไปเดินเที่ยวอุทยานไทรโยคกันต่อ และไปแวะกินข้าว ถ่ายรูปกันที่สะพานข้ามแม่น้ำแควตอนช่วง 3 โมงเย็น


แดดยังร้อนอยู่เลย





ก่อนกลับก็ตามสเต็ป แวะซื้อของฝากกันซักหน่อย หลังจากนั้นก็หลับตลอดทางมาตื่นอีกทีก็กรุงเทพละ เป็นอันจบการเดินทางแยกย้ายกลับบ้าน

ฟินสุดๆ จนไม่อยากกลับกันเลยทีเดียว



Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2557
Last Update : 1 พฤษภาคม 2557 11:20:49 น.
Counter : 897 Pageviews.

2 comment
1  2  3  

สมาชิกหมายเลข 1092413
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



OL who love Visual-Kei / Manga / Anime and also Cooking ^ ^
New Comments
All Blog