นกเทพย่อมมีบารมีของเทพ สายลมอ่อนๆ เบาสบาย มือพัดไปมา จิตตรองกลยุทธ์ วางแผนจัดการได้ทุกเรื่องในโลก
Group Blog
 
All Blogs
 
ความเป็นมาของลุมพินี




การขุดค้นโบราณสถานลุมพินีวันใหม่ในครั้งนั้น
ทำให้ได้พบซากโบราณที่ถูกฝังอยู่ใต้วิหารมายาเทวีเก่า
มีอายุราวพ.ศ. 1300
ซึ่งทางรัฐบาลก็ไม่ได้มีการตกแต่งขึ้นมาใหม่ประการใด
แต่ยังคงแสดงไว้ในแบบเดิม





ต่างจาภายนอกวิหารที่มีการตกแต่งใหม่แบบเดียวกับประเทศอินเดีย
ที่ทำกับโบราณสถานแทบทุกแห่ง





ในการขุดค้นครั้งนี้ได้พบหินก้อนหนึ่งที่วางอยู่บนแท่นอิฐ
ซึ่งทางกองโบราณคดีบอกว่าเป็นรอยเท้าที่ทำขึ้นจำลอง
รอยเท้าของเจ้าชายสิทธัทถะ เพราะตรวจสอบแล้วอายุของหิน
ไม่เก่าถึงกับในสมัยพุทธกาล
แต่ก็เป็นที่สังเกตุได้ว่า ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อแสดงว่า
จุดนี้แหละเป็นจุดที่เจ้าชายสิทธัทถะประสูติ





ผมไปเห็นมาแล้วก็ไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไหร่ตามที่เขาว่ามา
เพราะไม่เห็นเหมือนรอยเท้า ถ้าถูกสร้างขึ้นมาน่าจะเหมือนกว่านี้
แต่ไม่เป็นไรเพราะว่าจะเป็นหินที่ถูกสร้างขึ้นมาหรือว่า
เป็นหินธรรมชาติที่บังเอิญมาตั้งอยู่ตรงนี้
บริเวณนี้ก็เป็นสถานที่ประสูติของพระโพธิสัตว์อยู่ดี
ความสงสัยนี้เลยตกไป
ส่วนใหญ่เรื่องราวทางโบราณคดีเป็นเรื่องที่ถูกปะติดปะต่อ
ขึ้นมาจากหลักฐานเท่าที่หาได้บางเรื่องจึงอาจจะยังข้อสงสัยต่าง ๆ ให้แก่ผู้ที่มาชม
แต่ในประเด็นหลัก ๆ หลักฐานเท่าที่มีก็ยังพิสูจน์ได้
ประกอบกับคำบอกเล่าและเชื้อสายของตระกูลศากยะ
ที่ยังคงหลงเหลือมาจนทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่มากในประเทศเนปาล
น่าจะมีคนที่ใช้นามสกุลศากยะอยู่ในเนปาลไม่ต่ำกว่า 30,000 คน





ประเทศเนปาลเป็นประเทศที่มีการปกครองระบอบ
สมบูรณาญาสิทธิราชย์มายาวนาน
ถึงจะถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นประชาธิบไตยแล้ว
กษัตริย์ก็ยังมีอำนาจในการบริหารอยู่ดี
ประชาชนก็ยังรับได้เพราะมีความรักในพระมหากษัตริย์
เพิ่งจะมามีปัญหาตั้งแต่ที่มีการปลงพระชนม์กษัตริย์และพระญาติ
ตามข่าวที่หลายท่านคงจะทราบแล้ว
หลังจากนั้นประชาชนก็เสื่อมศรัทธาในกษัตริย์องค์ใหม่
เรื่องนี้มีตื้นลึกหนาบาง ซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากครับ
เท่าที่ผมฟังจากคนเนปาลเล่ามา
เลยไม่กล้าฟันธงว่าอะไรเป็นอะไร
กษัตริย์องค์ใหม่ที่ขึ้นครองราชย์และก็ชนะการเลือกตั้งทั่วไปด้วย
จึงไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชน
ที่อื่นเขาเรียกว่าเผด็จการที่เป็นประชาธิปไตย
แต่ที่นี่บังเอิญกษัตริย์เป็นประธานฝ่ายบริหาร
ซึ่งก็มาจากการใช้อำนาจในการเลือกตั้ง
จึงไม่แน่ใจว่าเขาเรียกกันว่าอะไร
เอาเป็นว่าประมาณนั้นแล้วกัน
ก็จึงเกิดกบฏตามท้องถิ่นนอกเมืองหลวงสร้างความวุ่นวาย
ปิดถนน ลอบสังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจทหาร
การท่องเที่ยวก็จึงซบเซา
แต่ด้วยความที่เป็นประเทศที่มีธรรมชาติงดงาม
โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับภูเขา ยอดเขา
นักท่องเที่ยวจึงไม่ลดลงมากนัก ถึงจะปิดประเทศยังไงก็ยังมีนักท่องเที่ยว
ดั้นด้นเข้ามาจนได้ โทรศัพท์ทั่วไปก็ห้ามโทรออกนอกประเทศ 
สถานีข่าวต่าง ๆ ถูกควบคุม เป็นต้น
คนไทยก็ยังไปไหว้พระที่ลุมพินีกันตามปกติ
แต่ก็มีปัญหามากครับผมก็ไปเจอมาทุกปี
จนกระทั่ง 2 ปีที่แล้วกษัตริย์ยอมลงจากอำนาจ
ฝ่ายกบฏมีชัยในการเลือกตั้งประเทศเนปาลก็จึงเริ่มมีความสงบ
นักท่องเที่ยวก็มีเฮ เดินทางเข้ามาได้เต็มที่
ผมก็พลอยโล่งอกไปด้วย เมื่อปีที่แล้วจึงวางแผนเข้าไปชมเมืองกาฏฆัณฑุสักหน่อย
มาติดความไม่สงบในประเทศเราเองเสียอีกจึงพลาดไป
ไม่รู้ว่ายังจะมีโอกาสอีกเมื่อไหร่
มาดูข้อมูลของลุมพินีในวิกิพีเดียดีกว่า








ลุมพินีวัน

ลุมพินีวัน (อังกฤษ: Lumbini) เป็นพุทธสังเวชนียสถานที่สำคัญแห่งที่ 1 
ใน 4 สังเวชนียสถานของชาวพุทธ 
เป็นสถานที่ประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ 
ผู้ซึ่งต่อมาตรัสรู้เป็นพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า 
ตั้งอยู่ที่อำเภอไภราวา แคว้นอูธ ประเทศเนปาล 
เป็นพุทธสังเวชนียสถาน เพียงแห่งเดียวที่อยู่นอกประเทศอินเดีย 
ลุมพินีวัน เดิมเป็นสวนป่าสาธารณะหรือวโนทยานที่ร่มรื่นเหมาะแก่การพักผ่อน 
ในสมัยพุทธกาลลุมพินีวันตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างเมือง 
กบิลพัสดุ์กับเมืองเทวทหะ ในแคว้นสักกะ บนฝั่งแม่น้ำโรหิณี 
หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว 
พระเจ้าอโศกมหาราชได้โปรดให้สร้างเสาหินขนาดใหญ่มาปักไว้
ตรงบริเวณที่ประสูติ เรียกว่า เสาอโศก 
ที่จารึกข้อความเป็นอักษรพราหมีว่าพระพุทธเจ้าประสูติที่ตรงนี้

ปัจจุบันลุมพินีวันอยู่ในเขตประเทศเนปาล 
ติดชายแดนประเทศอินเดียทางเหนือเมืองโคราฆปุระ 
ห่างจากสิทธารถนคร (หรือ นครเทวทหะ) 
ทางทิศตะวันตกประมาณ 22 กิโลเมตร 
และห่างจากเมืองติเลาราโกต (หรือ นครกบิลพัสดุ์) 
ทางทิศตะวันออก 22 กิโลเมตร 
ซึ่งถูกต้องตามตำราพระพุทธศาสนาที่กล่าวว่าลุมพินีวันสถานที่ประสูติ 
ตั้งอยู่ระหว่างเมืองกบิลพัสดุ์และเมืองเทวทหะ 
ปัจจุบัน ลุมพินีวันมีเนื้อที่ประมาณ 2,000 ไร่ 
ทางการเรียกสถานที่นี้ว่า รุมมินเด มีสภาพเป็นชนบท 
มีผู้อาศัยอยู่ไม่มาก มีสิ่งปลูกสร้างเป็นพุทธสถานเพียงเล็กน้อย 
แต่มีวัดพุทธอยู่ในบริเวณนี้หลายวัด รวมทั้งวัดไทยลุมพินี 
ลุมพินีวันได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก 
ประเภทมรดกทางวัฒนธรรม ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 





ลุมพินีวันในสมัยพุทธกาล

ในสมัยพุทธกาล ลุมพินีวันอยู่ในเขตแห่งดินแดนที่เรียกว่าชมพูทวีป 
ตั้งอยู่ระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์ เมืองหลวงของพระเจ้าสุทโธทนะ และกรุงเทวทหะ 
เมืองหลวงของพระเจ้าชนาธิป 
เป็นพระราชอุทยานลาดลุ่มร่มรื่นกึ่งกลางระหว่างทางสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ
ของกษัตริย์และประชาชน 
สภาพของลุมพินีวันในสมัยนั้นอาจจะพิจารณาได้จากคัมภีร์วิสุทธชนวิลาสินี 
อรรถกถาขุททกนิกาย อปทาน ได้พรรณนาเป็นภาษาบาลีไว้ว่า


"ทวินฺนํ ปน นครานํ อนฺตเร อุภยนครวาสีนมฺปิ 
ลุมพินีวนํ นาม มงฺคลสาลวนํ อตฺถิ, 
ตสฺมึ สมเย มูลโต ปฏฺฐาย ยาว อคฺคสาขา 
สพฺพํ เอกปาลิผุลฺลํ อโหสิ สาขนฺตเรหิ เจว 
ปุปฺผนฺตเรหิ จ ปญฺจวณฺณา ภมรคณา นานปฺปการา จ 
สกุณสงฺฆา มธุรสฺสเรน วิกูชนฺตา สกลํ ลุมฺพินีวนํ 
จิตฺตลตาวนสทิสํ ฯเปฯ" 





แปลว่า: "ในระหว่างเมืองทั้งสอง มีป่าสาละชื่อลุมพินีวันอันเป็นมงคล 
สมัยนั้นสาละทั้งหมดล้วนมีดอกออกสะพรั่งเป็นแนวเดียวกัน 
แต่รากจนสุดปลายกิ่ง ตามกิ่งก้านสาขาและดอกนั้นล้วนมีหมู่ภมรนานาชนิด 
และหมู่นกหลากหลายชนิดส่งเสียงกู่ร้องประสานสำเนียง ดังทั่วทั้งป่า 
ลุมพินีวันนั้นจึงประดุจเช่นเดียวกับสวนจิตรลดา 
(อันมีในดาวดึงสเทวโลก) ฉะนั้น ฯลฯ"






หลังจากการประสูติของพระพุทธองค์แล้ว 
ไม่ปรากฏหลักฐานอื่นว่าพระพุทธเจ้าได้เสด็จมา ณ ที่แห่งนี้แต่อย่างใด 
แม้พระพุทธเจ้าจะได้เสด็จมา ณ กรุงกบิลพัสดุ์ 
ก็ประทับที่นิโครธารามที่พระประยูรญาติจัดถวาย
หาได้มาประทับหรือแสดงธรรม ณ ลุมพินีวันอีกไม่ 
เนื่องเพราะลุมพินีวันนั้นเป็นอุทยานไม่มีผู้คนอาศัยนั่นเอง

ลุมพินีวันหลังพุทธปรินิพพาน

หลังพุทธปรินิพาน กษัตริย์ซึ่งได้รับส่วนแบ่งแห่งพระบรมสารีริกธาตุ ไ
ด้นำพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ในสถูปแห่งหนึ่ง 
ไม่ไกลจากลุมพินีวันนัก จวบจนพุทธศักราชได้ 294 ปี 
พระเจ้าอโศกมหาราชได้เสด็จนมัสการพุทธสังเวชนียสถานทั่วทั้งชมพูทวีป 
พร้อมด้วยพระโมคคัลลีบุตรติสสเถระ (หรือพระอุปคุต) 
ได้เสด็จมานมัสการ ณ ลุมพินีนี้ 
พระองค์โปรดฯ ให้พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระนำทาง
และชี้จุดที่เจ้าชายสิทธัตถะประสูติ แล้วทรงสร้างอาราม 
พระเจดีย์และเสาศิลาจารึกไว้เป็นสัญลักษณ์ว่า 
ลุมพินีวันนี้มีความสำคัญอย่างไร 
ซึ่งเสาศิลาหินทรายของพระเจ้าอโศกยังคงตั้งอยู่ 
ณ ที่เดิมจนถึงปัจจุบัน

หลังจากยุคของพระเจ้าอโศกมหาราช 
เรื่องราวของลุมพินีวันได้หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์
ของพระพุทธศาสนาเกือบ 700 ปี 
โดยไม่ปรากฏหลักฐานเอกสารที่สามารถสืบค้น
ถึงความเป็นไปของลุมพินีวันในช่วงนี้ได้ จนในประมาณ พ.ศ. 900 
สมณะฟาเหียนได้เดินทางจากประเทศจีนมาถึงลุมพินีวัน 
ท่านได้กล่าวไว้สั้น ๆ เพียงว่าได้พบบ่อสรงสนาน 
และระบุที่ตั้งของลุมพินีวันว่าอยู่ไกลจากกรุงกบิลพัสดุ์
ไปทางทิศตะวันออกประมาณ 14-16 กิโลเมตร

ต่อมา ในปี พ.ศ. 1181 สมณะเฮี้ยนจัง หรือ พระถังซำจั๋ง 
ได้เดินทางมาถึงลุมพินีวัน โดยได้ทำการการจดบันทึกระบุที่ตั้งสถานที่ต่าง ๆ 
ในลุมพินีวันไว้คร่าว ๆ ท่านได้กล่าวถึงบ่อสรงสนาน 
ซึ่งคงเป็นบ่อเดียวกับที่สมณะฟาเหียนกล่าวไว้ในบันทึก 
ซึ่งบ่อนี้ยังคงมีอยู่มาจนปัจจุบัน 
และกล่าวว่าไม่ไกลจากบ่อนั้นไปประมาณ 24 ก้าว 
มีต้นสาละต้นหนึ่ง เชื่อกันว่าเป็นจุดที่เจ้าชายสิทธัตถะประสูติ 
จากจุดนั้นไปทางใต้มีเจดีย์องค์หนึ่ง 
เชื่อกันว่าเป็นจุดที่พระอินทร์เสด็จจากสวรรค์ลงมาต้อนรับพระราชโอรสที่ประสูติใหม่ 
ใกล้ ๆ กันมีเจดีย์อีกสี่องค์ ที่สร้างไว้เพื่อถวายแก่ท้าวจตุโลกบาล 
ที่ทำหน้าที่ถวายอภิบาลพระโอรสประสูติใหม่ 
และใกล้กันนั้นมีเสาอโศกรูปม้าประดิษฐานอยู่บนยอด

จวบจน พ.ศ. 2438-2439 เซอร์ อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮมและคณะ 
ได้ค้นพบเสาศิลาพระเจ้าอโศกซึ่งถูกฝังดินไว้
และพบจารึกเป็นอักษรพราหมีระบุว่าที่แห่งนี้คือสถานที่เจ้าชายสิทธัตถะประสูติ 
จากนั้นจึงเริ่มมีการขุดค้นทางโบราณคดี 
โดยพบซากปรักหักพังจำนวนมาก ซากสถูปกว่า 50 องค์ 
และซากวิหารอาราม มีอายุตั้งแต่สมัยราชวงศ์โมริยะ ราชวงศ์ศุงคะ 
ราชวงศ์กุษาณะ และสมัยคุปตะ (ประมาณ พ.ศ. 300 - พ.ศ. 950) 





จุดแสวงบุญและสภาพของลุมพินีวันในปัจจุบัน

ฯพณฯ อู ถั่น อดีตเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ 
ผู้ดำริให้ชาวพุทธทั่วโลกร่วมกันบูรณะลุมพินีวัน
ให้เป็นพุทธอุทยานประวัติศาสตร์ของโลกปัจจุบัน 
ลุมพินีวันได้รับการบูรณะและมีถาวรวัตถุสำคัญที่ชาวพุทธนิยมไปสักการะ 
คือ "เสาหินพระเจ้าอโศกมหาราช" 





ที่ระบุว่าสถานที่นี้เป็นสถานที่ประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ 
นอกจากนี้ ยังมี "วิหารมายาเทวี" 
ภายในประดิษฐานภาพหินแกะสลักพระรูปพระนางสิริมหามายาประสูติพระราชโอรส 





โดยเป็นวิหารเก่ามีอายุร่วมสมัยกับเสาหินพระเจ้าอโศก 
ปัจจุบัน ทางการเนปาลได้สร้างวิหารใหม่ทับวิหารมายาเทวีหลังเก่า 
และได้ขุดค้นพบศิลาจารึกรูปคล้ายรอยเท้า 
สันนิษฐานว่าเป็นจารึกจำลองรอยเท้าก้าวที่เจ็ด
ของเจ้าชายสิทธัตถะที่ทรงดำเนินได้เจ็ดก้าวในวันประสูติ





พุทธอุทยานประวัติศาสตร์ของโลก

ลุมพินีวันได้รับการพัฒนาจากชาวพุทธทั่วโลก 
โดยเฉพาะจากโครงการฟื้นฟูพุทธสถานลุมพินีวันให้เป็น 
"พุทธอุทยานทางประวัติศาสตร์ของโลก" 
ซึ่งเป็นดำริของ ฯพณฯ อู ถั่น ชาวพุทธพม่า 
ในสมัยที่ท่านดำรงตำแหน่งเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ 
ท่านตั้งใจเริ่มโครงการฟื้นฟูให้ลุมพินีวัน
เป็นศูนย์รวมจิตใจชาวพุทธบนพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้ากว่า 6,000 ไร่ 
(ขนานตามแนวเหนือใต้) 
แบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนสำหรับปลูกป่าและสร้างวัดพุทธนานาชาติจากทั่วโลก
กว่า 41 ประเทศ โดยโบราณสถานลุมพินีวันตั้งอยู่ทางด้านใต้ 
ปัจจุบัน มีวัดไทยและวัดพุทธทั่วโลกไปสร้างอยู่จำนวนมากและมีขนาดใหญ่โต 
เพื่อรองรับพุทธศาสนิกชนที่มาสักการะแสวงบุญ

ในปี พ.ศ. 2540 ลุมพินีวันได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก 
ภายใต้ชื่อ "ลุมพินี สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า" 
ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 21 
ที่เมืองนาโปลี ประเทศอิตาลี อีกด้วย

ด้วยข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการพิจารณา ดังนี้

(iii) - เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรมหรืออารยธรรม
ที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว

(vi) - มีความคิดหรือความเชื่อที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์ 
หรือมีความโดดเด่นยิ่งในประวัติศาสตร์ 



Create Date : 18 ธันวาคม 2555
Last Update : 29 ธันวาคม 2555 22:33:27 น. 0 comments
Counter : 1165 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

venfaa
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




นกเทพย่อมมีบารมีของเทพ
สายลมอ่อนๆ เบาสบาย
มือพัดไปมา จิตตรองกลยุทธ์
วางแผนจัดการได้ทุกเรื่องในโลก


venfaa
Friends' blogs
[Add venfaa's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.