เพิ่มทักษะในการนำทีมด้วยวิธีทันสมัย  โดยไม่ใช้วิธีสั่ง 

หรือ ไม่ใช่แม้แต่การสอน

 แต่เป็นการโค้ชยุคใหม่ ซึ่งเน้นการพัฒนาให้บุคคลสามารถพัฒนาตัวเองได้ ด้วยตนเอง

 พื้นฐานสำคัญของกระบวนการโค้ชให้ลูกทีมประสบความสำเร็จในรูปแบบของ Executive Coaching Institute คือความเชื่อมั่นว่าทุกคนมีศักยภาพอันยิ่งใหญ่ในตนเอง

 โค้ชจึงมีหน้าที่ยืนอยู่ข้างสนาม ห้ามลงเล่น หากไม่จำเป็นจริงๆ

 หน้าที่หลักของโค้ช คือ การช่วยให้ผู้เล่นชนะ โดยการสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการพัฒนา ให้การสนับสนุน ให้ขวัญกำลังใจ พร้อมทั้งถามคำถามที่โดนใจ เพื่อให้ลูกทีมเปิดใจ ได้คิด และ ได้เรียบเรียงเรื่องราว เพื่อสาวหาคำตอบด้วยตนเอง 

 แม้ในที่สุด ลูกทีมอาจจะตระหนักว่าเขาแก้ปัญหาไม่ได้ด้วยตนเอง  แต่อย่างน้อย เขาก็มีศักยภาพที่จะตัดสินใจได้ว่า ทางเลือกมีอะไรบ้าง และจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้ได้คำตอบ  เพื่อก้าวต่อไปได้ ย้ำ ด้วยตนเอง 

 การที่ใครสักคนจะนำผู้ใดไปสู่จุดหมายได้ โดยผู้ตามยินยอมพร้อมใจ ไม่ลังเล ขึ้นกับปัจจัยพื้นฐานประการหนึ่งที่สำคัญยิ่ง หากไม่มีปัจจัยนี้ เขาก็อาจตามเราแบบแกนๆ แห่แหนไปตามกระแส ถือว่าเป็นหน้าที่...แต่พี่อย่าเผลอนะครับ ผมพร้อมกลับลำได้แบบไม่ขัดเขิน

ปัจจัยที่ว่านี้ คือ ความไว้เนื้อเชื่อใจ หรือ Trust นั่นเอง

 ไม่ว่าท่านผู้อ่านอยู่ในสถานะใดในการนำ อาทิ เป็นผู้นำที่ต้องนำลูกทีม เป็นลูกน้องที่ต้องแอบนำหัวหน้าแบบเนียนๆ เป็นผู้ขายที่ต้องนำและทำให้ลูกค้าเชื่อถือ หรือ มีบทบาทเป็นพ่อแม่ที่ต้องนำลูก

เรื่อง Trust จัดเป็นหัวใจทั้งสิ้น หากได้มาซึ่งสิ่งนี้ ปัญหาอื่นใดในความสัมพันธ์จะได้รับการผ่อนผันแบบอัตโนมัติ ปัญหาใหญ่ จะกลายเป็นเล็ก ปัญหาเล็ก จะสลายกลายเป็นจิ๊บๆ

 ในทางตรงกันข้าม หากไม่เชื่อใจในกันและกันเสียอย่าง แม้บางทีไม่มีปัญหา ก็พร้อมจะหาให้มี หรือปัญหาจ้อยน้อยนิด ก็ติดใจ กลายเป็นประเด็นใหญ่ เป็นเรื่องทั้งเคืองทั้งแค้นกันได้ รู้ว่าเกลียดมันเข้าใส้ แต่จำไม่ได้ว่าเพราะอะไร

 ในความเป็นผู้นำยุคใหม่ ที่ต้องการนำด้วยใจ พวกเราจึงต่างต้องตีโจทย์ แยกแยะ สมการความเชื่อใจ ของ Executive Coaching Institute ดังนี้

T   =   C  + R  + I 
                  S
 เรามาไล่เลียงแต่ละประเด็นให้เห็นภาพนะคะ

T ตัวแรก คือ Trust ความไว้เนื้อเชื่อใจ ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากการผสมผสานระหว่าง C  Rและ I  แต่ถูกหารให้ด้อยน้อยลงโดย S

 C คือ Credibility หรือ ความน่าเชื่อถือ ในฐานะคนที่ต้องนำและทำให้คนอื่นพร้อมตาม เราต้องประเมินตนเองว่า มีความรู้ มีความสามารถ มีประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญ ทั้งในงาน ตลอดจนการสื่อสาร ชักนำให้คนเชื่อเราขนาดไหน
 ตัว C นี้ถือเป็นปัจจัยพื้นฐานที่มืออาชีพในการทำงานใช้กันทั่วไปเพื่อสร้างความไว้ใจ

 ไม่มีไม่ได้ แต่..ไม่พอ

 เก่ง แต่ น่ากลัว  เพราะฉลาดเป็นกรด พร้อมกัด จัดว่าไม่น่าเชื่อใจ

 R คือ Reliability ความน่าไว้วางใจ พูดคำใดคำนั้น สัญญาคือสัญญา ไม่หลุกหลิก กุ๊กกิ๊ก กะล่อน แก้ตัว มั่วนิ่ม
 ทำงานกับใครที่ไว้วางใจได้ เราจะไม่หนักใจ เพราะรู้ว่าเมื่อเขารับปากแล้ว เขาจะทำตามคำพูด หากมีอุปสรรคใดที่ทำให้ทำไม่ได้ตามสัญญา เขาจะหาหนทางบอกเราอย่างทันท่วงทีเพื่อหาวิธีแก้ปัญหา  โดยไม่ปล่อยให้เราคอยเก้อ ชะเง้อจนงอน

 I คือ Intimacy ความใกล้ชิด สองปัจจัยแรก Credibility และ Reliability เน้นประเด็นที่เป็นรูปธรรม ทำหรือไม่ทำพอเห็นกันได้

 แต่ปัจจัยเรื่อง Intimacy เกี่ยวข้องกับความรู้สึก

 เราย่อมพร้อมเชื่อใจคนที่มีความสัมพันธ์อันดี มีเยื่อใย สนใจในสารทุกข์สุขดิบ ไม่ทำตัวสูงกร่าง ห่างเกินเอื้อม 

เพื่อนร่วมสุขมีมาก แต่คนที่เห็นใจกันยามยาก คือ คนที่เราพร้อมไว้ใจ

 ในความเป็นมืออาชีพจึงต้องใส่ใจให้เวลา เพราะความรู้สึกเชื่อใจไม่มีขาย แต่หาได้ด้วยความใส่ใจและความประณีตในการสร้างความสัมพันธ์

 ตัวสุดท้าย S คือ Self อัตตา เป็นตัวหาร ตัวผลาญความเชื่อใจ

 เจ้าตัวนี้ยิ่งใหญ่เท่าไหร่ ความเชื่อใจยิ่งตีบลีบลงเท่านั้น

หากผู้สัมผัสวัดได้ว่าอัตตาของเรายิ่งใหญ่ เห็นแก่ได้ เอาเปรียบ ไม่จริงใจ ทำอะไรเพื่อให้ตนดูดี ไม่มีศีลธรรม

 ตัวกู ของกู ทั้งสิ้น

 ทุกปัจจัยที่เพียรสั่งสมมา จะเก่ง  จะกล้า จะใกล้ ขนาดไหน

คนเขาก็ไม่เชื่อใจเด็ดขาด กรุณาอย่าประหลาดใจค่ะ

ขอบคุณที่มา