Rynekel Sanctuary : Highway Star Redemption
Group Blog
 
All blogs
 

Kun Story บทที่ 6 เจไดบุก!(จบภาค)

อ้างอิงจาก Tales of the Jedi: Dark Lords of the Sith #1-6 (ตอนนี้ย้อนไปมานะครับ)
เรียบเรียงโดย Rynekel



ย้อนกลับไปก่อนหน้าเหตุการณ์บนคอริบาน ทายาทซิทธ์อีกกลุ่มนึงได้รวมตัวขึ้นในนามของ “คราทธ์” (Krath) ซึ่งพวกเขาก็คือศิษย์อีก2คนของฟีดอน แนร์ด... ซาทาลและ อาลีมา เคโตนั่นเอง หลังจากทั้งสองสำเร็จวิชาก็กลับมาที่บ้านเกิดพร้อมกับความรู้ในศาสตร์มืด

กลุ่มคราทธ์เริ่มรวมตัวใหญ่ขึ้นจากการนำของราชนิกุลผู้ทรยศทั้งสอง และในที่สุด คราทธ์ก็สังหารราชวงศ์จักรพรรดินีเทตาจนหมด ทั้งคู่เข้าควบคุมทั้งระบบสุริยะด้วยพลังด้านมืด

เรื่องรั่วไปถึงหูของสภาเจได เป็นหน้าที่ที่พวกผู้พิทักษ์แห่งจักรวาลจำต้องปฏิบัติ จึงได้ส่งหน่วยปฏิบัติการพอเศษ นำโดย อูลิค เควล-โดรมาและโนมิ ซันไรเดอร์ วีรบุรุษและวีรสตรีจากบีสต์วอร์เข้าจัดการกลุ่มคราทธ์

แต่ก็หน่วยปฏิบัติการณ์พิเศษก็ต้องชะงักเพราะ พวกคราทธ์ใช้กลเม็ดภาพลวงตา ทำให้กองยานเจได หลงทางในอวกาศไปไม่ถึงซะที (ช่วงเวลานี้เองที่คันไปถึงคอริบาน)

เมื่อบุกไปไม่ถึงซักทีก็เลยต้องกลับมาตั้งหลักที่เดเนบาใหม่ แต่พวกคราทธ์ก็ไม่เลิก แทนที่เขาถอยทัพแล้วจะพอใจ แต่กลับส่งกองทัพดรอยด์ตามมาอีกเป็นฝูง

แต่ไหนเลยหุ่นกระป๋องจะสู้ดาบแสงได้ พวกเจได ฟันเหล่าหุ่นกระป๋องจนเดเนบากลายเป็นโรงงานเศษเหล็ก แต่ก็นั่นแหล่ะ บางครั้งเหตุไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นได้ เจไดมาสเตอร์ผู้หนึ่งถูกสังหาร

และเจไดผู้นั้นก็ไม่ใช่อื่นใดนอกจาก อาร์คา อาจารย์ของอูลิค, เคย์,และทอร์ท นั่นเอง และนั่นทำให้เหล่าเจไดได้รู้ถึงภัยซ่อนเร้น (เอ๊ะๆ ยังไง) ที่กำลังจะมาเยือน

อูลิคเสียใจมากกับการตายของอาจารย์ของตน จึงตั้งมั่นว่าจะต้องแก้แค้นให้ได้ แม้ว่าจะต้องใช้วิธีการใดก็ตาม เขาตัดสินใจ แทรกซึมเข้าไปในคราทธ์ และทำลายกลุ่มคราทธ์จากภายใน

แผนของอูลิคคือ เข้าไปยุ่งเกี่ยวในเหตุการณ์การก่อจราจลของประชาชนในพิธีประหารกลางสาธารณะบนดาวซินนาการ์ (Cinnagar) ซึ่งแผนของเขาก็ได้ผล อาลีมานั้นเชื่อใจเขา และยินดีที่จะให้อูลิคเข้าร่วมกับคราทธ์ แต่ซาทาลนั้นเห็นตรงกันข้าม เขาเชื่อว่าอูลิคนั้นมีผลประโยชน์แอบแฝง

ทางด้านโนมิ ซันไรเดอร์ หลังจากการหายตัวไปของอูลิค เธอก็ตามหาเขาไปทั่ว และในที่สุดก็มาลงเอยที่ซินนาการ์ ซึ่งเธอก็พลาดท่าถูกพวกคราทธืจับเป็นนักโทษ

เพื่อพิสูจน์ความภักดีของอูลิค ซาทาลสั่งให้อูลิคสังหารโนมิ .... หญิงม่ายที่อูลิคตกหลุมรัก

อูลิคบ่ายเบี่ยงกำหนดประหารไปเป็นเช้าวันรุ่งขึ้น เพื่อที่เขาจะสามารถส่งข้อความไปเตือนโนมิ และบอกถึงเหตุผลที่แท้จริงของตนเองได้

แต่ซาทาลที่รู้แกวอยู่แล้วก็รู้ทัน และชิงเอาสารลับไปได้ พอมั่นใจว่าอูลิคเป็นไส้ศึกแน่ๆ ก็จัดการส่งมือสังหารไปเก็บอูลิคซะ

แต่ขอเหอะ ทำไมพวกซิทธ์ชอบส่งตัวกระจอกไปเก็บเจได และยิ่งเจไดที่เป็นตำนานของบีสท์วอร์แล้วด้วย พวกมือสังหารก็ล้มเหลว และ โนมิก็หนีไปได้ตามระเบียบ

หลังจากช่วยกิ้กให้หนีไปได้แล้ว ก่อนที่สถานะจะเปิดเผย อูลิคก็รีบไปจัดการเก็บซาทาลซะเพื่อแก้แค้นให้อาจารย์ด้วยไปในตัว และนั่นทำให้อูลิค เข้าใกล้ทางสายสีดำไปอีกหนึ่งก้าว
...........................................................

ตัดกลับมาที่ คัน หลังจากเตียมตัวเรียบร้อย ก็ยกทัพมาที่ซินนาการ์ เพื่อจัดการกับทายาทของแนร์ดที่เหลืออยู่ แต่ก็ไม่ได้รู้เลยว่า ซาทาลนั้นเดี้ยงขิมไปแล้ว

ส่วนอาลีมานั้น หลังจากซาทาลตายก็ไม่ได้เอะใจเลยว่า เจ้าอูลิคเป็นคนทำ แต่กลับหลงกับความหล่อของอูลิคไปซะนั่น

อาลีมาหลงอูลิคมากจนกระทั่งมอบเครื่องรางของซิทธ์ที่อาจารย์แนร์ดทิ้งไว้ให้กับอูลิคไปซะง่ายๆ (หยั่งกับหนังจักรๆวงศ์ๆไทยๆ) แต่ก็อีกแหล่ะ ก็แนร์ดเองมิใช่หรือ ที่ก่อนตายมาบอกเธอว่าอูลิคเป็นสายเลือดซิทธ์อีกคนที่เหลืออยู่

เพราะการที่อูลิค เควล-โดรมามีเครื่องรางของซิทธ์ในครอบครองนี่เอง (เครื่องรางทั้งสองสัมผัสถึงกันได้) เครื่องรางของอูลิคจึงนำพาให้ เอกซา คันเข้ามาหาอูลิค อย่างที่ทั้งสองไม่รู้ตัวเลย

เหนือน่านฟ้าซินนาการ์ โนมิกลับไปพาเหล่าเจไดมาทั้งกองทัพ ลุยเข้าปะทะสดๆ กับกองทัพคราทธ์

ในขณะที่กำลังบุกตะลุยนี่เอง ศิษย์ของเจไดมาสเตอร์ทอห์นคนหนึ่ง นามว่า ออส วินลัม (Oss Wilum) เหลือบไปเห็น เอกซา คัน และเกิดความรู้สึก เหมือนเคยรู้จักคันมาก่อน ทั้งๆที่ไม่เคยพบหน้ากันด้วยซ้ำ และใจของออสบอกกับตัวเขาเองว่า

“ข้ารู้สึกแปลกๆ.....คล้ายกับว่า ข้าจะได้รู้จักเจไดผู้นั้น.....และจะได้เรียนรู้จากเขา”

ทางด้าน คัน ที่เข้าถึงตัวตึกในแล้ว ก็ได้พบกับอูลิคและอาลีมา อาลีมาพยายามจะใช้พลังภาพลวงตาเพื่อหนี แต่ก็ไม่เป็นผล คันที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะกว่า ก็ซัดโครมทีเดียว อาลีมาก็กระเด็นไปชนกำแพง น๊อคเอาท์แบบนับสิบก็ไม่ฟื้น เหลือเพียง คัน และอูลิค เผชิญหน้ากันเป็นครั้งแรก

ทั้งคู่ประดาบแสงกัน นับเป็นการห้ำหั่นของขุนศึกผู้ช่ำชองการรบสองคน กระบวนท่าทุกอย่าง ยุทธวิธีทุกสาระบบถูกนำมาใช้ แต่ทั้งคู่ก็ไม่อาจเอาชนะอีกฝ่ายได้ ความเกรี้ยวกราดเข้าครอบงำทั้งคู่ เครื่องรางที่ทั้งคู่สวมอยู่ต่างทำหน้าที่ของมันอย่างดีเยี่ยม

“สำหรับเจ้า....อูลิค เควล-โดรมา” คันกล่าวขึ้นระหว่างที่ทั้งสองปะทะกัน

“.....เจไดที่ทำให้ตัวเองตกต่ำจนเข้าสู่ด้านมืด .....วันที่พลังแห่งความมืดของเจ้าตื่นขึ้น เจ้าจะกลายเป็นภัยต่อข้า” คัน กล่าวสืบต่อ

“ท่านต่างหาก....คัน...ที่ตกอยู่ในความมืดมิด มิใช่ข้า .....ข้าทำผิดพลาดแต่แรกที่มาที่นี่” อูลิคปฏิเสธที่จะรับพลังจากศาสตร์มืด แต่ในใจเขา ความกลัวกำลังค่อยๆกัดกินอย่างช้าๆ โดยมีเครื่องรางซิทธ์เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา

ในขณะที่การดวลตัวๆ กำลังดุเดือดนั้น เครื่องรางของทั้งคู่ก็เริ่มเปล่งแสงพร้อมๆกัน แล้วในชั่วพริบตานั้น ห้องทั้งห้องก็เปลี่ยนไป กลายเป็นช่วงเวลาในอดีต ครั้งหนึ่งที่ซิทธ์รุ่งเรืองจนเกือบครองจักรวาล และที่นั่นเอง วิญญาณของ โคตรเหง้าศักราชแห่งซิทธ์ มากา แร๊กนอส ปรากฏตัวขึ้น

“พวกเจ้าได้เลือกหนทางของตัวเองแล้ว.....” วิญญาณแร็กนอส ส่งเสียงอีนน่าสะพรึงกลัว

“และตอนนี้ พวกเจ้าได้กลายเป็นผู้ถูกเลือก...” วิญญาณแร็กนอสคำราม ยินดี แต่น่ากลัว

“และเพราะเจ้า เอกซา คัน ซิทธ์จะไม่มีวันตาย ข้าขอประกาศให้เจ้า เป็นเจ้าแห่งศาสตร์มืดตัวจริงแต่เพียงผู้เดียว ผู้ที่จะสร้างตำนานที่จักรวาลนี้จะไม่มีวันลืม”

“ส่วนเจ้า” แร๊กนอสหันมาทางอูลิค “เจ้าจะเป็นผู้สืบทอดแห่งศาสตร์มืด ศิษย์คนแรกและศิษย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเจ้าแห่งศาสตร์มืด ดาร์ค ลอร์ด คัน” อูลิคพยายามปฏิเสธ แต่ใจเขากลับไม่ทำตาม ตลอดเวลาที่อยู่ที่ซินนาการ์ อูลิค โดนความมืดเข้าครอบงำอย่างไม่รู้ตัว ทั้งความแค้นของอาจารย์ และความรักที่มีให้กับโนมิ เขาต้องการพลังที่เหนือกว่า

“ท่านอาจารย์....” เขาหันไปหาคัน และโค้งคำนับต่อเจ้าแห่งศาสตร์มืดคนล่าสุด

“ในที่สุด ซิทธ์จะได้แก้แค้น” เสียงของแร๊กนอส ดังก้อง

ภัยร้ายที่สุกได้อย่างเข้ามาสู่กาแล๊คซี่แล้ว ภัยจากดาร์คลอร์ดที่เลวร้ายที่สุดที่เคยมีมา ดาร์คลอร์ดที่ไม่ต้องการแม้กระทั่งฉายานามแฝง

เชิงอรรถ: เป็นที่ถกเถียงกันระหว่างแฟนๆว่า kun กับ sidious ใครเจ๋งกว่ากัน ซึ่งก็สรุปได้จากเสียงส่วนใหญ่ว่า หากฟาดกันตัวๆแล้ว sidiousไม่ได้ขี้เล็บ Kunเลยล่ะ อยากรู้ว่าทำไม รอติดตามภาค2ล่ะกัน

เจอกันใน Kun Story 2: Sith War ครับ




 

Create Date : 06 พฤษภาคม 2548    
Last Update : 7 พฤษภาคม 2548 1:20:47 น.
Counter : 1767 Pageviews.  

Kun Story บทที่ 5 ความลับของซิทธ์

อ้างอิงจาก Tales of the Jedi: Dark Lords of the Sith #5
เรียบเรียงโดย Rynekel



คัน ในตอนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว มิใช่คันคนเดิมอีกต่อไป

เขาเป็นนายใหญ่แห่งมาซาไซทั้งมวล และพวกมันต่างก็สรรเสริญเขาในฐานะของเจ้าแห่งความมืดที่กลับมาเกิดอีกครั้ง เจ้าแห่งความมืดที่จะนำพวกมันไปสู่ความยิ่งใหญ่ดังเช่นในอดีต

คันได้สั่งให้มีการก่อสร้างวิหารขึ้นมาใหม่ตามแบบร่างของพวกซิทธ์ รูปแบบวิหารที่สามารถดูดซับพลังงานของซิทธ์ได้สูงสุด พวกมาซาไซก็รีบปฏิบัติตามรับสั่ง “บุคคลในตำนาน” ของพวกมัน บางตัวถึงกับจะสร้างอนุสาวรีย์รูปคันเลยก็มี

ใต้พื้นวิหารใหญ่แห่งเดิมของซาโดว์ที่ซึ่งคันเกือบจะเสียชีวิตนั่นเอง คันกำลังคิดที่จะเรียนรู้สิ่งที่นากา ซาโดว์ ได้ทิ้งไว้ และเริ่มศึกษาศาสตร์มืดทั้งหมดที่บันทึกไว้ที่นี่

“พลังของพ่อมดแห่งซิทธ์ยังคงอยู่ที่นี้ พลังอันยิ่งใหญ่ที่อาจเป็นภัยต่อข้า เว้นเสียแต่ ข้าจะเรียนรู้มันทั้งหมด.....ฉะนั้น ข้าจะเรียน”

และลึกลงไปอีก ใต้ของใต้ชั้นใต้ดิน คันได้ยินเสียงเพรียกหาเขา เสียงของยานรบ

ยานรบลำเก่าของซาโดว์.....

และหากมันยังบินได้...คันคิด....เขาก็ไม่ต้องติดอยู่ที่นี่อีกแล้ว และหากยานรบยังอยู่ แสดงว่าสิ่งประดิษฐ์อย่างอื่นก็น่าจะยังอยู่ และสิ่งประดิษฐ์ของพ่อมดแห่งซิทธ์นั้น ต้องมิใช่ชั่วแน่นอน และแล้วเขาก็พบห้องทดลองของซาโดว์ในที่สุด และของพวกนั้น......ยังใช้ได้อยู่

ในระหว่างศึกษา คันได้พบกับม้วนบันทึกเก่าม้วนหนึ่ง เป็นบันทึกของซิทธิ์เกี่ยวกับวิธีเปลี่ยนร่างของสิ่งมีชีวิต คันจึงได้ไอเดีย เขาสั่งให้นักบวชมาซาไซส่วนหนึ่งเข้ามาหา นักบวชเหล่านี้นั้นก็เชื่อฟังคำสั่งของเขาอยู่แล้ว

“ข้าสัญญาว่ามันจะไม่เจ็บ”

คันได้สร้างสัตว์สงครามขึ้นมาจนสำเร็จ สัตว์สายพันธุ์ใหม่ที่เรียกว่า “ผู้รับใช้แห่งความตาย”

เมื่อทุกอย่างพร้อมศัพท์ ยานก็มีแล้ว กองทัพก็มีแล้ว

“ยานรบของนากา ซาโดว์ถูกเก็บไว้อย่างดี ข้าไม่ต้องติดอยู่ที่ดวงจันทร์นี่อีกต่อไป ได้เวลาใช้พลังของข้าให้เป็นประโยชน์ (ตรงไหนฟระ) ได้เวลาไปเยี่ยมศิษย์ของฟีดอน แนร์ดแล้ว.......ไปถอนรากถอนโคนให้หมดสิ้น”




 

Create Date : 06 พฤษภาคม 2548    
Last Update : 6 พฤษภาคม 2548 19:45:59 น.
Counter : 306 Pageviews.  

Kun Story บทที่ 4 ความตายของดาร์คเจได

อ้างอิงจาก Tales of the Jedi: Dark Lords of the Sith #4
เรียบเรียงโดย Rynekel



คันพร้อมด้วยผีแนร์ดเดินทางมาที่ยาวิน 4 จากบนยานสตาร์สตอร์ม1 คันมองเห็นวิหารบนยาวิน 4 รูปร่างสิ่งก่อสร้างเบื้องหลังเป็นแบบแผนเดียวกับบนคอริบานที่เขาพึ่งจากมา

และบนพื้นพิภพยาวิน 4 เหล่ามาซาไซ (Massassi) มองขึ้นไปบนยานของเขา และเตรียมพร้อม พวกมันคือเหล่าทายาทที่เกิดจากการผสมพันธุ์ของซาโดว์เอง การทดลองสารเคมีของซาโดว์กับร่างของนักรบมาซาไซ แห่งเผ่าพันธุ์ซิทธ์

“เจ้าต้องการความช่วยเหลือของข้าในคราวนี้ เราควรจะทำงานร่วมกัน” ผีแนร์ดกล่าวกับคัน

“ระวังพวกมาซาไซไว้ให้ดี เจ้าจะต้องควบคุมพวกมันให้ได้ มันจะเป็นประโยชน์ต่อเจ้า” แนร์ดกล่าวสืบต่อ

“กลับไปสุสานโง่ๆที่อาร์คาสร้างให้เจ้าซะ แนร์ด ..... ไม่มีอะไรที่ข้าต้องการจากเจ้าอีกแล้ว” คันปฏิเสธอย่างเย็นชา

แนร์ดตอบตกลง......สำหรับตอนนี้

บนยาวิน 4 คันตัวคนเดียวต้องเผชิญหน้ากับมาซาไซทั้งฝูง ในเวลาไม่นาน ยานของเขาก็ถูกเหล่ามาซาไซฉีกเป็นชิ้นๆ คันยังคงไม่ยอมใช้พลังด้านมืด แต่ก็พบว่า พลังด้านสว่างไม่อยู่กับตัวเขาอีกแล้ว เขาถูกโจมตีจนหมดสติ

“เจ้าโง่เอ้ย........ข้าสอนมันทุกอย่างแล้ว แต่มันก็ยังแกล้งทำเป็นว่ายังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง การทดสอบของมันจบลงไปแล้ว ตอนนี้ ศาสตร์มืดคือขุมพลังที่แท้จริงของมัน....” ผีแนร์ดสบถกับตัวเอง

คันที่หมาสติถูกพวกมาซาไซพาไปยังวิหารแห่งไฟ (Temple of Fire) ซึ่ง ณ วิหารนี้เอง เหล่านักบวชประจำวิหารได้บอกว่า คันคือคนที่พวกนักบวชรอมานาน ผีแนร์ดที่มาด้วยรู้สึกรำคาญและอยากจะให้คันรีบๆกำจัดไอ้พวกนี้ไปซะเร็ว แต่ก็นั่นแหล่ะ......แนร์ดยังคงใจเย็นอยู่

เมื่อคันตื่นขึ้นมา เขาพบว่าตนเองกลายเป็นแขกสำคัญ ในพิธีกรรมที่เรียกว่า การบูชายัญเลือดของพวกมาซาไซ เขารู้สึกเหมือนโชคกำลังเข้าข้าง นักบวชคนหนึ่งก็กล่าวขึ้น

“นามกรของเขาคือ เอกซา คัน.....ถูกสอนมาในวิถีแห่งความสว่าง แต่ ณ ตอนนี้ เขากำลังสงสัยว่าทำไมพลังจึงทิ้งเขาไป สิ่งเดียวที่เขาจะพบก็คือ ความมืดที่ไร้สิ้นสุดจากก้นบึ้งของหัวใจ”

คำพูดนี้ ทำให้คันเริ่มมองย้อนมาที่ตัวเอง และเริ่มยอมรับ...ที่จะรู้สึกดีกับพลังที่มีอยู่ มันเป็นความสงสัยใคร่รู้อันบ้าคลั่งของตัวคันเองที่พาเขามาจากจุดเริ่มต้นได้ไกลขนาดนี้

ในพิธีกรรมนักบวชมาซาไซยกเครื่องรางชิ้นหนึ่งขึ้นไปบนฟ้าและวางไว้ที่หน้ารูปปั้นผุผังของนากา ซาโดว์ พลังงานในวิหารเพิ่มมากขึ้นทุกวินาที ภายในอึดใจต่อมา กระแสคลื่นพลังงานก็ถูกปลดปล่อยไหลทะลักออกมาทั่ววิหาร กลิ่นเนื้อไหม้คละคลุ้งในอากาศธาตุ

พันธนาการที่คุมคันไว้ถูกปลดออก เขาเพิ่งรู้สึกว่าเหล่ามาซาไซหวังที่จะตายพร้อมกับเขา

สัตว์ประหลาดยักษ์รูปร่างคล้ายงู หนึ่งในสัตว์ทดลองของซาโดว์โผล่ออกมา เจ้างูยักษ์จับคันได้ แล้วม้วนรอบตัวเขา และรัดคันไว้แน่น จังหวะนั้นเอง ผีแนร์ดปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง

“นากาซาโดว์รู้ถึงคำทำนาย เขาเกลียดเจ้าแห่งความมืดคนอื่น เขากลัวการมาของเจ้า คัน! ซาโดว์เตรียมสัตว์ประหลาดตัวนี้ไว้ เพื่อขัดขวางหนทางแห่งอำนาจของเจ้า”

“อ้ากกก....” คันร้องในขณะที่งูยักษ์รัดตัวเขา แต่ในใจเขากำลังทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมา

“เจ้าถูกกำหนดให้มาที่นี่ คัน เจ้าคือเจ้าแห่งความมืดคนต่อไป ยอมรับมัน ใช้เครื่องรางของพวกมาซาไซ ทำลายงูบ้านั้นซะ”

เป็นอีกครั้งที่ความตายเฉียดมาใกล้ชีวิตของคัน คันระลึกได้ว่าต้องทิ้งอดีตไว้เบื้องหลัง อดีตกับวิถีอันสิ้นคิดของเจได.......และยอมรับในพลังที่แท้จริงของเขา.....พลังแห่งความเกรี้ยวกราด

แล้วในขณะนั้น ด้วยพลังอะไรซักอย่าง คันสามารถพูดภาษาซิทธ์ได้ เขาเพ่งสมาธิ และเครื่องรางแห่งซิทธ์ก็ตกมาสู่มือของเจ้าของที่ถูกต้อง เครื่องรางสวมเข้าที่แขนของเขา (อย่างกับWitchblade….. Note: ไอ้เจ้าเครื่องรางนี่ถ้าใครใส่จะกลายเป็นด้านมืดหมด)

คันสามารถรับรู้ผลสะท้อนของเครื่องรางได้ในทันที ความเกรี้ยวกราดของเขาเพิ่มขึ้นเป็นพันเท่า จากนั้นก็เป็นแสนเท่า คันโจมตีเจ้างูยักษ์กลับ

ใจของคันจดจ่ออยู่กับการเอาชนะปีศาจของซาโดว์ แต่พลังงานจากเครื่องรางมันมากเกินกว่าที่ร่างกายมนุษย์จะรับได้ มือของเขาไหม้ไปหมด แต่คันไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดแม้แต่น้อยนิด

"ขวาตรง!" คันซัดพลังไปที่เจ้างูยักษ์ และในทันที ความน่าพรั่นพรึงที่หลงเหลือของซาโดว์...หายวับไปกับตา

แม้ว่าจะจัดการกับงูยักษ์ได้แล้ว แต่คันยังรู้สึกงงๆอยู่ เขายังไม่เข้าใจถ่องแท้ถึงพลังของเครื่องราง......เขายังควบคุมมันไม่เป็น และก็เกือบไปแล้ว......ที่มันจะเผาร่างเขาทั้งเป็น

แนร์ดในทางกลับกัน รู้สึกภาคภูมิในตัวลูกศิษย์คนนี้มาก และแนร์ดก็ไม่รอช้าที่จะเข้าสู่แผนการที่วางไว้ตั้งแต่แรกเสียที แนร์ดรู้ว่า ซาโดว์เคยทำการทดลองในการชุบชีวิตให้วิญญาณมีร่างกายเนื้ออีกครั้ง และเขาต้องการใช้คันสานต่อ เพื่อที่ตัวเองจะได้มีชีวิต

“เอาล่ะ ไอ้ลูกชาย ตอนนี้ได้เวลาทำการทดลองของซาโดว์ต่อแล้ว ข้าจะได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง”

แต่คันนั้นไม่ได้รู้สึกอินไปกับแนร์ดด้วยเลย เขาเบื่อคำสอนน่ารำคาญนี้เต็มทน

“ใครเป็นลูกแก” คันย้อน

“ไร้สาระน่า ได้เวลาทำงานแล้ว ข้าจะได้ลิ้มรสการมีกายเนื้อซักที ข้าจะได้มี “อำนาจ”อีกครั้งหนึ่ง” ผีแนร์ดยังระเริงกับความคิดที่จะได้ยิ่งใหญ่อีกครา

“อำนาจ ใช่แล้ว.....อำนาจ” ไม่ทันขาดคำ คันก็ใช้พลังจากเครื่องรางซัดตูมไปที่วิญญาณของแนร์ด

ในชั่วพริบตาสุดท้ายที่รู้ว่าโดนเด็กหลอกซะเปื่อย ผีแนร์ด ถ่ายพลังงานเฮือกสุดท้ายที่มี เพื่อไปปรากฏต่อหน้าศิษย์ราชนิกุลอีกสองคน ซาธาล และอาลีมา เคโต

“จงระวังเอกซา คันให้ดี ศิษย์ข้า มันได้พลังอันยิ่งใหญ่ของซิทธ์ไปแล้ว และข้าขอประกาศว่า มันเป็นผู้สืบทอดแห่งซิทธ์ตัวปลอม........พลังที่แท้จริงของซิทธ์สถิตที่อยู่ที่เจ้าทั้งสอง ซาธาล, อาลีมา และชายอีกคนหนึ่งที่ยังไม่ตื่นขึ้น อูลิค เควล-โดรมา.......”

กล่าวจบ ร่างวิญญาณของแนร์ดก็สลายไปต่อหน้าต่อตา ซาธาลและอาลีมา

บัดนี้ เอกซา คัน ได้กลายเป็น เจ้าแห่งความมืดเต็มตัวแล้ว....




 

Create Date : 06 พฤษภาคม 2548    
Last Update : 6 พฤษภาคม 2548 19:47:32 น.
Counter : 243 Pageviews.  

Kun Story บทที่ 3 ต้นตระกูลแห่งศาสตร์มืด

อ้างอิงจาก Tales of the Jedi: Dark Lords of the Sith #3
เรียบเรียงโดย Rynekel



ณ ดวงดาวเดเนบา (Deneba) ซึ่งไกลออกไปจาก จุดหมายของคัน เจไดกลุ่มหนึ่งกำลังหารือกันถึงเรื่องการกำจัดความของซิทธ์ให้หมดไปจากจักรวาล เจไดมาสเตอร์สองคนกำลังสนทนากัน

“โวโดยังไม่มาอีกรึ....หรือว่าสายเช่นเคย” เจไดมาสเตอร์ทอห์น (Thon) กล่าวติดตลกตามปกติ

"ข้ารู้สึกว่าโวโดกำลังทุกข์ทรมาน.....ศิษย์ของเขาคนหนึ่งลุ่มหลงในศาสตร์ต้องห้าม.....ฟ้าข้างหน้าช่างมืดมัว" เจไดมาสเตอร์อาร์คาตอบ ทั้งคู่เหม่อมองขึ้นไปบนฟ้า แต่ใจจริงแล้ว ทั้งคู่กำลังมองเห็นอนาคตที่ขุ่นมัว
................................................................

คันมาถึงคอริบานในที่สุด และพลังที่นำเขามาก็ได้นำพาเขาผ่านดินแดนอันรกร้าง หุบเขาโขดหิน แล้วคันก็รู้สึกถึงลางร้ายที่รอเขาอยู่ เขาท่องผ่านซากศพที่เกลื่อนกลาด กองกระดูกของผู้ที่ตายมาเนิ่นนานแล้ว พลังด้านมืดที่ปกคลุมไปทั่วผืนดินและผืนฟ้า สัตว์ประหลาดบางชนิดค่อยเคลื่อนตัว และลงมาทำร้ายเขา คันชักดาบแสงและเริ่มตอบโต้ ตอบโต้ได้ดีเสียด้วย แต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ สัตว์ประหลาดค่อยๆหนุนเนืองเข้ามาจนคันเหนื่อยอ่อน ขณะนั้นเองอยู่ดีๆแผ่นดินก็เริ่มสะเทือน คันตะโกนเรียกผีของแนร์ด

“ทำไมสัตว์พวกนี้ถึงเข้าโจมตีข้า” คันถาม เขากำลังเหนื่อยอ่อน

“พวกมันเป็นเพียง สัตว์ประหลาดที่คอยปกป้องพวกขุดสุสานเท่านั้น เข้าไปในวิหารสิ ข้าจะปกป้องเจ้าเอง” วิญาณของแนร์ดกล่าวกับคัน

คันเชื่อคำของแนร์ดและก้าวเข้าสู่วิหารซิทธ์ ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกอึดอัดพิกล เขารู้สึกไม่สบายเอามากๆ ความคิดชั่ววูบคือ รีบออกไปจากที่นี้ และรีบขึ้นยานไปให้พ้นดาวบ้าๆแห่งนี้ซะ

แต่แนร์ดมีแผนอีกอย่างไว้แล้วสำหรับคัน

“เจ้ารู้สึกถึงอำนาจที่สั่งสมนะที่นี้หรือไม่ เจ้าเด็กน้อย” ผีแนร์ดเอ่ยขึ้น

“ใช่ข้ารู้สึก พลังด้านมืดเข้มข้นมากในที่แห่งนี้.....ข้า...ข้าต้องใช้เวลาไตร่ตรอง.....ข้าจะกลับไปที่ยานก่อน” คันพูดกระท่อนกระแท่น

ในขณะที่กำลังจะก้าวกลับไปทางเดิมนั้น ก้อนหินถล่มลงมา และปิดทางออกไว้

“อ้า น่าเสียดายที่ทางเข้าปิดซะแล้ว หนทางเดียวที่จะไปได้คือก้าวไปข้างหน้าเท่านั้น ก้าวไปสู่อนาคต” ผีแนร์ดกล่าว

แม้ว่าจะไม่เต็มใจแต่นั่นก็เป็นทางเลือกเดียวที่คันจะทำได้

ลึกเข้าไปในวิหาร คันได้พบกับคริสตัลยักษ์ แนร์ดบอกคันว่า คริสตัลนั่นคือที่เก็บวิญญาณของเหล่าเจไดที่อาจหาญท้าทายซิทธ์ และพ่ายแพ้ พูดจบวิญญาณแนร์ดก็ทำลาย คริสตัลนั่นให้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ พร้อมๆกับที่กำแพงด้านหลังคริสตัลถล่มลงมาใส่ตัวคัน

พลังอันมหาศาลที่ทะลักออกมาจากคริสตัลและเศษผลึกกับเศษกำแพง พุ่งใส่ตัวคัน เสียงกร๊อบกว่าร้อยครั้งดังลั่นวิหาร กระดูกทั่วร่างเขาแหลกเหลวไปหมด

“ช่วยข้าด้วย......ข้ายังไม่อยากตาย” คันร้องครางด้วยความเจ็บปวด

“อะไรกัน เจไดที่กลัวความตายอย่างั้นรึ” ผีแนร์ดส่งเสียงด้วยความสะใจ

แนร์ดค่อยๆเกลี้ยกล่อมคันให้เข้าสู่ด้านมืด ให้คันยอมแพ้ซะ แต่คันยังคงฝืนไว้ ยังคงมีความดีในตัวเขาอยู่ ในขณะนั้น หนทางสุดท้ายที่เขาทำได้ เขาเพ่งจิตเรียกหาอาจารย์ของเขา เจไดมาสเตอร์โวโด

ไกลไปหลายปีแสง โวโดได้ยินเสียงโหยหวน เรียกขอความช่วยเหลือจากศิษย์ของเขา

“โอว....เอกซา มันเป็นอย่างที่ข้าได้ทำนายไว้จริงๆ ความมืดได้พบตัวเจ้าแล้ว”

โวโดเพ่งจิตเพื่อช่วยให้เอกซาเป็นอิสระจากด้านมืด รอบตัวเอกซาเปล่งแสงสว่างจากพลังของโวโดและตัวเขาเอง แต่โชคร้ายที่สถานที่นั้นคือแดนแห่งซิทธ์ ที่ๆเต็มไปด้วยคาวเลือดและความโกรธ ผีแนร์ดผลักดันพลังนั้นกลับไปสู่โวโด จนโวโดต้องกระเด็นลงไปกองกับพื้นยาน ซิลวาก้าวเข้ามาประคองอาจารย์ของเธอ

“พี่น้องเจไดของเจ้า เอกซา คัน......เขากำลังตกอยู่ในอันตราย” โวโดที่กำลังเหนื่อยล้ากล่าวด้วยเสียงโรยแรงกับศิษย์สาวของเขา

กลับมาที่คอริบาน ผีแนร์ดกำลังสะใจกับผลงานของตัวเอง

“เจไดน้อยที่น่าสงสาร โวโดช่วยเจ้าไม่ได้จากระยะทางที่ห่างไกลขนาดนั้น ไม่มีใครช่วยเจ้าได้ ยกเว้น.......ตัวของเจ้าเอง กระดูกของเจ้าแหลกไปหมดแล้ว เวลาเหลือน้อยเต็มที่ เจ้ายังอยากมีชีวิตอยู่หรือไม่ล่ะ? เจ้าจงเลือกเอง”

คันพยายามต่อต้าน เขาไม่ต้องการจะตกไปอยู่กับด้านมืด คันค่อยๆรู้สึกถึงพลังชีวิตของตัวเองที่ค่อยๆจางไปเรื่อย ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว

“ข้า.....ข้าตกลง......ข้าจะเข้าสู่ด้านมืด” เสียงของคันแหบพร่า เขากำลังจะตาย

“เจ้ากำลังโกหก ใจเจ้าไม่ได้ยอมรับศาสตร์มืดอย่างแท้จริง” แนร์ดรับรู้ได้ว่าคันกำลังพยายามเอาตัวรอด

คันใกล้หมดสติ และสุดท้าย ด้วยความกลัวในความตาย หัวใจของเขาก็เปิดรับศาสตร์มืด และแนร์ดก็รู้สึกได้ แนร์ดใช้พลังรักษาคัน แต่การรักษาก็มีค่าตอบแทนที่แพงยิ่ง มันเต็มไปด้วยความเจ็บปวด คันร้องโหยหวนด้วยเสียงอันน่าสะพรึงกลัว เสียงที่มิได้ดังแต่ในอากาศ แต่ดังผ่านอณูของพลังในจักรวาล

“อูลิค (Ulic Oel-Droma) ฟังสิ” บนดวงดาวเดเนบา อาร์คากล่าวกับศิษย์ของเขา

“เสียงนั่น....... ชายผู้หนึ่งกำลังถูกกินทั้งเป็น” อูลิค เควล-โดรมา รับรู้ได้เช่นเดียวกับอาจารย์ของตน

ณ อีกสถานที่หนึ่ง บนยานของโวโด

“ยานจอดแล้วอาจารย์..... อ่ะ! ......เสียงร้องนั่น” เครโด ที่กำลังจอดยานตะลึงงัน

“เสียงของ เอกซา ข้ารู้สึกได้” ซิลวาตอบเพื่อนชาวคาธา น้ำเสียงประหวั่น พรั่นพรึง

“ใช่แล้ว เสียงที่เจ้าได้ยินเป็นเพียงคลื่นลมระลอกแรก.......พายุกำลังจะถาโถมใส่จักรวาลในไม่ช้า” สิ่งที่โวโดได้คาดไว้ ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

หลังจากร่างกายของคันหายเป็นปกติ คันฉงนว่า พลังด้านมืดช่วยเขาได้อย่างไร ในขณะที่ผีแนร์ดค่อยๆนำเขาลึกเข้าไปในที่เก็บศพ เหล่าซิทธ์ลอร์ดในอดีต คันพยายามบอกตนเองว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนไปในตัวเขา เขาจะไม่ตกลงไปในด้านมืด แต่สิ่งที่ทำให้คันสงสัยตัวเองยิ่งก็คือ ตอนนี้เขาสามารถอ่านอักขระโบราณของพวกซิทธ์บนผนังได้ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขายังต้องใช้เครื่องแปล

แนร์ดเล่าให้คันฟังถึงเรื่องของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อมดในเหล่าซิทธ์ นากา ซาโดว์ (Naga Sadow ไม่อ่านสะเดาเหมือนที่บางคนเรียกก็ดีแล้ว) ผู้ที่ได้สร้างฐานทัพในดวงจันทร์ดวงที่4 แห่งยาวิน (Yavin4)

แนร์ดบอกคันว่า แม้ซาโดว์จะตายมานานแล้ว แต่อุปกรณ์ที่เขาได้สร้างไว้ยังคงเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งด้านมืด และบอกให้คันสานงานที่ซาโดว์พยายามจะทำให้จบ.........แต่ก่อนอื่น วิญญาณของเหล่าซิทธ์ลอร์ดมีการทดสอบครั้งสุดท้ายสำหรับคัน

แนร์ดจัดการปลดดาบแสงของคันออกจากตัวเขา ในพริบตาเดียว สัตว์ประหลาดนักล่าคล้ายสุนัขเป็นโหลก็โถมเข้าจู่โจมคันที่ไม่ทันระวัง คันที่ตั้งตัวไม่ติดก็พยายามวิ่งหนีแต่ก็ต้องล้มลงกับพื้น สุนัขตัวหนึ่งโจมตีเขาอย่างรวดเร็ว ในอึดใจ เขี้ยวโง้งคู่หนึ่งก็ทาบกับคอหอยของเขา คันตัดสินใจใช้พลังเฮือกสุดท้าย เรียกดาบแสงที่ถูกปลด......

แต่ไม่เป็นผล!!!!!

เขาใช้พลังไม่ได้ พลังของเขาถูกขัดขวาง พลังด้าน“สว่าง”ของเขาหายไป ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

“ท่านอาจารย์ อภัยให้ข้าด้วย ข้าต้องมีชีวิต!!” เสียงจากจิตใต้สำนึกอันดีงามครั้งสุดท้ายของจิตใจคัน

ความโกรธในจิตใจ เกาะกลุ่มขยายตัวไปตามร่างกาย ดาบแสงวิ่งเข้าสู่มือของเขา เขาฆ่า ฆ่าและฆ่า พลังแห่งความโกรธยิ่งทรงพลังขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งสุนัขตัวสุดท้าย ลงไปนอนสิ้นชีวิตอยู่กับพื้น เขาผ่านการทดสอบแล้ว

“เขาพร้อมแล้ว แนร์ด” เสียงของโคตรเหง้าซิทธ์ มากา แร๊กนอส พูดกับผีแนร์ด

“พวกเขายอมรับเจ้าแล้ว เตรียมยานของเจ้าไว้”

“ข้าจะไปยาวิน4 แต่ไม่เหมือนเจ้า ข้าจะไม่ยอมถูกศาสตร์มืดครอบงำ” คันยังคงยืนยัน

“แต่ข้าว่าเจ้าโดนไปเรียบร้อยแล้วว่ะ.......ฮาฮาฮาฮา”








 

Create Date : 06 พฤษภาคม 2548    
Last Update : 6 พฤษภาคม 2548 19:47:19 น.
Counter : 281 Pageviews.  

Kun Story บทที่2 เส้นทางแห่งการค้นหาซิทธ์

อ้างอิง : Tales of the Jedi: Dark Lords of the Sith #2
เรียบเรียงโดย Rynekel



เพียงไม่นานต่อมา คันก็จากอาจารย์โวโดและได้เดินทางมายัง โลกแห่งออนเดอร์รอน สถานที่ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นฐานที่มั่นของซิทธ์ลอร์ดที่ชื่อว่า ฟีดอน แนร์ด (Freedon Nadd) ซึ่ง ณ ที่นั่น วิญญาณของแนร์ดยังคงวนเวียนอยู่ และได้เข้าครอบงำจิตใจของราชนิกุลสองพระองค์นามว่า ซาทาล เคโต (Satal Keto) และพระญาติ อาลีมา (Aleema) ในระบบหมู่ดาวจักรพรรดินี เทตา (The Empress Teta system)

คันได้มาถึงดาวแห่งนี้ โดยปลอมตัวในฐานะของเจไดนักขุดโบราณสถาน ผู้ที่จะมาศึกษาเรื่องมรดกของซิทธ์ซึ่งถูกค้นพบบนออนเดอร์รอน... มรดกที่ตกทอดมาจากฟีดอน แนร์ด ซึ่งเจ้ามรดกที่ว่านี่อยู่ในความคุ้มครองของเจไดกลุ่มหนึ่ง คันได้พบกับศิษย์สองคนของเจไดมาสเตอร์อาร์คา (Arca) คือ เคย์ เควล-โดรมา (Cay Qel-Droma) และ ทอร์ท โดนีตา (Tott Doneeta) แม้ว่าทั้งคู่จะไม่รู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ของซิทธ์มากนัก แต่ทั้งคู่ก็สามารถถ่วงเวลาคัน ได้จนกระทั้งอาร์คามาถึง

“ท่านอาจารย์อาร์คา” คันโค้งคำนับ “ขอพลังจงอยู่คู่กับท่าน ข้ามีนามว่า เอกซา คัน ข้ามาที่ออนเดอร์รอนนี่เพื่อที่จะ......”

“ข้ารู้ว่าเจ้ามาที่นี่ทำไม และข้าคงช่วยเจ้าไม่ได้ในสิ่งที่เจ้ากำลังจะทำ” อาร์คาพูดแทรก

“ท่านคงได้พบกับอาจารย์ของข้าโวโด-ซิออสค์ บาสค์แล้ว เขายังไม่รู้ว่าข้าได้ติดต่อกับกองโบราณคดีของสภาเจไดไว้แล้ว เขาคงยังคิดว่า.....”

“ไม่.... ข้าไม่ได้พบอาจารย์ของเจ้า สิ่งที่ข้ารู้เกี่ยวกับเจ้า พลังเป็นคนบอกกับข้า ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังสนใจในด้านมืดของพลัง ซึ่งนั่นทำให้เจ้ากำลัง โกหก!!! ......เจ้าไม่ใช่นักโบราณคดี” อาร์คาเน้นเสียง

“สัมผัสกับพลังของท่านคงมีข้อผิดพลาด บางครั้งอายุก็เล่นตลกกับความคิดได้” คันยังคงใจเย็น

“นั่นก็ถูก แต่บางครั้งเวลาคนเราแก่ตัวลง จิตใจก็ยิ่งเห็นกระจ่างชัดมากขึ้น เจ้าไม่ได้รับการต้อนรับที่นี่ เอกซา คัน ไปซะ....” ในที่สุดอาร์คาก็ออกปากไล่

“ไร้สาระ!! ข้าเป็นเจได และข้าจะไปที่ไหนก็ได้ที่ข้าอยากจะไป ข้าจะเริ่มต้นการวิจัย แม้ว่าท่านจะไม่ช่วยข้าก็ตามที” พูดจบ ก็เดินส่ายอาดๆ (เอ๊ะ ยังไง) จากไป

“.....เจไดไปได้ทุกที่ที่เขาอยากจะไป และเจไดก็ต้องเลือกทางเดินของตนเอง” อาร์คาพูดไล่หลัง เมื่อคันลับตาไปแล้ว

เมื่อคันล้มเหลวที่จะครอบครองมรดกของแนร์ด คันก็บ่ายหน้าไปที่เมืองไอซิส (Iziz ใครเล่น KOTOR2 จำได้รึเปล่า)

ในตลาดไอซิส คันได้พบกับชายสองคนกำลังพูดถึงเรื่องของฟีดอน แนร์ด และสองคนนั้นกำลังจะถูกปล้น คันในฐานะพลเมืองที่ดี จึงรีบเข้าไปช่วยชีวิตสองคนนั้นไว้ได้ และเพื่อเป็นการตอบแทน ช่วยสองคนนั้นจึงสัญญาจะพาคันไปที่ ดวงจันทร์ดิกซัน (Dxun) ที่ซึ่งเจไดมาสเตอร์อาร์คาได้ปิดผนึกวิญญาณของแนร์ดไว้ในสุสาน ในขณะที่กำลังเดินทางไปที่สุสานนั้น คันก็ได้พบกับสัตว์ประหลาดท้องถิ่นตัวหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรคเลย คันใช้ดาบแสงตัดสัตว์ประหลาดตัวนั้นออกเป็นสองซีก (งามยิ่งกว่าชาวญี่ปุ่นแล่ซูชิ)

“ถ้ามาสเตอร์อาร์คาคิดว่าไอ้สัตว์ประหลาดงี่เง่านี่จะปกป้องสุสานได้ เขาก็คิดผิดแล้ว” ว่าแล้วก็เดินทางต่อ

แล้วคันก็ได้เจอกับกำแพงกำแพงหนึ่ง ซึ่งมาตรว่าคันจะใช้ดาบแสงจิ้มใส่ตามสไตล์เจได ก็ไม่สามารถผ่านไปได้ และในขณะที่คันกำลังปรับความเข้มข้น (ความแรง) ของดาบแสงนั้น เขาก็รู้สึกสงบอย่างประหลาด เขารู้สึกได้ถึงพลังลึกลับที่กำลังช่วยเขาอยู่ แล้วในที่สุด เขาก็สามารถผ่านกำแพงนั้นมาได้ ใจของเขาสัมผัสถึงพลังบางอย่างที่ช่างกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด คันเข้าไปในสุสาน และได้เจอกับศพของฟีดอน แนร์ด และมีพลังลึกลับที่ทำให้คันต้องเข้าไปสำรวจ

แต่คันก็ไม่ได้รู้เลยว่า แนร์ดนั้นยังสิงสถิตอยู่ที่นี่ และแล้วอยู่ดีๆ วิญญาณของแนร์ดก็โผล่ขึ้นตรงหน้าคัน

“เจไดหนุ่มหน้าโง่ เจ้าเป็นคนบ้าประเภทไหนกัน ที่กล้ามารบกวนสถานที่พักผ่อนของข้า ความสนใจในด้านมือของพลังจะทำให้เจ้าพบกับจุดจบ” เสียงวิญญาณของแนร์ดดังก้องไปทั่ว

แต่คันไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เพราะเขากำลังช๊อคกับผีแนร์ดที่อยู่ตรงหน้า ด้วยความที่เห็นเจ้าคันปอดแหกกำลังช๊อคนั่นเอง แนร์ดจึงสั่งให้คันเอาศพของแนร์ดออกจากโลง แม้ว่าในตอนแรกคันจะลังเลก็ตาม แต่ในที่สุดก็ยอมทำตาม คันอุ้มมัมมี่ของแนร์ดขึ้น และเห็นสิ่งที่อยู่ใต้ศพ ด้วยความประหลาดใจนั้น คันได้พบกับม้วนบันทึกลับโบราณ (ยังกับหนังจีน) 2 ม้วน ซึ่งบันทึกลับนี้ถูกเขียนโดยอาจารย์ของแนร์ดอีกที ม้วนบันทึกบอกเขาถึงทางที่จะไปยังบ้านแห่งสุดท้ายของซิทธ์ทั้งมวล “การตื่นขึ้นกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว”

คันออกจากสุสานของแนร์ด และเผชิญหน้ากับชายสองคนที่นำเขามาที่นี่ ทั้งคู่กล่าวว่าเขาไปหลบหลู่สุสาน และสั่งให้เขาคืนม้วนบันทึกมา แต่นอกจากคันจะไม่คืนแล้ว คันได้รู้สึกว่ามีพลังด้านมืดซึมผ่านตัวเขา และทำให้ความโกรธของเขาปะทุขึ้น เขาใช้วิชาหั่นซูชิตัดฉวบ เจ้าไกด์ทั้งสองต่างโดนเจื่อนกลายเป็นสองซีก เมื่อได้สังหารไกด์ทั้งสองไปแล้ว คันเพิ่งตระหนักว่า เขาเพิ่งจะฆ่าคนไปสองคน เขารู้สึกเสียใจมาก แต่อย่างไรก็ตาม ผีแนร์ดซึ่งติดตามเขามาก็ได้ยอมรับตัวเขาไว้แล้ว

คันรู้สึกสงบอย่างประหลาด เขาก้าวขึ้นบนยานของตัวเอง และอยากจะหนีจากสิ่งที่เพิ่งจะทำลงไป คันไม่รู้เลยว่าโชคชะตาของเขาจะไปจบที่ไหน หรือความลับอะไรที่รอเขาอยู่ เขาใช้เครื่องแปลภาษากับม้วนบันทึก และได้เรียนรู้ถึงการถูกขับไล่ และการสังหารหมู่ชาวซิทธ์ เขาจึงบ่ายหน้าสู่ต้นกำเนิดของซิทธ์.... คอริบาน (Korriban).......




 

Create Date : 06 พฤษภาคม 2548    
Last Update : 6 พฤษภาคม 2548 19:47:07 น.
Counter : 224 Pageviews.  

1  2  

rynekel
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Let's rest, forever



standby="Loading Microsoft Windows Media Player components..." VIEWASTEXT>



















ค้นหาใน GOOGLE.CO.TH



Home of Rynekel : Eventhough my world shall collide, I will not give up, I sware
Friends' blogs
[Add rynekel's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.