รถไฟฟ้าBTSขัดข้องทุกเส้นทาง เตือนปชช.เลี่ยง @BTS_SkyTrain: 07.20 น. ขณะนี้รถไฟฟ้า BTS ยังไม่สามารถให้บริการได้ (24 ธ.ค.) เมื่อเวลา 06.00 น. ที่หน้าเฟสบุ๊กของ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) แจ้งข้อความผ่านเตือนประชาชนหลีกเลี่ยงการใช้ระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส เนื่องจากระบบควบคุมการเดินรถขัดข้อง การให้บริการรถไฟฟ้า บีทีเอส ทั้งสองเส้นทางไม่สามารถให้บริการได้ ทั้งนี้ทางบีทีเอสอยู่ระหว่างดำเนอนการแก้ไข จึงขอประชาสัมพันธ์ประชาชนผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส หลีกเลี่ยงไปใช้บริการระบบขนส่งอื่นๆแทน MThai News   Create Date : 24 ธันวาคม 2556     0 comment Last Update : 24 ธันวาคม 2556 8:39:44 น.     Counter : 1276 Pageviews.   Share Tweet

คาดราคาทองปีหน้าแกว่งตัวแรงที่ 18,000-22,000 บาท “จิตติ”  ฟันธง ราคาทองปีหน้าแกว่งตัวแรงบาทละ 18,000-22,000 เฉพาะช่วง ก.พ. ปี 2557 ราคาจะปรับตัวอยู่ที่ 1,450 ดอลล่าร์สหรัฐ นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ  ราคาทองคำภายในประเภทในการลงทุนปีหน้าคาดว่าจะมีราคาปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 17,500-17,800  โดยพิจารณาจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 33-33.50 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ ถ้าหากค่าเงินบาทปรับแข็งค่าขึ้นหรือดอลล่าร์สหรัฐอ่อนค่าลงที่ระดับ 32.60 บาท ต่อดอลล่าร์สหรัฐ ราคาทองคำจะอยู่ที่ 18,000-22,000 บาท แนวโน้มราคาทองคำตลาดโลก ช่วงกุมภาพันธ์ปี2557 มีแนวโน้มที่ราคาจะปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 1,450 ดอลล่าห์สหรัฐเดือน ต่อทรอยออนซ์ เนื่องจากในเดือนกุมภาพันธ์ จะมีการเจรจาเพื่อหาข้อสรุปในเรื่องมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE ที่จะทยอยลดวงเงินจัดซื้อพันธบัตร โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2557 จากเดิมในวงเงิน 85,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อเดือน เหลือเพียง 75,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อเดือน โดยจะส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุน ซึ่งแนวโน้มว่าจะเกิดการผันผวนในกองทุนค้าทองคำโลก โดยกรอบดัชนีทองคำคาดว่าจะเคลื่อนใหวในกรอบที่ต่ำสุดที่ระดับ 1,175 ดอลล่าร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ซึ่งเป็นกรอบแนวรับที่มีนัยยะสำคัญและมีกรอบราคาที่ใกล้เคียงกับดัชนีราคาทองคำหน้าเหมือง และปัจจัยปัญหาความขัดทางการเมืองในประเทศที่นักลงทุนและประชาชนส่วนใหญ่จะเน้นกักตุนเงินสดสำรองเพื่อกรณีฉุกเฉินเพิ่มมาก MThai News   Create Date : 24 ธันวาคม 2556     0 comment Last Update : 24 ธันวาคม 2556 8:39:15 น.     Counter : 1223 Pageviews.   Share Tweet

10 ข่าวเด่นเศรษฐกิจปี 2556 10 ข่าวเด่นเศรษฐกิจในรอบปี2556 ขอเริ่มกันที่เรื่องแรกคือเหตุการณ์ น้ำท่วมภาคอีสาน :หลังฝันร้ายของคนไทยในปี 2554 อันเกิดจากมหาอุทกภัย  เหตุการณ์น้ำท่วม 28 จังหวัด ในภาคอีสาน ก็นับเป็นอีกครั้งหนึ่งที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยอย่างมาก มีประชาชนที่ได้รับผลกระทบนับล้านคน มูลค่าความเสียหายหลายหมื่นล้านบาท และมีผู้เสียชีวิตกว่า 34 ราย ซึ่งเรื่องนี้สะท้อนความด้อยประสิทธิภาพในการจัดการน้ำของประเทศไทย ทุจริตจำนำข้าว:โครงการอันเนื่องมาจากนโยบายประชานิยมของพรรคเพื่อไทย ที่ต้องการกระจายรายได้ลงสู่รากหญ้า และยกระดับราคาข้าวไทย แต่ที่สุดแล้วกลับพบมีการทุจริต การสวมสิทธิ์การจำนำข้าว กันอย่างโจ๋งครึ่ม ทั้งยังมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวพันจำนวนมาก การสอบสวนก็ยังไม่จบ แต่รัฐบาลก็ยังประกาศเดินหน้าจำนำข้าวรอบใหม่ ทั้งที่ยังค้างจ่ายเงินให้กับเกษตรกร และเงินของธ.ก.ส.ก็เหลือเพียงแค่ 12,000 ล้านบาทหรือจ่ายค่าจำนำข้าวได้ถึงสิ้นเดือนธันวาคมนี้เท่านั้น ม็อบยางพารา:ถึงจะมีผู้บอกว่าม็อบนี้เป็นม็อบทางการเมือง แต่ความเดือดร้อนเรื่องราคายางตกต่ำก็เป็นของจริง แม้ว่ารัฐบาลตัดสินใจแก้ไขปัญหาด้วยการช่วยเหลือปัจจัยค่าผลิต 2,150 บาท ต่อไร่ แต่ก็เป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุเนื่องจากปัจจุบันมีผลผลิตยางออกมาจนล้นตลาด ซ้ำยังต้องแข่งขันกับต่างชาติ การที่รัฐบาลมีความคิดจะผุด “รับเบอร์ ซิตี้” ขึ้นมาก็น่าจะตอบโจทย์ได้ระดับหนึ่ง นอกเหนือจากมาตรการระยะสั้นที่ให้ กระทรวง ทบวงกรมต่างๆ เพิ่มการใช้ยาง แต่ก็คงต้องรอรัฐบาลหน้ามาสานต่อเสียแล้ว โครงการ 2.2 ล้านล้านบาท:แม้ว่า พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินจำนวน 2.2 ล้านล้านบาทเพื่อลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานจะผ่าน สภาฯวาระ 3 ไปแล้ว แต่เรื่องนี้ก็ยังติดอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญว่าจะตีความอย่างไร เพราะหาก พ.ร.บ. 2.2 ล้านล้านไม่ผ่าน ปีหน้าประเทศไทยจะเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจหนักหนาทีเดียว เพราะเท่ากับว่าการใช้จ่ายภาครัฐจะไม่เกิด และไม่สามารถเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ในขณะที่การส่งออกก็ตกลงอย่างมากในปีนี้ไม่ถึง 1% ไม่อาจที่จะหวังพึ่งพาได้อย่างที่ผ่านมา โครงการบริหารจัดการน้ำ3.5 แสนล้านบาท:มีชะตากรรมไม่ต่างจาก พ.ร.บ. 2.2 ล้านล้าน แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีการลงพื้นที่ทำประชาพิจารณ์ไปแล้ว แต่เสียงตอบรับหลังๆ ก็ไม่ดีดังคาด ในขณะที่ไม่มีความชัดเจนจากภาครัฐ เอกชนผู้เข้าร่วมรายใหญ่ อย่าง เค วอเตอร์ ก็เริ่มแสดงความไม่สบายในความไม่ชัดเจนของรัฐบาลและการเมืองไทยที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งล่าสุดก็มีข่าวว่า เค วอเตอร์อาจจะพิจารณาส่งทีมงานจากเกาหลีกลับไปก่อนเพื่อรอความชัดเจนอีกครั้ง ดีลประวัติศาสตร์ซีพีออลล์ทุ่มซื้อแม็คโคร:บริษัท ซีพี ออลล์ เจ้าของร้านค้าสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น ซื้อกิจการ บริษัท สยามแม็คโคร ห้างค้าส่งรายใหญ่และรายเดียวในเมืองไทย ด้วยมูลค่า 188,880 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งแหล่งเงินทุนมาเงินสดของบริษัท 10% และอีก 1.7 แสนล้านบาท มาจากการกู้ยืมสถาบันการเงิน นำโดยธนาคารไทยพาณิชย์ ซีพี ออลล์จะใช้ สยามแม็คโคร มาเป็นทัพหน้าในการกระจายสินค้าสู่ตลาด AEC ขยายเครือข่ายธุรกิจค้าปลีกค้าส่งทุกประเทศ ในอาเซียน หรือเออีซี รวมทั้งจีน  เพื่อขยายฐานผู้บริโภคที่มีมากกว่า 600 ล้านคน ถือเป็นการรวมสุดยอด 2 บริษัทเข้าด้วยกัน และจะทำให้ ซีพี ออลล์ ทิ้งห่างคู่แข่งขันอันดับ 2  เพราะจะเติบโตขึ้นถึง 50% ถือเป็นดีลที่น่าเรียนรู้ และน่าจับตาการก้าวเดินว่าธุรกิจสัญชาติไทยรายนี้จะเติบโตไปอีกมากน้อยเพียงไร แฮ็กข้อมูลบัตร ATM:ช่วงเดือนพ.ย.ที่ผ่านมาเกิดโจรขโมยข้อมูลบัตรเอทีเอ็ม (สกิมเมอร์) แถวถนนวิทยุ มีผู้เสียหายเกือบ100 ราย แม้ตำรวจจะจับโจรได้สำเร็จในเวลาไม่กี่วัน แต่ธนาคารพาณิชย์ไทยต้องตื่นตัว และหาวิธีการป้องกันการโจรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ให้มากกว่านี้ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก และความเสียหายครั้งต่อไปอาจมากกว่าหลักล้านบาท โจรนายนี้ชื่อนายอังเดร เวเรเทลนิคอฟ เป็นชาวชาวรัสเซีย ร่วมมือกับตำรวจนอกแถวบางคน ลักลอบติดแถบสกิมเมอร์ตามตู้เอทีเอ็ม แถวถนนวิทยุ มีผู้เสียหายบางรายสูญเงินไปหมดทั้งบัญชี งานนี้มีหลฃักฐานของกลางเป็นเงินสด 4.4 ล้านบาท รวมถึงบัตรปลอมทั้งทั้งเอทีเอ็มและเครดิตอีก 328 ใบ แต่การออกมาแนะนำวิธีสังเกตุเครื่องสกิมเมอร์ของแบงก์ชาติ หรือการตรวจสอบตู้เอทีเอ็มทุกสัปดาห์ ยังไม่เพียงพอต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น อีกทั้งบัตรกดเงินจากตู้เอทีเอ็มที่ติดตั้งเครื่องสกิม เมอร์ ต่อให้มาเปลี่ยนรหัสบัตรทีหลัง ก็ป้องกันการโอนเงินได้ ต้องแจ้งอายัดบัตรเท่านั้น สิ่งสำคัญจึงเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยี่ให้เท่าทันอาชญกร ค่าแรง300บาทถูกใจคนไทยจริงหรือ: นโยบายค่าแรง 300 บาท ที่มีผล ตั้งแต่ปีใหม่วันที่ 1 ม.ค. 2556 อาจดูดีในสายตามนุษย์เงินเดือน แต่ในความเป็นจริงไม่ได้สร้างความพึงพอใจให้มากนัก เพราะราคาสินค้าในท้องตลาดขึ้นราคาไปนอนรอล่วงหน้า เรียกว่าแพงทั้งแผ่นดิน สิ่งที่ตามมาอย่างปฏิเสธไม่ได้คือ กิจการทั้งรายเล็กรายใหญ่หลายๆแห่งต้องปิดตัวลง ด้วยแบกรับต้นทุนไม่ไหว เช่น บริษัทสหฟาร์ม  จำกัด ไม่สามารถจ่ายค่าแรงแก่เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ และเกษตรกรผู้ส่งข้าวโพดได้ รวมถึงพนักงานกว่า 30,000 คน หรือบริษัท เอ็คโค จำกัด ผู้ผลิตรองเท้าแบรนด์ดัง ECCO ก็หมดหน้าตักไม่สามารถจ่ายค่าแรงคนงานกว่า 1,000 คนได้ จึงต้องเลิกกิจการ และยังคงส่งผลต่อไปอีก หากภาครัฐไม่สามารถควบคุมต้นทุนต่างๆที่เพิ่มขึ้นจากปัญหาค่าแรงที่สูงขึ้น แม้จะมีความพยายามช่วยเหลือภาคเอกชนผ่านมาตรการภาษี หรือวิธีการอื่นๆ ก็ไม่ตอบโจทย์ของปัญหานี้ได้ถูกต้องนัก เพราะเกาไม่ถูกที่คัน ลองหันมาดูค่าครองชีพและค่าขนส่งดีกว่านะ ประมูลทีวีดิจิตอลมูลค่ามหาศาล:เป็นข่าวที่ฮือฮามาเกือบ 2 ปี ภายหลัง กสทช.หน่วยงานที่ดูแลการกระจ่ายเสียงทั้งวิทยุและโทรทัศน์ ประกาศแจกคูปองเฉลี่ยใบละ 690 บาท แก่ 22 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ เพื่อเป็นส่วนลดซื้อกล่องรับสัญญาณ (set to box) และจอทีวีระบบดิจิตอล สร้างความชื่นมื่นกันถ้วนหน้าประชาชนชาวไทยงานนี้ลงทุนเป็นหมื่นล้านบาท อีกทั้งการประมูลโทรทัศน์ระบบดิจิตอลก็ทำให้ภาคธุรกิจสื่อสารตื่นตัว เข้าร่วมประมูลและคุณสมบัติเข้ารอบ 29 บริษัท แค่ใบอนุญาติก็คงหลายหมื่นล้านบาทเข้าไปแล้ว ยังไม่ร่วมถึงการดึงตัวคนมีฝีมือมาร่วมงาน ไหนจะการลงทุนหลังจากประมูลใบอนุญาติทำธุรกิจอีกมหาศาล รวมๆแล้วเริ่มต้นก็มากกว่า 1 แสนล้านบาทไปแล้ว ก่อนที่อุตสาหกรรมทีวีไทยไทยจะก้าวจากระบบอะนาล็อกสู่ระบบดิจิตอล โกงภาษี 4,000 ล้านบาท: เป็นคดีความที่น่าตกใจเพราะเป็นการร่วมมือกัน คอรัปชั่น โกงภาษี โดยมีเอกชนและเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรร่วมขบวนการถึง 18 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ระดับ ซี 9 จำนวน 4 ราย และต่ำกว่าระดับซี 9  อีก 14 รายร่วมมือโกงภาษีจำนวน 4,298,564,817 บาท  ถือเป็นความเสียหายอย่างยิ่ง แม้การจับกุมผู้กระทำผิดจะเป็นการล้อมคอกก็ตาม ต่อไปรัฐคนต้องมีวิธีการป้องกันได้ดีกว่านี้ ยิ่งกรณีเกลือเป็นหนอนร่วมมือกับคนนอกยิ่งต้องรัดกุมเป็นพิเศษ ถึงจะมีการโกงแบบนี้ขึ้นทุกปี แก้กฏระเบียบจนกระดาษขาดไปหลายร้อยรีมก็ยังไม่หมด คงต้องขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของคน และการที่ทุกคนในทุกแวดวงต้องช่วยเป้นหูเป้นตากันในเรื่องนี้ MThai news   Create Date : 23 ธันวาคม 2556     0 comment Last Update : 23 ธันวาคม 2556 8:39:12 น.     Counter : 1244 Pageviews.   Share Tweet

คนสมทบล้อมไทยญี่ปุ่นค้านรับสมัครส.ส.วุ่นขวางกกต.เข้า ผู้ชุมนุม กปปส. ทยอยสมทบหน้าสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง แกนนำระดมมวลชนขวางทางเข้า-ออก ขวาง กกต. เข้าทำงาน ขณะที่ เจ้าหน้าที่ อนุญาตให้ผู้สื่อข่าว ที่มีบัตรเข้าทางประตู3 เท่านั้น บรรยากาศ ที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ถนนมิตรไมตรี ก่อนการรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ วันแรก ในเวลา 08.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ได้เคลื่อนขบวนมาปักหลักชุมนุม ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยได้กระจายตัวนอนพักตามบาทวิถีตั้งแต่ด้านหน้าประตู1 ยาวไปถึงด้านหน้ากระทรวงแรงงาน เพื่อเฝ้าสังเกตุการณ์การรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีราย ชื่อในเช้าวันนี้ ขณะที่ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ได้เกิดความวุ่นวายขึ้นเล็กน้อยบริเวณด้านประตู3 เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. ที่ปักหลักค้างคืนอยู่ในบริเวณนี้ ไม่ยอมเปิดทางให้สื่อมวลชนนำรถถ่ายทอดสด และรถข่าว เข้าไปภายในสนามกีฬา โดยอ้างว่าแกนนำ กปปส. ได้มีคำสั่งให้กลุ่มผู้ชุมนุมนั่งเฝ้าด้านหน้าประตู และไม่ให้ใครเข้า-ออกสนามกีฬาอย่างเด็ดขาด จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงจากแกนนำ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ กกต. และตำรวจกองร้อยควบคุมฝูงชน อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ กกต. และผู้สื่อข่าว ที่มีบัตรอนุญาตการทำงานจาก กกต. เดินเท้าเข้าไปภายในสนามกีฬา ทางประตู3 เท่านั้น อย่างไรก็ตามด้านหน้าประตู3 แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม ได้ขึ้นรถปราศรัย ประกาศระดมมวลชนให้เคลื่อนย้าย มานั่งขวางด้านหน้าประตูทางเข้า-ออกทุกประตู เพื่อไม่ให้บุคคลใดเข้าไปภายใน สนามกีฬาได้ พร้อมกับระบุว่าภารกิจวันนี้เป็นภารกิจที่สำคัญ คือการหยุดยั้งการลงสมัครรับเลือกตั้งสส.บัญชีรายชื่อ วันแรก แต่ทั้งนี้ยืนยันว่า กลุ่มผู้ชุมนุมจะไม่บุกรุกเข้าไปด้านในสนามกีฬา ซึ่งหากผู้สมัครคนใดต้องการจะเข้าไปลงสมัครให้เดินฝ่ากลุ่มผู้ชุมนุมไป สถานการณ์ ล่าสุดที่บริเวณด้านหน้าสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ถนนมิตรไมตรี กลุ่มผู้ชุมนุมกปปส. ได้ทยอยเดินทางเข้ามาสมทบกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ปักหลักค้างคืนด้านหน้าสนาม กีฬา อย่างต่อเนื่อง ขณะที่แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม ได้ขึ้นรถปราศรัย ประกาศให้กลุ่มผู้ชุมนุม นั่งขวางประตูทางเข้า-ออก ทุกประตู โดยไม่อนุญาตให้บุคคลใดสามารถผ่านเข้า-ออก เด็ดขาด จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงจากทางแกนนำ ทั้งนี้เมื่อช่วงเวลาประมาณ 05.30น. ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุวุ่นวายเล็กน้อย เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมที่บริเวณประตู2 ได้เป่านกหวีดขับไล่เจ้าหน้าที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กตต. กลุ่มหนึ่งที่จะเดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่ พร้อมกับมีการขอตรวจค้นเจ้าหน้าที่กกต. ผู้ชาย คนหนึ่ง ก่อนจะปล่อยตัวไป โดยก่อนหน้านี้ ที่บริเวณประตู3 ก็ได้เกิดความวุ่นวายขึ้นเช่นกัน เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุม ไม่ยอมให้สื่อมวลชนนำรถถ่ายทอดสด และรถข่าว เข้าไปภายในสนามกีฬา อย่างไรก็ตามทางแกนนำ ได้ประกาศย้ำว่า กลุ่มผู้ชุมนุมจะไม่บุกรุกเข้าไปภายในสนามกีฬาอย่างแน่นอน และการเคลื่อนขบวนมาปิดล้อมในวันนี้ ก็ไม่ได้เป้นการขัดขวางการสมัครรับเลือกตั้ง แต่เป้นการเดินทางมาสังเกตุการณ์ รวมถึงเห็นว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้นั้นควรเลื่อนออกไปก่อน   Create Date : 23 ธันวาคม 2556     0 comment Last Update : 23 ธันวาคม 2556 8:38:14 น.     Counter : 1149 Pageviews.   Share Tweet

ม็อบ กปปส. เริ่มกระจายตามจุดต่างๆ ทั่วกรุงแล้ว ม็อบ กปปส. เริ่มกระจายตามจุดต่างๆ ทั่วกรุงแล้ว ดร.เสรี-เจ๊ปอง นำมวลชนหญิงบุกบ้านนายกฯ ใช้ชื่อ “กบฏดอกไม้” แสดงสัญลักษณ์กดดันนายกฯ มวลชนหน้าบ้านนายกฯ ภาพจาก@Juarawee บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. วันนี้ (22 ธ.ค.) กลุ่มมวลชนได้ทยอยเดินทางออกจากเวทีราชดำเนินไปยังจุดสำคัญต่างๆ 15จุดตามที่ประกาศไว้เพื่อเดินหน้ากดดันนายกรัฐมนตรีให้ลาออกจากรักษาการ และเรียกร้องให้มีการปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งการเดินทางกดดันรัฐบาลครั้งนี้ กลุ่มม็อบได้เดินทางไปที่บ้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีด้วย เพื่อแสดงสัญลักษณ์ แม้ว่านายกฯ จะติดภารกิจไม่ได้อยู่บ้านก็ตาม โดยขบวนดังกล่าวมีชื่อว่า “กบฏดอกไม้” นำโดย น.ส.อัญชลี ไพรีรักษ์ แกนนำ กปปส. และนายเสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการอิสระด้านสื่อสารมวลชนและการประชาสัมพันธ์ เตรียมตั้งขบวนสตรี และสาวประเภทสอง สำหรับเส้นทางเคลื่่อนขบวน ออกจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ผ่านไปผ่านฟ้า เข้าหลานหลวง อุรุพงษ์ อนุสาวรีย์ชัยฯ ดินแดง พระราม9 เลียบด่วนเอกมัยไปรามอินทรา เข้าซอยโยธินพัฒนา 3 ขณะที่เวทีใหญ่ 5เวที อันได้แก่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพม, แยกปทุมวัน, แยกราชประสงค์, สวนลุมพินี และแยกอโศก ได้มมีการปิดดารจราจรแล้ว โดยเฉพาะบริเวณแยกปทุมวัน หน้าหอศิลป์วัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร หลังกลุ่มผู้ชุมนุมนำอุปรกณ์เครื่องขยายเสียง เวที รวมทั้งเก้าอี้ มาติดตั้งบนถนนพญาไท ฝั่งขาออก จึงสามารถใช้เส้นทางได้เพียง 1 ช่องจราจร ทั้งนี้หากประชาชนจำเป็นต้องเดินทางไปมนเส้นทางดังกล่าว ควรมีการตรวจสอบเส้นทางอย่างละเอียด ด้วยเนื่องจากคาดว่าในวันนี้การชุมนุมดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อการจราจรทั่วทั้งกรุงเทพมหานคร ขบวน “กบฏดอกไม้”  มวลชนหญิงบุกบ้านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ภาพจาก@ตรงจากสนามข่าว Mthai News มวลชน กปปส. ที่บริเวณวงเวียนใหญ่ รวมตัวแสดงสัญลักษณ์ต้านนายกฯ โดยมี “ถนอม อ่อนเกตุพล” แกนนำมวลชนชวนเป่านกหวีดลั่น ภาพจาก@Wootthinan //news.mthai.com/headline-news/295969.html   Create Date : 22 ธันวาคม 2556     0 comment Last Update : 22 ธันวาคม 2556 10:16:29 น.     Counter : 1490 Pageviews.   Share Tweet