ครีมกันแดด ไอเท็มที่ขาดไม่ได้ของปุ้ยค่ะ


แสงแดด.....ศัตรูตัวฉกาจของคนรักผิว เพราะนอกจากแสงแดดจะทำให้เกิดปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ เช่น กระ, ฝ้า, ผิวไหม้ แพ้แดดแล้ว แสงแดดยังทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยเร็วขึ้นด้วย ดังนั้นเราจึงควรทาครีมกันแดดทุกวันให้เป็นนิสัย ปัญหาคือ เราจะเลือกครีมกันแดดอย่างไร

ครีมกันแดด (Sunscreen) แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ

1. ครีมกันแดดประเภทเคมี (chemical Sunscreen) 
เป็นครีมกันแดดที่มีสารดูดซับรังสี UV (Ultraviolet) จากแสงแดดเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนสลายไป ไม่ผ่านลงไปทำอันตรายต่อผิวเรา

2. ครีมกันแดดประเภทกายภาพ (Physical Sunscreen หรือ Non-Chemical Sunscreen) 

เป็นครีมกันแดดที่ออกฤทธิ์โดย Block หรือสกัดกั้นรังสี UV ไว้และสะท้อนรังสีกลับไม่ให้ผ่านเข้าสู่ผิว

3. ครีมกันแดดแบบผสม (Chemical-Physical Sunscreen)
เป็นครีมกันแดดที่เสริมประสิทธิภาพ ในการป้องกันแสงแดดทั้งทางเคมีและกายภาพร่วมกัน

ที่นี้เรามาดูกันว่าครีมกันแดดทั้ง 2 ชนิด มีข้อดี-ข้อเสีย ต่างกันอย่างไรบ้าง และเราจะเลือกใช้ครีมกันแดดอย่างไหนดีกว่ากัน

Physical Sunscreen

Chemical Sunscreen

Chemical-Physical Sunscreen

ข้อดี: กันแสงได้หลายช่วงคลื่น
ทั้ง UVA, UVA Visible Light และ Infrared โอกาสแพ้มีน้อย
ทาแล้วไม่รู้สึกเหนียวเหนอะ

ข้อเสีย: ทาแล้วหน้ามักขาววอกเกินไป

ข้อดี: กันแสงได้บางช่วงคลื่นเท่านั้น
(ขึ้นอยู่กันสารเคมีที่ใช้) ราคามักถูกกว่า
เวลาทาหน้าจะไม่ขาววอกมาก 

ข้อเสีย: โอกาสแพ้มีมากกว่า
เพราะเป็นสารเคมี

เป็นการเสริมข้อดี ลดข้อด้อยในแต่ละส่วน

นั่นคือ ลดการระคายเคืองต่อผิวหนังจากสารประเภทสารเคมี
และลดความขาวเมื่อทาครีมทา
แล้วดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น


นอกจากชนิดของสารกันแดดที่เราควรรู้จักแล้ว สิ่งที่เราควรพิจารณาอีกอย่างเวลาเลือกใช้ครีมกันแดด คือ ค่าซึ่งบอกประสิทธิภาพของสารกันแดดที่เราใช้นั่นคือ Sun Protection Factor หรือที่เราได้ยินชื่อย่อกันบ่อย ๆ ว่า SPF และอีกชื่อหนึ่งคือ PA เราลองมาดูว่า SPF และ PA คืออะไร

SPF =  ค่าความสามารถในการป้องกันรังสี UVB

                     [ทำลายชั้นผิวด้านบนๆ -> หมองคล้ำ ผิวไหม้แดด ฝ้า กระ มะเร็งผิวหนัง]

PA =  ค่าความสามารถในการป้องกันรังสี UVA

                     [ทะลุลงไปถึงชั้นหนังแท้ -> ริ้วรอย เหี่ยวย่นก่อนวัย]

SPF (Sun Protection Factor) ค่านี้ หมายถึงว่า
เมื่อทาครีมกันแดดแล้วทำให้ผิวทนต่อแสงแดด ไม่เกิดอาการแสบ แดงหรือไหม้ได้นาน เป็นกี่เท่าของผิวปกติที่ไม่ได้ทาครีมกันแดด ยกตัวอย่าง เช่น หากเราอยู่กลางแจ้ง หรือโดนแดดประมาณ  25 นาที ผิวจะเริ่มแดงเมื่อใช้ครีมกันแดด SPF 15 จะสามารถปกป้องผิวได้นาน 15 เท่า คิดเป็นเวลาได้นาน 25x15 =375 นาที หรือประมาณ 6 ชั่วโมง
        SPF 2   ปกป้องได้  50%
       SPF 10  ปกป้องได้  85%
       SPF 15  ปกป้องได้  95%
  SPF 30-50 ปกป้องได้  97%

ส่วนค่า PA (Protection Factor For UVA) บอกถึงประสิทธิภาพป้องกัน UVA คือ มีค่าแสดงจาก น้อย (+) ถึงมาก (+++) ดังนั้นครีมกันแดด ที่มีค่า pa สูง(+++) ก็จะช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นและรอยคล้ำบริเวณผิวจาก UVA ได้

ค่า SPF เท่าไรจึงจะดี

- สาวออฟฟิต จะโดนแดดเฉพาะตอนกลางวัน ควรใช้กันแดดที่มีค่า SPF 15

- ทำงานกลางแดดหรือออกแดดบ่อยๆ ควรใช้กันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป ทาซ้ำทุก 2 ชม.

- ไปเที่ยวทะเล ควรใช้กันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป ควรทาก่อนลงน้ำ 30-60 นาที และควรทาซ้ำทุก 1 ชม.

- คนผิวขาวจะต้องใช้ SPF มากกว่าปกติอีกนิดหนึ่ง เพราะผิวขาวจะไวต่อแสงมากกว่าผิวสีอื่น ๆ

วิธีทดสอบการแพ้ครีมกันแดด

ทาครีมกันแดดบริเวณที่ข้อพับหรือหลังใบหูแล้วทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วให้สังเกตุว่ามีอาการบวมแดง คัน มีผื่นแดง หรือไม่ ถ้าปรากฏอาการดังกล่าวแสดงว่าแพ้สารเคมีชนิดหนึ่ง อย่างไรก็ตามคนบางประเภท (Delay Sensitivity) จะใช้เวลานานกว่าจะปรากฏอาการแพ้ ดังนั้นจึงควรรอดูอาการถึง 24 ชั่วโมง หรือ 72 ชั่วโมง จึงจะสรุปได้ว่าไม่มีอาการแพ้จริงๆ 


เรื่องราวน่ารู้ 6 อย่างเกี่ยวกับครีมกันแดดค่ะ

ข้อ1: SPF ยิ่งสูง ก็จะยิ่งทำให้แพ้ได้ง่ายมากขึ้นค่ะ

SPF 50 คือค่าสูงที่สุดที่ KFDA รับรองและพิสูจน์แล้วว่าเพียงพอต่อการปกป้องแสงเเดด ไม่จำเป็นต้องใช้ให้สูงมากกว่านี้

SPF ระดับสูงมากๆ เช่น SPF 70 หรือ SPF 90 แทนที่ผิวจะปลอดภัย กลับกลายเป็นได้รับสารเคมีเพิ่มเข้าไปในผิวซะอย่างงั้น โดยเฉพาะคนที่มีผิวบอบบาง และแพ้ง่าย การใช้ครีมที่มีค่า SPF สูง อาจทำให้เกิดอาการแพ้และระคายเคืองได้ง่ายขึ้น

ทางออกที่ดีสำหรับผู้มีผิวบอบบาง คือ การใช้ครีมหรือโลชั่นกันแดดที่มีค่า SPF ต่ำลงมาสักหน่อย และขยันทาให้บ่อยครั้งอีกสักนิดค่ะ

ข้อ 2: บางคนคิดว่าการอยู่ แต่ในห้องแอร์ไม่ต้องใช้ครีมกันแดด เป็นความคิดที่ผิด

เพราะ เราได้รับรังสี UVA ได้จากเครื่องใช้สำนักงาน ตั้งแต่ หลอดไฟ รังสีคอมพิวเตอร์ รังสีจากเครื่องถ่ายเอกสาร ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดฝ้า-กระ ได้ค่ะ จึงไม่ควรที่จะละเลยการทาครีมกันแดดนะคะ

ข้อ 3 : ความร้อนทำครีมกันแดดเสื่อมสภาพ

การเก็บครีมกันแดด ไว้ในสถานที่ร้อนจัดนานๆ เช่น ในรถยนต์ ที่มักจอดกลางแดดที่ร้อนระอุ หรือพกพา ครีมกันแดดไปริมทะเล แล้วตากแดดจ้าไว้นานๆ สามารถทำให้ครีมกันแดดหมดอายุเร็วกว่า ที่ระบุไว้บนฉลากนับปีเลยทีเดียว

หากอยากให้ครีมกันแดด มีประสิทธิภาพยาวนาน ตามที่ควรจะเป็น ก็ควรเก็บรักษาไว้อย่างเหมาะสม แต่ไม่ต้องถึงกับใส่ไว้ในตู้เย็นหรอกนะคะ เพราะอากาศที่เย็นจัดเกินไป อาจทำให้ครีมเป็นไข แถมประสิทธิภาพบางอย่างในตัวครีมก็อาจถูกทำลายไปด้วย ทั้งนี้แนะนำว่า เก็บไว้ในอุณหภูมิห้องที่ไม่โดนแสงแดดส่องถึงก็เพียงพอแล้วค่ะ

ข้อ 4 : ต้องทาครีมกันแดดซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง เมื่อออกแดดจัด

หลายคนเมื่อออกแดดจัด เช่น เล่นน้ำทะเล โต้คลื่นลมเสียจนเพลิน มักหลงลืมเวลาที่จะทาครีม หรือโลชั่นกันแดดซ้ำอีกครั้ง

ขอบอกว่า การออกแดดเพลินจนลืมเวลาเช่นนั้น จะส่งผลเสียต่อผิว มากโขเชียวค่ะ เพราะผลจากการศึกษาพบว่า ผู้ที่ทาครีมกันแดดซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมงครึ่ง มีแนวโน้มเกิดผิวไหม้เกรียมมากกว่าผู้ที่ทาครีมกันแดดซ้ำ ทุกๆ 2 ชั่วโมง ถึง 5 เท่าเลยทีเดียว ฉะนั้นเมื่อรักจะผิวสวย ทาครีมป้องกันผิวอย่างดีแล้ว ก็ต้องไม่ลืมคำนวณเวลา กลับมาทาครีมซ้ำอย่างสม่ำเสมอด้วยนะคะ

ข้อ 5 : เปลือยผิวออกแดดเพียง 5 ครั้ง ก็เสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนังแล้ว !

Annet King หัวหน้าสถาบันผิวหนังนานาชาติแห่งสหรัฐอเมริกาให้ข้อมูลว่า เพียงแค่เราออกแดด (โดยไม่ทาครีมกันแดด) จนผิวไหม้เกรียม 5 ครั้ง ก็เท่ากับว่า เรามีความเสี่ยงเป็นมะเร็วผิวหนังมากกว่าคนทั่วไปถึง 5 เท่า!

จึงควรท่องจำให้ขึ้นใจว่า แสงแดดทำร้ายผิวได้มากกว่าที่เราคิด เมื่อออกจากบ้านไปตากแดด ตากลม แล้วละเลยป้องกันผิว ผลกระทบที่ตามมาจึงไม่ใช่แค่ผิวดำ เกิดกระฝ้าเท่านั้น หากแต่ยังส่งผลถึงขั้นก่อให้เกิดโรคร้าย ที่อันตรายถึงชีวิตเลยทีเดียว

ข้อ 6 : สภาวะโลกแย่ ต้องพึ่งพิงครีมกันแดดสม่ำเสมอ

เมื่อไม่นานมานี้ กรมอุตุนิยมวิทยาโลกได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า ปัจจุบันก๊าซโอโซน (Ozone) ที่ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันรังสียูวีระดับอันตรายจากแสงอาทิตย์ให้แก่โลก มีปริมาณลดลงกว่า 40% จึงส่งผลให้มนุษย์ มีโอกาสได้รับปริมาณรังสียูวีเพิ่มมากขึ้น

จึงเป็นข้อมูลที่บ่งบอกว่า ปัจจุบันแสงแดดทำร้ายผิวเราได้มากขึ้นทุกขณะ การทาครีมป้องกันแสงแดด จึงต้องเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันโรคร้ายอย่างมะเร็งผิวหนัง และยังเพื่อให้ผิวสวยใส ไร้จุดด่างดำอยู่กับเราไปนานๆ


ทีนี้เรามาลงลึกถึงส่วนผสมของครีมกันแดดบ้างค่ะ

ครีมกันแดดประเภทเคมี ส่วนใหญ่มักจะใช้คำว่า “ซันสกรีน” (Sunscreen) เป็นสารอินทรีย์โปร่งแสง (Transparent Organic Substance) เช่น
ไดเบนโซอิลมีเทน (Dibenzoyl Methanes) อนุพันธ์ของพีเอบีเอ (PABA) สารอินทรีย์จะแทรกซึมลงสู่ผิวหนังและจะดูดกลืน (Absorb) รังสี UV ไว้ที่ชั้นบนสุดของผิวหนังชั้นอิพิเดอร์มิส (Epidemis) ซึ่งจะช่วยป้องกันผิวหนังชั้นใต้ (Underlying Layer) สารอินทรีย์แต่ละชนิดจะมีความสามารถในการดูดกลืนรังสี UV ที่ความยาวคลื่นแตกต่างกัน เช่น ไดเบนโซอิลมีเทน ดูดกลืนรังสี UVA พีเอบีเอดูดกลืนรังสี UVB ความแตกต่างและประสิทธิภาพในการดูดกลืนรังสี UV ของอินทรีย์สารเหล่านี้ขึ้นกับการจัดเรียงของโครงสร้างทางเคมีของสารแต่ละชนิด 

ครีมกันแดดประเภทกายภาพ ส่วนใหญ่จะเรียกว่า “ซันบล็อก” (Sun Block) เป็นอนุภาคของวัสดุทึบแสง (Opaque Substance) เช่น ซิงค์ออกไซด์ ไทเทเนียมออกไซด์ และเหล็กออกไซด์ อนุภาคเหล่านี้ยึดจับกันเป็นเกราะบนผิวหนังโดยไม่ถูกดูดซึมลงสู่ผิวหนัง และปกป้องผิวหนัง ด้วยการสะท้อน (Reflects) และกระเจิง (Scatter) ของแสงและรังสีที่จะมากระทบกับผิวหนัง ซันบล็อก สามารถป้องกันได้ทั้งรังสีที่มองเห็นด้วยสายตา เช่น แสงสว่างและที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยสายตาอย่างเช่นรังสียูวี ซันบล็อกชนิดซิงค์ออกไซด์ (Sunblock Zinc Oxide) สามารถป้องกันได้ทั้งรังสี UVA (320-400 นาโนเมตร) และรังสี UVB (290-320 นาโนเมตร) ธรรมชาติของอนุภาคของวัสดุทึบแสงเหล่านี้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสะท้อนแสง ยิ่งอนุภาคมีขนาดเล็ก ก็ยิ่งมีพื้นผิวมากทำให้การสะท้อนแสงมีมากขึ้น การป้องกันผิวก็ยิ่งมีประสิทธิภาพ 

ในปัจจุบันทั้งซันบล็อกและซันสกรีนมีด้วยกันมากมายหลายชนิดและหลายสูตร ดังนั้น เราจึงควรศึกษารายละเอียดจากฉลากให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อที่จะได้ซันบล็อกและซันสกรีนที่เหมาะสม และสามารถป้องกันผิวหนังจากรังสียูวี ได้อย่างแท้จริง



วันนี้ปุ้ยหยิบครีมกันแดดที่ใช้อยู่มารีวิวให้ดูค่ะ


เซ็ทร่มปกป้องผิวจากแสงแดด (UV Umbrella) ด้วยคอนเซ็ปท์ “ทีเดียวจบ” (One Stop) ที่ช่วยป้องกันแสงแดดพรัอมปรับผิวขาวกระจ่างใส ทำให้ผิวแลดูสว่างกระจ่างใส ลดริ้วรอย จุดด่างดำ อันมาจากแสงแดด ด้วยเนื้อครีมบางเบาไม่เหนี่ยว เหนอะหนะ และเป็นเมกัพเบส (Make up Base) ที่ช่วยปรับสีผิวให้เรียบเนียนสม่ำเสมอ ปกปิดรอยหมองคล้ำ เข้าได้กับทุกสีผิว

สำหรับครีมทาหน้ามี 2 ตัว คือ ครีมกันแดด สูตรสำหรับผิวขาวอย่างสมบูรณ์ (Super White Umbrella Perfect Whitening Sunscreen Protection SPF 100 PA+++) และ ครีมกันแดด สูตรสำหรับผิวเรียบเนียน สว่างใส (UV Umbrella Perfect Smooth Make-up Base Sunscreen SPF 40 PA+++) และ ครีมกันแดดสำหรับผิวกาย พร้อมมีซิมเมอร์ประกายวิ๊งค์ทำให้ผิวขาวกระจ่างใสเด่นจนสะดุดทุกสายตา (UV Body Umbrella Perfect Shimmer Make-up Base Sunscreen SPF 40 PA+++)

ส่วนประกอบที่สำคัญ

"ฟลูเลอรีน" (Fullerene) : สารสกัดที่ให้คุณสมบัติในเรื่องผิวขาวมากที่สุด นวัตกรรมสารต้านอนุมูลอิสระล่าสุดที่ได้รับรางวัลโนเบิล มีประสิทธิภาพในการกำจัดอนุมูลอิสระมากกว่าวิตามินซี 125 เท่า ทำหน้าที่ปกป้องผิวหนังตั้งแต่ชั้นบนสุด (Epidermis)

“ไทเทเนียมออกไซด์” (Titanium Dioxide) : มีประสิทธิภาพในการสะท้อนกระจายแสง หรือดูดกลืนแสงอุลตร้าไวเลต UV-A และ UV-B ไว้ที่ตัวของมันเองได้ เพื่อปกป้องผิว มีกลไกกันรังสีดวงอาทิตย์ระหว่างช่วงคลื่น 260 - 700 nm. จึงป้องกันได้ทั้งรังสียูวี ที่คนเราไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าโดยวิธีการสะท้อนรังสีออกจากผิวหนัง ทันทีที่ตกกระทบ นับได้ว่าสารกันแดดชนิดนี้มีประสิทธิภาพครอบคลุมการกันแดดได้ดี ผิวหนังสามารถดูดซับอนุภาคไทเทเนียมไดออกไซด์ขนาดเล็กได้

“ไมโครไนซ์ซิงค์ออกไซด์” (Micronized Zinc Oxide) : ทำหน้าที่ส่วนใหญ่ในการป้องกันและดูดซับรังสี UVA และ UVB ไม่ให้ทะลุ ผ่านลงไปทำลายชั้นของเส้นใยคอลลาเจน และ อิลาสตินใต้ผิวหนัง เมื่อทาสารนี้ลงบนผิวหน้าจะแลดูโปร่งแสง สามารถป้องกันรังสีได้ที่ความยาวคลื่นมากสุด 380 - 400 nm กลไกในการปกป้องผิวจากแสงแดด คือ สารกันแดดประเภทนี้จะไปเคลือบผิวหนังไว้ แล้วสะท้อนหรือกระจายแสงออกไปทั้งหมด

มาพิสูจน์ประสิทธิภาพกันค่ะ อันนี้เป็นครีมกันแดดสำหรับผิวหน้า ที่ผสมเมกอัพเบสนะคะ


เนื้อครีมที่แน่นฟู และบางเบา
ผสมซิลิโคนที่นุ่มดุจใยไหม

ปริมาณที่ใช้เพียงแค่ 1 หัวปั้ม
ก็สามารถเกลี่ยได้ทั่วทั้งใบหน้า

เนื้อครีมเนืยนนุ่ม ละเอียด
กระจายตัวได้ดีและเกลี่ยง่าย

พอเกลี่ยแล้ว ก็ซึมง่ายไม่ทิ้งคราบ
ทำให้ผิวดูสว่างและเรียบเนียนขึ้น


ครั้งแรกที่ได้ลองทาครีมกันแดดเนื้อซิลิโคนตัวนี้
บอกได้คำเดียวว่า “หลงรัก”

รู้สึกตื่นเต้นสุดๆ เพราะว่าปิ๊งกับครีมตัวนี้มากๆ ค่ะ
เห็นทันตาเลยว่าผิวดูเนียนขึ้น สว่างขึ้น ไม่ดูขาววอก
แต่ดูเหมือนผิวขาวขึ้นแบบธรรมชาติ ประทับใจสุดๆ เลยอะ

ครีมตัวนี้ผสมสารควบคุมความมันด้วยนะคะ
ไม่ทำให้ผิวเหนี่ยวเหนอะหนะ ไม่ระคายเคืองต่อผิว
แล้วก็ช่วยบำรุงผิวให้ขาวขึ้นเพราะมีส่วนผสมของฟลูเลอรีน
ที่มีคุณสมบัติให้ความขาวใสกับผิวหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ 

และเนื้อครีมพิเศษที่เป็นเสมือนเมกอัพเบส ช่วยให้หน้าเรียบเนียนขึ้น สำหรับคนที่ไม่ได้มีปัญหาผิวเยอะสามารถใช้แทนครีมรองพื้นได้เลย ส่วนใครที่มีปัญหาผิวมีริ้วรอยหรือหลุมสิว รูขุมขนกว้าง ก็สามารถใช้เป็นเมกอัพเบสได้ ช่วยปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอปกปิดริ้วรอย ทำให้แต่งหน้าติดทน เรียบเนียน เพิ่มความสดใสของใบหน้าให้ผิวหน้าเปล่งประกายสุขภาพดี ขาวใสแบบสาวเกาหลีเลยค่ะ


ดูภาพเปรียบเทียบที่ปุ้ยทาครีมครึ่งหน้าด้วนขวามือ
ผิวเนียนเรียบขึ้น และขาวขึ้นแบบไม่ดูเว่อร์
ขาวเนียนขึ้นแบบแลดูธรรมชาติมากๆ
บอกได้เลยว่าเวิร์คสุดๆ

คลิ๊กดูรูปขยายได้เลยค่ะ

ส่วนครีมทาผิวกาย ก็เจ๋งไม่แพ้กันค่ะ ทาปุ๊บขาวปั๊บเลยอะ มาดูให้เห็นกันตากันเลยค่ะ
ตัวนี้แนะนำมากสำหรับใครที่อยากขาวแบบทันทีทันใจ ไม่ต้องกินกลูต้า ไม่ต้องบำรุง รอเป็นเดือนๆ กว่าจะขาว

ปุ้ยชอบมากๆ คือ เวลาไปออกงานอีเวนท์ ตาครีมตัวนี้ไป ผิวจะดูผ่อง เนียน แล้วก็เปล่งประกาย เป็นจุดสนใจมากๆ
มีแต่คนมาทักว่า ทำไมผ่องขนาดนี้ ผิวสวย อิจฉา เอิ่ม...เนี่ยแหละค่ะ เคล็ดลับชิ้นสำคัญเลยอะ


ดูจากรูปเห็นได้เลยส่วนที่ทานี่ขาวขึ้น
เกลี่ยให้เนียนไปกับผิว จะดูขาวแบบผ่อง สว่างใส
ไม่ดูวอก หรือเหมือนทาแป้ง ไม่ดูเทาๆ ด้วยนะ

มันจะดูขาวอมชมพู แล้วดูเหมือนผิวจะเปล่งแสงได้เลยเพราะว่ามันมีส่วนผสมของชิมเมอร์ แล้วก็
มี ไทเทเนียมออกไซด์ และ ไมโครไนซ์ซิงค์ออกไซด์
ทำให้ช่วยสะท้อนแสง ทำให้ผิดูขาวผ่อง
และก็บล็อกรังสียูวีได้อย่างดีอีกด้วยค่ะ

วิธีใช้ที่ปุ้ยแนะนำ คือ 
บีบเนื้อครีมออกมาประมาณ 2 หัวปั้ม 
ขยี้ครีมด้วยฝ่ามือทั้งสองข้าง ให้เนื้อครีมกระจาย
แล้วค่อยนำมาเกลี่ยลงบนผิวให้ทั่วผิวกาย
ทั้งลำคอ ไหล่ แขน ขา หรือบริเวณที่เผยผิวสวยๆ

ปุ้ยชอบครีม 2 ตัวนี้มาก ทั้งตัวท้าหน้าและทาตัว
หลายคนคงจะสงสัยว่ามันต่างกันยังไง
เอาที่ทาหน้ามาทาตัว เอาที่ทาตัวมาทาหน้า ได้มั้ย
คำตอบ คือ ต่างกันที่ความเข้มข้นและความหนาแน่นของเนื้อครีมค่ะ

ครีมทาหน้า จะเป็นเนื้อที่บางเบา และละเอียดซึ่งเหมาะสำหรับผิวหน้า ส่วนครีมทาตัวนั้นจะเป็นเนื้อที่เข้มข้นและหนาแน่นมาก เหมาะสำหรับพื้นที่กว้างๆ อย่างผิวตัว
ถ้านำไปทาผิวหน้ามันจะอึดอัดผิว และก็อาจมีอาการแพ้หรือสิวอุดตันได้ เพราะเนื้อครีมเข้มข้นเกินไปค่ะ ในทางกลับกัน ถ้าเอาครีมทาหน้ามาทาตัว มันก็จะมีความหน้าแน่นน้อยเกินไป ไม่สามารถปกปิดรอยคล้ำ ด่างดำ ที่ผิวตัวได้ เพราะว่าผิวตัวของเราหยาบและมีความบกพร่องของผิวที่ต้องการการปกปิดมากว่าผิวหน้าหลายเท่าค่ะ


อีกอย่างที่ปุ้ยชอบมากคือ ขวดของยี่ห้อนี้ เป็นขวดปั้มแบบสูญญากาศค่ะ ซึ่งทำให้เราสามารถใช้เนื้อครีมได้คุ้มค่าจนหมดสุดท้าย
เนื้อครีมจะปั้มออกมาหมดไม่เหลือติดข้างผนังขวดเลยค่ะ ที่รู้เพราะว่า ปุ้ยใช้หมดไป 2 ขวดแล้ว อยากรู้ว่าข้างในเป็นยังไง เลยลองแกะออกมาดู
ก็เลยได้รู้ว่า มิน่าหละ ขวดนึงใช้ได้ เป็นเดือน 2 เดือน ใช้ไม่หมดซักที ทั้งๆ ที่บีบออกมาใช้ทีนึงเยอะมาก เป็นแบบนี้นี่เอง

ส่วนใครที่มีผิวแพ้ง่าย สิวอุดตันง่าย หรือไม่ชอบเมกอัพเบส ก็มีสูตรที่เน้นผิวขาวโดยเฉพาะ คือ มีเพียง "ฟลูเลอรีน" กับสารกันแดด
ทาแล้วก็จะรู้สึกสบายผิวมากกว่า และปกป้องแสงแดดด้วยประสิทธิภาพที่มากกว่า เน้นการปกป้องแบบประเถทเคมีค่ะ

สำหรับใครที่กำลังมองหาครีมกันแดดคู่ใจ ปุ้ยว่าครีมเซ็ทนี้ สามารถตอบโจทย์ของสาวๆ ได้เป็นอย่างดี ลองแล้วจะหลงรัก และไม่อยากจะเปลี่ยนใจไปไหนเลย ^ ^


LADY MACARON  Super White Umbrella Perfect Whitening Sunscreen Protection SPF 100 PA+++ 30 ml ราคา 1300 บาท
LADY MACARON  UV Umbrella Perfect Smooth Make-up Base Sunscreen SPF 40 PA+++ 30 ml ราคา 850 บาท
LADY MACARON  UV Body Umbrella Perfect Shimmer Make-up Base Sunscreen SPF 40 PA+++ 80 ml ราคา 850 บาท


เอกสารอ้างอิง
K.K.Karukstis and G.R.Van Hecke, 2000 CHEMISTRY CONNECTIONS The Chemistry Basis of Everyday Phenomena, Harcourt Academic press, San Diego.





Create Date : 15 กันยายน 2555
Last Update : 30 พฤษภาคม 2556 23:21:15 น.
Counter : 17252 Pageviews.

3 comments
  
กันแดดตัวน่าสนจัง
โดย: wannee2w วันที่: 15 กันยายน 2555 เวลา:9:03:10 น.
  
หาซื้อได้ที่ไหนคะ
โดย: nizzy_tay วันที่: 17 กันยายน 2555 เวลา:12:47:21 น.
  
สวัสดีน๊าาา ทักทายจ้าาาา อิอิ rassapoom rassapoom clinic รัสมิ์ภูมิ รัสมิ์ภูมิ คลินิก Neauvia ฟิลเลอร์ Ultra V Hyal Filler ฟิลเลอร์ ฉีดฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ ฉีดฟิลเลอร์ Ultraformer ยกกระชับ ลดริ้วรอย สลายไขมันใต้ชั้นผิว ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม Drakarian สลายไขมันใต้ผิว ฉีดฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์ปาก เลเซอร์กำจัดขน เลเซอร์ขน กำจัดขน Hair Removal ฉีดฟิลเลอร์น้องสาว ฟิลเลอร์น้องสาว ดูดไขมันเหนียง คางสองชั้น FaceTite AccuTite Hifu Super Hifu มาส์กหน้า ตาสองชั้น ทำตาสองชั้น ศัลยกรรมตาสองชั้น ฟิลเลอร์สะโพก ฟิลเลอร์เสริมสะโพก ฉีดฟิลเลอร์สะโพก ฉีดฟิลเลอร์เสริมสะโพก Morpheus Morpheus Pro ยกกระชับผิว ฟิลเลอร์คาง โปรแกรมฟิลเลอร์คาง Exosome Exosome Plus Exosome Plus+ กระชับช่องคลอด ช่องคลอด Vaginal Vaginal Reju Skin Quality ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์ใต้ตา Ultracol ไหมน้ำ Allergan โบ Allergan ฉีดโบ Allergan Super Skin Laser ฝ้า กระ ฝ้า กระ จุดด่างดำ Picocare 450 Laser ร้อยไหม ร้อยไหมคืออะไร Lenisna JUVELOOK สารเติมเต็ม REVIVE BELOTERO REVIVE Rejuran Gouri คอลลาเจน กระตุ้นคอลลาเจน Juvederm Juvederm Volite New Juvederm Volite Radiesse Radiesse Filler Sculptra คอลลาเจน เสริมจมูก ศัลยกรรมเสริมจมูก ปลูกผม FUE ฟิลเลอร์ Filler ฉีดฟิลเลอร์ Thermage Thermage FLX ยกกระชับ ยกกระชับผิว Ulthera New Ulthera SPT Ulthera SPT EMFACE ยกกระชับ ยกกระชับกล้ามเนื้อ ฉีดแฟต สลายไขมัน ฉีดแฟตสลายไขมัน CoolSculpting Elite CoolSculpting สลายไขมันด้วยความเย็น สลายไขมัน BodyTite ดูดไขมัน Emsculpt สร้างกล้ามเนื้อ ลดไขมัน สอนฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ สอนฉีดฟิลเลอร์ ฉีดฟิลเลอร์ ให้ใจ สุขภาพ
โดย: teawpretty วันที่: 28 มีนาคม 2567 เวลา:14:38:04 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

PuY~isme
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 115 คน [?]



ปุ้ยเชื่อว่า มนต์วิเศษที่ทำให้ผู้หญิงทุกคนสวยได้ คือ ความสุขที่มาจากหัวใจค่ะ ^ ^ สวย สร้างสรรค์ และแบ่งปัน http://www.puyisme.com
All Blog