3. blog นี้คงไม่ไร้สาระ มิฉะนั้นผมคงไม่ถ่อไปเรียนไกลๆ กับอาจารย์แพทย์ที่ได้รับยกย่องให้เป็น Opera Doctor แห่งอเมริกา อย่างไรก็ดีคงไร้สาระสำหรับคนที่ไม่เห็นว่าเป็นสาระ เหมือน แม่ค้ากล้วยทอดที่ไม่มีวันคิดว่า Food Sci ของการทอดอาหารมีสาระ(ทอดนานทอดเกรียม-น้ำมันซ้ำจะมีสารก่อมะเร็ง)
4. ตั้งแต่ มิถุนา ปี 51 เป็นต้นมาผมได้ยุติการเขียนบล็อกไว้ เนื่องจากได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็นการแต่งตำราซึ่งปัจจุบันก็ยังนั่งพิมพ์ตำราอยู่ทุกวัน การทำตำราของผมไม่ใช่การเขียนหนังสือพ็อคเก็ตบุค แต่เป็นการแต่งตำราทางการแพทย์ อีกทั้งยังต้องแบ่งเป็น version สำหรับแพทย์เพื่อสร้างแพทย์ต่อยอดในเรื่องนี้ และ version สำหรับบุคลากรที่ไม่ใช่แพทย์โดยเป้าหมายผมคือกลุ่ม นักอรรถบำบัด , voice trainer, voice coacher , นักสัทศาสตร์ ซึ่งในกลุ่มหลังนี้จะมี CD ประกอบหนังสือ คาดว่า version แรกจะแล้วเสร็จปลายปีนี้ version ต่อมาจะเสร็จกลางปีหน้า ดังนั้นตั้งแต่ที่ผมยุติไว้แล้วยังมีการถาม ผมก็จะตอบบ้าง ไม่ตอบบ้างก็เป็นสิทธิที่พึงกระทำได้
คนที่มีแก้วเสียงดีคือคนที่มี range กว้าง และ timbre ที่เหมาะสมกับเพลง (ที่ต้องบอกว่าเหมาะสมกับเพลงเนื่องจากเพลงแต่ละประเภทต้องการ timbre ไม่เหมือนกัน)
ในส่วนลักษณะที่น้องบอกที่ค่อนข้างงง เนื่องการการฝึกเสียงสูงเราฝึกเปิดและเกร็งเพดานอ่อนไม่ใช่เปิดกราม ถ้าเป็นเปิดกรามเราจะใช้ตอนฝึกร้องเสียงหลบและเสียงผ่านในระดับช่วงเสียงที่ซ้อนทับกับเสียง chest tone
ที่เรารู้สึกว่า Chest tone จะต้องอยู่ที่ chest แล้ว Head tone ต้องอยู่ที่หัวเนี่ยมันเป็นแค่เทคนิคการสอนให้กับคนที่ไม่รู้เรื่องวิธีการเปล่งเสียง เดี๋ยวนี้ในตำราจะพยายามเปลี่ยนจากคำว่า chest tone เป็น modal และ head tone เป็น falsetto และ superhead tone เป็น whistle
เวลาใช้ reg:modal นั้น เราเอาเสียงออกปากเป็นหลัก จะออกจมูกก็เฉพาะตามคำที่ออกเสียงของหลัก phonetic หูเราจะรับเสียงหลักจากเสียงออกปาก เสียงสั่นที่กล่องเสียงและเสียงสะท้อนย้อนลงปอด มันก็เลยเรียก chest tone บางที่เรียก mouth tone บางที่ throat tone ด้วยซ้ำ บางแห่งสามอย่างนี้ยังเอามาแยกกันอีก ก็ไม่ต้องไปสนใจเพราะขึ้นอยู่กับ phonetic ในแต่ละเนื้อร้องเท่านั้น แต่มันก็คือ modal เหมือนกัน
เวลาเราใช้ reg:falsetto โดยกล้ามเนื้อ cricothyroid ทำงานปุ๊บ เสียงความถี่ต่ำต้องขยายโคนลิ้น บางที่ก็ไปบอกอีกว่า mouth tone พอความถี่สูงมันจะต้องแบ่งลมบางส่วนไปขึ้นจมูก หูของเราที่มีช่องต่อที่เรียกว่า Eustachian tube ต่อลงที่โพรงหลังจมูกนั้นก็จะเอาเสียงไปเข้าหูมากจนเรารู้สึกว่ามันไปเกิดที่หัว ก็เลยไปเรียกว่า Head tone จะเป็นว่าเริ่มมั่วแล้ว