เรื่องเล่า-เรียนเสริมสวย
ครั้งนั่น...ที่ได้เรียน
โรงเรียนเสริมสวย มีมากมายหลายแห่ง  ใครที่คิดจะเรียนเสริมสวย ควรศึกษาข้อมูลให้ดี ที่สำคัญความอดทนต้องมี เราจะมา เล่าประสบการ์ณ์ให้ฟัง ช่วงที่เรียนเสริมสวย มาค่ะ ทุกโรงเรียนก็จะคล้ายๆกัน ยิ่งหลักสูตรขั้นพื้นฐาน จะเรียนนาน ขึ้นอยู่กับความอดทน  ที่เขาพูดกันว่า "โอ้ย เรียนเสริมสวยอ่ะ เตรียมเงินไว้เถอะเป็นแสน" สำหรับเรา ว่าไม่จริงนะ  ถ้ารู้จักประหยัด ส่วนใหญ่เขามักรวม ค่าที่พัก ค่าอาหารไปด้วย ถึงบอกว่าเป็นแสน 

คือตัวเรานั้น  หัดทำผม มาตั้งแต่ อยู่ ป.6 (สระหนีบอะไรแบบนี้) เพราะที่บ้านเปิดร้านเสริมสวยอยู่แล้วค่ะ เลยช่วยคุณแม่มาตั้งแต่ เด็กๆ จนอายุ 18 ก็ไปเรียนเสริมสวย เรายังคิดว่าช้าไปด้วยซ้ำ เพราะชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก กว่าจะชำนาญอีก โอยไม่รู้อายุจะเท่าไร เวลาเรียนก็ หนึ่งปีเต็ม นี่ขนาดไม่ค่อยขาดเรียนนะเนี่ย เรียนหลักสูตรขั้นพื้นฐานเลย แบบเอาวิชาให้เต็ม  โรงเรียนนี้ (ไม่เอ่ยชื่อนะคะ) เหมือนเอาแต่เงิน หลักสูตรขั้นพิ้นฐานคือจะเรียนนาน แต่ราคาถูกกว่าหลักสูตร เร่งรัด ถุกกว่ากันเป็นหมื่น ดังนั้นเราเลยเลือกเรียนหลักสุตรขั้นพื้นฐาน เพื่อประหยัด แล้วเอาความรุ้แน่นๆ แต่กลายเป็นว่า เขายุแยงทั้งวันให้เปลี่ยนหลักสูตรเป็นแบบเร่งรัด ไอ้เราก็หัวดื้อ ไม่ยอม (เสียดายตังค่ะ) ดังนั้นเหมือนจะโดนแกล้ง จิงๆไม่ได้แกล้งหลอก เขาแค่กำหนดมา เยอะเกินเยอะมากๆ กำหนดหัวในการรับลูกค้า ว่าต้องกี่หัวจึงจะจบ บอกเลยเยอะมาก(วันที่เราเข้าสมัคเขาไม่อธิบายหรอก หรือเราไม่ถามรายละเอียดเอง วุ้ย ว่าเขาไม่ได้เลย)

วันแรกที่เรียน เขาให้เริ่มม้วนแกนดัดผม โอ้ยสบาย แม่เคยสอนเราพอทำได้ ผ่านไปไม่ถึงครื่งวัน  ก็โดนยุให้เปลี่ยนหลักสูตรเลย อะไรก๊าน เพิ่งเรียนวันแรกนะคะ ยังไม่ทันลงมือ ก็ยุซะแล้ว เราดันปากไว ไปเล่าให้เขาฟังว่าที่บ้าน เปิดร้านเสริมสวย แค่นั้นเอง สารพัดเหตุผล “เรียนจบไวไวจะได้ไปช่วยแม่”  ในกลุ่มนักเรียนใหม่ ที่เข้ามาเรียน มีประมาณ  5 คน โดนยุเปลี่ยนหลักสูตรกันหมด เหลือเราคนเดียว ฮือๆ อาจารย์สอนเรา เคร็ง กว่าคนอื่นเลย ยากอยู่คนเดียว ขนาดแม่เคยสอนเรามา ยังไม่ถูกใจอาจารย์เลย  แต่นักเรียนคนอื่นที่เปลี่ยนหลักสูตร ทำชุ่ยมาก ผ่านค่ะ (คิดแง่ดี เราได้ฝึกมือเยอะๆ)ทำซ้ำไปซ้ำมา เฮ้อ......

สำหรับใครที่ไม่เคยเรียนมาก่อน จะไม่รู้ ว่าการเข้าเรียนของแต่ละคนจะไม่พร้อมกัน คุณพอใจเรียนวันไหนก็เข้าเรียนเลย  อาจารย์เขาจำได้ว่าเราเรียนอะไรบ้างแล้ว  ดูจากสมุดพก ประจำตัวค่ะว่าเรียนอะไรบ้าง คือเขาจะเขียนไว้  เช่น เรียนม้วนแกน ทรงมาตฐาน เรียนม้วนแกนฟ่าร่า ประมาณนี้ค่ะ  ดังนั้น แต่ละคนที่เข้ามา จะเรียน จบไม่พร้อมกัน บางคนเข้าทีหลังจบก่อนเยอะไป ขึ้นอยู่กับความขยันในการเข้าเรียน  (เรายังจบก่อนเพื่อน ที่เข้าเรียนพร้อมกัน พวกที่เปลี่ยนหลักสูตรเป็นเร่งรัด เสียอีก)

(สมุดพก  เสียดายตอนเรียนไม่เคยถ่ายรูปเก็บไว้เลย)

เอาละ วันที่สอง เป็นโอกาสของเรา อาจารย์คนเมื่อวานไม่อยู่ เขาหยุด สองวัน มีอาจารย์ใจดีมาสอน เขาให้เราหัดม้วน อาจารย์คนนี้ ไม่ได้เปอร์เซ็น จากการยุ ให้เปลี่ยนหลักสูตร เดา555   อาจารย์ถามเราว่าเรียนหลักสูตรอะไร  เราบอก พิเศษค่ะ (พิเศษที่นี่ ก็คือพื้นฐาน เรียนนาน) อาจารย์ตอบว่า ดีแล้วจะได้เก่งๆ อาจารย์บอกว่า เราม้วนแกนสวยมาก ให้ผ่านฉลุย เราม้วน สิบทรง สองวัน ซึ่งคนอื่น ม้วน สิบวันค่ะ ถ้าหลักสูตรเดียวกับเรานะ แบบ วันละทรง พออาจารย์คนเดิมกลับมา เห็นเรา ได้เลื่อนขั้น ไปหัดสระผม เขาถามว่า “หนูผ่านแล้วหรอ ผ่านได้ไง ไหนขอดูสมุดหน่อย” ตั้งแต่นั่น เขาเหมือนไม่ค่อยชอบเรายังไงไม่รู้ คิดไปเองหรือป่าว หนอ T_T

ม้วนแกนเสร็จก็ได้เลื่อนขั้น เป็น สระไดร์ ถ้าหลักสูตรเร่งรัด สามารถ สระไดร์ ทำเคมี ถ้าพอชำนานสามารถซอยไปด้วยได้เลย  แต่.......หลักสูตรพิเศษ(พื้นฐาน) ที่โรงเรียนนี้  ต้องเก็บหัว สระ-ไดร์     ให้ครบ 200 หัว ยืด 30  ทำสี 30 (คนที่เคยเรียนเดาออกแล้วค่ะ ว่าโรงเรียนไหน)  ครบแล้วจึง ขึ้นดัดอีก 20 หัว

เราเก็บหัวสระ-ไดร์ นานโข เกือบจะท้อ แต่นึกถึงเงินที่แม่จ่ายให้  ค่าอุปกรณ์อีก เสียดายค่ะ เพื่อนๆไปไม่รอดกันเยอะ กว่าเราจะเก็บหัวครบ เพื่อนก็หายหมด มีเด็กใหม่ๆเข้ามาแทน เราไม่รู้จักก็ไม่อยากสุงสิง (นี่คือเหตุผล ที่ทำไมร้านเสริมสวยถึงไม่ล้นเมือง เพราะเด็กเรียนเสริมสวยกันเยอะมาก แต่จบบ้าง ไม่จบบ้าง ไม่มีทุนเปิดร้านบ้าง เรียนเล่นๆบ้าง>>แบบว่ารวยอ่ะไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไร)
เราเจอลูกค้าหลายแบบ ค่ะ  ทำผมฟรีแต่ก็เรื่องเยอะ บางคนก็ดีใจหาย เราพยายามคิดว่า นี่คือ สถาณการณ์สมมุติหากเราไปเปิดร้านเองเจอแบบนี้ จะทำยังไง ซึ่งเด็กส่วนใหญ่ รับไม่ได้จะเดินไปบอกอาจารย์ อาจารย์บางคนก็แก้งานให้แต่บางคนก็บ่นลูกค้าไป จำได้สนิท เพื่อนเดินไปบอกอาจารย์ๆ เดินมาที่ลูกค้าแล้วบอก “ลูกค้าคะ ฟรีนะคะ ถ้าอยากได้ดีดีสวยๆ เชิญร้านด้านหน้าค่ะ คุณต้องทำใจว่านี่คือโรงเรียนนะคะ”  รู้สึกช่วงหลังๆ ลูกค้าที่มาเป็นหุ่นลดน้อยลง คงเพราะเหตุนี้มั้ง จึงทำให้เราเก็บจำนวนหัว ช้า บางวันก็มานั่งตบยุงเล่นจริงๆที่นี่ลูกค้า ทำผมเยอะค่ะ สระไดร์ทำสี ยืด จะมีตลอด แต่ถ้ารอ หัว ดัดกับซอย รอคิวยาวค่ะ ต้องมาลงคิวจองตั้งแต่โรงเรียนไม่เปิด กว่าจะได้คิว ก็โน้น  บ่ายๆบ้าง ถ้าใครมาสาย เสียค่ารถฟรีแน่ๆค่ะ  แต่ถ้าใครที่เก็บหัวสระไดร์
ทำสีล่ะก็ มีเยอะมาก ^_^

เราเก็บจำนวนหัวสระไดร์ ทำสี ยืด ประมาณเจ็ดเดือนกว่าน่าจะได้ เราได้ฝึกมือ เจอคนหลายแบบ แต่ที่แน่ๆ เวลามันเกินกำหนดแล้ว ทุนเริ่มหมดละนะ ขนาดใช้ประหยัดสุดๆ อะไรไม่จำเป็นไม่ซื้อ (แบบว่า ยืมอย่างเดียว 555) หวี แปลง กิ๊ป มันหายได้หายดี หายทุกวัน ไอ้เราก็เขียนชื่อติดตัวใหญ่ๆเลย เอาแบบขี้เหล่สุดๆ แปปเดียว ลืมไว้ที่รถเข็น  หายไม่เหลือซาก เสปย์ น้ำมันใส่ผม แชมพู ทุกอย่างเราต้องเอาไปเอง เราก็ประหยัดกลับมาเอาที่ร้านแม่ไปใช้ค่ะไดร์ที่โรงเรียนให้มาไม่แรง ช้า คนอื่นเขาซื้อใหม่กันทุกคน  เราก็โน้น กลับมาโขมยของแม่ (ยืมเฉยๆ แม่มีเยอะ) กรรไกรวอยผม เราไปซื้ออันละร้อยกว่าบาทมาใช้ อาจารย์สาวคนหนึ่งบอกว่า "มันใช้ไม่ได้หรอกหนู ไม่คมใช้แปปเดียวก็หมดคม ไหนๆซื้อแล้ว ก็ซื้อดีดีไปเลย จะได้เอาไปเปิดร้านทีเดียว" เพื่อนๆใช้ อันละ 1000-2000 up
ยังงี้ก็เดือดร้อนแม่อีก
"แม่จ๋า ขอตังซื้อกรรไกร อาจารย์บอกให้ซื้อดีดี ไปเลย"
"โอ้ย ตอนแม่ใช้เรียน ยังใช้อันละร้อยกว่าบาทเลย แค่เรียนจะอะไรมากมาย"

ส่วนอาจารย์ อีกคน บอกว่า กรรไกรตัดผมน่ะ ใช้ถุกๆก็พอ อาจารย์ถือเคร็ด ตัดผมฟรี แล้วเอาไปเปิดร้าน ไม่ดี (ขัดแย้งกันอีก) อาจารย์แต่ละคนก็จะมีสไตล์ การตัดผม แตกต่างกัน บางทีก็ทำให้เรา งง ค่ะ อาจารย์อีกคนบอกว่าซอยตามเขาถูกต้องแล้ว ส่วนอีกคนก็บอกว่า ของเขาสวยกว่า (ไม่ค่อยถูกกัน) แล้วเราจะฟังใคร  ข้อดีก็คือ  เราสามารถนำเอา เทคนิคของแต่ละอาจารย์ มารวม แล้วเอามาเป็นของตัวเอง แต่...... พื้นฐานหนูยังไม่เข้าใจเลยค่ะ แล้วหนูจะแยกแยะ วิเคราะห์ยังไง ว่าอะไรถูก อะไรผิด  บางคนก็บอกว่า อย่าไปกฎเกณฑ์มากนัก ทรงผมก็มีอยู่ สองทรง คือยาวกับสั้น ถูๆไถๆ บุคลิกดี มือตัดไวไว ลูกค้าจับผิดไม่ทัน เราดูเป็นผู้ชำนาญไว้ก่อน (แบบ ท่าดีทีเหลว ประมาณนั้น) เขาแค่พูดให้เรารู้สึกว่า การตัดผมคือเรื่องง่ายจริงๆนะ
สำหรับเรา มีอยู่คำเดียวคือ  งง งง งง

แต่แปลกนะ หลักสูตรพื้นฐาน เน้นสระไดร์ เคมี แต่ไม่เน้นซอย เมื่อถึงเรียนซอยเขาแทบจะถีบหัวส่ง ยังมึนอยู่เลย ฉนั้นเด็กหลักสูตรนี้ จะเก่งสระไดร์ เคมี แต่ไม่เก่งซอย เขามีกฏว่าถ้าจบแล้ว ห้ามกลับมาอีก มาเยี่ยมได้ แต่ไม่ไห้มาหาความรู้เพิ่ม ยกเว้นหลักสูตรเร่งรัด จะกลับมาเมื่อไรก็ได้  งง ค่ะ  เราจึงรีบเรียน แล้วไปซะ (พี่คนหนึ่งบอก ไปเรียนโรงเรียนฝึกอาชีพดีกว่าไหม แต่เรียนนานนะ แต่พี่ว่าเขาสอนซอยเยี่ยมมากเราก็ไม่ รู้จัก ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน เลยไม่ได้ไป อีกทั้งต้องขึ้นรถไปที่อื่นอีก ยากมาก สำหรับเด็กบ้านนอกอย่างเรา)
เรียนจบ  เข้าทำงาน ในห้างแห่งหนึ่ง(เป็นเด็กสระไดร์ค่ะ ก็บอกแล้วว่าซอยน่ะ จบมาแบบมึนๆ ว่านี่เราจบได้ไงฟะ) เฮ้อไอ้ที่เราเรียนมา คิดว่าแน่ เจ๋งแล้วนะ เรียนไปไวกว่าคนอื่น แหมก็มีพื้นฐานมาบ้างแล้วนะ แต่พอเข้ามาทำงาน โหเราด้อย ตกอันดับ ช่วงแรกๆร้องไห้ค่ะ แบบไม่ยอมรับความจริง โดนเขาข่มด้วยฝีมือ รู้สึกเสียใจมาก มานั่งนึก ถ้าเรากลับไปอยู่กับแม่เราคงไม่ต้องโดน ช่างด่า (คือที่ร้านตามห้าง เขาจะแบ่งหน้าที่กัน ช่างคือช่างซอยผมอย่างเดียว เด็กสระไดร์คือ สระไดร์ทำเคมี แต่เหมือนเป็นลูกน้องช่างอีกที ช่างสั่งอะไรต้องทำตามทุกอย่าง อย่าหือ)   นอนคิดหนักทุกคืน ถ้าเรากลับบ้าน เราจะสิ้นสุดการพัฒนาฝีมือ แน่นอนการทำผม แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทำกับแม่ เป็นร้านบ้านนอกแต่ทำมานาน เป็นร้านใหญ่สุดใน อำเภอยังพูดได้ เพราะทำมานาน ฝีมือดี ไม่อยากจะคุยเดี๋ยวยาว 555 แต่ถ้าเรากลับไปตอนนี้ เราจะไปเน้นทำผม ให้กลุ่มลูกค้า ชาวไร่ ชาวนา และเศรษฐีต่างจังหวัดคือทำผมแบบง่ายๆ  แต่ที่นี่ ทำผม ให้คุณหญิงคุณนาย ดารา เจ้าของโรงงาน (เพื่อนๆ บอกเราแน่มากที่กล้า หน้าหนาไปสมัคทำงาน)    โดนเขาบ่นด่า แต่มีพี่ สระไดร์ คนหนึ่งเขาให้คำปรึกษามาตลอดเลยช่วยเหลือ คอยดูคอยสอนงาน เราได้ความรู้เยอะกว่าเรียนเสียอีก เขาบอกว่า “ที่เรียนมา โยนทิ้งไปเลย เอาใหม่นะ”  จริงๆการทำผม แต่ละร้านมันจะแตกต่างกันออกไป ไม่เหมือนกันหลอก ทุกร้านมักจะบอกว่า ของเราแน่...
ฝึกงานอยู่พักหนึ่ง ก็กลับบ้านค่ะ เฮ้อยังไม่แน่นพอ แต่ได้มาเยอะพอสมควร สำหรับการทำผมต่างจังหวัด แค่นี้เจ๋งสุดๆ     ถ้าไม่คิดจะไปต่อแล้วนะ ถ้าคิดจะจบแค่นี้แต่เราก็ยังมองนะ  มีเด็กสระไดร์จำนวนมาก ที่สระไดร์มาเป็น สิบปียี่สิบไป ทำไมไม่ยอมพัฒนาให้ขึ้นเป็นช่างให้ได้ ถ้าเป็นเรานะ  ถ้าคิดจะอยู่กรุงเทพ ลงหลักปักฐา  เราจะดิ้นขึ้นไปจนเป็นช่าง เพราะช่างทุกคนเริ่มจากเป็นเด็กสระไดร์กันมาทั้งนั้น แต่อาศัยความชำนาญ  แต่ตัวเราคิดจะปีนไปนะ แต่เราไม่อยาก ห่างแม่ คิดถึงแม่ เพราะแม่คงไม่อยากให้ลูกไปดิ้นรน ลำพังหรอก (โดนบังคับให้กลับ นิดๆ)  


ทำไม ช่างจำนวนมาก จึงไม่อยาก ออกไปเปิดร้านเอง ทั้งๆที่ลูกค้าประจำเพียบ (อันนี้ เราถามจาก พี่ๆช่าง หลายๆคน)
-อันแรก ทุน  เพราะช่างส่วนใหญ่ ไม่อยากไปเปิดร้านเล็กๆหรอก เหมือนเสียศักศรีนิดๆ ที่เคยมีลูกค้าประจำ เป็นดาราบ้างคุณหญิงบ้าง อะไรบ้าง แล้วอยู่ๆจะมาเปลี่ยนกลุ่มลูกค้า ทำใจยาก ลูกค้าส่วนใหญ่ก็ติดแบรนด์ ไอ้ที่ติดฝีมือน้อยนัก ฝีมือดีแต่ร้านเล็กๆก็กระไรอยู่ แต่อยู่บนห้างก็จะประจำคนนี้ โน้น นั้น รู้ใจกัน แถมเป็นร้านดังอีก ลูกค้าเลยเลือกมาบนห้าง เราสังเกตจากลูกค้าบางคน เมื่อช่างประจำของเขาลาออกไปเปิดร้าน เขา บอกว่าเสียดายฝีมือจัง แต่เลือกหาช่างประจำคนใหม่ ไม่เลือกที่จะตามไป เพราะไม่สะดวก
-เป็นช่าง  มีลุกน้อง (คือเด็กสระไดร์) เรียกใช้ได้ตลอด แถมไม่ต้องจ่ายค่าแรงอีก
-ไม่ต้องสระ ไม่ต้องมือเปื่อย มีคนสระให้ เช็ดผมให้ หวีผมให้ คลุมผ้าคลุมซอยให้ ช่างก็แค่ถือกรรไกรอย่างเดียว ซอยเสร็จเด็กสระไดร์ก็ มาไดร์ให้ เสร็จก็เรียกช่างมา ใส่ เจล แว็ก
-ช่างได้ เปอเซ็น เยอะ  แค่เดินไปสั่งงานเด็กสระไดร์ ว่าทำแบบนี้ นั้น โน้น ช่างไม่ต้องทำ แต่ได้เปอร์เซ็น เต็ม มือไม่ต้องเปื้อนเคมีเลย (แล้วแต่ช่างบางคนว่าง ก็อาจมาช่วยบ้าง แต่จะทำหรือไม่ทำ ก็ยังได้เท่าเดิม)
-เงินเดือน บางร้านอาจจะน้อย แต่ร้านที่เราอยู่ ช่างที่ทำมาหลายปี ฝีมือดี 4-6หมื่น  ได้เฉพาะเปอร์เซ็นนะคะ  ส่วนช่างใหม่ สองหมื่นอัพ  ช่างใหม่ในที่นี้ คุณจะเข้ามาเป็นช่างได้ ต้องเจ๋งและกล้า
อะไรอีกละ  คิดไม่ออก ลืม

ดังนั้น ช่างในห้างจึงอยู่ ทน กว่าช่าง ร้านข้างนอก เพราะร้านข้างนอก ส่วนใหญ่ มักจะทำเองทุกอย่าง และกินเป็นเงินเดือนตายตัวเลย เก่งๆ ก็ 12000-15000   อ่อ  ระบบร้านในห้างไม่เหมือนกันทุกร้านนะคะ แล้วแต่บางร้านจะจัดการอย่างไร แต่หลักๆเลย ร้านส่วนใหญ่ ย้ำ ว่าส่วนใหญ่ มักจะให้ช่างซอยอย่างเดียว เคมีก็จับนิดหน่อย แต่คุมงานเคมีเด็กสระไดร์อีกที

เด็กสระไดร์ บางคน ที่ยอมสระไดร์ เป็นสิบปีหรือตลอดชีวิตก็มี

-ไม่กล้า คือ พูดยากค่ะ  กว่าจะเป็นเด็กสระไดร์ เจ๋งขนาดนี้ก็ผ่านอะไรมาเยอะ เก่งแล้วก็ไม่มีช่าง ไม่โดนเจ้าของร้านบ่น ไม่โดนลูกค้าวีนใส่  คือเก่งแล้ว  เลยยังไม่พร้อมที่จะ เหมือนไปเริ่มต้นใหม่ ไปเริ่มฝึก ซอยผม ใหม่ โดนด่าเหมือนตอน ก่อนที่จะเก่ง สระไดร์-เคมี (พี่คนหนึ่ง เล่าให้ฟัง)

-ไม่มีทุน ที่จะไปเรียนเพิ่มเติม ที่จะฝึกงาน เพราะ อายุ ปาเข้าไป เลขสามกันทั้งนั้น   ส่วนใหญ่เริ่มต้นช้าค่ะ เขาอาจคิดว่า ซอยได้ไม่กี่ปี ก็ทำไม่ไหว  จึงเลือกทำงานแบบนี้ ก็พอ  ดีกว่าทำงานหนัก แบกหาม (ความคิดคนที่ไม่มีวุฒ ไปสมัคงานค่ะ)

-เอาไว่ก่อน เดี๋ยวก่อน  จนอายุเยอะขึ้นเรื่อยๆ

-สุดท้าย บางคน เลือกออกไปเปิดร้านเองดีกว่า 555

ระหว่างเด็กสระไดร์ กับช่างซอย  เทียบกันนะคะ หากเปิดร้าน เด็กสระไดร์ไปรอดกว่าช่าง  เพราะแน่นอน ไม่โลภมาก เปิดร้านเล็กๆ รับลูกค้าระดับ ทั่วไป นักศึกษาบ้าง สาวโรงงานบ้าง ซึ่งไปรุ่งแน่ ทำผมถูกๆ แค่พอกินพอเหลือใช้ ดีกว่าไปเป็นลูกน้อง  แต่ช่างหลายๆคนก็ไปรุ่งนะคะ ไปได้ดีดว่าเป็นช่างในห้างเสียอีก  เพราะโชควาสนา ดวง และความสามารถ คนเราไม่เหมือนกัน  งานแบบนี้ขึ้นอยู่กับฝีมือ บุคลิก และดวง จริงๆค่ะ

ใครที่คิดจะเรียนเสริมสวย  ขอแค่ ถามตัวเองก่อนดีกว่า ว่า
-พร้อมไหม
-หาเหตุผล ว่า จะเรียนเพื่ออะไร เปิดร้าน หรือเป็นลูกน้อง หรือเรียนเล่นๆ แบบว่ารวยอ่ะ
-จบแล้วจะไปทำงาน ที่ไหน หรือเปิดร้านที่ไหน(ถ้าไม่มีประสบการณ์ เปิดง่ายแต่รอดยากค่ะ มีทุนจ้างลูกน้องฝีมือดีดี แต่ตัวเอง ไม่เก่ง ประเดี๋ยว เขาก็ทิ้งเราค่ะ ยืมจมูกคนอื่นหายใจ รอดยากค่ะ







Create Date : 04 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2557 15:13:35 น.
Counter : 4258 Pageviews.

191 comment

Panda Nuy
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]



-------------ม้วนแกน----------------


-------------เคมมี V----------------


---------------เทคนิค V-----------


---------------แต่งหน้า V-----------


----------------ขัดหน้า V-----------


สวัสดีค่ะ
ชื่อนุ้ย นะคะ
เขียนบล็อกเกี่ยวกับ
การเสริมสวย แฟชั่น สุขภาพ
ผิดพลาดอะไรก็ขออภัยด้วยนะคะ

บล็อกนี้เหมาะสำหรับ
ผู้ที่กำลังศึกษาเรื่องเสริมสวย
จากประสบการณ์ ผ่านตัวหนังสือ
จากความรู้ที่พอมี

ต้องบอกก่อนเลยว่า ตัวเรา
ไม่ได้เก่งเลิศเลอ
เพียงแต่ ต้องการบอกต่อ
เพื่อให้เพื่อนๆ ได้ทบทวนความรู้
ได้ลองทำดู


ติดต่อสอบถาม เรื่องที่สงสัย
ได้ที่ ไลน์ Pandababa
ยินดีตอบทุกคนค่ะ

แนะนำ ติชมได้ค่ะ
หากพบข้อผิดพลาดในเน้อหา
ติชม เพื่อการปรับปรุงแก้ไข
ขอบคุณมากค่ะ