A splash of inspiration to your life
Google
Group Blog
 
All blogs
 

ผัดหน่อไม้ฝรั่งกุ้งสด (stir fried shrimp with asparagus)


 


ช่วงนี้เห่อทำบล็อคค่ะบวกกับว่างเลยขยันปั่นบล็อคเป็นพิเศษ


วันนี้อากาศดีนะแต่ติดบ้านมากทำให้ไม่อยากออกไปไหนเลยค่ะ


ใครว่างๆลองไปรื้อของในตู้เย็นดูมั้ยว่ามีอะไรอยู่ในนั้นบ้าง


ของเมย์มีหน่อไม้ฝรั่ง และกุ้งแช่แข็งค่ะ ลุยกันเลยดีกว่าหิวแล้วอ่า


 


ส่วนประกอบ


กุ้งไซส์ใหญ่  200กรัม (78 cal.)


หน่อไม้ฝรั่ง 125กรัม (25cal.)


กระเทียมสับ 1กลีบ


น้ำมันมะกอก 2ชต.


ซีอิ๊วปรุงรส 1ชต.


ซอสหอยนางรม 2/3ชต.


น้ำตาลทราย 1ชช.


Step by step


1. นำกะทะใส่น้ำมันตั้งไฟปานกลาง แล้วใส่กระเทียมลงไปเจียวให้หอมเหลือง


2. ตามด้วยกุ้งที่เตรียมไว้ (ควรผ่าหลังหรือท้อง แต่เมย์ไม่ได้ผ่าค่ะ แฮ่) ปรุงรสด้วยซีอิ้วทันทีค่ะ



 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 3. ผัดกุ้งไม่ต้องสุกทั้งตัวนะค่ะ ให้ใส่หน่อไม้ฝรั่งที่ล้างและสะเด็ดน้ำแล้วตามลงไปค่ะ (เพื่อให้กุ้งสุกพร้อมๆกับผักค่ะ เนื้อกุ้งจะได้กรุบๆ) ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย และน้ำตาลทราย (น้ำตาลช่วยให้ผักเขียวสดสวยงามด้วยนะค่ะ)


4. ผัดทุกอย่างให้เข้ากัน ตอนนี้น้ำจากกุ้งก็ออกมาผสมกับรสของผักและเครื่องปรุง เป็นเหตุผลที่ว่าเราไม่จำเป็นต้องเติมน้ำตาลมากมายอะไร 



 


5. เมื่อทุกอย่างสุกแล้ว ตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟได้ค่ะ



 



 


เสิร์ฟกับข้าวหอมมะลิร้อนๆ จริงๆอยากทำไข่ดาวด้วย เข้ากั๊นเข้ากัน แต่หิวมากเลยทนหิวไม่ไหวแล้วค่ะ


สูตรนี้ไม่มีผงชูรสนะค่ะ เมย์จะเน้นกับอาหารที่ไม่ใส่ผงชูรสค่ะด้วยเหตุผลง่ายๆคือ กลัวหัวล้าน


และจะพยายามไม่ทำเค็มค่ะ จริงๆแล้วเป็นคนติดเค็มมาก แต่รู้มาว่าการทานโซเดียมในปริมาณมาก


นอกจากจะเสี่ยงต่อโรคไตแล้ว ยังเป็นเหตุให้ต้นขาใหญ่อีกด้วย


สวัสดีค่ะ


paang-may



Free TextEditor




 

Create Date : 17 ตุลาคม 2553    
Last Update : 18 ตุลาคม 2553 4:57:40 น.
Counter : 438 Pageviews.  

ไก่ผัดกะปิ (Kai-Pad-Kapi)

ใช้ชีวิตต่างที่ต่างถิ่นต่างบ้านต่างเมือง การช่วยเหลือตนเองและตัดสินใจด้วยตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด


ในชีวิตประจำวัน อาหารเป็นหนึ่งในหลายอย่างที่เราทุกคนขาดไม่ได้


หากใครเคยได้ใช้ชีวิตแบบเด็กหอ ก็คงรู้กันดีว่าการทำอาหารทานเองเป็นวิธีช่วยประหยัดเงินเราได้ทางนึง


ในเมืองไทยอาจจะมองไม่ค่อยเห็นความแตกต่างระหว่างซื้อทาน กับทำเอง ว่าแบบไหนประหยัดกว่ากัน


แต่เมย์ยืนยันได้เลยค่ะ มาเรียน หรือมาอยู่เมืองนอกนั้น การเข้าครัวลงมือทำอะไรเองเป็นสิ่งที่ดีที่สุด


เราเป็นคนไทย สิ่งที่เราขาดได้ไม่นานคืออาหารไทยแท้ๆของเรา ที่ลอนดอนมีร้านอาหารไทยไม่น้อยนะคะ


แต่ถ้าเราไปทานบ่อยๆอาจมีกระเป๋าฉีกได้ หรือจะให้เราซื้อแต่แซนวิช หนมปัง แฮม หรือพาสต้าทานแบบฝรั่ง ใช่คะมันประหยัดกว่า


แต่กินได้ไม่ทุกวันนะ เลี่ยนนนนน!!!!!


 


วันก่อนไปซื้อของที่ร้านเจ้หมวยมาคะ


ได้เครื่องปรุงประจำครัวมาเล็กน้อย..หนึ่งในนั้นเป็นกะปิ เมย์ซื้อเลือกกระปุกเล็กมา


เข้าครัวเตรียมของพร้อมๆกันเลยดีกว่าค่ะ เมนูวันนี้คือ ไก่ผัดกะปิ


 


 


ส่วนประกอบ


อกไก่หั่นเป็นชิ้น   160กรัม


พริก  7-10เม็ด


กระเทียม 8-10 กลีบ


หอมแดง 2 หัว


ถั่วฝักยาว (ให้เยอะกว่าเนื้อไก่หน่อยนะ)


กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ (ไม่พูนปาดเรียบ)


น้ำตาลทราย หรือน้ำตาลปี๊บ (ปรุงตามใจชอบ)



Step by Step


1. หั่นหางถั่วฝักยาวที่ไม่สวยทิ้งไปให้หมดค่ะ




2. กะปิ+กระเทียมสับหยาบ+พริกหั่นหยาบ นำทั้งสามอย่างมาบดๆให้เข้ากันพอหยาบๆนะค่ะ (ถ้าใครมีครกใช้ครกดีกว่าค่ะ


พอดีเมย์ไม่มีครกใช้ที่ครัวที่นี่อ่ะค่ะ แฮ่ะ)



3. เมื้อล้างเนื้อไก่เสร็จเรียบร้อย ให้หั่นเนื้ออกไก่เป็นชิ้นๆอย่างนี้นะค่ะ



4. นำกะปิ+กระเทียม+พริก ลงไปคั่วในกะทะไฟปานกลางจนหอม (ภาพซ้ายบน)


5. จากนั้นใส่เนื้อไก่ที่เตรียมเอาไว้ลงไปผัด คลุกให้กะปิกับเนื้อไก่เข้ากันจนทั่วเลยนะค่ะ (ภาพขวาบน)


6. ตามด้วยถั่วฝักยาว ผัดจนสุกแต่ยังคงความกรอบเอาไว้ (ซ้ายล่าง)


7. สุดท้ายตามด้วยหอมแดง ชอบมากใส่มาก ชอบน้อยใส่น้อย ไม่ชอบไม่ต้องใส่ก็ได้ค่ะ (ขวาล่าง)


8. ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย หรือน้ำตาลปี๊บ มากน้อยขึ้นอยู่กับความชอบค่ะ


9. ถ้าชอบน้ำขลุกขลิก สามารถเติมน้ำเปล่าสะอาดลงไปได้เล็กน้อย และสุดท้ายก็ชิมดูนะค่ะ



 


เสิร์ฟกับข้าวร้อนๆพร้อมไข่ดาวก็อร่อยแล้วละค่ะ สูตรนี้ทานได้สองคน หรือคนเดียวสองมื้อ


เมนูง่ายๆลองทำดูนะค่ะ


สวัสดีค่ะ


panng-may


 







 

Create Date : 16 ตุลาคม 2553    
Last Update : 18 ตุลาคม 2553 5:01:51 น.
Counter : 558 Pageviews.  


ปังเม
Location :
London United Kingdom

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ปังเม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.