โอเคจันทบุรี
Group Blog
 
All blogs
 
วัดพลับ บางกะจะ จันทบุรี



วัดพลับ บางกะจะ จันทบุรี
สถานที่ :  บ้านบางกะจะ เลขที่ 155 หมู่ที่ 1 ตำบลบางกะจะ อำเภอเมือง จังหวัด จันทบุรี
โทร: 039-391180 / 0885329955

ประวัติความเป็นมา วัดพลับ บางกะจะ 
วัดพลับ ตั้งอยู่ที่ บ้านบางกะจะ เลขที่ 155 หมู่ที่ 1 ตำบลบางกะจะ อำเภอเมือง จังหวัด จันทบุรี เป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งในจังหวัดจันทบุรีตั้งขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย จากหลักฐานที่สำนักพุทธศาสนาบันทึกไว้ว่า ได้รับอนญาตให้ตั้งเป็นวัดในปี พ.ศ. 2300 ในรัชสมัยของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 ( พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ) ชื่อวัดพลับสุวรรณพิมพราราม ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นสุวรรณติมพรุธาราม
ซึ่งแปลว่า วัดพลับทอง (ทองคำ) ในสมัยเจ้าอาวาสองค์ที่ 12 ท่านครูเขม์ ธมมทินโน ได้เปลี่ยนชื่อวัดจากสุวรรณติมพรุธารามเป็นชื่อ วัดพลับดังที่ใช้อยู่ปัจจุบัน สำหรับที่มาชื่อวัดทั้งเก่าและใหม่ได้ยึดถือเอาต้นพลับที่มีอยู่ในบริเวณวัด ซึ่งพอถึงฤดูออกผลเมื่อแก่เต็มที่ผลพลับจะเหลืองอร่ามเต็มต้นดูคล้ายทองคำ จึงถือเอานิมิตเป็นชื่อวัดอนึ่งผลพลับเมื่อยังดิบอยู่จะมียางที่เหนียว ชาวบ้านในสมัยก่อนจะนำผลพลับที่ดิบนั้นมาตำให้แหลก เพื่อเอาน้ำยางจากผลพลับไปย้อมแหอวน และสายเบ็ดที่เป็นเครื่องมือหากินให้มีความคงทนในการใช้งาน

วัดพลับกับสถาบันกษัตริย์ ในอดีดเมือปี พ.ศ. 2310 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงใช้สถานที่วัดพลับเป็นที่พักทัพจัดเตรียมกองทัพก่อนเข้าตีเมืองจันทบุรี และการยกทัพเรือไปกอบกู้กรุงศรีอยุธยาคืนจากพม่าก่อนที่จะยกทัพไปทำการสู้รบพระองค์ทรงประกอบพิธีบำรุงขวัญทหาร สร้างพระยอดธงแจกจ่ายและน้ำในบ่อน้ำศักดิ์์สิทธิ์มาทำน้ำพระพุทธมนต์ประพรมเหล่าทหารหาญโดยกระทำพิธีปลุกเสกในอุโบสถหลังเก่า ภายหลังจากการกู้กรุงศรีอยุธยากลับคืนมาได้และจัดการบ้านเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พร้อมด้วยแม่ทัพนายกองได้เสด็จกลับมาบูรณะวัดพลับและได้นำพระยอดธงที่เหลือจากการแจกจ่ายทหารก่อนไปทำการรบเข้าบรรจุในพระเจดีย์กลางทรายถวายเป็นพุทธบูชา

กาลต่อมาเมื่อราชวงค์จักกรีขึ้นครองราชย์ นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกรัชกาลที่ 1 เป็นต้นมา พระองค์ก็ทรงใช้น้ำในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดพลับ
ทำน้ำพระพุทธมนต์ราชาภิเษกในการเสด็จขึ้นครองราชย์ เป็นพระมหากษัตริย์ โดยกระทำพิธีที่อุโบสถวัดพลับจนถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7เป็นพระมหากษัตริย์องค์สุดท้ายที่ใช้อุโบสถหลังเก่าวัดพลับเป็นสถานที่ทำน้ำพระพุทธมนต์ราชาภิเษกแต่การนำน้ำในบ่อศักดิ์สิทธิ์ไปใช้ในพิธีสำคัญที่เกี่ยวเนื่องด้วยพระมหากษัตริย์ ทางราชการยังใช้น้ำในบ่อน้ำจนถึงปัจจุบัน

ในอดีดข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของจังหวัดจันทบุรี มีคำกล่าวว่าผู้ใดมาจังหวัดจันทบุรี ถ้าไม่ได้มาวัดพลับบางกะจะ ถือว่ายังมาไม่ถึงจังหวัดจันทบุรี ทั้งนี้เนื่องจากวัดพลับเป็นวัดเก่าของจังหวัดจันทบุรีมีโบราณสถาน ใบราณวัตถุที่ทรงคุณค่าทางด้านศิลปกรรมควรแก่การศึกษาหาความรู้เป็นอย่างยิ่ง อาทิเช่น อุโบสถหลังเก่าที่มีลวดลายแกะสลักและภาพเขียนฝาผนังที่งดงามเป็นหนึ่งในภาคตะวันออก ศาลาการปรียญหลังเก่าเป็นอาคารไม้ยกพื้น ปลูกสร้างอยู่คู่กับโบทสถตรงจุดที่เป็นทางเดินไปโรงเรียนวัดพลับจันทบุรชีบาอุทิศในปัจจุบัน
และพระเจดีย์กลางทรายสถานที่บรรจุพระยอดธงกู้ชาติของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ( ศาลาการเปรียญและเจดีย์กลางทราย ได้พังทลายไปแล้วไม่ได้สร้างทดแทน)สำหรับโบราณสถานเก่าที่ได้รับการบูรณะซ่อมบำรุงให้คงสภาพเดิมอยู่จนถึงปัจจุบันคือ พระปรางค์ พระเจดีย์กลางน้ำ วิหารพระปางบำเพ็ญทุกรกิริยา หอไตรกลางสระน้ำวิหารพระธาตุ หอระฆังหลังคาทรงเก๋งจีน สามสร้างหรือสำซ่าง (เมรุเผาศพโบราณ) ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 หลังเก่าล้มลงเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ.2551และอีกสิ่งหนึ่งคือบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ สำหรับโบราณวัตถุ มีตู้พระไตรปิฎกพร้อมคัมภีร์โบราณสำซ่างธรรมาสน์ทรงบุษบก เรือยาวและสิ่งของเครื่องโบราณ

ปัจจุบันโบราณสถาน โบราณวัตถุที่กรมศิลปกร ได้ขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติของชาติแล้ได้แก่ พระปรางค์ พระเจดีย์กลางน้ำ วิหารพระปางบำเพ็ญทุกกรกิริยา หอไตรกลางสระน้ำวิหารพระธาตุ ตู้พระไตรปิฎก และสามสร้างหรือสำซ่าง กรมการศาสนาได้คัดเลือกให้วัดพลับบางกะจะ เป็นอุทยานการศึกษาประจำปี พ.ศ. 2553  ด้านการศึกษาวัดพลับเป็นสถานที่ตั้งโรงเรียนเพื่อการศึกษาของ พระภิกษุ สามเณร และเด็กในระดับต่างๆ ได้แก่สำนักเรียนนักธรรม สำนักเรียนบาลี ( ปัจจุบันยกเลิก) โรงเรียนมัธยมศึกษาบางกะจะ โรงเรียนประถมศึกษาวัดพลับจังหวัดจันทบุรชีบาทิศ และศูนย์พัฒนาเก็กเล็กก่อนเกณฑ์ ( ปัจจุบันย้ายไปสังกัดเทศบาลตำบลบางกะจะ)

โบสถ์วัดพลับ
โบสถ์หลังเก่าได้รับการปฎิสังขรณ์หลายครั้ง จนปัจจุบันมีลักษณะเหมือนโบสถ์ไทยทั่วๆไป มีหน้าบันเป็นลวดลายปูนปั้นรูปพระนารายณ์ทรงครุฑ หลังคาตกแต่งด้วยเครื่องลำยองปูนปั้นโบสถ์วัดพลับเป็นโบสถ์ที่ใช้เป็นสถานที่ปลุกเสกมุรธาภิเษกในพระพิธีพระบรมราชาภิเษกของพระมหากษัตืริ์ราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ สร้างใหม่ พ.ศ. 2506 ปฎิสังขรณ์ พ.ศ. 2533

เจดีย์กลางน้ำ
เป็นเจดีย์ทรงระฆัง ศิลปะสมัยอยุธยาตอนกลางสูงประมาณ 7 เมตร ตัวองค์ระฆังก่ออิฐถือปูนธรรมดา ไม่ประดับกระเบื้องมีฐานประทักษิณ โดยรอบ 4 ด้าน เมื่อทอดเงาในน้ำมองดูงามสง่ากรมศิลปากรได้ปฎิสังขรณ์ แล้วเสร็จเมื่อดือน มกราคม พ.ศ. 2552

วิหารไม้
ตั้งอยู่ทางทิศเหนือด้านหน้าวัด เป็นอาคารไม้ มีอายุร้อยปีรูปทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส ส่วนยอดของหลังคาเป็นทรงจตุรมุข มีเจดีย์ขนาดเล็กประดับบนยอดจตุรมุขมีเครื่องลำยองที่ทำด้วยไม้ แกะสลักสวยงามตกแต่งจตุรมุขและบริเวณช่องลมทั้ง 4 ด้านประดับด้วยการแกะสลักลวดลายไม้ฉลุที่งดงาม แสดงให้เห็นร่องร่อยของฝีมือช่างถ้องทิ่นในอดีดที่สร้างสรรค์ศิลปะได้อย่างมีคุณค่ายื่ง ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปปางบำเพ็ญทุกรกิริยา หรือเรียกกันทั่วไปว่า ปางทรมาน กรมศิลปากรได้ปฎิสังขรณ์วิหารไม้แห่งนี้เมื่อเดือน เมษายน พ.ศ. 2556

หอไตร
เป็นหอไม้ทรงไทย อายุเก่าแก่สมัยอยุธยา หลังคา 2 ชั้นทรงจั่วโครงสร้างไม้ตกแต่่งด้วยเครื่องลำยอง มีระเบียงรอบหอเสารองรับหลังคาเป็นเสาเดิมยังเห็นร่องรอยการตกแต่งด้วยลายรดน้ำลงรักปิดทองเป็นหอไตรขนาดกลาง สร้างอยู่กลางสระน้ำ เดิมใช้เป็นที่เก็บพระไตรปิฎก กรมศิลปากรได้ปฎิสังขรณ์แล้วเสร็จเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2552

สำซ่างหรือสำสร้าง
เป็นเมรุไม้สำหรับเผาศพ สร้างด้วยต้นเสาไม้เหลี่ยมทรงสอบ หลังคาเหลี่ยมย่อขึ้นไป 5 ชั้น มุงด้วยกระเบื้องดินเผาปลายยอดทรงปหลม สภาพชำรุดกรมศิลปากรได้บูรณะใหม่พ.ศ. 2545และขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของกรมศิปากรแล้ว

พระปรางค์
สร้างเมื่อ พ.ศ. 2441 เป็นศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ สูง 20 เมตร องค์พระปรางค์ตั้งอยู่บนฐานประทักษิณ 2 ชั้น มีบันไดมีมุขยื่นทั้ง 4 ด้านโดยรอบ ส่วนยอดของพระปรางค์ มีการซ้อนชั้นองค์พระปรางค์เล็กมีชั้นฐานเชิงบาตรรองรับประดับซุ้มด้วยรูปปั้นเศียรช้างทั้ง 4 ทิศ และส่วนยอดสุดตกแต่งด้วยยอดปรางค์ประดับด้วยตรีศูลพระปรางค์ลักษณะเช่นนี้ไม่ค่อยพบในภาคตะวันออกได้รับการบูรณะ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550

บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์
นับตั้งแต่โบราณกาลผู้คนในชุมชนบางกะจะและใกล้เคียงผูไดต้องการน้ำไปทำน้ำพระพุทธมนต์ในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บหรือประกอบพิธีกรรมต่างๆ ก็จะนำน้ำในบ่อน้ำนี้ไปใช้ในพิธีนั้นเมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช นำทัพจัดเตรียมกองทัพอยู่ที่วัดพลับ พระองค์ก็ทรงใช้น้ำในบ่อน้ำทำน้ำพระพุทธมนต์ประพรมกองทัพก่อนออกศึก ต่อมาราชวงศ์จักรีขึ้นครองราชย์ ก็ทรงใช้น้ำในบ่อนี้ทำน้ำพระพุทธมนต์ราชาภิเษกในการเสด็จขึ้นครองราชย์เช่นกัน

อนุสรณ์สถานสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
เมื่อปีพ.ศ. 2309 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (ขณะนั้นเป็น พระยาวชิรปราการ)ได้รวบรวมเหล่าทหารไทยจำนวนหนึ่งตีฝ่าทหารพม่าที่ล้อมกรุงศรีอยุธยา ผ่านมาทางระยองเรื่อยมามุ่งสู่จันทบุรี และได้มาหยุดพักพลปละประทับพักแรกที่บ้านบางกะจะ หัวแหวน( ปัจุบันเป็นพิ้นที่ 2 ตำบลคือตำบลบางกะจะและตำบลพลอยแหวน) ก่อนที่จะนำกองทัพเข้าตีเมืองจันทบุรีและยกทัพเรือไปกู้กรุงศรีอยุธยา พระองค์ได้ประกอบพิธีตัดไม้ข่มนามบำรุงขวัญทหาร โดยนำน้ำถวายเป็นพุทธบูชา ต่อมา พ.ศ. 2479 พระเจดีย์ได้พังทลายลงจึงพบพระยอดธงเป็นจำนวนมาก เป็นที่เลี่ยงลือในหมู่นิยมพระเครืองว่า พระยอดธงดี ต้องพระยอดธงวัดพลับ

บางกะจะ ดินแดนแห่งประวัติศาสตร์
เมื่อก่อนพ.ศ. 2300 พิ้นที่ บางกะจะ แห่งนี้เป็นถิ่นที่มีชาวจีนแต้จิ่วจากแผ่นดินใหญ่ และบางส่วนมาจากถิ่นอื่นของประเทศไทย มาตั้งถิ่นฐานอาศัยอยู่ ซึ่งมีร่องร่อยหลักฐานเกี่ยวกับประเพณีและวัฒนธรรมของชาวจีนในอดีตให้เห็นในปัจจุบัน คือศาลเจ้า 3 แห่ง ได้แก่ ศาลเจ้าบน ศาลเจ้ากลาง ศาลเจ้าปากคลอง และประเพณีงานทิ้งกระจาด




วัดพลับ บางกะจะ

วัดพลับ บางกะจะ

วัดพลับ บางกะจะ

วัดพลับ บางกะจะ

วัดพลับ บางกะจะ

วัดพลับ บางกะจะ

วัดพลับ บางกะจะ



วัดพลับ บางกะจะ

วัดพลับ บางกะจะ

วัดพลับ บางกะจะ

วัดพลับ บางกะจะ




Create Date : 14 กันยายน 2559
Last Update : 14 กันยายน 2559 19:09:16 น. 1 comments
Counter : 1727 Pageviews.

 
thx u crab


โดย: Kavanich96 วันที่: 15 กันยายน 2559 เวลา:4:07:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 2957383
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




OKchanthaburi โอเคจันทบุรี ครบที่เดียว เที่ยว กิน พัก ช้อปไปกับเรา
ดูข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้ที่นี้ :
-Facebook #https://www.facebook.com/okchanthaburi
-Instagram #https://www.instagram.com/okchanthaburi
-Website #http://www.okchanthaburi.com
----------------------
ต้องการประชาสัมพันธ์หรือสนใจลงโฆษณากับเราติดต่อ :
-Line ID :@Okchanthaburi
-email: Okchanthaburi@gmail.com
- โทร : 065-0619-180
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 2957383's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.