Group Blog
 
All blogs
 

ป้ายรถเมล์น่ารักกระจุ๋มกระจิ๋ม

555




























































 

Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2554 15:41:27 น.
Counter : 1550 Pageviews.  

แผนที่ชีวิตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

แผนที่ชีวิตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

1. ขอบคุณข้าวทุกเม็ด น้ำทุกหยด อาหารทุกจานอย่างจริงใจ

2. อย่าสวดมนต์เพื่อขอสิ่งใด นอกจากปัญญา และ ความกล้าหาญ

3. เพื่อนใหม่ คือของขวัญที่ให้กับตัวเอง เพื่อนเก่า คือ อํญมณี่ที่นับวันเพิ่มคุณค่า

4. อ่านหนังสือธรรมะปีละเล่ม

5. ปฏิบัติกับผู้อื่นเช่นเดียวกับที่ปฏิบัติต่อตนเอง

6. พูดคำว่า ขอบคุณ ให้มากๆ

7. รักษา ความลับ ให้เป็น

8. ประเมินคุณค่าของการให้อภัยให้สูง

9. ฟังให้มากๆแล้วจะได้คู่สนทนาที่ดี

10. ยอมรับความผิดพลาดของตนเอง ใครตำหนิ รู้แก่ใจว่าเป็นจริง

11. หากล้ม จงอย่ากลัวที่จะลุกขึ้นมาใหม่

12. เมื่อเผชิญหน้ากับงานที่หนัก จงคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะล้มเหลว

13. อย่าถกเถียงธุรกิจในลิฟต์

14. ใช้บัตรเครดิตเพื่อความสะดวก อย่าใช้เพื่อก่อหนี้สิน

15. อย่าหยิ่งที่จะกล่าวคำว่า ขอโทษ

16. อย่าอายที่จะพูดว่าไม่รู้

17. ระยะทางนับพันกิโลเมตร แน่นอนมันไม่ราบรื่นตลอดทาง

18. เมื่อไม่มีใครเกิดมาวิ่งได้ ควรทำสิ่งต่างๆอย่าง ค่อยเป็น ค่อยไป

19. การประหยัดเป็นบ่อเกิดแห่งความร่ำรวย เป็นต้นทางแห่งความไม่ประมาท

20. คนไม่รักเงิน คือคนที่ไม่รักชีวิต ไม่รักอนาคต

21. ยามทะเลาะกัน คนที่เงียบก่อน คือผู้ได้รับการสั่งสอนที่ดี

22. ชีวิตนี้ฉันไม่เคยได้ทำงานเลยสักวัน ทุกวันล้วนเป้นวันที่สนุกสนาน

23. จงใช้จุดแข็ง อย่าเอาชนะจุดอ่อน

24. เป็นหน้าที่ของเราที่จะพุดให้ผู้อื่นเข้าใจ มิใช่หน้าที่ที่ผู้อื่นจะทำความเข้าใจ

25. เหรียญเดียวมีสองหน้า ความสำเร็จและความล้มเหลว

26. อย่าตามใจตนเอง เรื่องยุ่งๆ ล้วนเกิดขึ้นจากการตามใจตนเองทั้งสิ้น

27. ฟันร่วงเพราะมันแข็ง ลิ้นยังอยู่เพราะมันอ่อน

28. อย่าดึงต้นกล้าให้โตไว (อย่าใจร้อน)

29. ระลึกถึงความตายวันละ3ครั้ง ชีวิตจะมีสุขและมีการให้อภัย

30. ถ้าติดกระดุมผิดเม็ด เม็ดต่อไปก็ผิดหมด

31. งานทุกชิ้นต้องกำหนดเวลาวันที่เสร็จ

32. จงเป็นน้ำครึ่งแก้วตลอดชีวิต เพื่อเรียนรู้เพื่มติมได้ตลอด

33. ดาวเดือนที่สูงอยากได้ต้องปีน บันไดสูง

34. มนุษย์ทกคนมีงานมากมายในชีวิต จงทำงานที่สำคัญที่สุดก่อนเสมอ

35. หนังสือคือศูนย์รวมปัญญาของโลก จงอ่านหนังสือเดือนละเล่ม

36. ระเบียบวินัย คือคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดในการดำรงชีวิต






 

Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2554 15:29:35 น.
Counter : 401 Pageviews.  

+++Water & Coke น้ำ กับ โค้ก +++



ถ้าท่านรู้เรื่องนี้
ท่านจะดื่มน้ำมากขึ้น เพราะน้ำเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย 75%





มีงานวิจัยพบว่าในคน 100 คน
ที่ดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว จะช่วยให้คน 80 คนลดอาการปวดหลังปวดข้อลงได้







ดื่มน้ำวันละ 5 แก้ว ลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งของลำไส้ใหญ่ได้ ถึง 45 % มะเร็งเต้านมได้ 79%
และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้เกือบ 50%!

ทีนี้มา ลองรู้จักน้ำ 'โค้ก' กันหน่อย แน่นอนโค้กรสชาดยอดเยี่ยม

แต่ตำรวจทางหลวงจะบรรทุกโค้ก 2 แกลลอน ในช่องท้ายรถ เพื่อเวลามีรถชนกันสามารถเอา 'น้ำโค้ก' ล้างเลือดบนถนนได้เกลี้ยงเกลา

ถ้าเอา T-bone steak ใส่ในชามกะละมังที่มีน้ำโค้กเต็ม จะพบว่าจะถูกละลายไปหมดใน2 วัน

รินโค้ก 1 กระป๋องลงในโถส้วมทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง แล้วชักโครก
กรดซิตริกในโค้ก จะล้างคราบสกปรกในโถส้วมได้สะอาด

ถ้าต้องการกัดสนิมที่กันชนชุมโครเมี่ยมของรถ ให้เอาที่ขัดที่ทำด้วย foil ชุบโค้ก ขัดสนิมจะออกหมด

ถ้าจะล้างทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ที่มีคราบกรดเกลือเกาะขาวๆ ให้เทน้ำโค้ก ฟองจะกัดคราบขาวออกได้หมด ถ้ าจุดขวดติดแน่น งัดไม่ออก เอาผ้าชุบน้ำโค้กหุ้มไว้หลายๆ นาที จะบิดจุดขวดออกได้โดยง่าย

ถ้าจะปิ้ง moist ham ให้เทโค้ก 1 กระป๋อง เทลงในกระทะ ห่อแฮมด้วยอะลูมิเนียมฟอล์ยแล้วปิ้ง 30 นาที
ก่อนแฮมจะสุก แกะฟอล์ยออก ปล่อยให้น้ำเนื้อหยดลงไปผสมกับน้ำโค้กในกะทะ ท่านจะได้น้ำเกรวี่สีน้ำตาล









การล้างคราบไขมันจากเสื้อผ้า ให้ใช้น้ำโค้ก 1 กระป๋อง ผสมกับผงซักฟอกในปริมาณที่จะใส่ในเครื่องซัก ปล่อยให้ซักด้วยเครื่องตามปกติ
โค้กจะช่วยกำจัดคราบไขมันได้สะอาดหมดจด

ท่านสามารถผสมโค้กลงในน้ำล้างกระจกรถยนต์ ฟอสฟอริคแอซิดในโค้ก จะช่วยทำความสะอาดกระจกได้ดี

น้ำโค้กมี pH 2.8 ถ้าตัดเล็บแช่ในน้ำโค้ก 4 วัน จะละลายหมด

เวลาขนย้ายน้ำโค้กเข้มข้น เพื่อส่งตามโรงงานทั่วโลก ที่รถ truck จะต้องติดป้ายไว้ว่า 'มีวัตถุที่มีกรดกัดกร่อนได้ เป็นอันตราย'

บริษัทขายน้ำโค้ก! ใช้น้ำโค้กทำความสะอาดเครื่องยนต์ของรถ truck มานานประมาณ 20 ปีแล้ว

ข้อมูลจาก Fw
ท่านยังอยากดื่ม โค้ก
หรือดื่มน้ำกัน เลือกเอาเอง
แปลโดย ศ.กิตติคุณ นพ.เสก อักษรานุเคราะห์
หน่วยงาน : ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู








 

Create Date : 29 มกราคม 2554    
Last Update : 29 มกราคม 2554 9:53:55 น.
Counter : 3548 Pageviews.  

++++น่าทำ...แต่คนมักละเลยทำ+++++

1. จิบน้ำบ่อยๆ สมองประกอบด้วยน้ำ 85 เปอร์เซ็นต์
เซลล์สมองก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำ ต้นไม้ก็เหี่ยว ถ้าไม่อยากให้เซลล์สมองเหี่ยว ซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลช้า กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออก แต่ละวันจึงควรดื่มน้ำบ่อยๆ

2. กินไขมันดี คนไม่ค่อยรู้ว่าสมองคือก้อนไขมัน
ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ แนะนำให้กินไขมันดีระหว่างวัน จำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วย ปลาที่มีไขมันดีอย่างปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง วิตามินรวม น้ำมันพริมโรสเป็นน้ำมันดีที่ทำให้เซลล์ชุ่มน้ำ ส่วนวิตามินซีกินแล้วสดชื่น

3. นั่งสมาธิวันละ 12 นาที หลังจากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติและนั่งสมาธิทุกเช้า วันละ 12 นาที
เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta ซึ่งเป็นคลื่นที่ผ่อนคลายสุดๆ ทำให้สมองมี Mental Imagery สามารถจินตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์ (ถ้าทำไม่ได้ตอนเช้า ให้หัดทำก่อนนอนทุกวัน)

4. ใส่ความตั้งใจ
การตั้งใจในสิ่งใดก็ตาม เหมือนการโปรแกรมสมองว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิด ระหว่างวันสมองจะปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้น ทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่างๆ เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที่ทำจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งสองอย่างจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน

5. หัวเราะและยิ้มบ่อยๆ
ทุกครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ จะมีสารเอนเดอร์ฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุขหลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้นให้มีความอยากรักและหวังดีต่อคนอื่นไปเรื่อยๆ

6. เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน
สิ่งใหม่ในที่นี้หมายถึงสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารร้านใหม่ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่ คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา ฯลฯเพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ทำให้สมองหลั่งสารเอนเดอร์ฟินและโดปามีน ซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และสร้างสรรค์ไปเรื่อยๆ เมื่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์

7. ให้อภัยตัวเองทุกวัน
ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง ทำให้เปลืองพลังงานสมอง การให้อภัยตัวเองเป็นการลดภาระของสมอง

8. เขียนบันทึก Graceful Journal ฝึกเขียนขอบคุณสิ่งดีๆ

ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่น ขอบคุณที่มีครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพดี ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข ฯลฯ เพราะการเขียนเรื่องดีๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก พร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์

9. ฝึกหายใจลึกๆ
สมองใช้ออกซิเจน 20-25 เปอร์เซ็นต์ของออกซิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย การฝึกหายใจเข้าลึกๆ จึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น ถ้านั่งทำงานนานๆ อาจหาเวลายืนหรือเดินยืดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายใหญ่ สามารถหายใจเอาออกซิเจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้นอีก 20 เปอร์เซ็นต์








- ต้นเหตุของสมองเสื่อม ความจำสั้น อัลไซเมอร์-


สมอง คืออวัยวะสำคัญ มีหน้าที่ควบคุมและสั่งการการเคลื่อนไหว, พฤติกรรม และรักษาสมดุลภายในร่างกาย เช่น การเต้นของหัวใจ, ความดันโลหิต, สมดุลของเหลวในร่างกาย และอุณหภูมิ เป็นต้น หน้าที่ของสมองยังมีเกี่ยวข้องกับการรับรู้ อารมณ์ ความจำ การเรียนรู้การเคลื่อนไหว และความสามารถอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการเรียนรู้

แต่คนเรามักไม่รู้ตัวเองว่าพฤติกรรมบางอย่างที่กระทำลงไป นอกจากจะเป็นการทำร้ายร่างกายไม่พอยังทำร้ายสมองด้วยเช่น

1.ไม่ทานอาหารเช้า หลายคนคิดว่าไม่ทานอาหารเช้า แล้วจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ แต่นี้จะเป็นสาเหตุให้สารอาหารไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ทำให้สมองเสื่อม

2. กินอาหารมากเกินไป การกินมากเกินไปจะทำให้หลอดเลือดแดงในสมองแข็งตัว เป็นสาเหตุให้เกิดโรคความจำสั้น (เช่น เทพธิดาดิว เป็นต้น)

3. การสูบบุหรี่ เป็นสาเหตุให้เป็นโรคสมองฝ่อและเป็นสาเหตุของโรคอัลไซเมอร์

4. ทานของหวานมากเกินไป การกินของหวานมาก จะไปขัดขวางการดูดกลืนโปรตีนและสารอาหารที่เป็นประโยชน์ เป็นสาเหตุของการขาดสารอาหารและขัดขวางการพัฒนาองสมอง

5. มลภาวะ สมองเป็นส่วนที่ใช้พลังงานมากที่สุดในร่างกายการสูดเอาอากาศที่เป็นมลภาวะเข้าไปจะทำให้ออกซิเจนในสมองมีน้อยส่งผลให้ประสิทธิภาพของสมองลดลง

6. การอดนอน การนอนหลับจะทำให้สมองได้พักผ่อนการอดนอนเป็นเวลานานจะทำให้เซลล์สมองตายได้

7. นอนคลุมโปง การนอนคลุมโปง จะเป็นการเพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์ให้มากขึ้นและลดออกซิเจนให้น้อยลงส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของสมอง

8. ใช้สมองในขณะที่ไม่สบาย การทำงานหรือเรียนขณะที่กำลังป่วย จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลงเหมือนกับการทำร้ายสมองไปในตัว

9. ขาดการใช้ความคิด การคิดเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการฝึกสมองการขาดการใช้ความคิดจะทำให้สมองฝ่อ

10. เป็นคนไม่ค่อยพูด ทักษะทางการพูดจะเป็นตัวแสดงถึงประสิทธิภาพของสมอง


***รู้หรือยังค่ะว่าสมองมีความสำคัญมากแค่ไหน ดังนั่นเราควรที่จะหันมาบำรุงสมองแทนการทำร้ายสมองกันดีกว่าค่ะ









 

Create Date : 29 มกราคม 2554    
Last Update : 29 มกราคม 2554 8:04:37 น.
Counter : 595 Pageviews.  

เคยกินมั้ย สุดยอดผลไม้ที่ชื่อ "ตะขบ" O0O







กรมอนามัย เผย "ตะขบ" มีใยอาหาร แคลเซียม และโพแทสเซียมสูง ช่วยดูดซับคอเรสเตอรอล ลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้และเส้นเลือดสมองแตก


นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยผลการวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการของกองโภชนาการ เกี่ยวกับปริมาณใยอาหาร น้ำตาล และแร่ธาตุในผลไม้ พบว่า ผลไม้ในส่วนที่รับประทานได้ 100 กรัม มีน้ำเป็นส่วนประกอบ 76-94 กรัม มีใยอาหาร 0.5-6.3 กรัม มีน้ำตาลรวม 3-18 กรัม และมีพลังงาน 33-97 กิโลแคลอรี ซึ่งผลไม้ที่มีใยอาหารสูง ได้แก่ ตะขบ 6.3 กรัม, ฝรั่งแป้นสีทอง 3.3 กรัม, ลูกหว้า 3.3 กรัม และฝรั่งกิมจู 3.1 กรัม
สำหรับผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง ได้แก่ ลิ้นจี่พันธุ์ค่อม 18 กรัม, องุ่นดำไร้เมล็ด (ลูกใหญ่) 15 กรัม, ลิ้นจี่จักรพรรดิ 13 กรัม, สละ 13 กรัม และองุ่นแดง (ลูกใหญ่) 13 กรัม ส่วนผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อย ได้แก่ เนื้อมะพร้าวอ่อน 3 กรัม, ลูกหว้า 5 กรัม, ลูกตาลอ่อน 5 กรัม, ราสเบอร์รี 6 กรัม และแคนตาลูป (เขียว) 6 กรัม นอกจากนี้ยังพบว่าผลไม้ส่วนใหญ่มีพลังงานน้อย เพราะมีน้ำเป็นองค์ประกอบค่อนข้างมาก จากการศึกษาครั้งนี้พบ ตะขบและมะม่วงเขียวเสวย (ดิบ) มีพลังงานมากกว่าผลไม้อื่นคือมี 97 และ 87 กิโลแคลอรีต่อ 100 กรัม



จากการศึกษาครั้งนี้พบว่า ตะขบ ฝรั่ง และ ลูกหว้า เป็นผลไม้ที่มีใยอาหารสูง ส่วนผลไม้ที่มีน้ำตาลมาก เช่น ลิ้นจี่ และ องุ่น อาจเป็นผลไม้ที่ควรระวัง หรือต้องห้ามสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก และผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน แต่แนะนำให้กิน เนื้อมะพร้าวอ่อน หรือ ลูกตาลอ่อน ทดแทนได้ เพราะมีน้ำตาลน้อย ส่วนผลไม้ที่มีโซเดียมน้อย จะเป็นผลดีต่อผู้ป่วยความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ ขณะที่ปริมาณโพแทสเซียมในผลไม้จัดเป็นแร่ธาตุหลักที่พบ ซึ่งหากมีมาก อาจช่วยป้องกันการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังบางชนิดได้ รวมการเกิดเส้นเลือดในสมองแตกได้เช่นกัน



ส่วนตัวก็ชอบกินตะขบค่ะ มันหวานชื่นใจดีค่ะ แต่เสียดายมากเลยที่ต้นตะขบโดนตัดเสียแล้ว T-T
















 

Create Date : 18 ธันวาคม 2553    
Last Update : 18 ธันวาคม 2553 10:46:14 น.
Counter : 638 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  

จะสามห้า
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




.....ก็ได้แต่ฝันไป

ไม่กลายเป็นจริงสักที....

....ก็ได้แต่รอทั้งปี

และฉันต้องเหงาอย่างนี้ถึงเมื่อไร....

อยากมีคนรัก ....

คนมีรักมันเป็นแบบไหน....

......คนอย่างฉันมันยังไม่เคยเข้าใจ

บอกก็คงไม่รู้....

..... ดีแค่ไหนก็คงไม่รู้

คงต้องหาซักคนมาเป็นเนื้อคู่

......อยากมีคนรัก

คนคนนั้นเค้าอยู่ที่ไหน....

คนอย่างฉันต้องรออีกนานเท่าไหร่...

กว่าจะเจอ..

คนที่ฝัน...

คนที่มาเติมให้ใจของฉันมันเต็มสักที....



Friends' blogs
[Add จะสามห้า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.