• งานฝีมือ(ไหมพรมโครเชร์)..handiesandcrochets(H&C)
• Chunnie&Junggie(งานประดิษฐ์จากผ้า)
• เมืองคอนหวัน(เมืองนครสวรรค์)
• คนตากเที่ยวเมืองตาก(ตาก-ระแหง)
• เคล็ดไม่ลับสุขภาพ
• ตำราอาหารน่ากิ๊นน่ากิน
• Diary..คนคิดมาก
• Tips-การงานการเงิน
• เรื่องน่ารู้..คนไอที
• เพิ่มพลังให้ชีวิต(แรงบันดาลใจ)

"นาฬิกาชีวิต" พิชิตโรคแบบบูรณาการ   คัดมาจากส่วนหนึ่งของหนังสือ "นาฬิการชีวิต" เป็นกลไกในการรักษาตนเอง และเป็นการปรับระบบภูมิของร่างกาย ที่ควรประพฤติปฏิบัติ  มีดังนี้   ช่วงเช้า 03.00-05.00 น.  ตื่นตอนและสูดอากาศบริสุทธิ์  เพื่อช่วยเติมพลังให้ปอดแข็งแรง  05.00-07.00 น.  ช่วงเวลาแห่งการขับถ่าย 07.00-09.00 น.  ควรกินมื้อเช้า   ช่วงกลางวัน 11.00-13.00 น.  ควรหาเวลางีบนอนสัก 15-20 นาที   ช่วงเย็น 15.00-17.00 น.  ควรออกกำลังกาย 19.00-21.00 น.  เป็นช่วงเวลาพักผ่อน ทำสมาธิหรือสวดมนต์                          และควรงดกินอาหารหรือออกกำลังกาย 21.00 น.  เป็นช่วงเวลาที่ควรเข้านอนที่สุด                                                     คัดมาจากส่วนหนึ่งใน  นิตยสารสบายกายสบายใจ                                                               ฉบับเดือนตุลาคม  2556       Create Date : 23 ตุลาคม 2556     Last Update : 23 ตุลาคม 2556 12:12:37 น. Counter : 504 Pageviews.   0 comment Share Tweet

3 วิธี..ฟิตหุ่นในที่ทำงาน        ด้วยสภาพการทำงานที่ต้องเข้างานแต่เช้าและเลิกงานดึกดื่น   ทำให้คนทำงานออฟฟิศไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกาย  ลองมาดู 3 วิธีนี้ที่ช่วยได้ทำงานและออกกำลังกายไปพร้อมๆ กัน ค่ะ      1. ยืนหรือเดินให้มากขึ้น    แม้บนโต๊ะบางที่จะมีโทรศัพท์  แต่หากระยะทางไม่ไกลไป  ลองหันมาเดินไปหาบ้าง  ซึ่งจะช่วยทั้งเผาผลาญพลังงานในร่างกายแล้ว  ยังช่วยสร้างความคุ้นเคยกับเพื่อนร่วมงาน  หรือหากติดต่องานผ่านมือถือ  อาจยืนคุย ช่วยให้ร่างกายได้ใช้พลังงานมากขึ้น      2. ซื้อเครื่องออกกำลังกายแบบพกพา  เช่นไม้กระบอง  ยางยืดออกกำลังกาย  ดัมเบล  ฮูลาฮูป  มาไว้ออกกำลังกายฆ่าเวลาได้      3. บางคนไม่อยากลุกจากเก้าอี้  ก็อาจลองใช้ท่าบริหารกายแบบง่ายๆ  เช่น  หมุนคอ  หมุนไหล่  หมุนแขน  บิดตัวซ้ายขวา  หรือสะบัดมือสัก 10 ครั้ง  เพื่อเป็นการสร้างกล้ามเนื่้อและผ่อนคลายได้                                                  จาก  นิตยสารชีวจิต ฉบับ 16 มิถุนายน  2556   Create Date : 12 กรกฎาคม 2556     Last Update : 12 กรกฎาคม 2556 19:34:07 น. Counter : 489 Pageviews.   Share Tweet

พริกคู่ครัว..ตัวสยบพาร์กินสัน       นอกจากเพิ่มสีสันและรสชาติให้อาหาร  พริกยังดีต่อสมองด้วย      จากงานวิจัยที่ทดลองในสัตว์เมื่อไม่นานมานี้ชี้ว่า  สารนิโคติน ในบุหรี่สามารถลดโอกาสเกิดโรคพาร์กินสัน (แต่ก็ทำให้เป็นมะเร็งและโรคอื่นๆตามมาอีก)  จึงได้มีการค้นคว้าที่ปลอดภัยกว่าคือพืชผักนอย่างพริกก็มีสารนิโคติน (และมีประโยชน์อื่นตามมาอีกมากมาย)  ว่า      พริกอยู่ในตระกูลผักที่มีสารนิโคตินในรูปที่กินได้เป็นส่วนประกอบ  เมื่อรับสารนิโคตินจากพริกนี้  สมองจะมีการกระตุ้น  โดยร่างกายจะสร้างกลไกป้องกันไม่ให้เซลล์ประสาทถูกทำลายในลักษณะเดียวกับที่พบในผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน      แต่มีข้อแนะนำว่าหากกินพรกเป็นส่วนผสมสัปดาห์ละ 2 มื่อ  จะหลีกเลี่ยงการเป็นพาร์กินสันได้ 3 เท่า  หรือประมาณร้อยละ 30      และมีข้อแม้ว่าอย่ากินเผ็ดมากเกินไป  ระวังเป็นโรคกระเพาะและอื่นๆตามมานะคะ                                                   จาก  นิตยสารชีวจิต ฉบับ 16 มิถุนายน 2556   Create Date : 12 กรกฎาคม 2556     Last Update : 12 กรกฎาคม 2556 19:25:13 น. Counter : 313 Pageviews.   Share Tweet

นั่งยอง-ไขว่ห้าง..เหตุข้อเช่าเสื่อม          รู้ไหมว่าโรคข้อเข่าเสื่อมที่เราเคยเข้าใจว่าเป็นโรคของคนแก่ที่กระดูกไม่ค่อยจะแข็งแรง  ตอนนี้พอได้ทุกวัยแล้ว   สาเหตุส่วนหนึ่งก็มาจากพฤติกรรมการนั่งที่ไม่ถูกวิธี  เช่น  การนั่งยอง  นั่งพับเพียบ  นั่งขัดสมาธิ  หรือนั่งไขว่ห้าง  ถือเป็นการทำร้ายข้อโดยไม่รู้ตัว  ทำให้เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมมากขึ้น   อาการที่สังเกตได้ชัดว่าเป็นข้อเข่าเสื่อมคือ  นั่งยองแล้วไม่สามารถลุกขึ้นได้  โรคนี้เป็นแล้วจะทรมาน  รักษาไม่ขายขาด  จะลุกนั่งหรือเดินก็ลำบาก  เราจึ้งควรปรับพฤติกรรม  อาจลองเปลี่ยนมานั่งห้อยขา                                                      จาก นิตยสาร Lisa ฉบับ 24 ตุลาคม 2555    Create Date : 22 มิถุนายน 2556     Last Update : 22 มิถุนายน 2556 13:36:50 น. Counter : 447 Pageviews.   Share Tweet

อยากมีความจำดี..อย่าขาดบี12กับโอเมก้า3       ปัจจุบันอายุของผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์เริ่มลดลงเรื่อยๆ   ก็ทุกวันนนี้เราทำงานกันวุ่นวายและใช้สมองหนักเกิน อย่าลืมดูแลสมอง   ถ้าไม่อยากความจำเสื่อมก่อนวัย   ในสมองเรามีไขมัน 60% ผู้เชี่ยวชาญจึงเชื่อว่าปลาที่มีกรดไขมันโอเมก้า3 เช่น  ปลาแซลมอน  และปลาทูน่า  จะช่วยให้สารสื่อประสาทในสมองเคลื่่อนตัวได้ดี  และเพิ่มระดับเซโรโทนินที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น   สารสำคัญอีกชนิดที่ขาดไม่ได้เลย ในการดูแลสมองคือ  วิตามินบี12  ที่มีอยู่ในเนื้อหมู  เนื้อไก่  และเนื้อวัว  ซึ่งจะช่วยให้สมองแล่น  คิดงานอะไรก็ปิ๊งขึ้นมาอยางง่ายดาย  มีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ แบบนี้ การงานการเรียนก็รุ่งขึ้นแน่นอน                                                           จาก นิตยสาร Lisa ฉบับ 24 ตุลาคม  2555   Create Date : 22 มิถุนายน 2556     Last Update : 22 มิถุนายน 2556 13:28:23 น. Counter : 318 Pageviews.   Share Tweet

• Webmaster - BlogGang

• http://www.facebook.com/handiesandcrochets
• http://handiesandcrochets.pantown.com
• BlogGang.com