รั้ว ... เสร็จเรียบร้อย (ซะที) ค่ะ
จากแรกเริ่มจนวันนี้ วันที่ 9 ธันวาคม 2553 รั้วเสร็จเรียบร้อย ใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์ (ทำมั่ง หยุดมั่ง)เตรียมรับ Christmas และปีใหม่ตัดต้นพญาสัตบรรณหน้าบ้าน แต่เหลือตอไว้ เพื่อติดต้นกล้วยไม้ค่ะชุดเณรน้อยกลับมาประจำการไทรทองและพุดกล้วยไม้ 3 ต้น 100 ซื้อ 10 ต้น 300 บาทป้ายบ้านเลขที่ สั่งทำใหม่ ให้เข้ากับรูปแบบของบ้าน เดิมเป็นโลหะสีทองคร้าแดงยังเป็นนางเอกของบ้านเช่นเดิมหลังจากบ้านเราสงบลง เสียงก่อสร้างเงียบไป 1 วัน การต่อเติมบ้านตรงข้ามก็เริ่มขึ้นแจกแจงงบประมาณค่ะ1.รูปหินทรายนางนกยูง 900 บาท2.รูปหินทรายดอกบัว 2 ชิ้น 750 บาท3.รั้วหินทราย เหมาจ่าย (รวมทั้งอุปกรณ์และค่าช่าง) 10,000 บาท4.กล้วยไม้ 10 ต้น 300 บาท5.ป้ายบ้านเลขที่ 200 บาท6.กระถางต้นไม้ 20-100 บาท7.ต้นพุด 3 ต้น 50 บาท8.ไทรทอง ต้นละ 20 บาท9. คร้าแดง กระถางละ 80 บาท แยกใส่แจกันได้ 3-4 แจกัน10. รูปปั้นเณร ชุดนักดนตรี ชุดละ 300-400บาท11.กล่องจดหมายไม้ น่าจะ 500 บาท ลืมๆไปมั่งเเล้วจ้า
ยายทอง แสงไฟกับเศษฟืนที่โคราช
วันนี้ (7 ธค 53) น้องสาวผ่านไปที่ตลาดแม่กิมเฮง เจอยายทองที่นั่น คุณยายยังขายฟืนเหมือนเดิม อยู่ที่เดิม น้องสาวซื้อฟืนมา 4 มัด ให้คุณยายไป 20 บาท ฟังเค้าโทรมาเล่าด้วยใจหน่วงหนัก อากาศก็เย็นลงทุกวัน เฮ้อ...."สับเศษไม้ขายมัดละบาท" ยาย 85 ป่วยหนักสู้ชีวิตลำพัง (คมชัดลึก) เปิดชีวิต "ยายทองโคราช" หญิงชราวัย 85 ปี คนสู้ชีวิต ขายเศษไม้ก่อไฟมัดละบาทหาเลี้ยงชีพ แต่เคราะห์ซ้ำกรรมชัดเกิดป่วยหนัก ตาเป็นต้อกระจกเริ่มมองไม่เห็น หูตึงไม่ได้ยิน คนใจบุญพาส่งหมอผ่าต้อกระจกให้ อาการดีขึ้นกลับพักฟื้นที่บ้าน ยังต้องฝืนลุกนั่งผ่าไม้มัดไว้เตรียมไปขายที่มุมตึกข้างถนน เผยชีวิตรันทดไม่มีญาติลูกหลานทะเบียนบ้าน บัตรประชาชนหายเกลี้ยง หมดโอกาสรับสิทธิสงเคราะห์ทุกอย่าง ต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดไปวันๆ ชีวิตรันทดของคุณยายวัย 85 ปีรายนี้ ที่ชาวบ้าน พ่อค้าแม่ค้า หรือแม้แต่สารถีสามล้อก็คุ้นชินตากับภาพของ "ยายขายฟืน" หรือ "ยายขายเศษไม้ก่อไฟมัดละบาท" หญิงชราที่นั่งกับพื้น หน้าร้านทองวัชร หัวมุมตลาดกิมเฮง ริมถนนราชดำเนิน เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ด้านหน้าปูผ้าพลาสติกหรือกระดาษวางขายเศษไม้ที่มัดด้วยหนังยางเป็นกำ กำละ 1 บาท เพื่อหาเลี้ยงชีวิตไปวันๆ แม้ว่าอากาศจะร้อน หนาวหรือฝนตก หากฝืนสังขารมาได้ หญิงชราผู้นี้ก็จะมานั่งขายเศษไม้ที่ดูเหมือนไม่มีค่าอะไร แต่เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของยายในตอนนี้ เพราะนั่นหมายถึงค่าอาหาร น้ำดื่ม และค่ารถที่ต้องจ่ายในแต่ละวัน แต่ระยะหลายวันมานี้ กลับไม่มีใครพบเห็นหญิงชราขายเศษไม้หัวมุมตลาด จนหลายคนอดเป็นห่วงไม่ได้ว่า "ยายหายไปไหน" ผู้สื่อข่าว "คม ชัด ลึก" ได้ไปสอบถามสารถีสามล้อที่บริเวณนั้น ได้รับคำตอบว่า "ไม่เห็นมาหลายวันแล้ว" สอบถามต่อจนรู้ว่ายายอาศัยอยู่ที่ชุมชนหนองโสน ตำบลหัวทะเล อำเภอเมือง ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่ยายมานั่งขายเศษไม้ประมาณ 5 กิโลเมตร เมื่อไปถึงชุมชนหนองโสน สอบถามชาวบ้านถึงยายขายเศษไม้ ชาวบ้านต่างรู้จักกันดี และพาไปที่บ้านเลขที่ 342 ในชุมชนหนองโสน พบ คุณยายทอง หรือ น.ส.ทอง ขอปล้องกลาง อายุ 85 ปี สวมเสื้อคอกระเช้าสีแดง นุ่งผ้าถุงกลางเก่ากลางใหม่ ที่ตาด้านซ้ายถูกปิด กำลังสาละวนกับการตัดเศษไม้มัดเป็นกำเพื่อนำไปขาย จากสภาพบ้านที่ดูเก่าทรุดโทรม หลังคามุงสังกะสี ฝาบ้านเป็นสังกะสีเก่าปิดทึบทั้งสี่ด้าน ไม่มีหน้าต่าง ลักษณะเป็นกระท่อมเล็กๆ ปูพื้นไม้ ภายในบ้านไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นใด ไม่มีแม้น้ำประปา ไฟฟ้า มีเพียงเทียนไข 1 เล่ม ตั้งอยู่เพื่อจุดให้แสงสว่างยามลุกไปเข้าห้องน้ำในช่วงค่ำคืน ถ้วยชามที่มีเศษอาหารแห้งกรัง ในหม้อไหไม่มีข้าวสารเหลืออยู่ น้ำก็มีเพียงถังเดียวเท่านั้น ส่วนที่นอนมีเพียงมุ้งสีชมพู ผ้าห่ม หมอน 1 ใบ ไม่มีแม้ที่นอนรองหลัง ข้างบ้านมีแผ่นไม้กระดานกองอยู่ประมาณ 20 แผ่น ซึ่งยายทองจะนำไม้เหล่านี้มาผ่าให้เป็นเศษไม้เอาไปมัดขาย ยายทอง ปัจจุบันหูตึงมาก เวลาสื่อสารต้องตะโกนเสียงดังๆ และทำท่าทางประกอบจึงจะพูดกันรู้เรื่อง โดยยายทองบอกว่า ที่ไม่ได้ออกไปขายฟืนเพราะไปผ่าตัดต้อกระจกตาซ้าย ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โดยมีผู้ใจบุญแถวบ้านพาไป และหมอให้พักฟื้นอย่างน้อย 5 วัน ยายทอง เล่าว่า ไม่เคยแต่งงานมีครอบครัว มีเพียงลูกเลี้ยงผู้ชาย 1 คนเท่านั้น แต่ก็เสียชีวิตไปแล้วเมื่อ 9 เดือนก่อน ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ทำงานตัดฟืนและรับจ้างทั่วไป กระทั่งเมื่อ 10 ปีก่อน อาชีพสุดท้ายคือทำงานในร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวเมืองนครราชสีมา แต่เมื่อร้านอาหารที่ทำอยู่ปิดลงก็ไม่รู้จะไปทำอะไรเพราะแก่มากแล้ว และไม่มีความรู้อะไร จึงไปยึดอาชีพเก็บของเก่าขาย แต่ทำไม่นานก็เลิกเพราะร่างกายไม่แข็งแรง จากนั้นจึงหันมาเหลาเสี้ยนไม้ หรือเศษไม้ก่อไฟขายเลี้ยงปากท้องตัวเอง แต่ละวันต้องหาเก็บเศษไม้เก่าตามสถานที่ต่างๆ นำมาผ่าเป็นไม้ชิ้นเล็ก ตัดแบ่งให้เป็นเศษไม้ขนาดความยาวประมาณ 1 คืบ ต่อ 1 ชิ้น ให้ได้ 8-10 อัน จึงมัดรวมกันเป็นมัด แล้วนำมาขายในราคามัดละ 1 บาท ซึ่งต้องทำเสี้ยนไม้ หรือเศษไม้ก่อไฟให้ได้วันละประมาณ 50-100 มัด จากนั้นนำไปวางขายริมฟุตบาท หน้าร้านทองวัชร หากขายหมดจะมีรายได้ประมาณวันละ 100 บาท แต่วันไหนมีผู้ใจบุญมาซื้อแล้วไม่เอาเงินทอน ก็ถือว่าโชคดี ส่วนค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน นอกจากมีค่าข้าวสาร อาหารและน้ำดื่มแล้ว ยังต้องจ่ายค่ารถเดินทางไปกลับในการขายเศษไม้ที่ตลาด ประมาณวันละ 40 บาทอีกด้วย "ยายเป็นคนไม่มีญาติพี่น้องหรือลูกหลาน จึงต้องต่อสู้ชีวิตเพียงลำพัง และด้วยสภาพร่างกายและอายุที่มากขึ้น ประกอบกับเพิ่งไปผ่าตัดต้อกระจกมองไม่ถนัด หูก็ดึง เลยไม่ได้ออกไปขายเศษไม้มา 3 วันแล้ว ทำให้ไม่มีรายได้ อาหารที่พอมีเหลืออยู่ก็หมดแล้ว ถ้าหมอให้ไปทำงานได้เมื่อไหร่ จะรีบออกไปขายเศษไม้หาเงินมาซื้อข้าวกิน" ยายทอง กล่าว ยายทอง เล่าอีกว่า ที่ผ่านมาย้ายที่อยู่บ่อยครั้ง ส่วนบ้านปัจจุบันก็ขออาศัยจากผู้ใจบุญอยู่ ทำให้หลักฐานเอกสารต่างๆ ทั้งบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน หายไปหมด ไม่สามารถดำเนินการขอรับสิทธิประโยชน์อะไรได้เลย ทั้งการทำบัตร 30 บาท รักษาทุกโรค รวมทั้งการขอเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ 500 บาท ก็ขอไม่ได้ เนื่องจากไม่มีหลักฐานไปยื่นขอรับสิทธิประโยชน์ "ที่ผ่านมารู้สึกท้อแท้กับชีวิต แต่ก็ต้องสู้ต่อและอดทนจนกว่าจะหมดเรี่ยวแรง สิ่งที่อยากได้ตอนนี้ เป็นเพียงอาหารและน้ำประทังชีวิตเท่านั้นไม่ต้องการทรัพย์สินเงินทองอะไรมากมาย เพราะไม่รู้จะร่ำรวยไปทำไม ขอเพียงมีชีวิตรอดไปวันๆ ก็พอ แต่ยายยึดคติว่า ชีวิตทุกคน ถึงแม้จะยากจนหรือมั่งมีแค่ไหน ก็ต้องสู้ จะมานั่งงอมืองอเท้าอยู่เฉยๆ ไม่ได้" ยายทอง กล่าวขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจากโดย : ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ จากความคิดเห็นของผู้อ่านหลายๆ ท่านที่ต้องการช่วยเหลือ คุณยายทอง ขอปล้องกลาง รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับเลขที่บัญชีเพื่อช่วยเหลือคุณยายทอง จากคุณ chuma ในความเห็นที่ 309 และ 266 นั้น ทางทีมงานกระปุกดอทคอม ได้ติดต่อสอบถามข้อเท็จจริงไปยัง สถานสงเคราะห์คนชราบ้านธรรมปกรณ์โพธิ์กลาง (วัดม่วง) เป็นที่เรียบร้อย ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้ค่ะ 1. คุณยายทอง เคยเข้ามาอยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์คนชราบ้านธรรมปกรณ์โพธิ์กลาง (วัดม่วง) ในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ต่อมาคุณยายทองมีความประสงค์จะขอออกมาพำนักตามลำพังข้างนอก ทางเจ้าหน้าที่ของสถานสงเคราะห์จึงผลัดเปลี่ยนออกมาดูแลคุณยายทองเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน (ทั้งนี้ จากการสอบถามของทีมงานทำให้ทราบว่า ตามระเบียบดูแลบุคคลชราในสถานสงเคราะห์นั้น ผู้พำนักจะต้องเข้ามาอยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์ด้วยสมัครใจ ทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถบังคับหรือนำผู้ชรามาดูแลเองได้หากไม่ได้รับความยินยอม) 2. เจ้าหน้าที่ได้ประสานความช่วยเหลือคุณยายทอง ในเรื่องการรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 3. สำหรับท่านใดที่มีความประสงค์จะช่วยเหลือทางด้านทุนทรัพย์ ทีมงานกระปุกดอทคอมได้สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเลขบัญชีธนาคารเพื่อช่วยเหลือคุณยายกับทางเจ้าหน้าที่สถานสงเคราะห์ฯ เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งตรงตามรายละเอียดที่คุณ chuma ระบุมาตามความคิดเห็นข้างล่าง ทีมงานกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณ คุณ chuma มา ณ ที่นี่ ทั้งนี้ท่านใดที่ต้องช่วยเหลือคุณยายทอง สามารถโอนเงินผ่านเลขที่บัญชีชื่อ บัญชี : สถานสงเคราะห์คนชราบ้านธรรมปกรณ์โพธิ์กลาง (วัดม่วง) ธนาคาร : กรุงไทย สาขาถนนโพธิ์กลาง เลขที่บัญชี : 323-6-00697-8 หมายเหตุ สำหรับท่านใดที่โอนเงินช่วยเหลือผ่านทางเลขที่บัญชีของสถานสงเคราะห์คนชราบ้านธรรมปกรณ์โพธิ์กลาง (วัดม่วง) ทางเจ้าหน้าที่ฯ ขอความกรุณาท่าน แฟกซ์หลักฐานการโอนเงินมาที่ 044 258 986 โดยระบุเพื่อช่วยเหลือคุณยายทอง ขอปล้องกลาง รวมถึงแจ้งชื่อ - นามสกุล และหมายเลขโทรศัพท์ของท่าน เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการส่งมอบเงินดังกล่าวให้กับคุณยายทองได้อย่างถูกต้อง 4. ท่านใดที่ต้องการสอบถามข้อมูลของคุณยายทอง สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สถานสงเคราะห์คนชราบ้านธรรมปกรณ์โพธิ์กลาง จังหวัดนครราชสีมา 583 ถนนโพธิ์กลาง ตำบลในเมือง อำเมือง จังหวัดนครราชสีมา 30000 หมายเลขโทรศัพท์ (044) 242 521, (044) 244 300 (ติดต่อคุณณัชชา, คุณวณิชกร หรือเจ้าหน้าที่ท่านอื่นของสถานสงเคราะห์ได้ตลอดเวลาค่ะ)
รั้วบ้าน... กับการรอช่างกลับจากเกี่ยวข้าว
ช่วงนี้ช่างทำบ้านในโคราชคิวทองยิ่งกว่านักร้องลูกทุ่งค่ะ เพราะต้องเดินสายซ่อมแซมบ้านหลังน้ำท่วม ถึงจะเลือกใช้ช่างของทางโครงการซึ่งไม่ออกรับงานข้างนอก แต่คุณๆก็คิวทองเหมือนกัน เพราะต้องดูทั้งโครง 2 3 และ 4 เริ่มสร้างโครงการ 5 และดูแลรีสอร์ทของเจ้าของโครงการด้วยรั้วเดิมๆฐานรั้วเริ่มมอม หาต้นไม่มาปกปิดเริ่มทำรั้วหินทรายความคืบหน้างานรั้วการทำรั้วในช่วงแรกจึงเป็นการทำโอที หลัง 5 โมงเย็นเท่านั้นช่วงนี้ช่าง multidicipline ก็มีเหตุขอลาไปเกี่ยวข้าวอีก หน้านี้เป็นหน้าเกี่ยวข้าว เพราะรถกับข้าวก็ไม่มา 3 วัน เห็นว่าไปเกี่ยวข้าว ช่างต่อเติมครัวของพี่อีกโครงการนึง ก็ลาไปเกี่ยวข้าวดีว่าช่วงนี้อารมณ์ดี งานต่อเติมทำอยู่นอกบ้านด้วย เลยยังไม่มีอาการวีนอยากทำตอนใหนก็ทำไป เสร็จเมื่อไหร่ถึงจะจ่ายเงินเหลือขอบคานอีกนี๊ดเดียวเองปิดท้ายด้วยดอกราตรี กระถางละ 20 บาท 6 ต้น 100แต่หอมเกินราคาจริงๆจ้าเดี๋ยวรั้วเสร็จ จะทำอะไรอีกดีน๊า
รั้ว รั้ว รั้ว
เริ่มจากไม่อยากได้รั้วขาวๆ เพราะสกปรกง่าย ทั้งรอยตะไคร่น้ำและรอยดินกระเด็น จากนั้นมองซ้าย มองขวา มาหยุดอยู่ที่รั้วหินทราย เสนอไอเดียกับทางโครงการ ทางโครงการไม่มีปัญหา ผู้รับเหมาเสนอราคามาในเกณฑ์ที่รับได้ ก็เป็นอันลงตัวว่าลงมือได้เลยจ้าช่างทำงานโอทีมาแล้ว 3-4 วันเริ่มติดหินทรายสลักแล้วค่ะ ช่างกรีดกำแพง ลงปูนกาว และ Epoxy ใช้ไม้ค้ำด้านล่างและด้านหน้า 1 คืนกำแพงช่องที่ 1 เมื่อติดรูปและหินทรายเสร็จแล้วภาพระยะไกลบ้างค่ะช่างมาทำงานเฉพาะหลัง 5 โมงเย็น เลยไม่ค่อยก้าวหน้านักตอนนี้กำลังขอให้โครงการเอาต้นพญาสัตบรรณหน้าบ้านออกประตูรั้วหน้าบ้าน กับตาข่ายกันหมา หนีออกจากบ้าน)อิฐประสานเหลือ มีเวลาช่วงเสาร์ อาทิตย์ เลยจัดบ่อข้างศาลาน้อยอีก 1 บ่อพวงแสด พอย้ายที่ปลูกเริ่มงามและออกดอกให้เห็นหอมเจ็ดชั้น เพิ่งซื้อมาได้ 5 วัน กำลังเหลืองๆๆ ทั้งต้น จะรอดมั้ยน๊อน้องหมาทำหน้าเซ็ง เพราะถูกกักบริเวณระหว่างที่ช่างมาทำงาน เพราะต้องเปิดประตูรั้วไว้ให้ช่าง อาหารเช้าของมะหมา ขนมปังกรอบชนิดหนึ่งโรงรถกำลังรก เพราะช่างฝากอุปกรณ์การทำรั้วไว้ตอนนี้ต้องหาซื้อป้ายบ้านเลขที่ใหม่ เพราะบ้านเลขที่เดิมติดกับรั้ว ถูกเอาออกเรียบร้อย เนื่องจากไม่เข้า concept เดี๋ยวพรุ่งนี้ เลิกงาน แวะไปด่านเกวียนหน่อยดีกว่าถ้ารั้วเสร็จเรียบร้อย จะเอารูปมาฝากนะคร๊าบ
วันลอยกระทง 2553
ปีนี้ไม่ได้ไปลอยกระทงที่ใหนเลยค่ะ เพราะไม่มีใครดูแลสมาชิกน้องหมาทั้ง 4 ตัวที่บ้าน พาไปด้วยก็ไม่ได้ เพราะบางตัวกลัวเสียงประทัดเลยพาทั้ง 4 หน่อออกมานั่งรับลมรอพระจันทร์เต็มดวงที่สวน (น้อยๆ) แทน เสาร์ อาทิตย์นี้ ทำบ่ออิฐประสานเพิ่มที่หน้าศาลา ตอนนี้ 19.00น. ช่างยังมาทำรั้วหน้าบ้านให้อยู่ ช่างก็คงไม่ห่วงลอยกระทงเหมือนกันมั้งช่างรับงานทำรั้วที่บ้านแบบโอทีค่ะ มาทำหลัง 5 โมงเย็น บางวันเลิกเกือบ 4 ทุ่ม ดีว่าอยู่นอกบ้านเลยไม่ค่อยห่วง อีกอย่าง เป็นช่างของโครงการเองด้วย เห็นหน้าเห็นตากันอยู่ทุกวันหวังว่ารั้วคงเสร็จก่อนสิ้นเดือนนะจ๊ะ สุขสันต์วันลอยกระทงค่ะ