lozocat
ตะลอนทัวร์ทั่วไทย ที่พักสุดเก๋ อาหารอร่อย กับ นกทัวร์
บันทึกนักเดินทาง รีวิวที่พัก แนะนำร้านอาหาร จองโรงแรมราคาพิเศษ

วงกลมแม่ฮ่องสอน ครั้งที่2...กับการขับรถไปเอง

ทริปนี้เกิดจากอยากไปชิลล์ๆที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งในแม่ฮ่องสอน การเดินทางครั้งนี้เกิดขึ้นแบบไม่มีการวางแผนใดๆทั้งสิ้น เพียงแค่เก็บกระเป๋าใส่รถไว้ แล้วดูสถานการณ์เย็นวันเดินทางว่าสะดวกแค่ไหน งานมากมาย? หลังจากเคลียร์งานเสร็จช่วงเย็น ก็บึ่งรถมุ่งสู่สายเหนือทันที
20 Feb 2008
ระหว่างทางก็กินขนมปังเป็นการรองท้อง ระหว่างทางเสียงโทรศัพท์สั่งงานก็ดังมาอีก สร้างความกังวลมิใช่น้อย พอถึงนครสวรรค์ตอน3ทุ่มแวะทานข้าวมื้อดึกกันที่ปั๊มข้างทางก่อนถึงตัวเมือง นครสวรรค์

หลังจากนั้นก็ยิงยาวเข้า จ.ตาก ที่พักคืนนี้ที่ ตากอันดามัน รีสอร์ท ห้องพักแอร์ คืนละ 400 บาท สะอาดและดูดีเกินราคา

21 Feb 2008
หลังจากนอนหลับสบายแล้ว รีบตื่นมาทำงานต่อที่ lobby จ้า Wireless Internet ที่นี่เร็วสะใจ ฟรีด้วยเหอๆ ทำให้การทำงานเสร็จเร็วและราบรื่น เที่ยวได้สนุกไร้กังวล
ออกเดินทางมุ่งสู่จ.ลำปาง ระหว่างทางแวะชิลล์ๆที่ปั๊มน้ำมัน ทั้งที่ออกมาได้แค่ชั่วโมงเดียว

ขับไปเรื่อยๆจะไปแวะร้านเซรามิคที่ลำปางก็หาร้านไม่เจอ วนไปมาในเมืองก็ออกมา หิวก็หิว เลยแวะกินข้าวที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวขุนตาล

แล้วก็มุ่งสู่ลำพูน เข้าไปหลงในเมืองอยู่นาน กว่าจะหาทางลัดตัดสู่เส้นทางไป อ.ฮอด ได้ก็หลายนาที (รู้งี๊วิ่งตรงตามทางหลวงไปเข้าที่เชียงใหม่ดีกว่า) แล้วระหว่างทางเลยตัวอำเภอฮอด เราก็เข้าสู่เส้นทางไป อช.ออบหลวง เห็นวิวดีๆเลยแวะถ่ายรูปหน่อย จอดรถกันข้างทางนี่ล่ะ

บังเอิญเห็นวิวจากตรง ฮอดรีสอร์ท สวยทีเดียว เหมือนรูปวิวต่างประเทศเลย แต่ก็ขับเลยไปจนไปจอดตรงนี้เก็บรูปไว้หน่อย หากมีโอกาศหน้า อยากมานอนที่ ฮอดรีสอร์ทจังวิวข้างล่างนี้สวยสู้ตรงรีสอร์ทไม่ได้น่ะ


และแล้วก็มาถึง อช.ออบหลวง สักที

เดินออกกำลังกายสัก 300 m.ละกันเน้อ

ถึงป้ายชมวิวออบหลวงอยู่ข้างหน้า

เดินไปยืนตรงสะพานกันหน่อย


ถึงแว้ว.....เสียวนะ


วิวเบื้องล่าง


มีดินแดนมนุษย์โบราณด้วย แต่ว่ามันเย็นมากแล้วเรากลัวว่ามันจะไกลเลยไม่กล้าเดินขึ้นไปดู สงสัยต้องรอโอกาสหน้า

กลับมาตรงที่ๆเราจอดรถไว้ อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ

ก่อนออกจากออบหลวง หมาเจ้าถิ่นเข้ามาหาเลยให้ขนมกินซะเลย

ออกเดินทางต่อ ผ่านทิวสนเลยลงไปถ่ายรูปจึงรู้ว่านี่คือ สวนสนบ่อแก้ว

ตอนแรกกะไปพักที่ สวนป่าแม่แจ่ม แต่ไม่กล้ากลัวรถวิ่งไม่ไหว เพราะถ้าพักที่นั่น วันรุ่งขึ้นต้องใช้เส้นแม่แจ่มเข้าขุนยวมอีก เลยตัดใจเข้าพักที่แม่สะเรียงดีกว่า รีบบึ่งเข้าที่แม่สะเรียงให้เร็วที่สุดเพราะมืดและทางก็เปลี่ยวมากด้วย ซึ่งระหว่างทางก็ต้องคอยโทรเช็คห้องพักที่แม่สะเรียงอยู่เรื่อยๆว่ามีมั๊ย?ราคาเท่าไหร่?
และแล้วเราก็มาถึงแม่สะเรียงตอน 19:30 น.แวะหาข้าวกินก่อนที่ร้าน ธนโภชนา

ต้มยำปลาจากแม่น้ำสาละวิน อร่อยดี กินง่ายไม่มีก้างฝอย

จากการสอบถามพนักงานในร้าน เค้าแนะนำโรงแรมไม่แพงมาแห่งหนึ่ง เอาวะ เหนื่อยแล้ว นอนถูกๆนี่ล่ะ เราจึงได้พักที่ โรงแรมมิตรอารีย์ ห้องแอร์ในราคา 400 บาท สภาพห้องสมราคา พออยู่ได้ครับ

22 Feb 2008
ตื่นเช้ามาสดชื่นจัง ปิดแอร์เพราะอากาศเย็นมากๆ ภายนอกนี่อย่างเย็นเลยอ่ะ เรากินขนมปังที่ซื้อเตรียมไว้เมื่อวานเป็นอาหารเช้ารองท้องไปก่อน กะว่าเผื่อเจออาหารอะไรในตลาดยามเช้าแล้วค่อยกินอีกที
เช้านี้เรามุ่งหน้าสู่ อช.สาละวิน ระหว่างทางเจอต้นแบบนี้เยอะเลย ดอกสวยดี ไม่รู้ต้นอะไร

ถึงแล้ว...

แต่ว่าสถานที่ท่องเที่ยวที่ทำการอุทยานมันไม่มีอะไรให้เที่ยว ต้องไปอีกไกลเลยอ่ะ งั้นงวดนี้เราคงต้องค้างไว้ก่อน เลยไปแค่ชมความร่มรื่นย์ภายในที่ทำการซึ่งมีที่พักมากมาย

ออกจาก อช.สาละวิน แวะซื้อขนมจาก seven ไปกินระหว่างทางเป็นอาหารเช้า แล้วก็เข้าเขต อ.แม่ลาน้อย แวะถ่ายรูปที่นี่กัน


แล้วก็มุ่งหน้าสู่ ถ้ำแก้วโกมล โดยเสียค่าบริการคนละ 40 บาท เป็นค่ารถสองแถวจากจุดจอดรถไปสู่ปากถ้ำและค่าไกด์ เส้นทางที่ขึ้นมาทั้งชันและแคบ...ดีแล้วอ่ะที่เค้าให้เอารถตัวเองจอดไว้ข้างล่าง

มาถึงแล้วคร้าบ


ถ้ำแก้วโกมล เป็นถ้ำน้ำแข็ง ที่มีผลึกแคลไซส์ ลักษณะคล้ายๆน้ำแข็งหนามแหลมๆในตู้เย็นค่ะ ขาวสวยดี แต่ห้ามถ่ายรูปนะคะ(กล้องก็ห้ามเอาเข้าถ้ำ ต้องฝากไว้ข้างนอก) เพราะว่าแสงแฟลชจากกล้องเป็นตัวการทำให้ผลึกนั้นดำลงไปเลย และแสงไฟจากสปอร์ตไลท์ในถ้ำและอากาศจากภายนอกที่เข้าไปในถ้ำก็เป็นตัวการทำให้ผลึกคล้ำลงไป ห้องล่างๆของถ้ำยังมีผลึกงอกออกมาใหม่ สวยกว่าห้องบนๆจ้ะ ดังนั้นถ่ายรูปได้แค่หน้าถ้ำเท่านั้น แต่เค้าก็มี CD รูปภายในถ้ำขายด้วยนะ

ออกจากถ้าแก้วโกมล แม้ว่าจะหิวแค่ไหนแต่ก็หาร้านที่อยากนั่งกินไม่ได้เลยมุ่งหน้าสู่ขุนยวมเลยดีกว่า

และแล้วก็มาตายรังที่ seven อีกแล้ว ณ ปั๊ม ปตท.ที่ขุนยวม เนื่องจากรู้สึกว่ากินแล้วคงปลอดภัยกว่า

แล้วเราก็มาถึงรีสอร์ท ที่จุดประกายทริปนี้ขึ้นมา Fern Resort หรือ เฟิร์นริมธารรีสอร์ท ตามไปดูรีวิวได้ที่นี่จ้ะ

หลังจาก check in เรียบร้อย นั่งพักแป๊บเดียว เราก็กะว่าจะไปเดินป่าสักหน่อย โดยมีไกด์นำทางเป็นน้องหมาพวกนี้ล่ะ แสนรู้มากพอเจ้าหน้าที่บอกว่า "ไปเดินป่า" มันก็วิ่งนำหน้าไปหลังรีสอร์ททันที

ประสบการณ์เดินป่าครั้งแรกกับไกด์4ขา

พวกเราไม่ได้ดูแผนที่เลย เพราะตื่นเต้นกับไกด์หน้าใหม่ ตามไกด์ตลอด

เส้นทางเดินป่าวันนี้อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์

พนักงานที่รีสอร์ทบอกว่าเดินออกจากหลังรีสอร์ทไป 200 เมตรก็จะถึงจุดตรวจเข้าหน่วยพิทักษ์ อช.น้ำตกแม่สุรินทร์ แต่ทำไม เราเดินมาตั้งไกล ทางชันด้วย 45นาทีผ่านไปทำไมไม่เจอจุดตรวจสักทีน๊า........

เมื่อเดินไปในที่ๆสูงขึ้นมือถือเราก็มีสัญญาณพอดีเลย ได้โทรสอบถามทางรีสอร์ทเลยรู้ว่ามาผิดทาง(เลี้ยวผิด
)
ลมแทบจับ เพราะเดินมาไกลมากแล้วทางชันด้วย ขาอ่อนหมดเลย

เจ้าไกด์พวกนั้น พอรู้ตัวว่าพาลูกค้ามาผิดทาง ก็รีบแจ้นกลับบ้านไม่รอลูกทัวร์เล้ย แบบว่ามีความผิดติดตัว

แต่พอกลับถึงรีสอร์ทจึงเล่าให้เจ้าหน้าที่ฟัง เค้าบอกว่า
โดยปกติแล้วเจ้าไกด์2ตัวนี้ พาลูกค้าไปจุดตรวจตรงนั้นทุกวันๆละหลายๆรอบ(จนเบื่อ) ส่วนเส้นทางที่พาเราไปวันนี้ เป็นเส้นทางไปจุดชมวิวซึ่งสูงชันกว่า พวกไกด์เองก็เคยไปกันแค่ 2-3 ครั้งเท่านั้น วันนี้มันอาจนึกคึก อยากไปเส้นที่ไม่ค่อยได้ไปกัน เลยทำพวกเราขาลากเช่นนี้
เรากลับมาดูVDOที่ถ่ายเก็บไว้เลยรู้ว่าตัวการทำหลงคือ เจ้าแพนด้า (หมาหนุ่มขนสั้น) ที่พอถึงทางแยกก็เลี้ยวไปเส้นทางที่มันอยากไปจนเราคิดว่า ทางที่ถูกคือตรงนั้นโดยไม่สนใจแผนที่แต่อย่างใด ในขณะเดียวกัน เจ้าสิงโต (หมาพี่ใหญ่ขนฟูแห่ง Fern Resort) กลับเลี้ยวไปในเส้นทางประจำแล้วนั่งรอ พวกเราเดินทางแพนด้า แต่สิงโตเดินช้าๆรั้งท้ายเหมือนกับว่า "พวกแกไปผิดทางแล้วเฟ้ย จะไปไหนกัน?" เจ้าสิงโตทิ้งห่างรั้งท้ายพวกเราเสมอ แต่เราก็ไม่เอะใจ นึกว่าเจ้าสิงโตแก่แล้วเลยเดินช้า
หลังจากนั้นก็เหนียวตัวมากเลยล้างตัวแล้วลงไปว่ายน้ำเล่นในสระว่ายน้ำ น้ำเย็นมากเลย เล่นไป ปากสั่นไป


หลังจากนั้นก็อาบน้ำ เตรียมตัวเข้าเมืองไปหาอะไรกินที่ ร้านใบเฟิร์น โดยมีรถตู้รับ-ส่ง ฟรีจากรีสอร์ทไปร้านใบเฟิร์นในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน
อาหารที่นี่อร่อยดีค่ะ แต่วันที่เราไป คนเยอะพอควรเลยอ่ะ บางอย่างก็เลยนานหน่อย

กินเสร็จก็ไปเดินถนนคนเดินแม่ฮ่องสอน บ้างดีกว่า ของน้อยกว่าที่ เชียงใหม่มากมาย

เป้าหมายของเราคืนนี้อยู่นี่จ้า อยากมาเดินชม วัดจองกลาง ยามค่ำคืนว่าสวยเหมือนในรูปที่เคยเห็นมั๊ย?

ขาตั้งกล้องเจ้ากรรมมาเสียเอาตอนนี้ รูปยามค่ำคืนก็ไม่สวยอ่ะดิ


แล้วเราก็อำลาถนนคนเดินและวัดจองกลาง กลับเข้ารีสอ์ท ในขณะเดียวกันระหว่างทางกลับยังต้องโทรศัพท์อำเพื่อนอีก และแล้วสัญญาณโทรศัพท์ก็หายหมดเมื่อเข้าใกล้เขตที่พัก ตัดขาดโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง
คืนนี้นอนหลับท่ามกลางอากาศหนาว จนทรมาน เมื่อไหร่จะเช้าสักที
23 Feb 2008
เช้านี้ตื่นมา อากาศสดชื่นและเย็นสบายอย่างเคย

เริ่มสำรวจรีสอร์ทในส่วนที่เหลือ เริ่มจากทุ่งนาและแปลงผัก
จะเห็นบ้านพักอีกแบบ ตั้งอยู่ริมทุ่งข้าว

แม้ช่วงที่เราไปเริ่มเข้าหน้าแล้ง เห็นภูเขาแห้งๆแต่อากาศยังเย็นสดชื่น


ผักสดปลูกเอง เสิร์ฟกันสดๆ

Rice Terrace เหมาะแก่การนั่งชิลล์ จิบกาแฟยามเช้า


มื้อเช้าวันนี้เป็นบุฟเฟ่ค่ะ มีหลากหลาย สลัด ผลไม้ ของหวาน ซีเรียล น้ำส้มอร่อยมาก

น้องหมาที่นี่เยอะค่ะ สะกิดกันเห็นๆ

Check out แล้วไปแวะที่ทำการ อช.น้ำตกแม่สุรินทร์ นิดนึง

มุ่งหน้าสู่ อ.ปางมะผ้า เป้าหมายคือ ถ้ำลอด ระหว่างทางก็แวะจุดชมวิวปางมะผ้า

ถึงตลาดที่ปางมะผ้า กะไปกินข้าวเที่ยง ที่สบป่องริเวอร์อินน์ แต่แม่ครัวไม่อยู่ อดเลยต้องกินอาหารตามสั่งในตลาด พอกินได้แก้หิว

ด้วยการเดินทางที่ทรหด เริ่มบ่ายแล้ว หากแวะถ้ำลอดอาจเสียเวลาอีกมาก เกรงว่าจะถึงเชียงใหม่ดึกเกินไปและเส้นทางก็ยังคงคดเคี้ยวและชัน จึงตัดสิ้นใจไม่แวะเที่ยวถ้ำ มุ่งตรงสู่ปายเลยดีกว่า แวะพักคนขับและผู้ติดตามกันที่นี่ Coffee In Love

ร้านกาแฟที่ใครๆหากมาปายไม่ควรพลาดเหมือนหลายปีก่อนที่ยังไม่มีร้านนี้ ก็มีร้าน All About Coffee ที่พวกเราก็แวะไปลองมาแล้ว

วันที่ไปตรงกับวันเสาร์คนเยอะมาก ดูแล้วน่าจะมาจาก กทม.ซะส่วนใหญ่ แต่คนขับของเรากินโกโก้ปั่นแล้วบอกว่าไม่อร่อย

หลังพักเหนื่อยและเข้าห้องน้ำเรียบร้อยก็บึ่งต่อไปห้วยน้ำดัง พอไปถึงตรงด่านเก็บเงินก็เริ่มเย็นแล้ว แถมอากาศหนาวและลมแรงมาก เกรงว่าจะไม่ทันเชียงใหม่ก่อนค่ำเลยไม่แวะขึ้นไปถ่ายรูปบนห้วยน้ำดัง ตียาวเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ทันที
แล้วเราก็ตระเวณโทรถามหาที่พักราคาหลักร้อยอยู่นาน(เนื่องจากเป็นคืนวันเสาร์) ขนาดได้ที่พักที่ เรจิน่า แล้วนะแต่ว่าไม่มีที่จอดรถ เลยมาลงเอยที่นี่ตามคำแนะนำของพี่ Jack นี่คือโรงแรมพิงค์บุรี ราคา 700 บาทรวมอาหารเช้า ห้องพักดี มีที่จอดรถปลอดภัย

รีบเก็บกระเป๋าแล้วไปหาข้าวกินดีกว่า วันนี้อยากกินขันโตก เลยได้ร้านเฮือนข้าเจ้า
อาหารตามสั่งมีอาหารพื้นเมืองด้วย แถมมีโชว์ดีๆให้ชมไม่ติดเงินเพิ่ม อาหารอร่อยมากทุกอย่างเลย ประทับใจมาก คราหน้าแวะมาอีกแน่ๆ

แวะไปเยี่ยมพี่ Jack ที่บ้านและเอาโมจิไปฝาก พูดคุยกันสักพักก็ขอตัวออกมาเดินถนนคนเดิน(วัวลาย) กันสักหน่อย...ของน้อยกว่าคืนวันอาทิตย์มากๆ

คืนนี้กลับมาถึงห้องก็เกือบเที่ยงคืน รีบอาบน้ำนอน หลับเป็นตาย
24 Feb 2008
วันนี้ไม่ได้ตั้งนาฬิกาปลุก ตื่นสายโด่ง 9 โมงเช้าเลย รีบลุกมากินข้าวก่อน
อาหารเช้าสองที่รวมในค่าห้องพักแล้ว ข้าวผัดอร่อยใช้ได้เลย

เก็บข้าวของเรียบร้อยก็ Check out ไปแวะซื้อเค้กกลับไปกินที่บ้าน ณ ร้าน Fern Forest Cafe ร้านล่าสุดที่เคยมาแล้วติดใจ

หลังจากนั้นก็แวะไปซื้อของฝากที่ตลาดวโรรส ร้านเดิมเช่นเคย
เที่ยงพอดี มุ่งหน้าสู่กรุงเทพทันที ระหว่างทางเรามีไส้อั่วร้านดังและข้าวเหนียวมะม่วงเป็นอาหารเที่ยงบนรถ เค้กจากเชียงใหม่เป็นของว่างยามบ่าย ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ 2 ทุ่มพอดีเลย

ทริปนี้ สนุกดีและประทับใจเหมือนกันไม่คิดว่าจะได้เจออากาศเย็นๆอีกเพราะกำลังเข้าหน้าร้อนแล้ว แล้วพบกันใหม่นะ แม่ฮ่องสอน...

ขอขอบคุณ
-คนขับรถและเพื่อนร่วมทาง
-ที่พักให้ซุกหัวนอน
-ร้านอาหารอร่อยๆทุกแห่งรวมทั้งseven

สนใจจองที่พักใน จ.เชียงใหม่ ตรงนี้เลยจ้ะ
สนใจจองที่พักใน จ.แม่ฮ่องสอน ตรงนี้เลยจ้ะ
สนใจจองที่พักใน จ.ตาก ตรงนี้เลยจ้ะ




 

Create Date : 01 เมษายน 2551    
Last Update : 1 สิงหาคม 2552 13:59:28 น.
Counter : 4583 Pageviews.  

เปาะแปะ ทริป ที่เชียงราย

ทริปนี้พาไปชุ่มฉ่ำท่ามกลางสายฝนกลางเดือนกันยายนกับสายการบิน12Go
14 Sep 2007
มุ่งสู่เชียงรายในเช้าวันศุกร์ มีฝนโปรยมาแต่เช้าพาใจหวั่น เพราะกรมอุตุได้ประกาศเตือนแล้วว่าฝนตกหนักระวังน้ำป่าไหลหลากทำไงได้นิ ก็จองและจ่ายเงินไปแล้ว

มาถึงสนามบินเชียงราย แดดเปรี้ยงเลย รถตู้ที่พวกเรานัดไว้ก็มารับ แล้วพาไปกินข้าวเที่ยงที่ร้านนี้ ขนมจีนน้ำเงี้ยว (ซึ่งเกิดมาไม่เคยกินเลย) เราไม่ค่อยชอบอ่ะ

เสร็จแล้วเราก็มาแวะที่ฟาร์มนกกระจอกเทศ วนาฟาร์ม


แล้วก็มุ่งหน้าไปที่พักแถวๆภูชี้ฟ้ากันค่ะ คืนนี้นอนกันที่ภูชี้ฟ้าอินน์ //www.phucheefahinn.com/

ทริปนี้มากัน 10 ชีวิต ด้านหลังคือวิวหน้าบ้านพักค่ะ เรานอน บ้านปักกิ่ง หลังใหญ่เลย มาหน้าLowแบบนี้ ราคา 1,500 บาท ต่อคืนเองนะ

พวกเราเอาข้าวของสัมภาระเก็บเข้าห้องพัก นั่งพักสักครู่กะว่าจะไปเที่ยวผาตั้งกันต่อ แต่พอบ่ายแก่ๆน้องๆชาวเขาก็มาหาพวกเรา ให้พวกเราได้ถ่ายรูปด้วยและถามว่าจะชมการแสดงมั๊ย?

น้องคิดเท่าไหร่ล่ะ? ตามแต่พี่จะให้เหรอ? งั้นก็ได้ พี่ให้คนละ 20 บาทเป็นพอ (เพราะพี่ไม่ได้เตรียมงบในส่วนนี้มาด้วยนิ)ฝนก็กำลังเริ่มตกหนัก แต่น้องก็อยากจะเต้นให้ดูเหลือเกิน ต้องไปยืนหลบฝน มองน้องเต้นกัน

มีทั้งเพลง เด็กดอยใจดี เพลงของกะลายังมีเลยน๊า เต้น3เพลงได้มั๊ง

พอฝนซา น้องๆก็กลับไปแต่มันก็เริ่มเย็นแล้ว ไปเที่ยวผาตั้งไม่ทัน พวกเราก็มานั่งกินพายของสวนจริณที่พี่โชเฟอร์ใจดีแวะซื้อมากฝากด้วย อร่อยสุดๆ

แล้วพวกเราก็ไปเดินสำรวจรอบๆรีสอร์ทกันดีกว่า ที่ตั้งของรีสอร์ทแห่งนี้เราว่าวิวดีที่สุดแล้วอยู่ด้านหน้าเลยอ่ะ แค่วิวหน้าที่พักก็กินขาดกระจุย



เจ้าโซนี่ น้องหมาประจำรีสอร์ท หล่อมากๆ อัธยาศัยดีอีกต่างหาก

อากาศหนาวมากเลย นี่ขนาดยังไม่กลางคืน ขนตั้งเลย

เย็นแล้ว พวกเราสั่งอาหารร้านอุ๋มอิ๋ม (อยู่ข้างๆรีสอร์ท) เอาไว้ตั้งแต่ตอนบ่าย เค้ามาถามถึงห้องพักเลย ขณะที่กำลังจะไปหม่ำข้าวเย็น มีแก๊งเด็กๆชาวเขามาอีกแล้วแต่คนละกรุ๊ปกัน อันนี้เด็กกว่ากลุ่มเมื่อกี๊มากมากัน4-5คน จะเต้นให้เราดูอีก แต่ไม่เอาแล้วจ้า(ตังค์จะไม่มีแล้ววุ๊ย)
ส่วนอาหารมื้อนี้ถูกและก็อร่อยใช้ได้เลยอ่ะ โดยเฉพาะผัดผักทั้งหลาย

หัวค่ำมีน้องชาวเขาที่มาเต้นให้ดูตอนบ่าย2คนเดินมาถามว่า ต้องการไกด์ขึ้นภูชี้ฟ้า? จริงๆเราก็ไม่อยากเอาหรอก แต่ถือว่าทำบุญกับเด็กๆ แถมน้องยังกำชับอีกว่าถ้ามีใครมาถามเรื่องไกด์ให้บอกว่าไม่เอาแล้วนะ รับงานพวกเค้าแค่2คนพอ
ค่ำคืนนี้หลับฝันดี(คนอื่น) แต่เราแทบไม่ได้นอนเลยเพราะรอจะจองตั๋วนกแอร์ผี3บาท หลังเที่ยงคืน ง่วงแสนง่วงแต่พอรู้ตัวว่าตั๋วผี3บาทหมด เครียดเลย นอนไม่หลับกันเลยทีนี้ ทั้งๆที่ต้องตื่นแต่ตี4ครึ่งเพื่อขึ้นไปเที่ยวบนภูชี้ฟ้าหลับๆตื่นๆ เช้ามืดฝนก็ตกหนักด้วย ทำให้เราฝันไปว่าอดขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นบนภูชี้ฟ้า ได้แต่เห็นดวงอาทิตย์กลมๆแดงๆลอยผ่านหน้าห้องพักไป.........เศร้าเลย

15 Sep 2007
เช้านี้ตื่นมารีบล้างหน้าแปรงฟัน น้องไกด์ก็มาเคาะประตูเรียกตั้งแต่ยังไม่ตี5เลยนะ แล้วพวกเราก็ขึ้นภูชี้ฟ้าเป็นกลุ่มแรกเลย มืดแล้วก็ไม่มีใคร เดินกันหนาวก็หนาว แฉะด้วยเพราะฝนเพิ่งหยุดตก


รอแล้วรอเล่าให้ฟ้าสว่าง ตอนนี้ลมแรงพัดเอาหมอกกระจายขาวไปทั่วเลย รูปนี้บนหัวสิงโต อากาศหนาวเย็นมากๆ สั่นไปตลอดทางเลย


หนาวแค่ไหน ดูนี่จิ

งานนี้ขอเหมา ภูชี้ฟ้า เลยละกันงานนี้มีแต่พวกเรา

และแล้วลมก็เบาลง ฟ้าเริ่มเปิด เห็นทะเลหมอกแล้ว เย้ๆๆๆ แถมยังมองเห็นแม่น้ำโขงและฝั่งประเทศลาวด้วย


นอกจากนี้ก็ยังเห็น ภูชิดาว ด้วยล่ะ


โฉมหน้าน้องไกด์ทั้งสองคน

และแล้วฟ้าเปิดไม่นาน ลมก็พัดมาอีก เอาทะเลหมอกหายไปเลย

พวกเราถ่ายภาพกันเยอะมาก ก็เลยเตรียมเดินลงไปตรงหัวสิงโตตัวเมีย เพื่อจะได้มองขึ้นมาเห็นภูชี้ฟ้า เหมือนในภาพถ่ายทั่วๆไปบ้าง

ทางค่อนข้างชันเอามากๆเลย พอลงมาแล้วลมก็แรงกว่าเดิมพัดหมอกกระจายขาวโพลน เห็นภูชิ้ฟ้าได้แค่นี้

รออยู่นานเลย หิวข้าวแล้วเพราะจะ8โมงแล้วอ่ะ แต่หมอกก็ปกคลุมไม่จางสักที เลยตัดสินใจกลับดีกว่า

ขนาดเดินลงมาแล้ว สายหมอกก็ยังไม่จางหาย


ลงมาข้างล่างมีร้านกาแฟเปิดอยู่หลายร้าน และร้านของที่ระลึก แต่จะขายให้พวกเรากลุ่มเดียวเนี่ยนะ (คุ้มมั๊ย?) สุดท้ายอุดหนุนเด็กๆสักหน่อย

ฝากท้องไว้ร้านเดิมเลย เช้านี้สั่งข้าวต้มและกับข้าว ข้าวต้มอร่อยดี เค็มปะแล่มๆ

กินเสร็จก็มาเดินย่อย เจอเจ้าโซนี่เลยเอาข้าวเหนียวหมูทอดของเมื่อวานมาให้มันกิน

กินเสร็จก็เดินฉุยฉาย หมอกยังไม่จางเลย 9 โมงกว่าแล้ว

หลังจากอาบน้ำและเก็บข้าวของ เตรียมอำลา ภูชี้ฟ้า

ก่อนกลับ เราก็แวะไปที่ทำการวนอุทยานภูชี้ฟ้า เพื่อประทับ Passport กัน

แล้วเราก็มาเที่ยวดอยผาหม่น อยู่ไม่ไกลจากภูชี้ฟ้าค่ะ


น่าเสียดาย ช่วงนี้ยังไม่มีดอกทิวลิปให้ได้ชมกัน มีแต่แปลงดินที่ว่างเปล่า
เดินขึ้นลงแบบนี้ เหนื่อยเอาเรื่องถึงขั้นสูดยาดมกันทีเดียว

หลังจากนั้นก็มุ่งสู่ อ.แม่จัน เพื่อทานข้าวกลางวัน ซึ่งกว่าจะได้กินก็บ่ายมากแล้ว จานนี้ผัดไทหน้าตาแปลกๆใส่กะหล่ำปลีแต่ไม่มีถั่วงอก แต่เราว่าพอทานได้นะ แต่รู้สึกลูกทัวร์ส่วนใหญ่จะไม่ถูกปาก แต่ก็กินกันเกลี้ยงไม่เหลือ(สงสัยจะหิวจัด)

ระหว่างทางเจอหมู่บ้านกิ่วสะไตเลยแวะถ่ายรูปสักหน่อย

แล้วเราก็มาถึงวัดท่าตอนเอาบ่ายแก่ๆ วิวลำน้ำกกมองจากจุดสูงสุดของวัดท่าตอน

มาถึงก็ร่วมทำบุญเขียนแผ่นทองกัน

แล้วก็เอาไปหย่อนในเจดีย์แก้ว

ต้องรีบไปแล้วล่ะเพราะคืนนี้ พวกเราต้องขึ้นไปนอนบนดอยอินทนนท์ซะด้วยสิ

ระหว่างทาง พวกเราก็แวะทานข้าวเย็นกันที่ตลาดแถวๆหางดง ถูกและอร่อยโดยเฉพาะปาท่องโก๋ สังขยา
พวกเราถึงที่พักบนดอยอินทนนท์เกือบๆ4ทุ่ม ระหว่างทางตอนขึ้นดอยได้กลิ่นดอกไม้ก็เฉยๆ ขับมาเรื่อยๆดันได้กลิ่นน้ำอบนี่สิบรื๋อส์!!!!!!
พวกเราเข้าพักกันที่บ้านพักรับรอง "ขุนกลาง" มี4ห้องนอน 4ห้องน้ำ ใหญ่ดีค่ะ มีเตียงใหญ่ๆ น้ำอุ่นใช้ได้ทีเดียว คืนนี้นอนหลับปุ๋ยเพราะเพลียค่ะ(แต่ก็ดึกอยู่ เพราะมัวแต่เม้าท์)
16 Sep 2007
ตื่นเช้ามาฝนตกหนักเลย จากที่วางแผนว่าออกไปกินข้าวเช้าที่ร้านค้า เลยต้องเปลี่ยนมากินขนมที่ซื้อมาจาก seven แทน

พอสายๆฝนก็หยุดเริ่มมีแดดแล้ว ดีจังเก็บข้าวของขึ้นรถดีกว่า ด้านหลังคือบ้านพักของพวกเราเมื่อคืน

แล้วจุดหมายแรกคือไปนมัสการพระมหาธาตุนภเมทนีดลและนภพลภูมิสิริ

ข้าวโพดอด

เอ๊า ออกกำลังขากันหน่อย


พอออกมาเดินชมวิวรอบๆ

อากาศหนาวเย็นจัง และหมอกลงจัดเลย

แล้วฝนก็เทลงมาอย่างหนักยังถ่ายรูปไม่สะใจเลย ต้องรีบวิ่งลงไปขึ้นรถตู้ แล้วก็เลยขึ้นไปบนยอดดอยไปพักหลบฝน ณ ที่ทำศูนย์บริการนักท่องเที่ยวกันก่อน

บางคนช้อปปิ้ง กินขนม เขียนโปสการ์ด รอฝนซา

ฝนเริ่มซา พวกเราก็เดินไปดูหมุดที่ระบุว่าเป็นจุดสูงสุดของประเทศไทยกันค่ะ


ฝั่งตรงข้ามศูนย์บริการนักท่องเที่ยว คือ เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา

เป็นป่าที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ป่าดึกดำบรรพ์ มีทั้งเฟิร์นและมอส เขียวสวยมากๆ



หลังจากนั้นท้องรอ้งแล้ว พวกเราก็ไปกินข้าวกันในโครงการหลวงบนดอนอินทนนท์ อร่อยดีค่ะ
จากนั้นก็แวะไปตลาดผักผลไม้ของชาวม้งกัน ลูกพลับอร่อยดี ถูกด้วยสิ

หนุ่มๆก็ได้พระและตุ๊กตาเรซิ่น ถูกกว่าถนนคนเดินอีก

แล้วเราก็ไปเที่ยวน้ำตกวชิรธารกันต่อ น้ำแรงมากกระเด็นมาไกลเลย เปียกเลยอ่ะ แถมน้ำขุ่นๆแดงๆ

ไปกันต่อดีกว่า พวกเราไปน้ำตกแม่ยะ น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดใน อช.ดอยอินทนนท์ ต้องขับรถออกจากอช.ออกมาไกลเหมือนกัน เพราะมันไม่ได้อยู่บนดอยอิน พอมาถึงก็เดินเท้าเข้าไปประมาณ 500 เมตร


เกิดมาเพิ่งเคยเห็นน้ำตกที่สวยและใหญ่ขนาดนี้เป็นครั้งแรก ประทับใจจริงๆ

เริ่มเย็นแล้ว ต้องทำเวลากันหน่อย พวกเราก็กลับเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ มากินข้าวเย็นกัน วันนี้เรามากินกันที่ร้าน "ท่าน้ำ" ร้านอาหารและเกสต์เฮ้าส์ที่ตกแต่งแบบบ้านโบราณๆหน่อย บรรยากาศยามโพล้เพล้ที่ได้อารมณ์เหลือเกิน บรื๋อส์!!!
นอกจากบรรยากาศของร้านจะวังเวงแล้ว เพื่อนที่อยู่วิทยุการบินโทรมาบอกว่าเครื่องบิน12Go ตกที่ภูเก็ต มีคนตายด้วย เอาล่ะสิเพราะเย็นนี้จะมีเพื่อน3คน บินกลับกรุงเทพกันก่อน ใจแป้วเลยทั้งคนที่กำลังจะกลับและคนที่ยังไม่ได้กลับ

หลังจากอิ่มอร่อยกับอาหารที่ร้านนี้ พวกเราก็ไปส่งเพื่อนที่สนามบิน แล้วก็เข้าไป Check in ที่ Coffee Houseกันจ้ะ บ้านพักน่ารักมาก ห้องเรามีครัวด้วย ชอบจังเลยแค่ 600 บาทเอง เสร็จแล้วพวกเราก็ไปเดินถนนคนเดินกันต่อเลย

ของถูกๆน่ารักๆเยอะแยะเลยอ่ะ อยากได้ไปหมด

เจอร้านกาแฟนี้ ขอแวะชิมสักหน่อยซิ ก็รสชาดพอกินได้อ่ะ แต่หน้าคนขายหงิกเชียว

เดินกันจนเมื่อยเลย เดินจนเข้าเก็บของ เลยแวะนวดเท้ากันก่อนกลับ

กลับถึงที่พักก็อาบน้ำ นอนดีกว่า ระหว่างนั้นก็ดูข่าวอุบัติเหตุจาก12Goไปพลางๆ
17 Sep 2007
ตื่นเช้ามาเสียงฝนตกอีกแล้ว เฮ้อแต่งตัวแล้วออกไปกินข้าวดีกว่า พี่เอ๋เจ้าของบ้านกาแฟ อาสาขับรถพาไปส่งที่ร้านข้าวใกล้ๆวัดพระสิงห์ด้วย

เช้านี้กินข้าวมันไก่ค่ะ ร้านนี้อร่อยดี ไม่แพงค่ะ พี่เอ๋เค้าแนะนำไม่ผิดหวังเลย


อิ่มแล้ว ดันปวดหนักกันเลยกลับที่พักไปทำธุระกันก่อนภาพนี้เป็นห้องนั่งเล่นค่ะ เหมือนอยู่บ้านเลย

แล้วก็นั่งรถมาที่วัดพระสิงห์ สวยจัง


แดดแรง ร้อนมากค่ะ พวกเราก็ไปช้อปของฝากกันที่กาดหลวง
ซื้อหมูยอวันเพ็ญและแคบหมู เจ้าอร่อยที่มาซื้อเมื่อปีที่แล้ว ปีนี้ก็กลับมาอุดหนุนคุณลุงใจดีเช่นเคย ให้ชิมหมูยอ2ท่อนจนอิ่มไม่ต้องกินข้าวเลย ก่อนกลับยังแถมหมูยอและแคบหมูน้ำพริกหนุ่มมาให้กินอีก
หิ้วของพะรุงพะรังมากินเค้กกันที่นี่


อร่อยทุกอย่างเลย อ้วนๆๆๆๆๆ และซื้อเค้กฝากเพื่อนที่กลับก่อนด้วย

ระหว่างนั้นก็กลับมานั่งเล่นอยู่ที่บ้านกาแฟ รอเวลาไปสนามบิน
แต่มีลูกทัวร์คนนึงกลับไฟลท์ก่อนพวกเรา พี่เอ๋ก็เลยไปส่งเพื่อน พวกเราก็ติดรถไปลงร้านนวด เพราะมีเพื่อนขี้เมื่อยอยากนวดตัวกัน

พอนวดเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาต้องไปCheck in ที่สนามบินแล้วล่ะ ปรากฏว่า 12Go เกิด Delayไป1ชั่วโมง พวกเราเลยไปนั่งกินข้าวกันที่ห้องอาหารการบินไทย

ของเราขอกะเพราเนื้ออร่อยจัง ไข่ดาวเนี่ย ไข่แดงโดนเจาะหายไปแล้ว

ในที่สุด 12Go ก็ Delayไป1:30 ชม. แต่ไม่เป็นไร ขอช้าแต่ชัวร์ละกันเน้อ ระหว่างทางเกิดเจอสภาพอากศแปรปรวนหลายครั้ง เครื่องโคลงไปมา เสียวจริงๆเลย พอมาถึงดอนเมืองฝนก็เพิ่งเริ่มตกเลย ดีที่กลับบ้านกันอย่างปลอดภัยกันทุกคน

จบทริปนี้ พวกเราได้ความสุข สนุกสนาน ราคาประหยัด 3คืน4วัน กับค่าใช่จ่าย 4,000 บาท/คน ถือว่าถูกกว่าไปเที่ยวช่วงหน้า High เสียอีก ชักติดใจแล้วสิ

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ
-ลูกทัวร์ทุกท่าน ไม่มีพวกคุณก็ไม่เกิดทริปนี้
-พี่แจ็ค โชเฟอร์รถตู้ที่พาพวกเราเที่ยวมา3รอบแล้ว ปลอดภัยไร้กังวล
-ลุงเจ้าของร้านวันเพ็ญ ให้พวกเราอิ่มมื้อเที่ยงกับหมูยอและแคบหมู
-พี่เอ๋ แห่งบ้านกาแฟ พาพวกเรากินข้าวและส่งกลับสนามบิน บริการประทับใจไม่ลืมเลย
-สายการบิน12Go สายการบินราคาประหยัด นำพวกเราเที่ยวเหนือครั้งนี้ในราคาถูกและปลอดภัย(แม้จะมีข่าวร้ายๆที่ภูเก็ตก็ตาม)


สนใจจองที่พักใน จ.เชียงใหม่ ตรงนี้เลยจ้ะ
สนใจจองที่พักใน จ.เชียงราย ตรงนี้เลยจ้ะ




 

Create Date : 19 กันยายน 2550    
Last Update : 31 กรกฎาคม 2552 23:23:49 น.
Counter : 2535 Pageviews.  

วันพ่อกับทริป แม่ฮ่องสอน-พืชสวนโลก

เอาอีกแล้วงวดที่แล้วหนีแม่ไปเชียงใหม่-เชียงราย งวดนี้ ชวนลูกทัวร์หนีพ่อไปเที่ยวกันถึงแม่ฮ่องสอนเลย
ทริปนี้มาเที่ยวนานที่สุดเท่าที่เคยมากัน ทำให้บางคนบ่นคิดถึงบ้านด้วยเอ...คิดถึงเพราะมานานไปรึว่ามีเรื่องอื่นกันแน่
1 Dec 2006
พวกเราออกเดินทางคืนวันที่ 1 ธ.ค. 49 ด้วยรถทัวร์จากหมอชิต เราใช้บริการสมบัติทัวร์จ้ะ ก็โอเคนะ
2 Dec 2006
มาถึงเชียงใหม่ก็เกือบๆ8โมงได้ อากาศเย็นๆที่เชียงใหม่ ต้อนรับพวกเราทันที พวกเราเช่ารถตู้กันค่ะ พี่คนขับใจดีพาพวกเราไปอาบน้ำที่บ้าน และต้อนรับมื้อเช้าด้วยอาหารเหนือๆ ไส้อั่ว หมูทอด ลูกชิ้นทอด แคบหมู น้ำพริกหนุ่ม เครื่องดื่มร้อนๆทั้งกาแฟและโอวัลติน
วันนี้วันเกิดพอดีเลย ได้กินบลูเบอร์รี่ชีสเค้ก จาก Love @ First Bite ด้วยอ่ะอร่อยมั่กๆ

หลังจากลูกทัวร์ทุกท่านอาบน้ำอาบท่ากันเรียบร้อย อิ่มแปร้แล้วก็ออกเดินทางมุ่งสู่ ดอยแม่อูคอ เป้าหมายแรกของวันนี้ โดยไปทางแม่แจ่ม เส้นทางคดเคี้ยว พาลทำให้เวียนหัว ระหว่างทางแวะทานมื้อกลางวันร้านข้างทางแห่งนึง ถูกดี รสชาดพอใช้จ้ะ

หลังจากผ่านโค้งไม่รู้เท่าไหร่นับรอยครับ พวกเราก็มาถึงทุ่งดอกบัวตอง ณ ดอยแม่อูคอ ประมาณเกือบ 5 โมงเย็นเห็นจะได้

จอดรถไว้ข้างล่างแล้วเดินขึ้นไปบนยอดดอยกัน

เหลืองอร่ามทั้งเขา

เดินขึ้นมาถึงยอดดอยแล้ว ลมเย็นดีจิง

วิวทิวเขาสลับซับซ้อนที่พวกเรานั่งรถผ่านมา สวยจิงๆ

หลังจากถ่ายรูปกันพอแล้ว รีบกลับดีกว่า เพราะคืนนี้เราต้องขึ้นไปนอนที่ปางอุ๋งกัน เด๋วจะดึกมากไป

มาถึงปางอุ๋ง 3 ทุ่มพอดี ตอนนั้นสั่นแหง็กๆเลยเพราะ 13 องศา คืนนี้เรานอนที่บ้านลุงปาละ เค้าก็หุงข้าว ทำกับข้าวกันร้อนๆใหม่ๆเลย เมนูสุขภาพทั้งนั้น

อิ่มแล้วก็เข้าที่พัก อาบน้ำกัน สุดยอด อาบตอน5ทุ่ม น้ำเย็นมาก เหมือนเอาน้ำแข็งใส่ลงในน้ำเย็น (ที่นี่ไม่มีไฟฟ้านะ จุดเทียนเอา ได้บรรยากาศจิงๆ) ในภาพอาจดูรกๆหน่อยนะ เราเลือกพักแบบมีทั้งอาหารเช้า-เย็น คิดรายหัวๆละ 350 บาทจ้ะ พวกเรานอนเรือนหลังใหญ่เพิ่งสร้างใหม่ มี2ห้องน้ำจ้ะ (แต่ถ้าไม่เอาอาหาร ก็หัวละ 100 บาทเท่านั้น)
สนใจติดต่อ ลุงปาละ 053-070589,083-5716668

3 Dec 2006
ตื่นตอนเช้า รีบล้างหน้าล้างตาไปชมอ่างเก็บน้ำ ปางอุ๋งกันเถอะ อันนี้ภาพบ้านพักของพวกเรา วิวด้านหลังก็สวยดี

ศาลานี้ไว้ชมวิว และนั่งทานข้าวเช้า

และแล้วสิ่งที่เราดั้นด้นมาเยือนก็สวยสมใจเห็นไอหมอกบนผิวน้ำมั๊ย


แสงแดดยามเช้าสาดส่อง สวยเยี่ยมไปเลย เวลาประมาณ 7 โมงเช้า


ศาลานั้นคือเป้าหมายของใครหลายๆคน

ระหว่างทางที่เดินไป แหม ยอดจิงๆ

เห็นทิวสนด้านหลังคือจุดแรกที่เราเดินมา

พลาดไม่ได้หรอก ท่านี้

ถึงแล้วศาลาริมน้ำ สัญลักษณ์ของที่นี่

มีแพใหญ่อีกด้วย


กลับมาทานอาหารเช้ากัน เป็นข้าวต้มไก่เติมไม่อั้น รวมทั้งโอวัลตินและกาแฟสดค่ะ หอมมากๆ

เช้านี้ไม่อาบน้ำ เพราะกะว่าจะไปอาบน้ำอุ่นๆที่ภูโคลนแทน ระหว่างทางพวกเราจะแวะไปพระตำหนักปางตองกัน ณ ทางเข้าแวะสักการะ ศาลมหาราชกันก่อน

ถึงแล้วคร้าบ ที่นี่มีสัตว์ป่าหายากเลี้ยงไว้เยอะ เป้าหมายวันนี้คือ ฝูงแกะ

ตบมือเรียกมันก็รีบเดินมาเป็นฝูงเลย อยู่ไกลแค่ไหนก็วิ่งมา แต่พอมาแล้วไม่มีไรให้กิน มันก็ร้องด่า แล้วเดินกลับกันไป เลยตบมือเรียกใหม่ มันก็มาอีก (เจ็บไม่รู้จักจำ) ครานี้เดือดร้อน วิ่งไปหาหญ้าสดมาให้กิน สงสารมัน หลอกมันให้วิ่งมาตั้ง 2 รอบ

นอกจากนี้ยังมีลูกแกะ ขาวจั๊วน่าเจี๊ยะ ให้เราป้อนนม ป้อนหญ้าด้านนอกด้วย


อำลาฝูงแกะที่ปางตอง ระหว่างทางแวะชมน้ำตกผาเสื่อ

ถึงแล้วคร้าบภูโคลน วันนี้พวกเราแวะอาบน้ำกันที่นี่
เห็นว่าพอกหน้าแล้วดี แก้ปัญหาสิวและหน้ามันด้วยพวกแล้วสิวเสี้ยนโผล่ออกมาให้บีบกันมันมือเลย พอกหน้า 60 บาทจ้ะ


ไม่ใช่แค่คุณผู้หญิงที่รักสวยรักงาม หนุ่มๆก็เอาด้วยแถมไปนวดแผนโบราณรอหน้าแห้งอีกต่างหาก

หน้าแห้งแล้วก็ไปล้างหน้า เค้ามีน้ำแร่พ่นหน้าให้ด้วย
แต่สาวๆขอไปแช่น้ำแร่ต่อที่บ่อรวมได้บรรยากาศกว่าแช่น้ำแร่ในห้องเดี่ยวๆเพียงคนละ 50 บาท มีเสื้อผ้าให้เปลี่ยนพร้อมเลย

หลังจากสบายตัวแล้ว จะบ่าย 2 หิวไส้แทบขาดมากินข้าวกลางวันที่ตัวเมืองแม่ฮ่องสอนกัน ร้านป้าติ๋ม (จำชื่อไม่ค่อยได้) อร่อยดี ราคาถูก จานเด็ด ปลาน้ำปายทอดกระเทียม

อิ่มแล้ว ก็แวะไปเอาใบประกาศนียบัตรรับรองว่าได้มาแม่ฮ่องสอนน่ะ
จากนั้นแวะนมัสการพระธาตุดอยกองมูกัน

เดินวน3รอบแล้วเอาไปไหว้พระประจำวันเกิดของตัวเอง

มองลงมาจากวัด จะเห็นตัวเมืองแม่ฮ่องสอนกลางหุบเขา สวยงามจัง

ต้องรีบไปแล้วล่ะ นี่ก็บ่าย 3 แล้วยังไม่ออกจากแม่ฮ่องสอนกันเลย ระหว่างทางแวะปั๊มสมุดอุทยานแห่งชาติที่ถ้ำปลาค่ะ

และแล้วก็มาถึงปายก่อน 2 ทุ่ม พวกเราฝากท้องกันกับข้าวซอยที่ร้านดัง น้องเบียร์

ทานเสร็จเราก็เดินถนนคนเดินของที่ปายสักชั่วโมงแล้วก็รีบกลับค่ะ เพราะไม่งั้นเข้าที่พักดึกแหงๆ
พอมาถึงที่พักก็ 3 ทุ่มกว่าๆแล้ว รถไปไม่ถึงค่ะ ต้องเดินข้าวคันนาและน้ำปายอีกทีแบบมืดๆ

คืนนี้เรานอนที่ บ้านน้ำปายค่ะ //www.baannampai.com/ บ้านพักสวยดีค่ะ กลางคืนก็โรแมนซ์แบบนี้ เราจองบ้านแฝดมีระเบียงติดกัน หลังๆละ 1,800 บาท extra bed 500 บาท/คน

นอนหลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์ อากาศหนาวๆกำลังสบายๆ
4 Dec 2006
รีบตื่นกันตอน 7 โมงกว่าๆ ไปซึมซับบรรยากาศยามเช้ากัน
นี่ก็ระเบียงหน้าห้องพัก

แม่น้ำปายไหลผ่านข้างๆบ้านเลย

วิวจากหน้าบ้าน

มีฝายอยู่หน้าที่พักเลย

หันมองไปทางที่พวกเราเดินมาเมื่อคืน


สะพานข้ามแม่น้ำปายที่รีสอร์ท

บรรยากาศยามเช้ามีหมอกจางๆ

ได้เวลากินข้าวเช้ากันแล้ว เป็น set ค่ะ เลือเอาเองจะเอาข้าวต้มทะเลหรือ ABF (เติมบ่ได้) มีกาแฟโอวัลตินบริการ

อิ่มแล้วมานอนเอกเขนกริมน้ำดีกว่า

สายมากแล้ว แต่น้ำเย็นเหมือนน้ำในตู้เย็นเลยว่าจะเล่นน้ำเลยไม่เสี่ยง


หลังจากอาบน้ำก็เก็บข้าวของ อำลาที่พักแสนสวยและสงบอย่างบ้านน้ำปาย

เช้านี้เราไปไหว้พระและทำสังฆทาน ที่วัดน้ำฮูกันค่ะ
วัดนี้มีสิ่งมหัศจรรย์ เนื่องจากจะมีน้ำไหลซึมมาอยู่ในเศียรพระด้วยค่ะ ไม่มีที่มาว่าน้ำมาจากไหน ทางวัดนำน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์นี้มาให้พุทธศาสนิกชนได้ดื่มและปะพรมเพื่อความเป็นสิริมงคลค่ะ

จากนั้นท้องร้องแล้ว ข้าวต้มเอาไม่อยู่ เราจะไปกินอาหารจีนยูนนานกันที่บ้านสันติชลค่ะ

เนื่องจากเป็นเที่ยงของวันหยุดยาว คนแน่นมากๆ ลุกค้าต้องเอาอาหารยกเสิร์ฟเอง คิวยาวมาก แต่อาหารที่วางโต๊ะอื่นๆก็ดูน่ากิน ที่นั่งก็ไม่มี เลยต้องจำใจอำลา ไปหาข้าวกินในตัวเมืองปายแทน
แล้วพวกเราก็แบกท้องมาฝากกันที่ ร้านบ้านปาย
ของเราขออันนี้เลย ข้าวผัดบ้านปาย อร่อยดี เป็นข้าวผัดสับปะรดโปะด้วยไก่ทอด

เนื่องจากรอ check in กับที่พักอีกแห่ง เลยไปนั่งจิบกาแฟและละเลียดไขมันเข้าปากซะหน่อยที่ All about Coffee ร้านดังเมืองปาย

อร่อยสุดๆแล้ว อันนี้ บีน๊อฟฟี่ ปาย

ปายยามบ่ายก็มีอารายๆได้เดินดูนะ

โปสการ์ดก็ต้องร้าน มิตรไทย จ้ะ

ได้เวลาเข้า check in ที่ ปายวัลเล่ย์ รีสอร์ท แล้วจ้ะ
พวกเราเลือกพักบ้านหลังใหญ่ มี 2 ชั้น ชั้นบน(อากาศร้อน)และใต้ดิน(อากาศเย็นอย่างแตกต่าง) นอกจากนี้มีชั้นใต้หลังคาด้วยนะ มี 3 ห้องน้ำจ้ะ และ 1 ห้องรับแขก และโซนครัวด้วย ราคา 3,500 บาท/คืน นอนได้ถึง 30 คนเชียวนะ เบอร์ติดต่อ 089-4324015

วิวขุนเขาที่มองจากระเบียงหลังบ้านพักค่ะ

เย็นๆหน่อยก็ออกจากที่พัก มาเที่ยวสะพานประวัติศาสตร์ของปายกันค่ะ

จากนั้นเราก็ไปจุดชมวิวเมืองปาย ที่วัดพระธาตุแม่เย็น

เบื้องหลังคือเมืองปาย

มื้อเย็นเรากลับมาเพื่อจะทานขาหมู-หมั่นโถว ที่เดิมเมื่อตอนกลางวันอีกครั้ง ครานี้สมใจล่ะ คนก็ไม่ค่อยมีแล้ว

พระเอกมาแว้ว ขาหมูที่นี่ เราว่าอร่อยสู้ที่ดอยแม่สลองบ่ได้เด้อ

เรากลับมาเดินถนนคนเดินในปายเป็นคืนที่ 2

น้ำสมุนไพรร้อนๆใส่กระบอกไม้ไผ่

คืนนี้ก็เดินเก็บตกจากคืนแรกแล้วก็กลับรีสอร์ท
5 Dec 2006
เช้านี้ พวกเราตื่นกันตั้งแต่ตี 4 ค่ะ แล้วออกจากที่พักราวตี 4ครึ่ง มุ่งสู่ห้วยน้ำดัง เพื่อชมทะเลหมอกค่ะ
ใช้เวลาเกือบๆชั่วโมงครึ่งก็มาถึงแล้ว ยังไม่สว่างค่ะ มืดมากๆ ลมพัดอีก หนาวสุดๆ 13 องศาอีกแล้ว พวกเราก็รอจนกว่าจะสว่างค่ะ

หมอกเต็มไปหมดเลย

ทัศนวิสัยไม่เอื้อ เห็นเต็มที่แค่นั้น

แค่ป้ายก็ต้องแย่งกันถ่ายรูป คนเยอะจิงๆ


ต้องอำลาห้วยน้ำดังด้วยฟามผิดหวัง เพราะไม่เห็นไรเลย แต่ระหว่างทางไปโป่งเดือด ฟ้าเปิดพอดี เราเลยแวะชมทะเลหมอกกันข้างทาง


เป้าหมายต่อไปคือโป่งเดือด พวกเราจะไปอาบน้ำแร่และทานอาหารเช้าที่นั่น
หลังมีข้าวต้มกลั้วท้องนิดหน่อยก็ไปแช่น้ำแร่กัน

หลังจากแช่น้ำแร่ก็สบายตัวกันแล้ว อาจมีบางคนแช่แล้วหน้ามืดก็เป็นได้พวกเราก็เป็น Gang เสื้อเหลือง มุ่งสู่งานพืชสวนโลกทันที

มาฝากท้องมื้อเที่ยงที่ฟ่อนคำรีสอร์ท จ.เชียงใหม่

เมนูเด่นก็ปลาทูโทน แล้วก็เจ้านี่ ขาหมูทอด อร่อยจิงๆ

สัญลักษณ์ของที่นี่คือกระต่าย ที่นี่เลี้ยงไว้ 30 กว่าตัว ปล่อยให้วิ่งเล่นทั่วรีสอร์ท เหมาะกับคนรักสัตว์

แล้วพวกเราก็มาถึงงานพืชสวนโลกตอนบ่าย 3 ร้อนมั่กๆ

ดอกไม้นานาชนิดอวดโฉมรอพวกเราไปชม

ถังขยะ น่ารักดี

ณ สวนแอฟริกาใต้ รูปปั้นตลกดี

ตุ๊กตาแกะสลักของซูดาน

ณ สวนโมร็อคโค

อุโมงค์ต้นไม้ของเบลเยี่ยม

กังหันกับทุ่งทิวลิป ใต้ผ้าใบนั่น น่าผิดหวังนึกว่าทุ่งใหญ่


ขอย้อนวัยหน่อยเถอะ

จุดเด่นของงานนี้ก็ต้องหอคำหลวง สวยงามจิงๆ

เมื่อยแล้วอ่ะ เดินไม่ถึง 1ใน3 ของงานเลยอ่ะ ขอนั่งพักก่อนนะ

พักเหนื่อยแล้วก็มีแรงต่อ ไปเดินที่สวนไทยบ้าง

ยามเย็น นั่งชมการแสดงแสงสีเสียง ณ หอคำหลวง

หลังการแสดงจบ ก็ร่วมจุดเทียนชัย ถวายพระพรกัน (เตรียมมาเองด้วย)

ไปยืมชมการแสดงม่านน้ำอันแสนประทับใจ

เดินกลับไปดูขบวนพาเหรดกัน

ทางเดินยามค่ำคืนสวยงามแท้

พวกเราออกจากงานก็เกือบ3ทุ่มแล้ว เลยรีบไป check in เข้าที่พักก่อนที่ บ้านเวียง เกสต์เฮ้าส์ //www.banwiang-guesthouse.com ที่นี่สะอาด ราคาไม่แพง 450 บาท/คืน ห้องพัดลม นอนได้ 2-3 คน
หลังขนของเสร็จพวกเราก็ไปหาข้าวเย็นกินกันที่ เฮือนโบราณ อร่อยดี ไม่แพงด้วย โดยเฉพาะ ไก่เฮือนโบราณ จากนั้นก็กลับที่พัก นอนอุตุกันสบายไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ
6 Dec 2006
เช้านี้ตื่นมาแต่เช้า ออกไปหาโจ๊กอร่อยกินกัน ก็ต้องโจ๊กสมเพชร อยู่ไม่ไกลจากที่พักเลยเดินกันไป อร่อยจิงๆสมกับที่ออกแรงเดิน หลังจากนั้นก็โบก2แถว ไปช้อปของฝากที่ตลาดวโรรสกัน หิ้วของพะรุงพะรังกลับมาทั้งแคบหมู หมุยอ ข้าวซอยตัด และสารพัดเห็ด พวกเรายังซื้อหมูยอ และซี่โครงหมูทอด พร้อมข้าวเหนียวจากตลาดมากินเป็นอาหารเที่ยงด้วย อร่อยมากๆ
แล้วก็รีบ check out จากที่พัก มุ่งสู่สนามบินเชียงใหม่ ด้วยสายการบิน 1-2 Go และถึง กทม.โดยสวัสดิภาพ Happy กันถ้วนหน้าหมดไปคนละ 6,000 บาท


ขอขอบคุณ
-ลูกทัวร์ทุกท่านที่ทำให้เกิดทริปนี้ขึ้นมาได้ ดีใจจิงๆที่มีพวกคุณร่วมทริป
-คุณพี่พลขับรถตู้ของพวกเรา ฝ่าโค้งมาหลายพันโค้งอย่างปลอดภัยไร้กังวัล มืออาชีพจิงยกนิ้วให้เลย อีกอย่างครับสำหรับที่อาบน้ำและการต้อนรับอย่างอบอุ่น
-ขอบคุณเจ้าที่ทุกที่ ที่คอยคุ้มครองให้พวกเราได้นอนหลับสบายทุกที่ (แม้บางคนจะรู้สึกสยองและหวิวๆก็เถอะ)

Review จนจบแล้ว ไม่เห็นจะเล่าเรื่องสยองไรเลย ไม่รู้ว่าเล่าไปแล้วจะทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยวมั๊ย? เอาเป็นว่าขอดูกระแสก่อนแล้วกันนะ ว่ามีคนสนใจแค่ไหน เด๋วจะเปิดห้องสยองให้อีกห้องเลย อิๆๆๆ

สนใจจองที่พักใน จ.เชียงใหม่ ตรงนี้เลยจ้ะ
สนใจจองที่พักใน จ.แม่ฮ่องสอน ตรงนี้เลยจ้ะ




 

Create Date : 10 ธันวาคม 2549    
Last Update : 14 สิงหาคม 2552 9:58:10 น.
Counter : 1620 Pageviews.  

วันแม่กับทริปเชียงใหม่-เชียงราย

แม้จะเป็นวันแม่แต่ไม่ได้พาแม่ไปเที่ยวกลับไปเที่ยวซะเอง การเดินทางของพวกเราครั้งนี้เริ่มจากสนามบินดอนเมืองด้วย Orient Thai Airline ค่ะ แต่เครื่อง delay ตามเคย ก็งี๊ล่ะ low cost airline พวกเราไปวันที่ 11-14 สิงหาคม2548 รอบ 19.15 แต่เครื่องออกจิงๆก็โน่นเลยค่ะ 22.30 น. นั่งรอ นอนรอจนน้ำลายยืดเลย แต่ทุกคนก็ยังยิ้มได้นะฮ้า

คณะเราเข้าพักที่ MK Guest House
Tel 081-6033083, 089-1911209, 089-1911432
ห้องใหญ่ดี สะอาด มี2 เตียง King size 2 ห้องน้ำ นอน6คนสบายๆเลยล่ะ 600 บาท/คืน/6 คน

เนื่องจากออกจาก กทม.ดึกดื่น กว่าจะมาถึงเชียงใหม่ก็เที่ยงคืนแล้วล่ะ กว่าจะได้นอน ก็มัวแต่นั่งคุยกัน สภาพก็อย่างที่เห็น

พวกเราเช่ารถตู้ค่ะ พี่เค้ามารับแต่เช้าบอกว่าจะไปกินโจ๊กอร่อยที่สุดในเชียงใหม่ ร้านนี้เลยค่ะ โจ๊กสมเพชร

หลังจากเอร็ดอร่อยกับโจ๊กและติ่มซำ ก็รีบเดินทางมุ่งสู่ปางช้างแม่แตง จุดหมายเที่ยวแห่งแรกของพวกเราค่ะ จะมีการแสดงเริ่ม 10 โมงเช้าค่ะ ต้องไปให้ทัน เราซื้อ package ค่ะ คนละ 800 บาท ประกอบไปด้วย ชมโชว์ช้างแสนรู้ นั่งช้าง ขี่เกวียน บุฟเฟ่อาหารกลางวัน ล่องแพไม้ไผ่ คนไทย 800 บาทแต่ ต่างชาติ 1200 บาท/คนค่ะ

ส่วนใหญ่ นักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งนั้นเลยค่ะ เราเลยแฝงกายเป็นต่างชาติเช่นกัน หุๆๆๆ

ระหว่างรอขี่ช้าง พวกเราก็ให้อาหารช้างกันหน่อย เติมพลังให้พวกมันก่อนพาพวกเราออกเดินทาง

ตอนที่ไปไม่มีแดดเลยค่ะ ไม่ร้อน อากาศเย็นสบายค่ะ

จบทริปขี่ช้าง แล้วล่ะ เบ็ดเสร็จก็ประมาณ 45 นาทีเห็นจะได้นะคะ

ต่อมาก็นั่งเกวียนค่ะ เพื่อจะกลับไปโรงอาหาร

เมื่อไปถึงโรงอาหารก็มีอาหารหลากหลายเลยค่ะ ทั้งข้าว ก๋วยเตี๋ยว สลัด ผลไม้ เยอะแยะ กินอิ่มเลย อร่อยทุกอย่างค่ะ ตอนแรกคิดว่าพอกินได้เสียอีก คุ้มค่ะ ปล.มิได้ถ่ายรูปอาหารมาเพราะมัวแต่หิวค่ะ

จากนั้นเราก็เตรียมไปลองแพ ฝนตกปรอยๆ พวกเราไม่หวั่นค่ะ เค้าบอกว่าไปได้ ไปก็ไปวะ กางร่มกันเลยค่ะ เห็นมีหมวกเจ๊กให้ใส่ด้วยนะ แต่ลืมขอเค้าอ่ะ


ล่องมาเรื่อยๆเลยค่ะ สนุกมากๆ เห็นขี่ช้างลอย ตีคู่กันมาด้วยค่ะ(ไม่ได้ถ่ายรูปไว้)

หลังจากนั้นพวกเราก็เข้า check in ที่ ม่อนดอยอิงฟ้ารีสอร์ทค่ะ //www.mountsky.comบ้านลมพริ้ว 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำค่ะ สภาพภายในห้องแรก เตียงเดี่ยว ห้องน้ำใหญ่มาก สวยดีค่ะ

อีกห้องเป็นเตียงคู่ค่ะ ราคาที่พักก็ เดิมนอนได้ 4 คน/หลัง รวมอาหารเช้าค่ะ แต่เราก็ใช้ extra bed เพิ่มคนละ 300 บาทค่ะ เราจองที่พักผ่าน tour เลยได้ราคา 2,000 บาท/หลัง จากราคาเดิม 3-4 พันบาท
บรรยากาศในรีสอร์ท ร่มรื่นมากๆค่ะ สดชื่นจิงๆ

หลังจากนั้นเดินทางไป นมัสการ พระธาตุดอยสุเทพค่ะ

มองลงไปเห็นเมืองเชียงใหม่

ขาขึ้นไปลิฟท์ ขาลงขอเดินลงละกัน

หลังจากนั้นแวะมากราบไหว้ ครูบา ศรีวิชัย

จากนั้นพวกเราก็ไปที่ศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่ค่ะ ไปรอกิน ขันโตกดินเนอร์น่ะ เป็นบุฟเฟ่พร้อมชมการแสดงค่ะ 250 บาท/คน จองผ่านทัวร์เหมือนกันเลยได้ราคานี้ (ราคาเดิมที่คุ้มขันโตก 450 บาท/คน) เดิมจะไปที่คุ้มขันโตกแต่โดนเหมาไปเรียบร้อยแล้ว

หน้าตาของอาหารเย็นวันนี้ set ขันโตก เติมได้ไม่อั้น แต่ค่าเครื่องดื่มไม่รวมใน 250 บาทนะคะ

ได้บรรยากาศจิงๆนะ มีดอกไม้มาห้อยคอด้วยล่ะ

มีการแสดงหลายชุดเลยค่ะ ฟ้อนรำและการแสดงของชาวเขาด้วยนะ เบ็ดเสร็จการแสดงจบก็ประมาณ 4 ทุ่มครึ่งค่ะ โดยเข้าให้เราเข้าไปนั่งกินข้าวตั้งแต่ 1 ทุ่ม ประมาณ2ทุ่มก็เริ่มการแสดงค่ะ พอเสร็จการแสดงชุดนี้เราก็รีบเดินทางกลับที่พักค่ะ ฝนตกหนักเลยค่ะ

เช้าวันที่2 แต่ละคนก็นอนไม่ค่อยจะอิ่มเท่าไหร่ แต่ก็ต้องตื่นเพราะนัดรถตู้ไว้9โมงเช้า และอาหารเช้าของพวกเรา รวมอยู่ในค่าห้องพักแล้วจ้ะ เป็น ABF

ฝนก็ตกไม่ขาดสายเลยอ่ะ ระหว่างทางไปเวียงกุมกาม ถึงแล้วค่ะ แต่ตรงนี้ไม่ใช่นะคะ แต่เป็นส่วนของห้องจัดแสดงนิทรรศการค่ะ มีหลายห้องเลยค่ะ

4หนุ่ม4มุม

ขึ้นไปนั่งทำบ้าอารายเนี่ย

แล้วเราก็นั่งรถม้า ไปเที่ยวเวียงกุมกาม กันต่อ การเดินทางไปชมโบราณสถานวันนี้ของพวกเรา นั่งรถม้าไปค่ะ 3คน/1คัน ค่ะ ราคา 200 บาท ประสบการณ์ใหม่ๆค่ะ

มีวัดต่างๆมากมาย

หลังจากเที่ยวหมดทุกซอกของเวียงกุมกาม ก็เริ่มหิวกันแล้ว พลาดบ่ได้เลยกับเค้กร้านนี้ค่ะ Love at first bite เคยอ่านเจอใน web ผู้จัดการ ยังไงก็ขอลองสักหน่อยค่ะ ภายในร้านบรรยากาศร่มรื่นค่ะ

หน้าตาน่าทานมั๊ยล่ะ อร่อยทุกอย่างจิงๆค่ะ ราคาโดยเฉลี่ยก็ชิ้นละ 40-50 บาทน่ะค่ะ เครื่องดื่มเค้าก็อร่อยไม่แพ้กัน ประทับใจค่ะ

เอร็ดอร่อยกับเค้กแล้ว เราก็ต้องเดินทางต่อไปเชียงรายกันแล้วค่ะ จุดหมายต่อไปเป็นบ่อน้ำร้อน ทางไปเชียงรายค่ะ ระหว่าง เต็มไปด้วยป่าอันเขียวชอุ่ม รู้สึกสดชื่นมากๆเลยล่ะ และแล้วก็ต้องมาฝากท้องมื้อกลางวันที่นี่ล่ะค่ะ โป่งน้ำร้อน

ไอน้ำตึมเลย แต่กลิ่นที่ได้นี่เป็นกลิ่นไข่ต้มน่ะค่ะ ที่มาอยู่นี่เอง... ไม่ใช่แค่ไข่นะ มีหน่อไม้ด้วยล่ะ เห็นแล้วหิว เลยรีบออกไปกินข้าวด้านหน้า มื้อนี้ประหยัดค่ะ กินกระเพรา+ไข่ดาว กัน อร่อยดีค่ะ ไม่แพง 25-30 บาท

หลังจากหนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อนแล้วล่ะ หลับกันหมดเลย ตื่นอีกที พี่โชเฟอร์ของเราก็บอกว่าจะแวะกินพายกันมั๊ย ตื่นกันเลยครับพี่น้อง... แวะซื้อพายกันที่ สวนจริณรีสอร์ท เชียงราย

นอกจากบรรยากาศดีแล้ว พายเค้าอร่อยใช่ย่อย อร่อยทุกอย่างอีกแล้ว ซื้อมาหลายชิ้นเหมือนกันแต่เอาไปกินบนดอยคืนนี้ดีกว่า ราคาตกชิ้นละ 30-40 บาท

หลังจากแวะเข้าห้องน้ำห้องท่าที่นี่แล้วก็เดินทางต่อไปยังวัดร่องขุ่น ของ อาจารย์เฉลิมชัยค่ะ

วันนี้พวกเราโชคดีจัง ไปถึงที่นี่ก็เย็นแล้วล่ะ ได้เจอตัวเป็นๆของ อาจารย์ด้วยล่ะ

ภายในอุโบสถ สวยงามยิ่งนัก

ต้องไปแล้วล่ะ มืดแล้ว ฝนก็ตก ขึ้นดอยแม่สลองกันเถอะ กว่าจะถึงก็มืดแล้วล่ะ บรรยากาศยามค่ำคืน ที่ดอยหมอกดอกไม้รีสอร์ท บนดอยแม่สลองค่ะ
//www.maesalongflowerhills.com

หิวแว้ว อาหารเย็นวันนี้บนดอยแม่สลองของพวกเราคือ ข้าวผัดยูนนาน กับ ผัดหมี่ยูนนานค่ะ ที่รีสอร์ท อร่อยมากเลยล่ะ จานละ 60-70บาทค่ะ

อิ่มอร่อยแล้วเข้าที่พักกันเถอะ บ้านของพวกเราหลังละ 1000 บาทค่ะ นอนได้2คน extra bed คนละ 300 บาทค่ะ
นี่ก็สภาพห้องนอน

เช้าวันนี้ไม่อยากตื่นเลย ฝนตกตั้งแต่เมื่อคืน เช้าก็ยังไม่หยุด อากาศเย็นสบายดีค่ะ

หน้าห้องอาหารของรีสอร์ท มีไร่ชาด้านหน้าห้องอาหารของทางรีสอร์ทและนี่ก็กิจกรรมของพวกเรา ระหว่างรออาหารเช้า


อ๊ะๆๆๆ กินไรกันอ่ะ

ขาหมู หมั่นโถว ขาหมูขาละ200 บาท ส่วนหมั่นโถวลูกละ10บาท แต่อร่อยดีค่ะ กินกันอิ่ม

บรรยากาศภายในรีสอร์ท ดอกไม้สวยค่ะ

เดินทางขึ้นไปข้างบนดอยแม่สลองอีกนิด มีชาขายเยอะเลย วุ่นกะการเลือกซื้อ ชิมกันจนไม่รู้รสแล้ว ซู้ดๆๆๆๆๆร้อน

ภาพนี้ไปเดินเล่นไร่ชา ก่อนลงดอย

ต้องอำลาดอยแม่สลองซะแล้วล่ะ มุ่งหน้าต่อไปยังแม่สาย จะไปช้อปฝั่งพม่าที่ท่าขี้เหล็กกันค่ะ คราวนี้ไม่ได้เอากล้องไปถ่ายด้วย อดเก็บภาพมาฝาก ก่อนออกจากด่านฝั่งพม่า ฝนตกหนักเอาการเลย ชุ่มฉ่ำกันหมด แถมมีการตรวจละเอียดมากๆ กระเป๋าเงินก็ค้นทุกซอก ผู้หญิงอย่างอิชั้นโดนจับโน่นนี่ทั้งตัว ไม่ใช่แค่จับอย่างเดียว มันขยำเลยอ่ะ ทั้งบนทั้งล่างเลย....เศร้า
ขอเพิ่มเติมด้วยค่ะ เวลาไปซื้อของที่ฝั่งพม่า จะมีคนพม่าแบกตะกร้ามาขายของให้ เจอดีก็ดีไปค่ะ เจอไม่ดีแบบพวกเราเจอมา สมมติว่าเราซื้อของมัน 50บาท ให้แบงค์100 ไป มันไม่ยอมทอน ทำไงก็ไม่ยอม มันจะบังคับให้เอาของอีกอย่างมาด้วยแทนเงินทอน แล้วเราไม่ได้ต้องการน่ะ บ่นว่าพวกเราขี้เหนียวด้วย ยื้อกันนานเลยล่ะ เพราะมันไม่ยอมท่าเดียว มันบอกว่า "เจ๊จายเย็งๆ..ให้เท่าหร่าย..คุยกังด้าย" ขอเตือนค่ะ เวลาซื้อของอาไรก็ระวังหน่อย แบบว่าต้องถามให้ชัวร์ และก็ที่สำคัญ รับของมาก่อนแล้วค่อยจ่ายเงินและก็ห้ามจ่ายเกินต้องจ่ายแบบพอดีเท่านั้น
บ่าย2แล้วอ่ะ มัวแต่ช้อปจนลืมหิวเลย ต้องมาฝากท้องที่นี่ล่ะ ใกล้ท่าขี้เหล็กเนี่ยล่ะ ร้านของนีโน่ ร้านอนันต์ปุระ
เครื่องออก 16.20น. อ่ะ แต่กินข้าวเสร็จก็ปาเข้าไป 15.45 น. แล้วจ้า จะตกเครื่องกันมั๊ยเนี่ย...พี่โชเฟอร์ของเราเหยียบมิดเลย มาทันด้วยอ่ะ ถึงนี่ 16.20 น. พอดี ที่counterเค้าเก็บข้าวเก็บของกันหมดแว้วอ่ะ แต่ยังใจดีให้พวกเราไปด้วย ปรากฎว่าเครื่อง delay อีก 1 ชั่วโมง ... เพิ่งจะเห็นข้อดีของการ delay นะเนี่ย ดังนั้นก็รอไปเถอะ

สิ้นสุดการเดินทางทริปนี้ของพวกเราแล้วล่ะ บ๊ายบายเชียงราย ค่าใช้จ่ายทั้งหมดทริปนี้ของพวกเรา ตกคนละ 6,800 บาทค่ะ ไม่รวมค่าของฝากนะจ๊ะ
เรื่องบินขาไปจากเชียงใหม่ ขากลับกลับจากเชียงราย ด้วยสายการบิน orient thai ราคา 2,600 บาท
พวกเราเช่ารถตู้ 3วัน วันละ 1,500 บาท ค่าน้ำมัน 2,700 บาท กินอิ่ม นอนหลับสบายตลอดทริป


สนใจจองที่พักใน จ.เชียงใหม่ ตรงนี้เลยจ้ะ
สนใจจองที่พักใน จ.เชียงราย ตรงนี้เลยจ้ะ




 

Create Date : 27 พฤษภาคม 2549    
Last Update : 31 กรกฎาคม 2552 23:24:27 น.
Counter : 2258 Pageviews.  

เขาค้อวันปีใหม่

ทริปนี้พาครอบครัวไปเที่ยว ออกเดินทาง 9.30 น. ของวันที่ 1 ม.ค. 2006 ใช้เส้นทางสระบุรี-พุแค-ลพบุรี-เพชรบูรณ์ จุดหมายวันนี้คือ เขาค้อทะเลหมอก

เรามาถึงอ.วิเชียรบุรี พลาดไม่ได้กับไก่ย่างของที่นี่ เราก็เลี้ยวเข้ามาร้าน"บัวตอง" ร้านไก่ย่างวิเชียรบุรีที่ขึ้นชื่อ
เนื่องจากมาถึงตอน 12.30 น. พอดิบพอดี ภาพก็อย่างที่เห็น

ด้านหลังร้าน แถวๆลานจอดรถยังกับโรงงานย่างไก่เลยอ่ะ ย่างกันเป็นร้อย แม้คนจะเยอะ อาหารก็ได้เร็วน่ะ ไม่พลาดหรอก จานแรกต้องไก่ย่าง

อันนี้ส้มตำทอดกรอบ กินแล้วรู้สึกไม่เหมือนกินส้มตำเลย แต่อร่อยมากๆนะ

นอกจาก2อย่างข้างบน ก็มีต้มแซบหมูและหมูแดดเดียวด้วย อร่อยทุกอย่างอ่ะ เอาภาพมายืนยัน

ออกเดินทางกันต่อ แวะซื้อขนมจีนโบราณบ้านคุณตา ก่อนขึ้นเขาค้อด้วยไว้เป็นอาหารเย็น ไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะหน้าตาขนมจีนไม่ได้สวยงามแล้ว เพราะเป็นคำๆไม่ทัน น้ำยาก็ขูดก้นหม้อเลย ขายดีมากทำกันไม่ทัน เลยซื้อไป2ชุด ชุดนึงมีน้ำยากะทิ น้ำยาป่า แกงเขียวหวานและน้ำพริก

เนื่องจากข้อจำกัดของพาหนะ ทำให้เราเลี่ยงที่จะใช้เส้นทางที่ชันมากเกิน(เด๋วขึ้นไม่รอด) เราใช้ทางหลวงเส้น 12 แล้วตัดเข้าแยกแค้มป์สน ถนนเส้นนี้สวยจิงๆ สวยจนถ่ายรูปไม่ได้ เพราะมัวแต่ช่วยลุ้นกับคนขับตลอดทาง น่าเสียดายไม่ได้ไปจิบกาแฟที่ coffee hill

แล้วเราก็มาถึง เขาค้อทะเลหมอก 16.30 น.คนเยอะ เต้นท์กางแน่นเอี๊ยดเลยกว่าจะจอดรถ และจองเต้นท์ได้ก็หืดขึ้นคอ

เราเลือกเต้นท์ด้านล่างสุด แถวหน้าสุดเลย กะให้โผล่หน้ามาก็เห็นทะเลหมอก อันนี้วิวด้านหน้ารีสอร์ทยามเย็น

จากนั้นก็อาบน้ำอาบท่า แล้วมานั่งกินข้าวเย็นกัน ซึ่งก็คือขนมจีนนั่นเอง

เห็นหน้าตาแบบนี้เหอะ อร่อยอย่าบอกใคร แม่ชอบทานขนมจีนมากยังเอ่ยปากชม

เอ่อ อยากเข้านอนแต่หัวค่ำ แต่นอนไม่หลับ เพราะรีสอร์ทดันมาตั้งเวที เปิดคอนเสิร์ตกันกระหึ่มเลย มีแต่คนบ่นหนวกหูมาก นอนกันไม่ได้เลย ที่สำคัญข้างๆเต้นท์เราดันมาปิ้งBBQ กินเหล้าโหวกเหวกโวยวาย นอนไม่ได้เลยลุกมาเดินเล่น ตามบ้านพักด้านบน กะมาดึงปลั๊กไฟของไอ้เวทีคอนเสิร์ตออกซะดีมั๊ยเนี่ย

ด้วยความเพลีย ก็กลับไปข่มตาหลับได้เป็นพักๆ รู้สึกว่าConcert จะเลิกราวๆเที่ยงคืน แต่พวกขี้เหล้าข้างเต้นท์ยังไม่เลิกเศร้าใจจิงๆ อีกอย่างกลางคืนหนาวมาก นอนไม่ค่อยหลับ ปวดหลังอีกเพราะพื้นไม่เท่ากันตัดใจตื่นแต่ 4.30 เพราะหลับไม่ลง รอดูทะเลหมอก ในที่สุดก็เจอแว้ว

สมแล้วที่รอคอย เพิ่งเคยเห็นกับตาครั้งแรก

ถ่ายคู่กะป้ายหน่อย

เริ่มมีแดดแล้ว แต่ก็ยังมีหมอก ปุยๆอยู่ไกลๆ

ทานข้าวต้มยามเช้า เคล้าทะเลหมอก เป็นบุฟเฟ่ไปตักเอง เอาจนอิ่ม

โอวัลติน กาแฟ และขนมปังปิ้งก็มี บริการตัวเอง

เช้านี้ซักแห้งกันทุกคน เพราะมันหนาวๆๆเตรียมออกเดินทางกันต่อ

มุ่งสู่ไร่บีเอ็น

ไม่ได้เดินไปไหนเลย นอกจากช้อปกันลูกเดียว กล้วยหินอร่อยมาก(กล้วยฉาบสอดไส้มะขามกวน)

อันนี้ ลิ้นจี่ลอยแก้ว นุ่มอร่อยดีจัง ซื้อมาหลายแพคเลย

วิว2ข้างทางของถนนหมายเลข 12 สวยงามดีจัง

กะจะมาเที่ยวทุ่งแสลงหลวง แต่เพิ่งได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ว่า จะไปเที่ยวทุ่งต้องเข้าทางเขาค้อ โอ้ว พระเจ้าขับมาตั้งไกลเพิ่งมารู้ว่าผิดทาง ไม่เป็นโอกาสหน้าละกัน อีกอย่างรถเราก็คงไม่สามารถซะด้วย

อกหักจากทุ่งแสลงหลวง ก็ขับมาเรื่อยๆจนเจอ น้ำตกแก่งโสภา น้ำไม่ค่อยจะมีแล้ว เลยไม่เหมือนน้ำตกเลย

ก่อนเข้าที่พัก แวะทานข้าวกลางวันที่นี่ ทรัพย์ไพรวัลย์ พาร์ค

อาหารเค้าอร่อยใช้ได้เลย โดยเฉพาะหมูคำหวาน ซู้ดๆๆ

แล้วก็มาถึง Rain Forest Resort //www.rainforestthailand.com/ที่พักท่ามกลางแมกไม้ติดลำน้ำเข็ก ลงเล่นน้ำได้เลยและนี่หน้าบ้านพัก

สภาพห้องพัก ไม่ได้หรูแต่ตกแต่งได้ลงตัว

บ้านพักท่ามกลางแมกไม้ ป่ามากๆ ธรรมชาติสุดๆเลย

ศาลาริมน้ำพวกนี้ไว้นั่งทานข้าว พักผ่อนหย่อนใจ วิวดีมากๆ อากาศเย็นสบายน่านอน

เหมือนเก้าอี้ชายหาด ปกติต้องมีเบาะมาปูด้วย วิวดีมากๆใช่มั๊ยล่ะ น้ำข้างหน้าก็น่าเล่นมากๆ

ภายในส่วนของที่พัก ต้นไม้ทั้งนั้นเหมือนอยู่ในป่า

นอกจากแต่ละบ้านจะมีระเบียงส่วนตัวให้นั่งเล่นแล้ว ยังมีศาลา รายรอบแถวๆบ้านพัก ให้ออกมานั่งสั่งอาหารทานได้ตามสะดวก

อาหารเย็นคืนนี้ อาหารทำเร็วดี อร่อยทุกอย่าง บริการดีเยี่ยม ประทับใจจิงๆเหมือนได้อยู่บ้านเพราะเป็นกันเอง ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าไปรีสอร์ทเลย

เช้านี้อากาศเย็มมากๆ พูดมาไอออกจากปากเลย อากาศสบายจิงๆ น้ำเย็นเจี๊ยบเลยไม่ได้ลง

ขึ้นไปชมลำน้ำเข็ก บนศาลาที่อยู่สูงที่สุด วิวดีจิงๆ


เช้านี้มีบุฟเฟ่อาหารเช้า มีข้าวต้มหมู หมี่ผัด สลัด ขนมปัง ครัวซอง กาแฟ โอวัลติน ไข่ดาว ไส้กรอก กินกันอิ่มเลย

ออกจากที่พัก ก็ไปไหว้ พระพุทธชินราชก่อนกลับ เป็นสิริมงคลต้นปีใหม่นี้

ผ่านนครสวรรค์ แวะทานข้าวเที่ยงที่ ร้านโกยี ข้างๆอุทยทานสวรรค์ ปิดท้ายด้วยลูกชิ้นปลากรายผัดฉ่า อร่อยอย่าบอกใคร




 

Create Date : 23 พฤษภาคม 2549    
Last Update : 23 พฤษภาคม 2549 19:57:54 น.
Counter : 1614 Pageviews.  

1  2  

อยากเป็นไกด์ ใครช่วยที
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หวัดดีจ้า ถ้าคุณเข้ามา Blog เรา แสดงว่าคุณคุยภาษาเดียวกับเราแล้วนะ ^_^

เรารักการท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นทะเลหรือภูเขา ถ้าเป็นไปได้ชีวิตนี้อยากตะลอนไปทั่วเลย ฝันอยากทำทัวร์และเปิดรีสอร์ทเล็กๆ
Hotels2thailand.com
Free CursorsMyspace LayoutsMyspace Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add อยากเป็นไกด์ ใครช่วยที's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.