Blog เล็กๆแห่งหนึ่ง รวมเกร็ดข่าวสาระประจำวัน กับ เรื่องที่อาจจะไร้สาระ ของ ลูกผู้ชายคนหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ในมหานครใหญ่แห่งหนึ่ง ในที่โลกที่กว้างใหญ่ใบนี้
Group Blog
 
All Blogs
 
Ford GT40

ไปลิ้มลองมักกะโรนีมาแล้ว มาวันนี้ขอข้าม มหาสมุทรไปยังดินแดงแห่ง เสรีภาพ ที่เป็นที่ขึ้นชื่อเรื่องการผลิตรถยนต์ของโลก แน่นอนครับจะเป็นใครไม่ได้นอกจาก อเมริกา ถิ่นกำเนิดรถยนต์ Ford ที่มีตำนานการผลิตรถยนต์มายาวนาน จนเกือบครบ 100 ปีแล้วซึ่งหลายคน อาจจะคุ้นชื่อในฐานะ เป็นผู้ผลิตรถยนต์นั่งส่วนบุคคลทั่วไปขนาดใหญ่ที่สุดของโลกที่นึงก็ว่าได้ แต่อย่างไรก็ตาม Ford เองก็มี SuperCar ระดับตำนานรถอมตะตลอดกาลของโลกอยุ่คันหนึ่งเหมือนกัน

ประวัติ Ford GT40
Ford GT40 หากใครที่อยู่ในวงการแข่งรถจะต้องรู้จักชื่อนี้เป้นอย่างดีเนื่องจาก มันสามารถคว้าชัยชนะในการแข่ง Le Mans 24 ชั่วโมงติดต่อ กันได้ถึง 4 ปีซ้อนได้ตั้งแต่ปี 1966-1969 ซึ่งสามารถคว้าชัยชนะเหนือ ผู้ชนะก่อนหน้านี้คือ Ferrari
(ชนะมา 6 ครั้งรวด Ford เลยหมั่นไส้มั้ง) ได้อย่างงดงาม
ชื่อ GT ย่อมาจาก Grand Tourismo ส่วน 40 เนี่ยคือความสูงของตัวรถเองที่สูงเพียง 40 นิ้ว (1.02 m เตี้ยมากๆพอๆกับเด็ก ประถมได้เลย) ซึ่งถึงตัวเตี้ยอย่างนี้ก็ยังซ่อนไว้ด้วยเครื่อง V8 ขนาด 4737 CC ซึ่ง ทาง Ford มีจุดหมายอย่างเดียวในการออกแบบครั้งนี้คือมา สยบ เครื่อง V12 4000 CC ของ Ferrari ลง

Henry Ford ที่ 2 ได้พยายามให้ รถ Ford เข้าร่วมการแข่งขัน Le mans มาตั้งตาช่วงต้นปี 60 แต่ว่าในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 1963 ทาง Ford ได้รับแจ้งว่า Enzo Ferrari สนใจที่จะทำการขายรถ กับ กลุ่ม Ford ซึ่งทาง Ford ได้ทำการลงทุนเงินไปเพื่อตรวจสอบโรงงานของ Ferrari เพื่อประเมินโครงการและเจรจากับทาง Ferrari ซึ่งในการเจรจานี้เองที่ทาง Ferrari ได้มุ่งประเด็นไปยังเรื่องของการเซ็นสัญญาทันที แทนการเจรจาหาข้อยุติประณีประนอมเรื่องค่าใช้จ่าย และยังมีข้อตกลงว่าการขายครั้งนี้ต้องใช้สัญลักษณ์ Ferrari เท่านั้น การกระทำเช่นนี้ ทำให้ Henry Ford โมโหเป็นอย่างมาก และจัดการสั่งการให้แผนกพัฒนาทีมแข่งของ Ford
ให้พัฒนารถที่สามารถ ปราบความผยองของ Ferrari ลงให้ได้

ช่วงนี้เองที่ทาง Ford ได้มองหาพันธมิตรโดยเปิดเจรจา กับทาง
1.Lotus ที่เป็นพันธมิตรกับ Ford ในการแข่งขัน Indy 500 อยู่แล้ว
2.Lola ที่ร่วมแข่งขัน Le Mans โดยใช้เครื่องยนต์ของ Ford
3.Cooper ผู้ร่วมแข่งขันรถ F1 ที่กำลังมีผลงานตกต่ำอยู่ขณะนั้น
ซึ่งสุดท้ายFord ได้เลือกทาง Lola เข้ามาร่วมในการออกแบบรถแข่งสำหรับโครงการนี้
Ford GT ตัวแรกก็ได้ออกสู่ตลาดในปี มีนาคม 1963 ในที่สุดโดยมีช่วงล่างที่เป็นระบบของ Lola พร้อมกับเครื่องขนาด 4.2 ลิตรซึ่งรุ่นดังกล่าวสามารถคว้าชัยชนะในการแข่ง Indy 500 ไปได้ในที่สุด

หลังจากนั้น Ford GT40 ก็ได้ลงวาดลวดลายในสนามเป้นครั้งในการแข่ง Nurburgring 1000 km แต่ประสบปัญหาไม่สามารถแข่งจบการแข่งขันได้ในสนามนั้น โดยก่อนที่จะต้องออกจาการแข่งขันตำแหน่งของมัน ยังอยู่เป็นที่ 2 ในสนาม
หลังจากนั้นไม่นาน Ford GT40 MkII ได้ออกมาเขย่าวงการการแข่งรถด้วยเครื่อง 7.0 ลิตรของมันทำให้มันเป็นผู้ไร้เทียมทาน ในการแข่ง Le mans 24 ชั่วโมงในปี1966 โดยการคว้าอันดับ 1-2 และ 3 แบบเรียบวุธ อีกทั้งที่ 1-2 นั้นห่างกันเพียงเล็กน้อยจนถือว่าเป้นการแข่งที่สูสีที่สุดในประวัติศาสตร์ครั้งนึงเลยทีเดียว

ในปีต่อมา Ford GT40 Mk IV ได้ถูกส่งลงสนามเพื่อพิชิตชัยชนะอีกครั้ง หลังจากจึงได้มีการเปลี่ยนกฎออกมา ซึ่งมีการกำหนดขนาดกระบอกสูบให้อยู่ ระหว่าง 3000 ถึง 5000 CC ทำให้ทาง Ford ได้ทำการปัดฝุ่น Model Mk I ขึ้นมาใหม่เพื่อปะทะกับรถคันอื่นที่มีขนาดเล็กลงตามลำดับ ซึ่งการประสบความสำเร็จในการแข่งต่างๆทำให้ Ford ได้ออกแบบรถรุ่น Ford P68 ที่มีเครื่อง 3.0 ลิตรแต่ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรแบบ GT40 ในปี 1969 GT40 ได้เจอคู่ปรับที่มีการปรับปรุงมาเป้นอย่างดี อย่าง Porsche 917 เครื่อง 4.5 ลิตรแถวเรียง ซึ่งทาง Porsche ยังมีปัญหาในการปรับแต่งรถอยู่พอสมควร ทำให้ GT40 สามารถคว้าชัยชนะเหนือรุ่นน้องของ 917 อย่าง 908 ไปได้อย่างฉิวเฉียดและในที่สุดในปี 1970 Porsche 917 สามารถหยุดตำนานของ GT40 ลงได้และ GT40 ก็ได้ถอนตัวจากวงการนี้ไป ตามระยะเวลาอันสมควรหลังจากนั้น Ford เองก็ได้หยุดพัฒนา รถแข่งรุ่นนี้ลงเหลือไว้เพียง กลิ่นไอตำนานของ “Ferrari Slayer” ไปถึงเกือบ 30 ปี
ในปี 1995 ที่งาน Auto Show ที่ ดีทรอยต์ Ford ได้เปิดตัวรถ Concept car ของ GT90
และเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2002 ด้วยรูปร่างที่ขนาดกว้างกว่า
ใหญ่กว่า รุ่นดั้งเดิมเล็กน้อย ทำให้มันเกือบได้ชื่อ GT43 และแล้วในที่สุดในปี 2004
ทาง Ford ก็ได้ส่งมันกลับเข้าสู้ สายการผลิตอีกครั้ง ด้วยขุมพลังใหม่เป็นเครื่อง V8 ขนาด 5.4 ลิตรพลัง 550 แรงม้า พร้อมกับ 2 ที่นั่งที่คนนั่งต้องตัวเล็กน่าดูถึงจะนั่งได้

Ford GT40 เองยังเป็นรถที่หลายสำนัก วิจารณ์จัดให้เป็นรถทรงคุณค่าที่สุดคันหนึ่งของโลก เพราะเนื่องจากปริมาณการผลิตที่มีน้อยนิดและความโดดเด่นของการ Design ที่ดูไม่ล้าสมัยแม้แต่น้อย ราคานั้นรุ่นปัจจุบันเองก็อยู่ประมาณ 4.95 ล้านบาท ในอเมริกา (นำเข้าไทยก็ประมาณ 3 เท่า 15 ล้านบาท) ซึ่งรถดังกล่าวยังคงแฝงไปด้วยกลิ่นไอของความยิ่งใหญ่ของมันในปี 60 ที่ไม่วันจางหายไปจากหน้าของประวัติศาสตร์รถยนต์




นี่แหละครับความคลาสิกแบบ 60 ด้วยเทคโนโลยียุคใหม่



เพชรฆาตม้าผยองที่ตัวเตี้ยที่สุดในประวัติศาสตร์ตัวนึง





Create Date : 17 กรกฎาคม 2551
Last Update : 17 กรกฎาคม 2551 18:56:34 น. 0 comments
Counter : 4375 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Rushing Dandy
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีทุกๆท่านครับ ขอต้อนรับเข้าสู่ Bloggang ผมนะครับ
อยาก Comment อะไรเชิญได้เต็มที่ครับ
แล้วก็ยังไง ช่วยกรุณาสนับสนุน Sponsor link ด้านล่างนี้ ด้วยนะครับ




มีผู้เข้าชม Blog แห่งนี้นับตั้งแต่ 14 ธ.ค 51 แล้ว free counters
free counter

Friends' blogs
[Add Rushing Dandy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.