space
space
space
space

ติดแก๊สแร๊วววว

อานิสงค์ที่ได้รับมาจากภาวะน้ำมันแพง แพ๊ง แพง เหลือใจ.... ไอ้คราวที่ป่ะป๊ายังใช้รถ Honda City คันเก่าก็ยังพอทำเนาแต่ก็อดจะบ่นเรื่องค่าน้ำมันไม่ได้หม่าม๊าแอบดูยอดรูดบัตรค่าน้ำมันของป่ะป๊าแล้วอยากจะเป็นลม ไม่มีเดือนไหนต่ำกว่า 5000 บาทเลย...และความที่อายุการใช้งานของรถคันนี้มันยาวนานเหลือเกิน ถ้าเป็นคนก็ต้องเรียกกันว่าคุณปู่คุณย่าได้แล้วนะเนี่ย เรียกว่าป่ะป๊าใช้งานจนคุ้มแสนคุ้ม เพราะรถคันนี้ ป่ะป๊าเล่าว่า ได้มาตั้งแต่เมื่อครั้งสมัยเรียนจบมาจาก Melbern ใหม่ๆ นู่นแหน่ะ นับไปมาก็น่าจะเกือบๆ 10 ปีได้แล้วมั๊ง...



หม่าม๊าแอบคิดถึง..เจ้าคันแดงนี้ เหมือนกันนะ เพราะเป็นรถคันแรกที่หม่าม๊าใช้หัดขับอย่างจริงจัง


หม่าม๊าเคยได้ยินมาว่ารถยนต์นี่ เค้าก็มีอายุการใช้งานของเค้านะ ไม่เกิน 7-8 ปีก็เรียกได้ว่าหมดอายุแล้ว ซึ่งพิสูจน์มาแล้ว มันก็คงจะจริงดังว่า เพียงแต่มันไม่ได้บูดไม่ได้เน่า ส่งกลิ่นมาเตือนเรา แต่มันก็จะมีอาการมาผิดปกติต่างๆ มาให้เราเห็น เจ้าคันแดงคู่ใจนี่ก็เหมือนกัน เริ่มกันตั้งแต่ สตาร์ทไม่ติด.. เปลี่ยนแบตเตอรี่, ระบบเบรคมีปัญหา ตอนหลังๆ เป็นเพลาหรืออะไรสักกะอย่างนึง แล้วยังมีเปลี่ยนตัวเครื่องเรียกว่าอะไรหม่าม๊าก็จำไม่ได้ รู้แต่ว่าป่ะป๊าจ่ายตังก์ค่าซ่อมอีกละ เซ็ง.... Smiley


ช่วงนั้น ป่ะป๊าก็ตระเวนเลือกดูรถ ตั้งงบประมาณไว้ในใจ ผลสุดท้ายก็มาลงตัวที่ Honda Civic แล้วป่ะป๊าก็เริ่มตระเวนเก็บข้อมูลราคา และ Promotionของรถรุ่นนี้ ตามศูนย์ต่างๆ ว่ามีศูนย์ไหนให้อะไรได้มากน้อยแค่ไหน เกือบจะซื้อกันอยู่แล้ว ก็มีบัญชามาจากสวรรค์.. ว่าพี่ชายป่ะป๊ากำลังจะเปลี่ยนรถเหมือนกัน ซึ่งตอนนี้เฮียใช้รถ CRV อยู่แต่ความที่อยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่  (สมาชิกปัจจุบัน 9 คน) เวลาจะไปไหนด้วยกันก็ต้องขับไปสองคันถึงจะพอ ก็เลยอยากจะเปลี่ยนรถเป็นแบบรถตู้  และแล้วเฮียก็เบรกป่ะป๊าว่า จะรอเฮียซื้อรถได้ไม๊   (กำลังเลือกกันอยู่) ถ้ารอได้ให้รอ แล้วเอา CRV ไปขับ โอ๊วแม่เจ้าSmiley  รอได้ค่า... Smiley รอแน่นอน


และแล้ว วันนี้เจ้า CRV สีดำสนิทก็มาจอดอยู่บ้านเราเรียบร้อย สภาพยังไหม่กิ๊กๆ ก็มีร่องรอยขีดข่วน เค้าเรียกรอยขนแมวเล็กน้อย ไมล์ก็แค่แสนก่าๆ เอง เรียกว่ายังอยู่ในสภาพที่ดีมาก แต่หลังจากใช้ไป 1 อาทิตย์ เราก็ได้รู้ฤทธิ์เดชของมัน แม่เจ้า!!! กินน้ำมันเป็นน้ำเลยค่ะ ป่ะป๊าว่าเติมน้ำมันเต็มถัง 1600 บาท วิ่งไป 3-4 วัน หมดแล้ว..เจ้าค่ะ ก็ด้วยเครื่อง และน้ำหนักของตัวรถอ่ะนะ ว่าแล้ว รออยู่เฉยไม่ได้ ป่ะป๊ารีบเตรียมการหาข้อมูลติดแก๊สด่วนๆ ไม่กี่วันป่ะป๊าก็ได้อู่ รีบจองและรีบเอาไปติดทันที ก็เลือกติดแบบ LPG หัวฉีด ราคาค่าติดก็ 30000 บาท



คันนี้ หม่าม๊ายังไม่เคยลองขับเลย หม่าม๊าไม่ชอบรถใหญ่เทอะทะ กะยาก


หลังจากติดมาป่ะป๊าว่าเติมเต็มถังก็ 4-500 บาท 1 ถังก็วิ่งได้เท่าๆ  กับน้ำมัน เพียงแต่ราคาค่าเติมมันผิดกันลิบ ก็โอเคน๊อ..สองสามวันมานี่ นั่งดูข่าวในทีวีเรื่องน้ำมันแพง มีการประท้วงกันทั่วโลกให้รัฐบาลลดค่าธรรมเนียมการนำเข้าน้ำมันอะไรกันต่างๆ นาๆ ส่วนที่ประเทศไทย ตอนนี้ เค้าว่ารถแห่มาติดแก๊สกันยกใหญ่ จนอู่ที่รับติดแก๊สตอนนี้ เลิกรับใบจองการติดแก๊สไปแล้ว เนื่องจากคนติดกันเยอะมาก จนถังแก๊สขาดแคลนผลิตไม่ทันว่างั้น


ส่วนหม่าม๊าเอง คิดว่ายังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะหม่าม๊าใช้รถเล็ก (Jazz) ไม่ค่อยกินน้ำมัน แถมรถก็วิ่งแค่ระยะใกล้ๆ บ้านกับที่ทำงานห่างกันไม่ถึง 15นาทีก็เลยไม่ได้เดือดร้อนต้องรีบติด เหมือนป่ะป๊า เฮ้อ.. หมู่นี้ ข้าวของเครื่องใช้แพงหูฉี่ ผลกระทบหลักๆ ก็มาจากน้ำมันนี่หล่ะน๊า.....






Free TextEditor




 

Create Date : 13 มิถุนายน 2551   
Last Update : 16 มิถุนายน 2551 18:46:04 น.   
Counter : 408 Pageviews.  
space
space
บล็อคเก็บของเล่น

วันนี้ วันหยุดของเราพ่อแม่...ป่ะป๊าว่าอยากจะพาข้าวปั้นไปเยี่ยมเพื่อนแถวๆ บ้านหม้อ แล้วว่าถ้าหม่าม๊าไม่อยากไป จะนอนพักอยู่ที่บ้านก็ได้นะ  หม่าม๊าก็ทำท่าคิดๆ นิดส์นุง วันนี้ ป่ะป๊าเพิ่งจะได้กินแกงเขียวหวานฟักไก่ฝีมือหม่าม๊าที่ทำรอป่ะป๊าตั้งแต่เมื่อวาน มีแอบชมหม่าม๊านิดส์นุง ว่าทำด้วยใจยังไงก็อร่อย ฮิ๊ววววววววววว


วันนี้ เราสามคนพ่อแม่ลูกสบายๆ อยู่บ้านกัน นั่งดูทีวี เล่นของเล่นกันไปตามประสา ป่ะป๊าว่าจะออกจากบ้านสักตอนบ่าย 2 โมง หลังจากข้าวปั้นนอนกลางวันเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ทันไร ฟ้าก็มืดขมุกขมัว... แล้วฝนก็ค่อยๆ เทลงมา วันนี้ ข้าวปั้นมาแปลก ปกติจะนอนกลางวันประมาณเที่ยงกว่าๆ หม่าม๊าป้อนข้าวกลางวันตอน 11.30 ปรากฎกินไปได้ 2 คำ คำที่สามหลับคาตักหม่าม๊าเฉยเลย... ก็เลยต้องยอมอุ้มขึ้นไปนอนบนห้อง แล้วชงนมให้กินแทน


เป็นอันว่าโครงการไปเยี่ยมเพื่อนของป่ะป๊ามีอันพับไป หม่าม๊าเลยขอให้ป่ะป๊าต่อบล็อคเก็บของเล่นให้ข้าวปั้นแทน เพราะหม่าม๊าขอบล็อคจากโรงงานป่ะป๊ามาตั้งนานแล้ว ป่ะป๊าก็ไม่มีเวลาต่อให้สักที เนื่องจากทุกวันนี้ ของเล่นข้าวปั้นจะเก็บไว้ในตระกร้ารวมๆ กันไว้ เวลาจะเอาชิ้นที่อยู่ล่างสุด ก็ต้องขุดต้องคุ้ยกันน่าดู ข้าวปั้นหน่ะเหรอ ใช้เทเจ้าค่ะ เททีเก็บกันทีก็ไม่ค่อยจะไหว เกลื่อนกลาดไปหมด  แล้วมีอยู่หลายตระกร้าซะด้วยสิ  วันนี้มีเวลาป่ะป๊าเลยนั่งต่อบล็อกให้


พอต่อเสร็จหม่าม๊าก็เอาของเล่นข้าวปั้นมาคัด และจัดเก็บ ของที่พอจะเล่นได้ และยังอยู่ในสภาพที่ดีก็คัดไว้ไปให้เด็กที่เค้าไม่มีของเล่นจะเล่น ส่วนอันไหนที่ดูแล้วไม่น่าจะเล่นได้แล้วก็คัดทิ้งไปซะ แล้วก็จัดเก็บลงบล็อคที่ต่อเป็น 2 ชั้น ก็ดูเรียบร้อยฉะนี้น๊อ.... 


รู้สึกดีจังเลย ง่ายต่อการเลือกของเล่นสำหรับข้าวปั้น และก็ง่ายสำหรับการเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อยแล้ว เป็นมุมของเล่นเล็กๆ ในห้องนั่งเล่นของบ้านเรา....







Free TextEditor




 

Create Date : 12 มิถุนายน 2551   
Last Update : 16 มิถุนายน 2551 18:46:21 น.   
Counter : 486 Pageviews.  
space
space
วันเสาร์ของเราแม่ลูก

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ไม่รู้เป็นอาไร...ครัวเราตื่นกันตั้งแต่เช้าตรู่ ทั้ง 3 คน พ่อแม่ลูก วันนี้ หม่าม๊ามีแผนการจะทำแกงเขียวหวานฟักไก่ ก็เลยออกปากชวนป่ะป๊าไปตลาดใกล้บ้านกันในเวลาไม่นานหลังทุกคนตื่นนอน ป่ะป๊าก็ตกปากรับคำ ว่าแล้วก็ออกเดินทางใช้เวลาเดินทางแค่  5 นาทีก็ถึงตลาดแล้ว หม่าม๊าจัดการช๊อปเครื่องแกงและก็สิ่งของที่ต้องใช้ประกอบการทำแกงเขียวหวานได้มาครบตามสูตร  ส่วนป่ะป๊ากับข้าวปั้นก็ไปนั่งสั่งโจ๊กกินที่ร้านโจ๊กสยาม...


พอกลับมาถึงบ้าน ป่ะป๊ารีบขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวขับรถออกไปทำงานทันที  ปล่อยให้หม่าม๊ากับข้าวปั้นอยู่บ้านกันสองคนในวันหยุดนี้... หม่าม๊าจัดแจงเอาเสื้อผ้ายัดใส่เครื่องแล้วกดปุ่ม เรียบร้อยก็ลงมาจัดการกับแกงเขียวหวาน อ่านโพยไป ทำไป... ไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย หอมฉุยเชียว...



อันนี้ ยืมรูปชาวบ้านเค้ามาใช้หง่ะค่ะ อยู่กะลูกสองคนไม่สามารถปลีกตัวไปหยิบ
กล้องมาถ่ายได้......



แล้วก็มานั่งแกะข้าวต้มมัดที่ซื้อมา ป้อนข้าวปั้นไปได้ 1 อัน... หมู่นี้ ตั้งแต่โดนบรรดาอาโก(พี่สาวป่ะป๊า) ทักมาว่าข้าวปั้นผอมไป หม่าม๊ามานั่งสังเกตุก็ชักจะคล้อยตามเลยต้องหาอะไรมาโด๊ปให้เป็นพิเศษ ข้าวปั้นอายุ 2.8 ขวบ น้ำหนัก 12.5 kg. ยังอยู่ในเกณฑ์ แต่ก็น่าจะแบบเกือบๆ ตกเกณฑ์เลยนะเนี่ย เวลาอาบน้ำที ถอดเสื้อออกมา ถ้ายกมือขึ้นก็เห็นซี่โครงกันเลยทีเดียว



หุ หุ... เอารูปเจ้าตัวน้อยมาโชว์แบบนี้ โตขึ้นเกิดจับพลัดจับผลูได้เป็นดารานายแบบขึ้นมา
จะมีใครเอารูปนี้ไปแบล็คเมล์ลูกแม่ไม๊เนี่ย......


หลังจากนั้น หม่าม๊าก็ให้ข้าวปั้นเล่นของเล่น ดูทีวีอยู่สักพัก ก็เอาข้าวกลางวันมาป้อน เป็นปลาทอดกับข้าวสวยร้อนๆ นุ่มๆ กินไปได้ตามที่กะไว้ สักพักก็ได้เวลานอน ข้าวปั้นนอนกลางวันไม่ยาก ถึงเวลาจับกินนมนอนฟังเพลงบรรเลงเปียโนที่หม่าม๊าไรท์ mp3 มาจากออฟฟิศ สักพักก็จะหลับไปเอง หม่าม๊าก็เอนหลังนิดหน่อย ก็ลงไปหม่ำบ๊ะจ่างที่ซื้อมาจากตลาดสดเมื่อเช้า ลูกละ 40 บาท เป็นข้าวกลางวัน ไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ เพราะมันเป็นรสหวาน จริงๆ หม่าม๊าชอบบ๊ะจ่างรสเค็มหน่ะ แต่ว่าเดินไปมาแล้วหาไม่เจอก็เลยซื้อรสหวานมา เครื่องก็แบบใช้ประหยัดเหลือเกิน ปกติบ้านป่ะป๊าจะทำบ๊ะจ่างมาแจกเกือบทุกปี แต่ปีนี้ เห็นเงียบๆ คงยุ่งๆ กันเลยไม่ได้ทำ ถ้าที่บ้านทำเองนะ เครื่องงี๊ เพียบ กินอิ่มสบายไปได้สองมื้อเลยทีเดียว


นั่งดูซีรี่ย์เกาหลี ทางช่อง ubc11 จำชื่อเรื่องมะด๊ะ นั่งดูอยู่ได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงข้าวปั้นร้องมาจากข้างบน เป็นอันว่าเจ้าตัวเล็กตื่นแล้ว ก็รีบวิ่งขึ้นไป นั่งนอนเล่นอยู่บนที่นอนสักพัก ให้เจ้าตัวเล็กตาสว่าง... ก็จัดการถูบ้านข้างบนสักหน่อย เพราะรู้สึกว่าฝุ่นเยอะ แปลกดีเนอะ บ้านก็ไม่ได้เปิดไว้อ้าซ่า ไม่รู้ฝุ่นมันมาจากไหนกันนักกันหนา....สักพักก็พาเจ้าตัวเล็กไปอาบน้ำ ปกติเวลาอาบน้ำ เราก็จะอาบพร้อมกันแม่ลูก หรือจริงๆ พ่อแม่ลูกเลย ถ้าอยู่กันพร้อมหน้า เป็นประจำ ช่วยกันขัดถู แปรงฟันลูก อาบน้ำให้ตัวเอง ขัดหลังให้ป่ะป๊า ขัดหลังให้หม่าม๊า ข้าวปั้นก็เล่นไป อาบน้ำไป สนุกสนานกันใหญ่ เสร็จเรียบร้อยก็เช็ดตัว ใส่ชุดนอน ลงไปเล่นข้างล่าง วันนี้ อาหารเย็นข้าวปั้นเป็นซุปข้าวโพด ใช้ข้าวโพดฝักใหญ่ๆ ประมาณ 1 ฝักครึ่ง ใส่กับซุป Vono กินได้หมดเชียว...



อันนี้ ข้าวปั้นชอบมาก หม่าม๊าก็เช่นกัน เพราะทำง่าย


ข้าวปั้นเล่นไปพลาง หม่าม๊ารีดผ้าไปพลาง รอป่ะป๊ากลับมา ป่ะป๊ากลับมาเกือบๆ สองทุ่มแล้ว มาถึงก็บ่นๆ ว่าหม่าม๊าไม่รับโทรศัพท์(มือถือ)หุ หุ ก็มันเก็บอยู่ข้างบนห้องนี่นา ป่ะป๊าบอกว่า "เนี่ยโทรมาไม่รับ เลยต้องกลับมาบอกว่าวันนี้ นัดเพื่อนกินข้าวจะกลับดึกนิดส์นุง" แล้วป่ะป๊าก็ขับรถออกไป ข้าวปั้นงอแงนิดๆ หน่อยๆ พอเป็นกระสัย วันนี้ สองทุ่มกว่าๆ หม่าม๊าก็ให้ข้าวปั้นนอนแล้ว  ป่ะป๊ากลับมาประมาณ 4 ทุ่มครึ่งเห็นจะได้ กลับมาก็ลงไปนั่งอ่านหนังสือข้างล่าง เป็นอันหมดวันอาทิตย์ไปอีก 1 วัน
 
 






Free TextEditor




 

Create Date : 10 มิถุนายน 2551   
Last Update : 16 มิถุนายน 2551 18:46:37 น.   
Counter : 822 Pageviews.  
space
space
การบ้านเจ้าปัญหา

ก่อนจะเข้าเนื้อเรื่อง ขอหม่าม๊าท้าวความหน่อย เพื่อจะได้เข้าเนื้อเรื่องแบบไม่งงเนอะ ณ บัด now... ข้าวปั้นอายุ 2.7 ขวบ เรียนอยู่ชั้นเตรียมอนุบาลที่โรงเรียนใกล้บ้าน... ถ้าไม่นับเนอสเซอรี่ ข้าวปั้นก็เข้าเรียนเตรียมอนุบาลมาได้ 6-7 เดือนแล้วหล่ะ ก็ไม่มีอะไรให้หนักใจนัก จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ในกระเป๋านักเรียนของข้าวปั้น มีสิ่งอื่นแปลกปลอมเข้ามา นอกจากเสื้อผ้า กระติกน้ำ หนังสือรายงาน นั่นก็คือ หนังสือคัดลายมือภาษาอังกฤษหง่ะ  ไถ่ถามครูบรีส (ครูประจำชั้น) ได้ความมาว่า "คุณแม่ค่ะ หนังสือเล่มนี้ เก็บไว้ที่บ้านเลย เอาไว้เป็นการบ้าน ให้คุณแม่สอนน้องทำวันละ 2 หน้า พอหมดแล้ว คุณครูก็จะจัดเล่มใหม่ไปให้นะคะ" ในสมุดรายงานคุณครูมักเขียนมาเสมอว่า ข้าวปั้นมักเป็นผู้นำในการทำกิจกรรม เช่น Techer ให้ออกไปชี้รูปตามคำศัพท์ที่บอก ข้าวปั้นก็จะวิ่งออกไปเป็นคนแรกๆ ชอบร้องเพลงแต่.. ไม่ค่อยมีสมาธิในการเขียนหนังสือ ซึ่งหนังสือที่ว่าก็คือหนังสือคัดลายมือนี่เอง...



จริงๆ เตรียมอนุบาล ในความคิดของหม่าม๊าก็คงไม่มีอะไรมากมายนัก นอกจากเป็นการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ของเด็กๆ ไปตามวัย ฝึกการเข้าสังคม, ฝึกการช่วยเหลือตัวเอง, ฝึกการแบ่งปัน ก็คงจะประมาณนี้อ่ะนะ แต่ปรากฎว่า ที่นี่ เค้าให้เรียนแบบเรียนของชั้นอนุบาล 1 เลย เหมือนกับว่าให้คุ้นเคยไว้ก่อน อะไรประมาณนั้น


ไอ้ตอนอ่านสมุดรายงานเวลาคุณครูเขียนมาว่า ไม่ค่อยมีสมาธิในการเขียนหนังสือ +คำบอกเล่าของคุณครู อ่านจากท่าทางแล้ว เหมือนว่าการให้ปั้นเขียนหนังสือนั้น มันดูจะยากเย็นแสนเข็ญ แต่หม่าม๊าก็ไม่ได้สนใจมากนัก จนกระทั่งมาถึงคิวตัวเองสอนข้าวปั้นทำการบ้าน เอาหล่ะสิ.... ตอนหม่าม๊าเริ่มสอนครั้งแรก หุ หุ... ก็พอจะไปได้ แต่ต้องใช้ความอดทนค่อนข้างสูงทีเดียว  แต่เมื่อสองวันที่ผ่านมาเนื่องจากอะไรหลายๆ อย่างประกอบกัน ทำให้หม่าม๊าอารมณ์ค่อนข้างเปราะบางมากๆ แล้วก็ต้องสอนการบ้านข้าวปั้นอีกแล้วสิ  เมื่อข้าวปั้นไม่ตั้งใจ และไม่มีสมาธิ จะคอยแต่ทำอย่างอื่น หรือมองอย่างอื่นเวลาหม่าม๊าสอนอยู่เรื่อย หม่าม๊าเลยระเบิดอารมณ์ใส่เข้าปั้นไปหลายดอกแต่ข้าวปั้นก็ไม่ร้องให้ ได้แต่นั่งตัวแข็ง แล้วหม่าม๊าก็สูดหายใจเข้าลึกๆ หายใจออก เพื่อผ่อนคลายอารมณ์ แล้วก็ค่อยๆ พูดดีๆกับข้าวปั้นใหม่ ข้าวปั้นหันมาหาหม่าม๊าแล้วพูดว่า "หม่าม๊า ไม่เสียงดังน๊า" กว่าจะสอนการบ้านจบ ก็ทำเอาหม่าม๊าปริ๊ดดดดแตก  ไปหลายหนทีเดียว



พอทุกอย่างสงบลง (รวมถึงอารมณ์ร้อนๆ ของหม่าม๊าด้วย) หม่าม๊าก็ถามข้าวปั้นว่า
หม่าม๊า  "เมื่อกี๊ หม่าม๊าดุปั้นใช่ไม๊"
ข้าวปั้น   "ฮื๊อ."
หม่าม๊า "หม่าม๊าดุปั้นเรื่องอะไร"
ข้าวปั้น  ทำท่าชี้ไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ พร้อมกับพูดว่า "ก็นู่นหน่ะ ข้าวปั้นทำไม่ได้เลยหง่ะ"
หม่าม๊า  กอดข้าวปั้นแล้วก็ "หม่าม๊าขอโทษนะ หม่าม๊ารักปั้นนะ อยากให้ปั้นตั้งใจเขียนหนังสือ จะได้เก่งๆ นะลูก"


เฮ้อ.... หม่าม๊ารู้สึกผิดมากกกก โดยพื้นฐานแล้ว หม่าม๊าค่อนข้างเป็นคนใจร้อนมาแต่ไหนแต่ไร.. ตั้งแต่มีข้าวปั้นหม่าม๊าก็พยายามปรับ แต่นั่นแหล่ะ มันก็เป็นอะไรที่ติดตัวมานานเหลือเกิน เปรียบเหมือนไขมันเนอะ เวลาจะเอามันออกงี๊ ยากแสนเข็ญ  บางครั้งพอหลายๆ อย่างรวมๆ กันเข้า ทั้งงานที่มีปัญหามาให้แก้ให้คิดอยู่ตลอดเวลา ทั้งงานแม่บ้าน (เพราะตัดสินใจเลิกจ้างแม่บ้านไปแล้ว) แล้วไหนจะลูกอีก...


แต่ในใจหม่าม๊าแอบสงสัยนิดส์นุง ว่าเอ๊ะ!!!! เด็กๆ วัย 2.7 ขวบเนี่ย... ต้องเขียนหนังสือกันได้แล้วเหรอ..?? เรา Push เค้าเร็วไปหรือเปล่า ?? เพื่อ?? ให้เค้าอยู่ในภาวะการแข่งขันเหรอคะ?!?! โทร.ไปถามเพื่อนที่ไปตั้งรกรากอยู่ต่างจังหวัด เธอก็ว่าไม่จำเป็น ลูกเธอตอนนี้ 4 ขวบแล้ว ก็ยังไม่ได้ไปอะไรกันมากมาย ในขณะที่หลานแฟน อายุน้อยกว่าข้าวปั้น 4 เดือน คือ 2.3 ขวบ อ่านตัวอักษรภาษาอังกฤษได้แล้วค่ะ ชี้ตัวไหนอ่านได้หมด...


หันกลับมามองตัวเรา.. จริงๆ ในใจก็รู้ดีอยู่แล้ว ว่าเราต้องการอะไร แน่นอนค่ะ พ่อแม่ทุกคนต่างต้องการให้ลูกมีความสุข มีชีวิตที่ดี แต่ไม่ต้องเลิศหรูอลังการณ์มากมาย อยากสอนให้เค้าพอใจในสิ่งที่เป็น ไม่ต้องเก่งมาก แต่ก็คงไม่ได้อยากให้เค้าถึงกับโง่นะคะ หุ หุ อยากให้เรียนรู้ชีวิต ทันคนทันโลก... รู้จักตัวเอง...รู้จักสังคม ที่สำคัญรู้ว่าป่ะป๊าหม่าม๊ารักเค้าแค่ไหน... เพื่อให้เค้าเอาความรักของป่ะป๊าหม่าม๊าที่มีให้นำไปเป็นเกราะป้องกันความเลวร้ายทั้งหลายไม่ให้มันสามารถเข้ามาทำลายตัวเค้าได้


บางครั้ง หม่าม๊าก็อาจจะอ่อนไหวไปกับกระแสสังคมที่อยู่รอบๆ ตัวไปบ้าง...(ลูกต้องเข้าสอบเข้าสาธิต หรือโรงเรียนคาทอลิกดังๆ ให้ได้ สอบกันตั้งแต่เข้าเตรียม เข้าป.1 กันเลยทีเดียว หรือลูกต้องเข้าอินเตอร์ อันนี้ก็ใช้เงินมหาศาล...) ซึ่งหม่าม๊าว่า มีพ่อแม่หลายๆ คนที่อาจจะหลงติดเข้าไปอยู่ในกระแสสังคมโดยไม่รู้ตัว แล้วก็เผลอ input ทัศนคติ หรือลูกไปซึมซับมันกลับมาจากสังคมข้างนอก เลยทำให้เกิดปัญหาเอ็นท์ไม่ติด คิดฆ่าตัวตาย...


คำถาม... แล้วแค่ไหนถึงพอ... เท่าไหร่ถึงจะเรียกว่าพอดี.. สำหรับลูก...  









 

Create Date : 03 มิถุนายน 2551   
Last Update : 5 มิถุนายน 2551 15:08:58 น.   
Counter : 493 Pageviews.  
space
space
1  2  3  4  

ซึซึเระ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




แม่ลูกหนึ่งค่ะ....

space
space
[Add ซึซึเระ's blog to your web]
space
space
space
space
space