Group Blog |
เดิน...จนขาลาก กับทริปฮ่องกง-มาเก๊า ตอนที่ 4 .. จบเสียที
วันที่ 4 วันสุดท้ายของการเดินทางแล้ว วันนี้พวกเราตื่นสายกว่าทุกวัน (รึป่าว) จริง ๆ ก็ตื่น 7 โมงครึ่งเหมือนทุกวันนั่นล่ะ เรานอนอยู่ห้องแคทกะพัช เลยบอกแคทให้ไปปลุกนัทและให้รีบอาบน้ำ เพราะเราจะไปอาบห้องนั้น จะได้ไม่ต้องแย่งกันอาบ เมื่อคืนนอนหลับสบายจังเล้ยยยยยย .... และเช้าวันนี้เราก็จะได้กินอาหารเช้าอย่างอิ่มหนำสำราญ เพราะที่ Casa Real เค้ามีอาหารเช้าให้ด้วยนั่นเอง
อาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จ ก็เรียกสมาชิกให้รีบลงไปทานข้าวที่ชั้น 2 เดินหน้าตั้งเข้าสู่ห้องอาหาร พร้อมจัดการจองโต๊ะเสร็จสรรพ เดินไปสำรวจไลน์อาหารกัน มีอาหารหลายอย่าง ทั้งฝรั่ง และจีน เดินไปเดินมาก็ไม่รู้จะกินอะไรดี เลยจัดการตักของสิ้นคิดมาก่อนละกัน อันได้แก่ แฮม ไส้กรอก นักเก็ตและเบคอน หลังจากนั้นเดินไปสั่งไข่ดาว แล้วกลับมาที่โต๊ะ ส่วนอาหารจีนก็มีพวกผัดหมี่ โจ๊ก และอะไรอีก 2-3 อย่างจำไม่ได้ละ เพราะว่าไม่ได้แตะเลย พอจัดการกะอาหารคาวเสร็จก็ได้เวลากินขนมปังกะกาแฟ จำได้ว่าตอนที่มากับแม่ แม่ชอบแยมที่นี่ม๊าก มาก เลยเอากลับมาฝากแม่ซะหน่อย อิอิ หลังจากจัดการกะอาหารเช้ากันเสร็จแล้ว พวกเรารีบขึ้นห้องทำธุระส่วนตัวพร้อมลากกระเป๋าออกมาเช็คเอ้าท์ ฝากกระเป๋าไว้ที่ล็อบบี้เสร็จ ก็จะออกเดินทางไปเที่ยวฟิชเชอร์แมนวาร์ฟกัน อยู่ไม่ห่างจากโรงแรมเลย เดินไปด้านหลังโรงแรมนิดเดียวก็ถึงซะแล้ว ที่นี่มีบริเวณกว้างขวางใหญ่โตทีเดียว บางคนก็ชอบมาเที่ยวตอนกลางคืน บางคนก็ชอบมากลางวัน แต่เราว่ามากลางวันน่าจะถ่ายรูปได้สวยกว่านะ พวกเราเลยเดินถ่ายรูปกันอย่างเต็มที่ อากาศก็ดีเย็น ๆ มองไปก็เห็นท่าเรือ Ocean Terminal ด้วย ภายในก็แบ่งออกเป็นโซน ๆ โซนจี โรมัน ยุโปรอะไรทำนองนี้ มีตึกต่าง ๆ ที่เป็น Shop ให้เราได้ช้อปปิ้งทานอาหาร มีร้านอาหารไทยด้วย แต่ไม่ได้ทานเพราะเพิ่งอิ่มมาหมาด ๆ แถมร้านก็เปิดเที่ยงเลยไม่ได้ลองเรานั่งเล่นเดินเล่นกันอยู่นาน จน 11 โมงกว่า ๆ เลยเดินกลับโรงแรม รับกระเป๋าและขึ้น Shuttle bus ของโรงแรม ไปที่ Ocean Terminal และต่อ Shuttle bus ของเวเนเชี่ยนกัน รถ Shuttle Bus จากท่าเรือจะมาจอดที่โรงแรมเวเนเชี่ยนฝั่ง West เราเลยจัดการฝากกระเป๋าที่นี่ แล้วแจ้งกับพนักงานว่า จะเอาจไปรับกระเป๋าที่ Main Lobby เนื่องจากรถ shuttle bus ที่ไปสนามบิน จะมารับที่ฝั่ง Main Lobby เท่านั้น หลังจากฝากกระเป๋าเสร็จสรรพ ก็เดินทางสู่เป้าหมายต่อไป นั่นก็คือ Taipa Village ที่ Taipa Village ก็จะมีพิพิธภัณฑ์หมู่บ้านไทปา แต่เราก็ไม่ได้เข้าไปดูอะนะ ได้แต่ถ่ายรูปเล่นอยู่ข้างนอก ก็สวยและโรแมนติคดี แต่ไม่มีแฟนไปด้วยนี่สิ มันน่าเศร้า ฮ่า ๆๆ แล้วก็เดินต่อไปหาถนนสายอาหาร เดินไปตามทางเรื่อย ๆ แบบเดินลงเขา ไม่กี่อึดใจก็ถึง ในวันที่ไป วันจันทร์ ร้านรวงปิดซะส่วนใหญ่ แต่บางร้านก็เปิด เดินทะลุซอยไปออกถนนใหญ่ ที่ถนนนั้นร้านเปิดเกืบทุกร้าน เป็นถนนที่สวยอีกถนนนึงเลยทีเดียว เดินไปเรื่อย ๆ ด้านซ้ายจะเจอร้านเบอร์เกอร์หมูยอดฮิตด้วย แต่ด้วยความที่คนเยอะมาก ไม่อยากเสียเวลารอเลยเดินไปเรื่อย ๆ หาซื้อของฝากกลับบ้านดีกว่า ซักพักก็ได้เวลาทานข้าวละ ร้านไหนดีกว่า หาที่นั่งกินชิล ๆ ดีกว่า สรุปว่าได้กินร้าน PANDA เป็นร้านอาหารโปรตุกีส อืม ได้กินซักทีเรา อิอิ ...ไม่พูดพล่ามทำเพลงได้มามาเก๊าแล้วต้องลองอาหารโปรตุกีสซะหน่อย เราเลยได้ข้าวผัดโปรตุกีสมาเชยชม รสชาติก็อร่อยดี ส่วนคนอื่น ๆ ก็ได้อาหารตามรูปเลย อร่อยทุกอย่าง แต่สนนราคาก็แพงนิดนึง หลังจากกินเสร็จแล้ว เราเดินย้อนกลับไปซอยที่ขายอาหาร เพื่อขึ้น taxi ไปเวเนเชี่ยน เพราะไม่อยากเสียเวลาเดิน แค่ 5-10 นาทีเราก็มาถึง Main Lobby กันและแยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง เนื่องจากเวลาเหลือน้อยแล้ว พี่อุ๊ ไปกะพี่ตั้ม เรา นัท แคท พัช ก็ไปด้วยกัน มุ่งไปเล่นสล๊อตกันก่อนเลย เล่นไปตอนแรกก็ได้ตังแล้วเชียว ด้วยความโลภเลยเสียเลย ฮ่า ๆ แต่เสียแค่ 100 บาทอะนะ ตั้งเป้าไว้แค่นั้น แต่นัทได้มาตั้ง 100KHD แน่ะ หลังจากนั้นก็ไปเดินดูภายในอาคาร ดูเค้าล่องเรือกอนโดล่าซะหน่อย แต่เดินได้แป๊บเดียวก็ถึงเวลานัดกะพี่อุ๊แล้ว ต้องรีบไปเจอและรับกระเป๋าจาก Main Lobby เพื่อขึ้นรถ Shuttle bus ต่อไปยังสนามบิน ขึ้นรถไปซักแป๊บ รถก็ออก เพียงแค่ 5 นาที ก็ถึงสนามบินแล้ว เร็วมาก และหลังจากนั้นเราก็ขึ้นเครื่องบินของแอร์เอเซียกลับบ้านกันโดยสวัสดิภาพ ... จบซะที Day 4 9.00 ทานอาหารเช้าที่โรงแรม 10.00 ออกเดินทางไป ฟิชเชอร์แมนวาร์ฟ เปิด 10 โมง 4 ทุ่ม สาย1A,3,3A,10,10B,12,2A,28B และ 32 12.00 กลับมา check out ที่โรงแรม นั่ง shuttle bus ไป ท่าเรือ และนั่ง shuttle bus ของ venetion ไปโรงแรม 12.30 ออกเดินทางไปเวเนเชี่ยน เอากระเป๋าไปฝากที่ lobby 13.00 เดินทางไปถนนสายอาหาร ที่หมู่บ้านไทปา ทานข้าวเที่ยง + ขนมปังสเต็คหมู (รถเมล์สาย 33) 14.00 เดินเที่ยวหมู่บ้าน ไทปา โบสถ์แม่พระคาเมล , Tipa house museum 16.00 เดินทางกลับเวเนเชี่ยน 19.15 เดินทางไปสนามบิน เดิน...จนขาลาก กับทริปฮ่องกง-มาเก๊า ตอนที่ 3
7.30 น. เสียงนาฬิกาปลุกดัง ..... ไม่ต้องปลุกก็ได้ยังมะได้นอนเลย T_T ลุกขึ้นมาสระผม ไดร์ผม พวกเราจับ MTR ไปที่ตึกชุนตั๊ก โดยนั่งรถไปลงที่ Central ก่อน และแล้วเรื่องไม่คาดฝันของคน ต่อจากนั้น เราก็รีบดิ่งไปซื้อตัวเรือ Turbo Jet ได้รอบ 10.45 น. ค่าตั๋ว 146 HKD พอซื้อเสร็จ เมื่อมาถึงท่าเรือ Ocean Terminal ก็ต้องผ่านพิธีการตม. โอ้พ่อเจ้า เจอคลื่นมหาชนอีกแว๊ว ผ่านต่าน ตม ออก มา เราก็มองหารถ Shuttle bus ของโรงแรม สำหรับโรงแรมที่มาเก๊า รถวิ่งประมาณ 5 นาทีก็มาถึงโรงแรมแล้ว โรงแรมนี้ใกล้ท่าเรือมาก ๆ คราวก่อนมาไม่รู้อะ พอไปถึงเราเรามุ่งที่ไปที่สิงโตหน้าวัดกันก่อน กะว่าจะหมุนลูกแก้วในปากของสิงโตเพื่อ ประมาณครึ่งชั่วโมงเราก็มาถึงที่โคโลอาน ลงรถปุ๊บ มองไปฝั่งตรงข้าม เย้ ๆ ป้าย วิธีไปก็ไม่อยาก เดินตามป้ายที่ชี้ไป โบสถ์ St.Francis รับรองไม่มีหลง เราเดินมาจน เสร็จภารกิจพิชิตอาหาร เราก็เดินย้อนกันกลับไปทางเดิม เพื่อหารถเมล์ไปที่เซนาโด้แสควร์ เรามาถึงเซนาโด้ ในเวลายามเย็น พระอาทิตย์จะอัสดง ถ่ายรูปตรงด้านหน้าซักแชะสองแชะ แล้วพวกเราก็ได้เวลาช้อปปิ้ง ผลัดกันไปเดินช้อป เริ่มที่ช้อปของฝากกันก่อน รื่นเริงบันเทิงใจ และเป้าหมายสุดท้ายของวันนี้ ร้านบะหมี่ชื่อดังแห่งเซนาโด้ ร้าน Wong Chi Kei มาถึงร้าน ขึ้นไปที่ชั้นสอง สั่งบะหมี่เกี๊ยวกุ้งน้ำ กะชามะนาว (อีกแล้ว) ที่นี่มีพริกให้ใส่ด้วย อิ่มหมีพลีมันกันแล้ว ก็มุ่งหน้ากลับโรงแรม จริง ๆ แล้วว่าจะไปถ่ายรูปที่หน้าลิสบัว รถเมล์ไม่ผ่านหน้าโรงแรม แต่ผ่านถนนด้านหลังโรงแรม เราต้องเดินต่อไปอีกหน่อย ขึ้นห้อง ก็ไปโซ้ยมาม่าอีก 555 แบบว่าต้องการรสชาติไทย ๆ ให้มันฉีดเข้าเส้นบ้าง หมายเหตุ เวลาจริงเลทกว่าในแพลนประมาณ 3 ชั่วโมง Free TextEditor เดิน...จนขาลาก กับทริปฮ่องกง-มาเก๊า ตอนที่ 2
07.30 เสียงปลุกจากมือถือดัง ... โอย ยางไม่ได้นอนเลยโฟ้ย T_T ต้องตื่นซะแล้ว
ในฐานะหัวหน้าคณะทัวร์ต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่าง ตื่นตามเวลาโปรแกรมจะได้ไม่รวน อยู่บ้าน หรือไม่ไปทำงานยังไม่ตื่นเช้าขนาดนี้เล้ย ให้ตายเหอะ .. ลุกไปเคาะอีก 2 ห้อง ให้ตื่นเตรียมตัว แล้วตัวเองก็มาอาบน้ำ สระผม เป่าผม แต่งหน้า เรียบร้อย .. แต่อีก 2 สาว ยังแต่งตัวไม่เสร็จ ช้าตามระเบียบจริงๆ เล้ย ... พอทุกคนพร้อม ก็ได้เวลาอาหารเช้า เมื่อคืนเล็งร้าน Eat Together ที่อยู่ใกล้ๆ โรงแรมเอาไว้แล้ว ว่าจะต้องมาทานที่นี่ เลยตรงดิ่งเดินเข้าร้าน เปิดดูเมนู .. อู้ฮู อาหารหลากหลาย แต่ละคนก็เลือกทานต่างๆ กันไป เพื่อที่จะได้ทานหลายๆ อย่าง เราเลือกเมนูหมูอะไรซักอย่าง จำชื่อมันไม่ได้ แต่รู้ว่าหน้าตา น่าทาน เป็นอาหารที่เป็นกับไม่ได้เสิร์ฟพร้อมข้าว แต่ไม่เป็นปัญหา เพื่อนๆ คนอื่นมีข้าว เดี๋ยวเราไปเอาของเค้ามาทานก๊ะได้ เพราะให้ข้าวเยอะมากกกก เพื่อนทานไม่หมดร๊อก ..อิอิ แล้วอาหารของทุกคนก็มา ละลานตาไปหมด อาหารอร่อยแทบทุกอย่าง แถมอิ่มมาก เพราะ แต่ละจานอาหารให้เยอะจนคนทานเยอะอย่างเรายังทานไม่ไหวอะ .. ชอบอาหารของฮ่องกงตรง ที่ให้เยอะ โดยที่ไม่ต้องสั่งพิเศษนี่แหล่ะ สำหรับ Eat Together อาหารสมกะราคาอย่างยิ่ง อร่อย เยอะ และไม่แพง .. ดูจากรูปได้ เป็นเครื่องการันตีได้เป็นอย่างดี หลังจากเสร็จอาหารมื้อแรกของวัน เราก็จับ MTR ไปสถานี Diamond Hill เพื่อไปสวน Nan Lian Garden และ Chi Lin Temple (วัดนางชี) สำหรับสถานี้ให้เดินออกทาง Exit B ก่อนจะออกจากสถานนี แว๊บไปเห็นร้าน Maxim ซึ่งเป็นร้านขาย Bakery ที่อยู่ตามสถานี MTR เล็งเอาไว้ตั้งแต่มาเยือนฮ่องกงคราวก่อนว่าเค้กหน้าตาน่ายัดลงกระเพาะ แถมราคาก็ไม่แพงเท่าไหร่ ชวนแคท พี่อุ๊ พัช ไปชะโงกหน้าดู เห็นป้ายภาษาจีน ที่อ่านไม่ออก แต่พอเดาได้ว่า ซื้อ 4 แถม 1 โฮ่...ไมมันถูกงี้เนี่ย ยืนน้ำลายไหลยืดกะแคทอยู่ 2 คน พุดดิ้งมะม่วง พุดดิ้งมะม่วง พุดดิ้งมะม่วง อยากกินนนนน...ตกลงใจหุ้นกันกะแคทซื้อเค้ก 4 ชิ้น จ่ายในราคา 3 ชิ้น เบ็ดเสร็จจ่ายไปประมาณ ชิ้นละ 55 บาท ไทย ถูกกว่าเมืองไทยเกือบครึ่ง แถมทางร้านใส่ Package ผูกโบว์อย่างดี ไว้คราวหน้าถ้ามาฮ่องกงอีก ไม่พลาดแน่ หลังจากช้อปปิ้ง Bakery เสร็จ เราก็ออกมาทาง Exit B แล้วข้ามถนน และเดินไปทางซ้ายมือ แถวๆ สามแยก ก็จะมีประตูไม้ให้เราเข้าไปใน Nan Lian Garden ที่สวนนี้เป็นเหมือน สวนสาธารณะ แต่ไม่ใช่สวนสาธารณะ เอ๊ะ .... งงมั๊ย ที่นี่เป็นสวนแต่ไม่ให้นำน้ำ นำอาหาร เข้าไป แถมห้ามนั่งที่พื้น ห้ามวางของที่พื้น โอ้...กฎเยอะทีเดียว ไฮไลท์เด่นๆ ของสวนนี้ก็อยู่ที่ อาคารกลางน้ำ ที่เหมือนปราสาทญี่ปุ่น ไม่รู้ว่าเค้าเรียกว่าอะไรอะดูเอาจากรูปละกันเนอะ ที่สวนนี้สามารถเดินทะลุไปยังวัดนางชีได้ โดยขึ้นทางเชื่อมลอยฟ้า .. เรียกซะหรูเชียะ แต่มานก็ลอยฟ้าจริงๆ อะ เข้ามาถึงวัดนางชี ก็เดินเล่นรอบวัด 1 รอบ ไว้พระ สำรวจพระ พระพุทธรูปที่นี่สวยจริงๆ ใครได้มาก็คงต้องบอกอย่างนั้น อีกทั้งวัดนางชีเป็นวัดที่สงบมากๆ แถมลมเย็นอีกต่างหาก สำหรับที่นี่เคยมาแล้วเมื่อครั้งที่แล้ว ก็เลยไม่ค่อยอะไรมากนัก ปล่อยเพื่อนๆ เก็บรายละเอียดไปเรื่อยๆ เสร็จจากที่นี่เราแวะทาน Bakery แถวที่นั่งริมทาง Enjoy Eating กันมาก สำหรับเค้ก 4 ชิ้น ประกอบไปด้วย Mango Pudding, Mango Chocolate Dessert, Baked Cheese Cake และ Tiramisu อยากบอกว่าเค้กอร่อยทุกอย่าง ที่อร่อยน้อยที่สุดคือ มะม่วงช็อคโกแลต ที่อร่อยมาก คือ พุดดิ้งมะม่วง และชีสเค้ก ไม่เสียแรงที่ใฝ่ฝันถึงพุดดิ้งมะม่วง คริ คริ สมหวังซักทีเรา สวาปามกันเสร็จก็ขึ้น MTR ไปสถานี Wong Tai Sin หรือ หวังตาเซียนนั่นเอง นั่งไปแค่สถานีเดียว เดินออกทางออก B3 เดินผ่านหน้าประตูวัดไป ... แม่เจ้า อีกแว๊ววววว ... มหาชนล้นหลาม ผิดจากที่มาคราวก่อน คราวนี้สูดควันธูปกันไปเต็มๆ ด้วยเหตุที่เป็นวันเสาร์ ทัวร์ลงเยอะ พวกเราเลยหลีกเลี่ยงมะเร็งควันธูป เดินเลี่ยงไปทางสวนเพื่อนั่งพักตากลม ผึ่งพุงที่เพิ่งอิ่มไปหมาดๆ ระหว่างพักเพื่อนๆ ก็ถ่ายรูปเล่นกันสบายใจเฉิบ ได้รูปสวยหล่อไปตามๆ กัน Next Station Central ราวเที่ยงกว่าเกือบบ่ายโมง เรามาถึงสถานีเซ็นทรัล เพื่อจะต่อรถสาย 15 ไปยัง Peak ... ให้ตายเหอะ ไอ้สถานีนี้เนี๊ยะ มาทีไร..เป็นหลงทุกที คราวก่อนก็หลง คราวนี้ก็หลง จับทิศ จับทางไม่ถูกเล้ย โผล่มาทาง Exit A ตามโพยต้องเดินไปแถวท่าเรือ ... อ้าวแล้วท่าเรือ มันไปทางไหนฟระ เง็ง .. คราวนี้เลยต้องเพิ่งล่ามสาว ไปถามสาวฮ่องกง ว่าจะต้องไปทางใด สาวเจ้าก็สปีคกลับมา แล้วก็ว่าเดินทะลุตึกด้านหน้า (Exchange Square) ไปแล้วเดินไปเรื่อยๆ ก็จะถึงท่าเรือนะ ... ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกว่าไอ้ตึกที่เค้าบอกมันคือ Exchange Square เดินจนทะลุ ตึกไปนั่นแหล่ะ เพิ่งคิดได้ว่า เราจะขึ้นสาย 15 (รถเมล์วิ่งขึ้นไปถึง Peak Galleria) นี่หว่า ไม่ใช่สาย 15C (วิ่งไปถึง Peak Tram) เลยต้องเดินย้อนกลับไปที่ตึก Exchange Square โง่อีกแล้วตู -_- ที่ต้องขึ้นสาย 15 เพราะอยากให้เพื่อนๆ ได้เห็นวิวหลายแบบทั้งจากรถรางและ รถเมล์ .. เข้าไปต่อคิวยืนรอสาย 15 ซักพักก็มา พอรถมาพวกเราก็เดินขึ้นไปนั่งที่ชั้น 2 กัน ชมวิวกันไปเรื่อย ประมาณ 45 นาที ก็ถึง Peak Galleria พอมาถึง ทุกคนต่างหิวโซ แต่ก็ยังลากสังขารขึ้นไปถ่ายรูปกันก่อน กลัวคนอื่นเค้าไม่รู้ว่าเรามาถึง แล้ว อิอิ ...ที่นี่ลมแรงมากๆ เวลาที่เราไปไม่หนาวเท่าไหร่ แต่ก็ลมแรง ถ่ายรูปกันพอเป็นพิธีเสร็จแล้ว ก็ไปหาอะไรทานกันที่ The Peak Tower แล้วร้านที่เราเลือกทานก็คือ ร้าน Hong Kong Day เพราะหวังว่าจะกินอาหารพื้นเมืองของฮ่องกง นั่นเอง ....แต่แล้วก็มาดูหน้าตาอาหารพื้นเมืองของฮ่องกงกันดีกว่า ฮ่า ๆ ข้าวหน้าแฮมไข่, มาม่าหน้าแฮมไข่ พื้นเมืองม๊ากกกกก รสชาติอาหารใช้ได้ทีเดียว อร่อยดี ของเราสั่งข้าวหน้า Porkshop หน้าตาแปลกๆ แต่ก็อร่อย จานนี้ 38 HKD น้ำไม่สั่ง ขอน้ำเปล่าจากร้านฟรี!! ไม่คิดตัง อ้อ ต้องบอกเค้าด้วยนะว่า Ice Water ไม่งั้นอาจได้น้ำร้อน มาแทน ระหว่างรออาหาร ก็แว๊บมาถ่ายรูปกับบรู๊ซลีซะหน่อย ..ที่พิพิธภัณฑ์มาดามทูโชไม่ได้เข้าไปหรอก แค่ขอมาแนบชิดบรู๊ซลี เฉย ๆ น่ะ กว่าจะรับทานเสร็จก็บ่าย 3 กว่าๆ แล้ว พี่อุ๊ก็อยากรับทานไอติม ที่ร้านค้าด้านนอก สนอง need แกหน่อย ปล่อยให้ไปกินไอติม เห็นว่าแค่ 7HKD เพราะเค้าติดป้ายไว้ที่โคน เลยไปสั่งมาคนละ 1 คน กะเจ้าพัช คนขายบอก 39 HKD จ้ะ ค่าโคนน่ะ 7HKD แต่ไอติมน่ะ 32HKD ตะหากล่ะจ้ะ .... โอ้ ไอติมโคนละ 176 บาท ... ยัง เท่านั้นมันยังไม่ควรค่าพอแก่ การจดจำ หลังจากที่ซื้อไอติมเสร็จเราก็ไปต่อคิวเพื่อขึ้น tram รอคิวไม่นาน เรา พี่ตั้ม นัท แคท ก็แปะบัตรปลาหมึกติ๊ด ๆ เพื่อไปรอ tram พอถึงคิวพัชและพี่อุ๊ จนท บอกให้กินไอติมให้หมดก่อน ในขณะที่พวกเราไปยืนรอ tram ที่กำลังจะมากันเรียบร้อยแล้ว ทำให้สองสาวต้องรีบโซ้ยไอติม ให้เร็วที่สุด ใครเคยดื่มน้ำเย็นๆ ในเวลารวดเร็วก็คงรู้นะ ว่ามันจี๊ดขึ้นสมองแค่ไหน ... สงสัยสองสาวเค้ายังหนาวไม่พออะ 555 และพวกเค้าก็ไม่ธรรมดากินกันหมดตอนที่ tram มา พอดิบพอดี โชคดีไป ลงจาก tram เราก็จับรถสาย 15C เพื่อจะไป Exchange Square เพราะตามแพลนเราต้องไป ต่อที่ Repulse Bay แต่เวลาในตอนนั้นบ่าย 3 กว่าแล้ว กว่าเราจะกลับไปขึ้นรถ กว่าจะเดินทาง และกว่าจะเดินไปถึงเจ้าแม่กวนอิม ก็คงจะเย็นมาก ประกอบกับทุกคนต่างก็ปวดเท้า เดินไม่ค่อยไหวกัน เลยตัดสินใจตัดโปรแกรมนี้ทิ้ง แล้วไปต่อที่ Tsim Sha Tsui กันเลย นั่งรถสาย 15C ไปลงที่ Pier 7 ซึ่งเป็นท่าเรือไปฝั่ง Tsim Sha Tsui พอดี ใช้เวลาข้ามเรือ ประมาณ 10 นาทีเอง รวดเร็วมากๆ เนื่องจากมีเวลาเหลือเฟือ ก่อนที่จะไป Avenue of Stars และดู Symphony of Light เลย กะว่าจะไปเดินเล่นที่มงก๊กกันก่อน เดินไปเดินมา หลงอีกแระ ไม่รู้จะเดินยังไงให้ไปถึง มงก๊ก ดูจากแผนที่ MTR เลยรู้ว่ามันต้องไปอีก 3 สถานี ถ้าเดินก็คงไกล เลยตัดสินใจว่านั่งเล่นมันอยู่แถว Avenue of Stars นี่แหล่ะ ดู SOL เสร็จแล้วค่อยไปมงก๊ก เดินไปตามป้ายบอกทางไป Av. of Star ป่าน outlet ของ Esprit อดใจไม่ไหวเลยต้องแวะเข้าไปดู ... อือ ไม่โดนเลยอะ มีแต่เสื้อผ้าหน้าหนาว ซื้อไปแล้วคงเอาไปใส่เมืองไทยไม่ไหวอะ ร้อนตับแล่บ เดินทางต่อดีกว่า พวกเราเดินทะลุห้าง New World Center ตอนที่เดินไปก็มีโชว์ปีสกอต นำโดยตาฝรั่งกะลูกคณะ ชาวฮ่องกง และแชะภาพมาซักที ภายในห้างก็มีการตกแต่งต้อนรับตรุษจีน ซึ่งก็พลาดไม่ได้ที่ พวกเราจะชักแถวถ่ายภาพกัน (อีกแล้ว) เดินตามป้าย Av. Of Stars มาเรื่อยๆ ก็มาโผล่ตรง เป้าหมาย หาที่นั่งเล่นระหว่างรอ SOL พี่ตั้มก็นั่งจิบเบียร์ ชิงเต่า (Chingtao) ซึ่งเป็นเบียร์จีน ราคาพอ ๆ กะน้ำเปล่าเลย ส่วนเราก็ไปนั่งทานกาแฟ อากาศตรงนั้นเย็นมากๆ เย็นเพราะลมโกรกรุนแรงมาก ผมเผิมนี่ปลิวว่อนไปหมด ไหนจะหนาว ไหนจะลม นั่งไปซักพัก เพื่อนนัทเลยไปหาซื้อปลาหมึกมากิน อร่อยดี ปลาหมึกหนา ๆ หนุ่ม ๆ ตัวละประมาณ 20-25 HKD นี่ละจำไม่ได้ แล้วเราก็ไปเดินถ่าย รูปเล่น ให้ไกลจากจุดที่นั่งอยู่ เพราะชัยภูมิไม่ค่อยดี พระวายุตีแสกหน้าตลอดเวลา เลยเดินไปซักพัก ก็มีลมน้อยลง ค่อยยางชั่วหน่อย แถวนี้คงเป็นที่อับสัญญาณแรงลม ... และแล้วพวกเราก็เจอฝ่ามือเฉินลง ก็ต้องเก็บรูปกันไว้เป็นที่ระลึก เดินมาระหว่างทางก็มีประชาชน ชาวฮ่องกง เปิดแสดงคอนเสิร์ตเป็นจุดๆ เจ๊อุ๊คงรู้สึกหนาวและอยากคลายหนาว เลยไปแดนซ์กะ นักดนตรีฮ่องกงซักพักแล้วพวกเราก็ออกผจญภัยต่อตามเส้นทาง Av. Of Star .. เดินไม่ไกลมาก เราก็เล็งเห็นที่สิงสถิตย์ของพวกเราแล้ว เลยนั่งจุ้มปุ๊กถ่ายรูปเล่นกันอยู่แถวนั้น เวลา 2 ทุ่ม SOL ก็เริ่มยิ่งแสงปิ้วๆ ปิ้วๆ ยิงกันไปมาระหว่างฝั่งฮ่องกงและเกาลูน เรานั่งกันอยู่ที่พื้น ด้านบนจะเป็นราวกั้นไม่ให้คนออกไปนอกเขตนี้ ซึ่งมีใครไม่รู้มานั่งบนราว ก็เรียกได้ว่าแทบจะนั่ง ทับหัวเรา มานอาไรกันฟะ คนประเทศนี้ มันไม่มีมารยาทกันซะเลย เลยให้นัทไปนั่งแทนที่เรา 55 เพราะเราต้องใช้สมาธิในการถ่ายรูป ไม่อยากให้ใครมารบกวน ... แสงก็น้อย ขาตั้งกล้องก็ไม่มี ต้องกลั้นหายใจถ่ายรูป กว่าโชว์จะจบก็เล่นเอาเกือบหมดลม เฮ้อ ..... หลังจากนั้นเราก็มุ่งสู่จุดหมายสุดท้ายนั่นคือ มงก๊ก เมื่อครั้งที่มาคราวที่แล้ว รู้สึกอึดอัดกะที่นี่มาก คนมันเยอะ ล้านเจ็ดสิบเอ็ดแสน ยิ่งกว่าสีลมบ้านเรา แบบว่าเป็นโรคกลัวคนเยอะ ที่แคบอะ มันอึดอัด แต่พี่ตั้มคงชอบเพราะเห็นสาวๆ เยอะ เลยต้องพามาเดิน เดินไปเรื่อยเปื่อย เจอ Bossini ซึ่งเป็นสาเหตุการมามงก๊กแล้วต้องรีบปรีเข้าไป .. แคทได้กุงเกงสวยๆ มา แต่เราม่ายได้ไรเลย เสื้อผ้าที่นี่มันไซร์เล็กจังฟระ สู้สิงคโปร์ก็ไม่ได้ เซ็ง ไม่ได้เสียตัง .. หลังจากออกจากที่นี่เราก็เดินไปตามซอย Lady Market เจอเค้าขายเสื้อ 10 HKD และ 15 HKD เอาอีกแระ ไม่มีไซร์ช้านนน เซ็งยกกำลัง 2 เลยปล่อยให้พี่อุ๊กะแคทเลือกเสื้อกันไปพลางๆ สายตาชะแว๊บไปเห็นร้านขายน้ำมะม่วง เลยต้องรีบไปซื้อมาชิม แก้วละ 7 HKD อืมไม่แพงมาก อร่อยดีด้วย เมืองไทยน่าจะมีบ้าง แล้วพวกเราก็เดิน lady market ต่ออีกซักพัก เริ่มหิวเลยกลับที่พักกันดีกว่า กลับมาพี่ตั้ม พี่อุ๊ นัท แคท ก็ไปกินร้านโจ๊กสีม่วง (อีกแล้ว) เรากะพัชเลยขอตัว เพราะอยากโซ้ยมาม่า รสไทยๆ แล้ว เลยชวนกันไปซื้อปลาหมึกที่เล็งเอาไว้เมื่อคืน มาเป็นกับแกล้มในการกินมาม่า .... ไม่อยากจะบอกปลาหมึกกะมาม่าต้มย้ำกุ้งนี่มันช่างเข้ากั๊น เข้ากัน อร่อยมั่ก ๆ สนนราคา สำหรับปลาหมึก ก็ 20HKD กินเสร็จก็แช่น้ำในห้องพัชก่อน แล้วถึงจะไปนอนห้องตัวเอง ... ซึ่งก็ นอนไม่หลับอีกแล้วครับทั่น สาเหตุก็เหมือนเดิม ... ตื่นเช้ามาก็กลายเป็นผีหมีแพนด้าเลย T_T รออ่านต่อตอน 3 นะจ๊ะ โปรแกรมทัวร์ Day 2 8.30 ออกเดินทาง แวะหาข้าวเช้ากิน 9.00 ออกเดินทางไป วัดนางชี MTR สถานี Diamond Hill ประตู C1 9.30 ถึงวัดนางชี และ Nan Lian Garden Exit B 10.30 ออกเดินทางไปวัดหวังต้าเชียน Wong tai Sin Exit B3 12.00 ออกเดินทางไป The Peak เปิดถึงเที่ยงคืน 14.30 ออกเดินทางไป Repulse Bay <โปรแกรมนี้ตัดออก> 17.00 เดินเล่นแถว ช้อปปิ้ง ดูผู้คนแถว จิม ซา จุ่ย 19.00 Avenue of star 20.00 symphony of light @ Clock Tower ชั้น 2 20.30 เดินเล่นมกก๊ก และ Langham place 22.00 กลับที่พัก เดิน
จนขาลาก กับทริปฮ่องกง-มาเก๊า ตอนที่ 1
ว่าทำไมมันบินแต่ 0 บาท ตลอดเลยฟะ อ๊ะ อะ อะ อ๊าวว ก็เราจะจ่ายแพงกว่า ทำไมล่ะทั่น..จริงมั๊ย เริ่มแรกก็จองของตัวเองกะพัชก่อน ตอนแรกกะไปลุยกัน 2 คนเหมือนเคย ๆ แต่คิดไปคิดมา อย่ากระนั้นเลยไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ชวนพี่อุ๊ พี่ตั้ม ก๊วนเที่ยวของเราไปด้วยเลยแล้วกัน เริ่มเรื่องที่วันแรกที่เดินทางเลยแล้วกัน คราวนี้เราออกเดินทางกันวันที่ 16 ม.ค. 51 เช็คอินเสร็จ ผ่านพิธีการ ตม พี่อุ๊ พี่ตั้ม ก็ไปทานอาหารและกาแฟ ที่ cafe nero ส่วนที่เหลือ พอออกมาจากสนามบินเราก็หาทางเดินไปยังค่าเรือ Cotai Jet สำหรับวิธีมาท่าเรือก็ไม่ยาก |
a^o^m
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
Friends Blog |