Do it yourself
 
เติมน้ำยาแอร์ รถยนต์ ด้วยตัวเอง



สวัสดีครับ เพื่อนๆ ก่อนอื่นเลย ผมเติมน้ำยาแอร์ รถยนต์ เองมานานแล้วน่าจะร่วม 2 ปีแล้ว เพราะว่า รถ nissan almera ,ford fietsa ของผมเอง มันแอร์ไม่ค่อยฉ่ำ และบางจังวหวะ ก็ความเย็นก็หายไปดื้อๆ หากจอดนานๆ

ด้วยเหตุนี้ ก็อยากจะ share ความรู้ เกร็ดเล็กๆ เกร็ดน้อยๆ ซึ่งเผื่อใคร สนใจก็สามารถทำด้วยตัวเองได้ตัวเองครับ ไม่ต้องง้อช่าง


ก่อนอื่นเลย ต้องมีอุปกรณ์ก่อน นั่นคือ

เกจวัดน้ำยาแอร์ (วัดได้ทั้งแอร์บ้าน และ แอร์รถยนต์นะครับใช้ตัวเดียวกันครับ)


ภาพข้างบนเป็นเกจสำหรับวัดน้ำยา ผมซื้อมาถ้าจำไม่ผิดก็ 700 กว่าบาทพร้อมสายครับสั้น 3 สั้น ยาวประมาณเส้น ละ 1 เมตรกว่าๆ นะครับ

ด้านบนเป็น adapter ที่ใช้กับรถยนต์ทุกชนิด ผมเติมตั้งแต่ กระบะ vigo, tiger,nissan almera ,ford fiesta,mitsu mirach,ford focus ,chev sonic
เท่าที่จำๆ ได้นะครับ รถเพื่อนๆ รถหลาน รถน้า  และเพื่อน ก็ใช้หัวเดียวกันหมดครับ ผมซื้อก็สั่งผ่าน ebay เอาครับ ราคาหลักร้อยนิดๆ แต่ถ้าประเทศไทยก็น่าจะร่วม 3 ร้อยกว่าบาท แนะนำซื้อมาทั้งฝั่งแรงดันสูง (สีแดง) และ แรงดันต่ำ (สีน้ำเงิน)
เพราะว่าขนาดหัวจะไม่เท่ากัน ขนาดแรงดันสูง หัวจะใหญ่ แรงดันต่ำหัวจะเล็กครับ




ส่วนภาพบน ภาพตามนี้เลยครับ น้ำยาแอร์ r134a ซึ่งไว้เติม กระป๋องละ 200 บาท ใช้ได้หลายๆ ครั้งเลยหละครับ
หากพร้อมแล้ว ก็แนะนำต้วอย่าง เป็นครูของผมเลยครับ นั่นคือ clib จาก youtube ครับ




ข้างบนเป็นตัวอย่างที่ดี และบอกรายละเอียดดีมากๆ ผมเลยแนะนำให้เพื่อน ดูก่อนนะครับ แล้วลงมือกันตามคลิปเลยครับ


หลักการทำงานด้านล่างจะได้มองภาพออก





วันนี้แนะนำวันนี้ ก็เป็น honda jazz ของน้าผมเอง น้ำยาแอร์พร่อง แทบจะไม่เย็นแล้ว ก็เลยวัด ก่อนจะ start เครื่องยนต์
(วัด ขณะปิดวาล์วที่เกจฝั่งแรงดันสูง (แดง) และ แรงดันต่ำ (สีน้ำเงิน)


อธิบายข้างบนซักเล็กน้อย สายสีน้ำเงิน คือ แรงดันต่ำ สีแดงคือ สาย แรงดันสูง สีเหลืองคือ ต่อน้ำยาแอร์ r134a ครับ



ภาพบน ขนาดแรงดันจาก ภายในระบบแอร์รถยนต์ เค้าจะนับเป็นแรงดัน 85 psi หรือ ประมาณ 5.7 bar เราก็จะใช้หลักวัดเป็น psi นะครับ



ลูกศร สีแดง แสดงขนาด psi ส่วนสีส้ม หน่วยวัดเป็น bar
ส่วนใครจะงง เรื่อง ปอนด์ เรื่อง psi , bar ก็ลองเข้าไปอ่าน หรือแปลงหน่วยดูที่



อธิบายง่ายๆ แบบนี้นะครับ
เราเติมลม 32 ปอนด์ ก็ประมาณ 2.1-2.2 บาร์ นั่นเองนะครับ ดังนั้น แรงดันภายในท่อแอร์ ก็ 5.8 บาร์ หรือ 84 psi นั่นเองครับ ก็หมายความว่า แรงดันสูงมากๆ สำหรับผมนะครับ
เพราะว่า ขนาดปี๊มลมเล็กๆ อัดลมเต็มก็ประมาณ 8 บาร์ ก็สามารถสูบยางรถสบายๆ เพราะว่าลมยางรถยนต์ 1 ล้อก็ประมาณ 2 บาร์ (หากเติมวัดจากแรงดันก็ดูภาพด้านล่าง)



ภาพด้านบน หากเติมลมล้อที่บ้าน ก็ดูเข็มให้เลย 2 ซัก 1-2 ขีดก็ได้ปริมาณ 32-34 ปอนด์ที่เราเติมทั่วๆ ไปของรถยนต์ นั่นแหละครับ
เอาแค่นี้ก่อนนะครับ เรื่องแรงดัน เดี๋ยวจะยาวครับ

เข้าเรื่องกันเลยนะครับ

ลำดับขั้นตอนการ เติมน้ำยาแอร์ครับ

1. ต่อหัว adapter หัวแรงดันสูงเข้ากับเกจวัด สายสีแดง  ต่อ adapter หัวสีน้ำเงินเข้าแรงดันต่ำ



จากภาพ สีแดงด้านล่าง คือ แรงดันสูง (ใส่หัว adapter สีแดง) ต่อสายสีแดง ปิดเกจให้แน่น ก็จะได้แรงดันจากในระบบแอร์
ส่วนสีแดงกลมเล็กๆ ข้างบนภาพ คือ แรงดันต่ำ (ใส่ adapter สีน้ำเงิน) ต่อสายสีน้ำเงิน  ปิดเกจให้แน่น ก็จะได้แรงดันจากในระบบแอร์


2.

ภาพบน แรงดันในระบบขณะยังไม่ start รถนะครับ หาก start รถแรงดันจะต่ำลง เพราะว่า ระบบคอมแอร์จะมีลูกสูบทำงาน ขณะเปิดแอร์ (เปิด ac นั่นคือ คอมแอร์ก็จะทำงานแรงดันก็จะตกลงมาครับ)


ภาพบน คือ ฝั่งของแรงดันสูง ตัวนี้จะแรงดันจะต่ำกว่าท่ออีกฝั่ง (แรงดันต่ำ) หาก งง ก็ดูภาพด้านล่างครับ




จะเห็นว่า หลักการทำงานคร่าวๆ คือ คอมแอร์ จะดูด ฝั่งสีน้ำเงิน (แรงดันต่ำ) นั่นคือ แรงดันต่ำ เข้าระบบแล้วทำการอัดน้ำยา (แรงดันสูง)  แอร์เข้าไปในระบบ ผ่าน ดรายเออร์ พัดลมเป่าหน้าเครื่องยนต์ ให้อากาศเย็นลง และผ่านกรองและลดความดันเข้าสู่ห้องผู้โดยสาร
และคอมแอร์ก็จะดูดเข้า อัดเข้าในระบบเป็นแบบนี้ เรื่อยๆ คร่าว ๆประมาณนี้แล้วกันนะครับ


เมื่อเราวัดแรงดันแล้ว ก็ยังมีแรงดันอยู่ก็หมายความว่า น้ำยาแอร์ ยังคงเหลืออยู่นั่นเอง เราก็สามารถที่จะเติมน้ำยาแอร์เข้าระบบได้เลยครับ (กรณีหากไม่มีแรงดัน ต้อง vacum ดูดอากาศออกจากระบบแอร์ก่อนนะครับ อันนี้ไม่ขอกล่าวถึงเดี๋ยวจะยาวครับ)
หลังจากเราต่อ เกจครบแล้วปิด วาล์วตรงมิเตอร์หรือเกจ เมื่อทราบแรงดันแล้ว ตอนนี้ เราก็ เปิดน้ำยาแอร์ เราต้องไล่ลมออกจากท่อน้ำยาแอร์ก่อน โดยคลายเกรียวระว่างเกจ กับน้ำยาให้น้ำยาออกซัก 1-2 วินาที ได้ยินเสียง ฟี้ๆๆๆ (แรงดันจากน้ำยาแอร์กระป๋องดันไปยังเกจวัดนั่นเอง)



ภาพบน คือ ปล่อยน้ำยาแอร์ เข้าระบบทั้ง ฝั่งแรงดันสูง และ แรงดันต่ำ (โดยยังไม่ start เครื่องนะครับ)
หลังจากนั้นให้ปิด เกจฝั่งสีน้ำเงิน และ ฝั่งสีแดง กล่าวคือ ปิดแรงดัน ไม่ให้น้ำยาแอร์เข้าระบบนั่นเอง

หลังจากนั้น ให้ start เครื่องยนต์ เปิดแอร์ สุด เปิดพัดลมสุด เบอร์เลยครับ เราก็มาหน้าห้องเครื่อง
เราก็ปล่อนยาเข้าระบบ โดยการคลายเกลียวฝั่งน้ำเงิน เท่านั้นนะครับ ห้ามคลายเกลียวฝั่งแดงเด็ดขาด !!!!


โดยการปล่อยน้ำยาให้ทำการตั้งขวดไว้ เพราะว่าแรงดันที่ให้เข้าไปต้องเป็นในสภาวะแก๊สเท่านั้นนะครับ อย่าคว่ำขวดครับเพราะว่ามันจะเป็นน้ำเข้าระบบอาจจะทำให้ภายในมีปัญหาได้ครับ
เราก็คลาย แล้วปิด คลายแล้วปิด เพื่อให้ภายในเกิดความเสียหายจากแรงดันของน้ำยาครับ

ขณะเดียวกันเราก็เดินเข้าไปในห้องผู้โดยสาร ว่าเริ่มเย็นแล้วหรือยัง ถ้ายังให้เร่งรอบซัก 2-3 พันรอบค้างไว้ประมาณ 2-5 วินาที
หลังจากนั้น ก็ออกมาปล่อยๆ น้ำยาเรื่อยๆ จนแรงดันประมาณ


ภาพบนเปรียบเทียบ ให้แรงดันขณะ start รถยนต์ และเปิด แอร์นั่นอยู่ระหว่าง 30-40 หรือบางรุ่นผมก็ใช้ประมาณ 45 psi แล้วแต่ครับว่า ได้ความเย็นที่เราต้องการครับ แต่ส่วนมากที่ผมเติมก็ประมาณ 40 psi ก็เย็นฉ่ำแล้วครับ

หลังจากได้ความเย็นที่เหมาะสม แล้วแต่ชอบ อาจจะประมาณ 42-45 psi ก็ทำการปิดวาล์วสีน้ำเงิน เพื่อปิดระบบไม่ให้น้ำยาแอร์จากกระป๋องไม่ให้เข้าระบบ เราก็ดับเครื่องยนต์ครับ

หลังจากนั้น ก็คลาย adapter ฝั่งแรงดัน สูง และ แรงดันต่ำ (ฝั่งไหนก่อนก็ได้ครับ เพราะว่าเราปิดเกจเรียบร้อยแล้ว) แล้วก็ถอด adapter ฝั่งแรงดันต่ำออกก่อน  หลังจากนั้น ค่อยคลายฝั่งแรงดันสูง และ ปลด adapter ออกครับ


เป็นอันเรียบร้อย ในการเติมน้ำยาแอร์ด้วยตัวเอง ใครยังไม่เคยทำ หากทำครั้งแรกก็อาจจะช้า หรือ ตื่นเต้น ก็ค่อยๆ ทำครับ แล้วจะเห็นความแตกต่างระหว่าง ก่อนเติมน้ำยาแอร์ และ หลังเติม ว่าเย็นฉ่ำกว่าเดิมแน่นอนครับ
สรุป เสียเงินค่าน้ำยาแอร์ 200 บาท แถมเติมได้อีกหลายๆ ครั้ง และ หลายคันให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ป้าๆ อาๆ ได้หลายคันเลยทีเดียวครับ


อาจจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ

วันนี้คงพอแค่นี้ครับ ฝันดีครับ


















Create Date : 25 สิงหาคม 2561
Last Update : 23 กันยายน 2561 10:54:58 น. 0 comments
Counter : 42671 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

mrter2012
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]





ผม..สนใจและศึกษาด้านคอมพิวเตอร์ ,network, มือถือ ,ซ่อมแซมบ้าน ซ่อมรถยนต์,เครื่องยนต์,กลไกต่างๆ เครื่องมือช่าง electronic

ว่างๆ ก็จะหาอ่าน ศึกษา หาทำงาน หาซ่อมเป็นงานอดิเรก ฯลฯ

ชอบลงมือทำเอง หากไม่เกิน หรือไม่คิดว่าเกินความสามารถก็จะลงมือทำเลยครับ
หากไม่มีอุปกรณ์ หรือเกินที่เราจะมีได้ ก็ศึกษา หาวิธีที่จะทำ จนสุดก่อน

หากคิดว่าไม่ได้ ทุกอย่างมันก็จะไม่ได้ครับ ดังนั้น เราต้องมั่นใจว่าทำได้ และลงมือเลยครับ

และอยากให้เพื่อนๆ ที่อ่านลงมือทำ อาจจะไม่เหมือนผม แต่อาจจะทำอย่างที่ตัวเองถนัด
แล้วมาบอกเล่าให้เพื่อนๆ ฟังเป็นความรู้ประสบการณ์ เป็นวิทยาทานให้กับคนอื่นๆ รุ่นต่อรุ่น

เพราะว่าช่างที่ทำงานจริงๆ คงไม่มาเขียน หรือบอกเล่าให้เราอ่าน ดังนั้น เพื่อนๆ ทำอะไรที่คิดว่าเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ก็เขียนได้ฟรี ไม่เสียเงิน เพียงแค่ เสียเวลา และถ่ายภาพ
เป็นตัวอย่างให้เพื่อนๆ ที่จะทำตาม ....


ขอบคุณครับ สุดท้าย บทความต่างๆ ที่ผมเขียนคิดว่าคงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับใครบางคนที่ยังไม่รู้ .. ทุกคนไม่รู้ และไม่เก่งกันทุกคนครับ เอาที่ความถนัดมาเขียนบอกเล่ากันครับ... :)



New Comments
[Add mrter2012's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com