M.R.๏~A~๏
Group Blog
 
All Blogs
 

**ภูเขาเพ็กตู Paektu Moutain** ที่ตั้งของสระสวรรค์ เส้นทางสุดท้ายของทริปนี้

  **ภูเขาเพ็กตู Paektu Moutain** ที่ตั้งของสระสวรรค์ เส้นทางสุดท้ายของทริปนี้

ภูเขาเพ็กตู ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติแห่งสุดท้ายของทริป อยู่ห่างจากกรุงเปียงยาง 676 กม. ถ้าเดินทางด้วยรถยนต์จะใช้เวลาราว 9 ชั่วโมง แต่ทางเครื่องบินจะใช้เวลาราวชั่วโมงเศษเท่านั้น
ภูเขาเพ็กตู หรือ เพ็กตูซาน Paektusan เป็นภูเขาที่กั้นชายแดนเกาหลีหนือ และ จีน ทางจีนเรียกว่า ฉางไป๋ซาน Changbaishan เป็นภูเขาหนึ่งในหกแห่งที่สำคัญของเกาหลีเหนือ และเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ ครั้งสุดท้ายที่ภูเขาระเบิดคือในปี ค.ศ. 1903 ตั้งอยู่ในจังหวัด รยังกังและชากัง (Ryanggang and Chagang) ทางภาคเหนือของประเทศเกาหลีเหนือซึ่งติดกับพรมแดนของมณฑลจี๋หลินในประเทศจีน เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในคาบสมุทรเกาหลีและในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ยอดแจงกัน Janggun peak เป็นจุดที่สูงที่สุดของภูเขา คือ 2,744 เมตร ปกคลุมด้วยหิมะถึง 8 เดือนตั้งแต่ระหว่างเดือนตุลาคมถึงเดือนมิถุนายนในภาพจะเห็นภูเขาเพ็กตูในฤดูกาลต่างๆ ตั้งแต่ฤดูใบไม่ผลิที่เห็นความเขียวขจีของพืชพันธุ์ไปจนถึงฤดูหนาวที่ปกคลุมได้ด้วยผืนหิมะ
บริเวณใกล้ภูเขาเพ็กตูยังมีสถานที่น่าเที่ยวชมอีกสามแห่ง คือ ค่่ายลับ Secret Camp ในการต่อสู้กับญี่ปุ่นครั้งอดีต อนุสาวรีย์ซัมจิยอน Samjiyon Grand Monument และ น้ำตกลีเมียงซู Rimyongsu Waterfall ซึ่งอยู่บริเวณตีนเขา


ภูเขาเพ็กตู (หรือภูเขาฉางไป๋ซานที่อยู่ในฝั่งประเทศจีน) รวมถึงทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟ Crater Lake (ทางฝั่งประเทศจีนจะเรียกว่า ทะเลสาบเทียนฉือ หรือ Heaven Lake) เป็นทะเลสาบบนภูเขาที่มีความลึกที่สุดในโลก จุดที่ลึกที่สุดคือ 384 เมตร หลังจากปล่องภูเขาไฟระเบิดพ่นเถ้าลาวาออกมาแล้วเย็นตัวยุบลงเป็นหลุมบนปล่องภูเขาไฟ และลาวาก็ระเบิดออกมาปิดเส้นทางที่แม่น้ำไหลผ่าน ทำให้เกิดเป็นทะเลสาบอันสวยงามที่เรียกว่า ‘สระสวรรค์’ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำซองฮัว ตูเหมิน และยาลู รวมถึงน้ำตกขนาดย่อมทางฝั่งประเทศเกาหลีเหนือ


ทะเลสาบมีลักษณะเป็นทรงรี แคบและยาว มีเกาะเล็กเกาะน้อยที่อยู่ในทะเลสาบหลายเกาะ น้ำในทะเลสาบใสราวกระจกและมีสีน้ำเงินเข้มงดงามมาก มีเนื้อที่ 9.82 ตร.กม. รอบขอบสระมีความยาว 13.1 กม. น้ำในทะเลสาบจะเริ่มจับตัวเป็นน้ำแข็งตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมไปจนถึงกลางเดือนมิถุนายน


เมื่อเข้าฤดูใบไม้ร่วง


ทะเลสาบเมื่อเริ่มเข้าฤดูหนาว



เมื่อถึงฤดูหนาวจะพบความสวยงามที่แปลกตาของหิมะที่ขาวเจิดจ้ากับผืนน้ำสีน้ำเงินที่ยังคงดึงดูดตา แต่สุดท้ายแล้วผืนน้ำก็จะเปลี่ยนเป็นสีขาวสะอาดเมื่อกลายเป็นน้ำแข็งและถูกปกคลุมไปด้วยหิมะในที่สุด


ค่ายลับ Secret Camp ในภูเขาเพ็กตู ซึ่งปัจจุบันไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไป หลังสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่นใน ค.ศ.1905 ท่านผู้นำคนแรก นายคิม อิล ซุง ก็ได้ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์บัญชาการและสะสมกองกำลังทหารเพื่อต่อต้านประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ในช่วงทศวรรษที่ 1930 ก่อนจะประกาศอิสรภาพให้ประเทศเกาหลี และเป็นสถานที่เกิดของอดีตท่านผู้นำ คิม จอง อิล เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1942


ค่ายลับ Secret Camp ในภูเขาเพ็กตู


อนุสาวรีย์ซัมจิยอน Samjiyon Grand Monument เพื่อระลึกถึงเหล่านักสู้ที่เดินขบวนต่อต้านชาวญี่ปุ่น หรือ ‘March on the Fatherland’


อนุสาวรีย์อดีดประธานาธิบดี คิม อิล ซุง


น้ำตกลีเมียงซู Rimyongsu Waterfall ซึ่งเป็นน้ำตกสองชั้นเล็กๆ และมีหอสังเกตุการณ์สร้างอยู่บนเนินน้ำตก


ภาพในมุมกว้าง


ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่


https://www.facebook.com/planetbluetravel




 

Create Date : 17 สิงหาคม 2558    
Last Update : 17 สิงหาคม 2558 7:17:30 น.
Counter : 1499 Pageviews.  

ห๊า! 9 ประเทศราคาถูก ปีนี้ต้องรีบเที่ยว

  ปีแห่งการท่องโลกกว้างมาถึงแล้ว สำหรับใครที่ใจจดใจจ่ออยากออกไปหาประสบการณ์ใหม่ ๆ อยากเรียนรู้ สัมผัสวัฒนธรรมอันแตกต่างจากทั่วทุกมุมโลก ปี 2015 เป็นอีกปีที่จะทำให้ความฝันของคุณเป็นจริง เพราะในปีนี้มีกลุ่มประเทศที่มีแนวโน้มในการลดค่าครองชีพให้ถูกลง จึงเป็นช่วงเวลาที่น่าจะนำเงินจากในกระปุกออกมาจับจ่ายใช้สอยมากที่สุด และเรามาดูกันสิว่า 9 ประเทศที่ Planet Blue ได้เลือกสรรมาให้ ว่าเป็นสถานที่ที่คุ้มค่าแก่การไปเยือนได้ด้วยงบประมาณที่ถูกแสนถูกนี้จะมีที่ไหนที่บ้าง !


1. ประเทศชิลี



เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีความสมบูรณ์ทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรม ตั้งอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ สามารถเป็นโรงเรียนฝึกภาษาสเปนให้ผู้ที่อยากจะพูดภาษาสเปน เพราะคนที่นี่เขาพูดภาษาสเปนกันเป็นหลัก สถานที่ท่องเที่ยวก็มีให้เลือกสรรไม่น้อยหน้าใคร หากอยากไปทะเลก็ทำการจองไปเลยที่ รีสอร์ท ซาน อัลฟอนโซ เดล มาร์ เพื่อการเช็กอินในสระว่ายน้ำติดทะเลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก หรือหากอยากพักผ่อนสบาย ๆ ก็สามารถไปเยือนเมืองบัลปาราอีโซ (Valparaiso) เมืองแห่งศิลปะเก๋ ๆ ได้เช่นกัน นี่เป็นเพียงแค่น้ำจิ้ม หากอยากจะกินถึงน้ำถึงเนื้อก็ต้องไปสัมผัสกันเอง

2. ประเทศในโซนยุโรป



ตาหูผึ่งกันทีเดียวเชียว เพราะในปีนี้ค่าโรงแรม อาหาร และค่าครองชีพของประเทศในกลุ่มที่ใช้เงินสกุลยูโรจะถูกลงจากในปีก่อน ๆ ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ นั่นทำให้ประเทศในโซนยุโรปคือเป้าหมายอันดับต้น ๆ ของนักเดินทางชาวอเมริกันและนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการจะดื่มด่ำกับศิลปวัฒนธรรมสไตล์ยุโรป เพราะคุณสามารถยืดระยะเวลาการพักผ่อนออกไปได้นานขึ้น ในขณะที่เงินที่ต้องนำออกจากกระเป๋ามีค่าเท่าเดิม หากการได้จิบชายามบ่ายในสวนของเมืองผู้ดีคือความใฝ่ฝันของคุณ ก็อย่าปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปเชียวนะ

3. ประเทศญี่ปุ่น



อีกหนึ่งประเทศที่มีการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว แต่ใช่ว่าสิ่งใหม่ ๆ ที่ก้าวเข้ามาจะทำให้วัฒนธรรมและความสวยงามของธรรมชาติของแดนปลาดิบลดน้อยถอยลง แต่กลับเพิ่มคุณค่าให้ตัวของมันเองได้อย่างดีเยี่ยมเลยต่างหาก โดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยวที่มีการจัดการรองรับนักท่องเที่ยวอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง ที่พักอาศัย โรงแรม ร้านอาหาร แหล่งช้อปปิ้ง ฯลฯ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีที่พักเปิดใหม่ แต่มีราคาที่โดนใจวัยฮิปสเตอร์มากมาย จึงทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในทริปเยือนแดนอาทิตย์อุทัยไปได้ไม่น้อยเลย

4. ประเทศรัสเซีย



เชื่อว่าประเทศนี้คงเป็นประเทศที่ชายหนุ่มหลายคนอยากไปสัมผัส เพราะผู้หญิงรัสเซียนั้นได้ชื่อว่าสวยระดับโลกกันเลยทีเดียว และถึงแม้ว่าจะเป็นประเทศอันเป็นที่ตั้งของโรงแรมที่แพงที่สุดในโลก แต่ในภาวะที่น้ำมันภายในประเทศกำลังปรับราคาลงนี้ นั่นเป็นสัญญาณว่าราคาของสินค้าและบริการก็จะลดต่ำลงด้วย แล้วจะปล่อยให้โอกาสที่จะไปเยือนมหาวิหารเซนต์เบซิล (Saint Basil’s Cathedral) ณ เมืองมอสโก (Mosco) หลุดลอยไปได้อย่างไร น้ำขึ้นแบบนี้ก็ต้องรีบตักใช่ไหม

5. ประเทศอาร์เจนตินา



ร้องเฮเตรียมไว้ได้เลย เพราะความฝันที่อยากไปเยือนทีมฟุตบอลระดับตำนานของโลกจะเป็นจริงแล้ว ด้วยเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงซบเซาของประเทศอาร์เจนตินา ได้เปิดช่องทางการเข้าไปเยือนประเทศทางฝั่ง

อเมริกาใต้ให้กับเรา การบริการ ราคาสินค้าต่าง ๆ เริ่มปรับตัวลง ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากประเทศนี้ให้ได้มากที่สุด อาร์เจนตินาเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางธรรมชาติ จึงทำให้นักเดินทางมองว่าการได้มาเยือนประเทศนี้พวกเขาจะคุ้มค่ามาก และยังเป็นจุดศูนย์กลางในการไปเยือนยังประเทศอื่น ๆ ทางฝั่งอเมริกาใต้ได้ง่ายและสะดวกสบายอีกด้วย ขอฝากไว้สำหรับใครที่อยากจะไปเที่ยวประเทศอาร์เจนตินา ควรจะแลกเงินดอลลาร์ติดตัวไปด้วย เพราะค่าของเงินดอลลาร์สามารถแลกซื้อสินค้าต่าง ๆ ได้สูงกว่าเงินสกุลอื่น ๆ

6. ประเทศออสเตรเลีย



ถึงเวลาไปท่องดินแดนจิงโจ้กันแล้ว เพราะตอนนี้เงินดอลลาร์มีค่าสูงกว่าเงินออสเตรเลีย จึงทำให้ผู้ที่ครอบครองเงินดอลลาร์สามารถไปใช้ชีวิตในออสเตรเลียได้อย่างสบาย และเหมือนโชคจะเข้าข้างผู้โหยหาการเดินทางไปยังเกาะทวีปแห่งนี้ เพราะสายการบินชั้นนำของโลกหลายสายการบินกำลังแข่งขันกันลดกระหน่ำราคาตั๋วเครื่องบินทั้งจากฝั่งอเมริกาและออสเตรเลียเอง ส่วนในเอเชียบ้านเราก็มักจะมีโปรโมชั่นจากสายการบินโลว์คอสต์มาให้ได้เลือกจองกันอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นถ้าในปีนี้มีตั๋วเครื่องบินในราคาที่พอใจ ก็จับไว้ให้มั่น เพราะโอกาสที่ทุก ๆ อย่างจะลงตัวแบบนี้ไม่ได้มีวนมาให้บ่อย ๆ

7. ประเทศแคนาดา



เป็นประเทศที่เชียร์สุดใจขาดดิ้น ว่าถ้าชีวิตยังไม่สิ้นต้องไปฟินกับประเทศนี้ให้ได้ ด้วยเป็นประเทศที่มีธรรมชาติงดงาม และวัฒนธรรมที่ผสมผสานกลิ่นอายของตะวันตกไว้ส่วนหนึ่ง ในภาวะที่เงินดอลลาร์แคนาดากำลังปรับตัวลงเช่นนี้ จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้ไปสัมผัสกับเทือกเขาร็อกกี้เมาท์เทน (Rocky Mountains) น้ำตกไนแองการา (Niangara Falls) ชมแสงเหนือแสงใต้ ณ เมืองเยลโลว์ไนฟ์ (Yellow Knife) และสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ อีกมากมายของประเทศแคนาดา ใครมีกำลังทรัพย์ที่เพียงพอก็อย่ารอช้า

8. ประเทศเม็กซิโก



ถ้าอยากไปลองชิมความเผ็ดร้อนของพริกเม็กซิกันแบบต้นตำรับถึงถิ่น นาทีนี้คือนาทีทองของคุณแล้ว เพราะอัตราการแลกเปลี่ยนเงินมีการเปลี่ยนแปลง สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินเปโซเม็กซิกันได้มากขึ้น ประเทศนี้ไม่ได้มีชื่อเสียงแค่พริกที่ร้อนแรงเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยว วัฒนธรรมต่าง ๆ ที่น่าค้นหาอีกด้วย โดยเฉพาะหาดทรายที่สวยงามก็ทำเอาคนทั่วโลกตกหลุมรักประเทศนี้ไปแล้วไม่น้อย การเดินทางไม่มีไฟลท์ตรงจากประเทศไทยไปยังประเทศเม็กซิโก แต่ก็สามารถต่อไฟลท์ได้ง่าย ๆ จากหลาย ๆ เมืองในสหรัฐอเมริกา นั่นจึงเป็นสิ่งที่สมควรอย่างยิ่งที่เมื่อคุณมีโอกาสไปเยือนสหรัฐอเมริกาแล้วต้องไม่พลาดไปเที่ยวต่อที่เม็กซิโก

9. ประเทศยูเครน



บางคนอาจจะไม่คุ้นหูกับชื่อประเทศนี้เท่าไร เพราะมีการเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยวมาได้ไม่นานนัก นั่นจึงทำให้ประเทศยูเครนเป็นประเทศที่ยังคงมีธรรมชาติและวัฒนธรรมที่น่าค้นหามากที่สุดอีกประเทศหนึ่ง และถึงแม้ปัญหาเรื่องชายแดนกับประเทศรัสเซียจะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้ลดฮวบจนน่าตกใจ เพราะเศรษฐกิจยังดำเนินต่อไป เพียงแต่ค่าครองชีพจะลดลง จึงเป็นอีกช่วงเวลาที่ดีในการเยือนประเทศยูเครน

และนี่คือทั้ง 9 สถานที่ที่จะทำให้ฝันในการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศหรือประเทศในฝันของคุณเป็นจริงได้ และอย่างที่บอกไปว่าโอกาสดี ๆ แบบนี้ไม่ได้มีบ่อย ๆ เมื่อมีโอกาสเข้ามาก็จงคว้าไว้ แล้วจะไม่เสียใจ

ที่ลงทุนไปกับการเดินทาง

ขอขอบคุณข้อมูล : kapook.com


ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่


https://www.facebook.com/planetbluetravel




 

Create Date : 16 สิงหาคม 2558    
Last Update : 16 สิงหาคม 2558 11:39:33 น.
Counter : 737 Pageviews.  

เมืองมิวนิก Munich เมืองหลวงของแคว้นบาวาเรีย ที่ซึ่งเราจะอำลาทริปอันประทับใจไม่รู้ลืม

  **เมืองมิวนิก Munich** เมืองหลวงของแคว้นบาวาเรีย ที่ซึ่งเราจะอำลาทริปอันประทับใจไม่รู้ลืม

เมืองมิวนิก Munich หรือ มึนเช่น Munchen ในภษาเยอรมัน เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ และเป็น 1 ในเมืองมั่งคั่งที่สุดของยุโรป ตัวเมืองตั้งอยู่บนแม่น้ำอีซาร์ เหนือเทือกเขาแอลป์ เมืองมิวนิกตั้งอยู่บนที่ราบสูงบาวาเรียตอนบน อยู่ห่างจากตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์ไปทางทิศเหนือประมาณ 50 กิโลเมตรมิวนิกตั้งอยู่สูง 520 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง แม่น้ำสำคัญที่ไหลผ่านได้แก่ แม่น้ำอิซาร์ และแม่น้ำเวือร์ม และเมืองมิวนิกยังเป็นเมืองที่มีเศรษฐกิจเข้มแข็งที่สุดในประเทศเยอรมนี มิวนิกสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1701 เมื่อแคว้นบาวาเรียรวมตัวกันสำเร็จใน พ.ศ. 2049 มิวนิกจึงกลายเป็นเมืองหลวงของบาวาเรีย ปี พ.ศ. 2349 มิวนิกเป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักรบาวาเรียที่สถาปนาใหม่ ในช่วงนั้นมิวนิกถือเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในยุโรปพื้นทวีป



เมืองมิวนิค แห่งแคว้นบาวาเรีย เมืองศูนย์กลางของวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ และเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในการจัดงานเทศกาลเบียร์ หรือ “ออคโตเบอร์เฟส” ในเดือนตุลาคมของทุกปี


จตุรัสคาร์ล Karlsplatz


จตุรัสคาร์ล Karlsplatz


โบสถ์เฟราเอ่นเคียร์เช่อ Frauenkirche สไตล์โกธิค และหอคอยคู่รูปโดมหัวหอม อันเป็นแลนด์มาร์คของเมืองมิวนิค


ภายในโบสถ์เฟราเอ่นเคียร์เช่อ Frauenkirche


อาคารสำนักงานใหญ่ BMW เป็นอาคารสูงทรงกระบอกสูบรถยนต์ (four-cylinder high-rise) และ อาคารพิพิธภัณฑ์ BMW รูปทรงชามใบใหญ่


ภายในอาคารพิพิธภัณฑ์ BMW เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ ไฮเทค กว้างขวาง สวยงาม สะอาด จัดแสดงรถยนต์ รถมอเตอร์โซค์ รุ่นต่างๆในประวัติศาสตร์ของ BMW มีการรวบรวมเครื่องยนต์ของเครื่องบินตั้งแต่ยุค 1916, มอเตอร์ไซค์จากปี 1923, รถยนต์รุ่นตั้งแต่ปี 1928 มีการจัดแสดงนิทรรศการ BMW ให้เห็นเทคโนโลยีรถยนต์ BMW นิทรรศการส่วนที่เกี่ยวกับ เครื่องยนต์แบบต่างๆ และร้านขายของที่ระลึก BMW ที่มีขายทั้งเสื้อผ้า ชุดนักกีฬา ไฟแช็ค กระเป๋าเดินทาง ฯลฯ ของที่ระลึกจาก BMW มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชม ปีละ 850,000 คน


ตัวอย่างผลงานอันหลากหลายและยาวนานของ BMW


จัตุรัส มาเรียนพลัส เป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมือง ซึ่งทุกๆ 11 โมง และ 5 โมงเย็นในฤดูร้อนจะมีเสียงนาฬิกาและตุ๊กตาออกมาเต้นระบำ


นาฬิกาตุ๊กตาที่ศาลาว่าการเมือง


พระราชวังนีมเฟนเบอร์ก ที่สวยงามไม่แพ้พระราชวังแวร์ซายใช้เป็นสถานที่ประทับในฤดูร้อนของพระราชินีแห่งซาวอย และพระราชวงศ์แห่งบาวาเรีย ผู้ริเริ่มสร้างปราสาทคือเฟอร์ดินานด์ มาเรีย เจ้าชายอีเล็คเตอร์แห่งบาวาเรีย และ เฮ็นเรียตตา อเดลเลดแห่งซาวอย ตามแบบของสถาปนิกอากอสติโน บาเรลลิ ในปี ค.ศ. 1664 หลังจากทรงมีพระโอรสองค์แรก แม็กซิมิลเลียน ที่ 2 เอ็มมานูเอลเจ้าชายอีเล็คเตอร์แห่งบาวาเรีย ส่วนกลางของวังสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1675 พระเจ้าลุดวิกที่ 2 กษัตริย์แห่งแคว้นบาวาเรีย ผู้สร้างปราสาทนอยชวานสไตล์ ก็เคยใช้ชีวิตในช่วงพระเยาว์ที่พระราชวังแห่งนี้


พระราชวังนีมเฟนเบอร์ก


ภายในโบสถ์ The Wies


ภายในพระราชวังนีมเฟนเบอร์ก


ภายในพระราชวังนีมเฟนเบอร์ก


ภายในพระราชวังนีมเฟนเบอร์ก


โรงละครโอเปร่า


ภายในโรงละครโอเปร่า


ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่


https://www.facebook.com/planetbluetravel




 

Create Date : 15 สิงหาคม 2558    
Last Update : 15 สิงหาคม 2558 7:10:03 น.
Counter : 529 Pageviews.  

หุบเขาแห่งดอกไม้ Valley of Flowers

  **หุบเขาแห่งดอกไม้ Valley of Flowers**

หุบเขาแห่งนี้ตั้งอยู่ทิศตะวันตกของเทือกเขาหิมาลัย ในรัฐ Uttarakhand ตอนเหนือของอินเดีย
การเดินทางมาถึงที่นี่เริ่มจากเมืองภัทรนาถลงมาทางใต้ด้วยรถยนต์ราว 8 กิโลเมตร มาถึงจุดที่รถยนต์เข้าไม่ถึง จากนั้นเราต้องเดินเท้าหรือขี่ม้าขึ้นไปอีก 14 กิโลเมตร จะถึงฐานที่พัก Ghangaria เพื่อค้างคืนรุ่งเช้า เราจะเดินทางด้วยเท้าหรือนั่งเสลี่ยงไปเป็นระยะทาง 7 กิโลเมตร และแล้วเราก็จะถึงที่หมาย ที่ซึ่งเราจะถูกกลืนไปเป็นส่วนหนึ่งของภาพวาดแห่งทุ่งดอกไม้


หลังจากเดินเท้า 7 กิโลเมตรก็ถึงหุบเขาแห่งดอกไม้


ชมทุ่งดอกไม้ที่ดารดาษไปด้วยดอกไม้ป่าที่หายากหลากชนิดต่างสายพันธุ์ในเทือกเขาหิมาลัย


หุบเขาแห่งดอกไม้


หุบเขาแห่งดอกไม้


หุบเขาแห่งดอกไม้


หุบเขาแห่งดอกไม้


หุบเขาแห่งดอกไม้


ลำธารเล็กๆ ที่ไหลผ่านทุ่งดอกไม้


หุบเขาแห่งดอกไม้


หุบเขาแห่งดอกไม้


หุบเขาแห่งดอกไม้


น้ำตกระหว่างทาง


ลำธาร Pushpawati ที่ไหลผ่านทุ่งดอกไม้


มุมมองที่เห็นยอดเขา Nilgiri Ponbat ที่มีหิมะปกคลุม


ยอดเขา Nilgiri Ponbat


เตนท์พักแรมที่แกงกาเรีย


เตนท์พักแรมที่แกงกาเรีย


เส้นทางเดินเท้าหรือขี่ม้าอีกราว 14 กิโลเมตร ลัดเลาะขึ้นเขาอันคดเคี้ยวชมวิวป่าสนที่ปกคลุมด้วยทะเลหมอกที่ลอยต่ำใต้ยอดเขาเสมือนได้เห็นสวรรค์อยู่ตรงหน้าเป็นภาพที่สวยสุดใจ เดินทางต่อชมธรรมชาติทัศนียภาพระหว่างเดินทางมีเสียงของโตรกธารและสายน้ำใสไหลเย็นเป็นเพื่อนร่วมทางจนถึงแคมป์


เมืองโควินด์ฆาต Govind Ghat เมืองที่เราแวะพักก่อนเดินทางไปแคมป์แกงกาเรีย Ghangaria


หลังจากเดินเท้า 7 กิโลเมตรก็ถึงหุบเขาแห่งดอกไม้


ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่


https://www.facebook.com/planetbluetravel




 

Create Date : 14 สิงหาคม 2558    
Last Update : 14 สิงหาคม 2558 7:34:32 น.
Counter : 1259 Pageviews.  

พิธีปิดชายแดน Closing Ceremony

  **พิธีปิดชายแดน Closing Ceremony** การปิดประตูที่ "ต้องดู"

เสร็จการชมเมืองอมฤตสาร์ในตอนบ่าย เราก็เดินทางผ่านเมืองอัตตาริ Attari ของอินเดีย เมืองพรมแดนของอินเดีย เพื่อกลับเข้ามายังหมู่บ้านวาการ์ Wagah ซึ่งขึ้นอยู่กับเมืองลาฮอร์ของปากีสถานเราจะชมพิธีที่ วาการ์ บอร์เดอร์ Wagah Boarder ของปากีสถาน รอดูพิธีปิดชายแดนที่ทำประจำทุกวัน เป็นพิธีสวนสนามของทหารอินเดีย และทหารปากีสถาน ณ เส้นพรมแดนแบ่งแผ่นดินที่เคยเป็นผืนเดียวกันฟังเสียงตะโกนเชียร์ประเทศตัวเอง ให้ดังกว่าประเทศอีกฝังของประตู (อินเดีย) ถึงขนาดสร้างอัฒจรรย์ โบกธง ลงเครืองเสียง แสดงถึงความไม่ลงรอยกันแบบสุดๆ ทัง้ ทีเป็นเชือชาติ ภาษาเดียวกันมา 4,000 ปี แต่ต่างกันแค่ศาสนาเท่านัน



ช่วงท้ายของพิธีก่อนเชิญธงลง ทหารปากีสถานอยู่ในชุดดำพร้อมที่จะเชิญธงลงตามจังหวะของเสียงแตร แม้จะอยู่คนละฝั่ง แต่เสียงแตรของทั้งสองฝ่ายก็ประสานอยู่ในจังหวะเดียวกัน นั่นคือธงจะลงมาในจังหวะที่พร้อมกัน


กองเชียร์ของฝั่งปากีสถานบนอัฒจรรย์ มีคนโบกธงและคนตีกลองให้จังหวะการเชียร์


กองเชียร์ฝั่งอินเดียบนอัฒจรรย์เช่นกัน


ทางฝั่งอินเดียจะมีการวิ่งธงจากประชาชนเป็นคู่ตรงไปใกล้จุดแบ่งแดนระยะทางราว 200 เมตร


นอกจากการวิ่งธง ทางฝั่งอินเดียจะมีการจับกลุ่มกันเต้นรำไปกับเสียงเพลงผ่านเครื่องเสียงอันเร้าใจ


ชาวอินเดียเต้นรำด้วยความสนุกสนานด้วยลีลาพลิ้วไหวตามจังหวะเพลง แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นคนในพื้นที่ แต่ก็มีนักท่องเที่ยวหลายคนที่ทนความเย้ายวนของเสียงเพลงอันเร้าใจไม่ได้เข้าร่วมความสนุกสนานด้วย


ความสุขที่ฉายออกมาทางแววตาท่าทาง


การเผชิญหน้าก่อนปิดพรมแดน


ตลอดเวลาของการเผชิญหน้า ต่างฝ่ายต่างแสดงท่าทางเข้มแข็งหยิ่งผยองเข้าประจัญหน้ากัน


ทหารทั้งสองฝ่ายถูกคัดเลือกมาเป็นอย่างดีให้มีความแข็งแกร่งและยืดหยุ่นเพื่อเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ


สุดท้ายของการเผชิญหน้าก็จบลงอย่างงดงามด้วยการเขย่ามือกันอย่างชายชาติทหาร และหันหลังกลับสู่ฝั่งตัวเอง


ธงจะถูกเชิญลงเมื่อเวลา 19 นาฬิกาตรง จากนั้นจะถูกพับด้วยลีลาอันหมดจดและเชิญกลับพร้อมกับประตูก็จะถูกปิดลงอย่างรวดเร็วจากนั้นเราก็จะเดินทางกลับมาพักค้างคืนที่เมืองลาฮอร์ เพื่อเดินทางไปยังกรุงอิสลามาบัด Islamabad ต่อไป



ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่


https://www.facebook.com/planetbluetravel




 

Create Date : 13 สิงหาคม 2558    
Last Update : 13 สิงหาคม 2558 7:15:48 น.
Counter : 809 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  

ปวดหมอง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




โสด..
อารมณ์ ดี
ขี้เหร่
เอาแต่ใจ...
ยากจน...
ใส้แห้ง...
Friends' blogs
[Add ปวดหมอง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.