M.R.๏~A~๏
Group Blog
 
All Blogs
 

9 ที่เที่ยวอินเดีย คุณต้องไม่พลาด!

  9 ที่เที่ยวอินเดีย คุณต้องไม่พลาด!


อินเดียเป็นอีกประเทศที่เก่าแก่และมีเสน่ห์มนต์ขลังไม่แพ้ชาติใดในโลก จึงไม่แปลกหากประเทศแห่งนี้ จะเป็นอีกสถานที่ซึ่งใครหลายๆ คนใฝ่ฝันจะไปสัมผัสกับความงามด้วยตาตัวเองสักครั้ง อย่างไรก็ตาม หาก

คุณมีโครงการจะไปอินเดียเร็วๆ นี้ แต่ยังไม่รู้จะวางแผนการเที่ยวอย่างไรดี วันนี้ Planet Blue ได้รวบรวมสถานที่เที่ยวน่าสนใจของอินเดียมาฝาก เพื่อเอาใจคุณโดยเฉพาะ

1. ทัชมาฮาล สัญลักษณแห่งรักนิรันดร์



แน่นอนว่าทัชมาฮาล (Taj Mahal) เมืองอักรานั้น เป็นหนึ่งในสิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจอยากเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง เป็นอันดับต้นๆ เมื่อไปเยี่ยมชมประเทศอินเดียแน่นอน เพราะนอกจากจะมีความประณีตสวยงามรวมกับภาพวาด จนได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในมรดกโลกแล้ว ทัชมาฮาลยังเป็นตัวแทนของความรักยิ่งใหญ่ ไม่มีวันเสื่อมคลายของ จักรพรรดิ ชาห์ ชหานชีร์ ที่สร้างแก่พระมเหสีอันเป็นที่รักของพระองค์อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โรแมนติกสุดๆ

2. เยี่ยมชม ออโรวิลล์ เมืองในอุดมคติ



ออโรวิลล์ (Auroville) เมืองที่ก่อตั้งขึ้นมาในปี 1968 โดยมีจุดประสงค์ให้เป็นเมืองที่ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุขโดยไม่เกี่ยงเรื่องเชื้อชาติ ศาสนา หรือการเมือง โดยสถาปัตยกรรมในเมืองนี้ เป็นผลงานการออกแบบของ โรเจอร์ แองเกอร์ สถาปนิกชาวฝรั่งเศส สิ่งก่อสร้างต่างๆ จึงเน้นไปที่เสน่ห์ของการผสมผสานระหว่างศิลปะแนวโมเดิร์นของฝั่งตะวันตกกับศิลปะดั้งเดิมของทางอินเดียเป็นหลัก

3. แวะชมธรรมชาติสวย ๆ ที่ดาร์เจียลิง



หากคุณคิดว่าจะพบแต่ความร้อนระอุแห้งแล้งที่ประเทศอินเดียละก็ผิดถนัด เพราะที่อินเดียนั้นก็มีสถานที่ร่มรื่นให้คุณได้พักผ่อนชื่นชมธรรมชาติสวยๆ เช่นกัน ซึ่งคุณสามารถหาชมสิ่งเหล่านี้ได้ที่ ดาร์เจียลิง (Darjeeling) แหล่งปลูกชาของอินเดีย ซึ่งเป็นไปด้วยต้นไม้ดอกไม้นานาพันธุ์ที่มีให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมไม่รู้เบื่อ

4. สัมผัสเสน่ห์เมืองมุมไบ




เป็นอีกเมืองหนึ่งเมืองที่คุณไม่ควรพลาดเมื่อไปเยี่ยมชมประเทศอินเดีย โดยเฉพาะสำหรับคอหนังทั้งหลาย เพราะเป็นเมืองที่มีโรงภาพยนต์ IMAX ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ นอกจากนี้ ยังเป็นศูนย์รวมแหล่งช้อปปิ้งที่นักช้อปทั้งหลายไม่ควรพลาดอีกด้วย

5. ชมศิลปะเก่าแก่ที่พิพิธภัณฑ์ปอนดีเชอรี



หากคุณเป็นคนหนึ่งที่หลงใหลชื่นชมวัตถุโบราณเป็นพิเศษ ก็ไม่ควรพลาดการชมพิพิธภัณฑ์ปอนดีเชอรี เพราะเป็นสถานที่ซึ่งได้รวบรวมหินสลัก และศิลปะจากแร่ทองแดง รวมถึงศิลปะเก่าแก่อื่นๆ ตั้งแต่สมัมยราชวงศ์ปัลวะและราชวงศ์โจละอันเก่าแก่เอาไว้ โดยพิพิธภัณฑ์นี้จะเปิดทำการทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ ตั้งแต่เวลา 10.00 - 17.00 น. เรียกว่าใครที่ต้องการศึกษาอารยธรรมเก่าแก่ของชาวอินเดีย ไม่ควรพลาดการเยี่ยมชม สถานที่แห่งนี้

6.พักผ่อนริมแม่น้ำ Kodiakanal



ชื่อของแม่น้ำแห่งนี้มีความหมายว่า "ของขวัญจากป่าเขา" ซึ่งนับว่าเป็นชื่อที่เหมาะกับแม่น้ัแห่งนี้มาก เพราะนอกจากที่นี่จะมีวิวสวยๆ ริมแม่น้ำให้เราได้ชมกันจนเพลินตาแล้ว ยังมีบริการให้นักท่องเที่ยวขี่ม้าชมวิวและปีนเขาได้อีกด้วย จึงถือได้ว่าเป็นสถานที่สวยงามและเหมาะกับการผักผ่อนทุกรูปแบบ ราวกับของขวัญจากธรรมชาติอย่างแท้จริง


ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่


https://www.facebook.com/planetbluetravel




 

Create Date : 02 สิงหาคม 2558    
Last Update : 2 สิงหาคม 2558 5:43:36 น.
Counter : 543 Pageviews.  

10 ที่เที่ยวที่น่าเที่ยวที่สุดในโลก ประจำปี 2015

  10 ที่เที่ยวที่น่าเที่ยวที่สุดในโลก ประจำปี 2015 


1.นครวัด ประเทศกัมพูชา (Angkor Wat)

ที่เที่ยวน่าเที่ยวที่สุดในโลกอันดับที่ 1 ขอยกให้กับมรดกโลกที่สำคัญ ตั้งอยู่ในทวีปบ้านใกล้เรือนเคียงของเรานี่เอง นั่นคือ "นครวัด" ศาสนสถานสำคัญตั้งอยู่ในเมืองพระนคร จังหวัดเสียมเรียบประเทศกัมพูชา จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์เชื่อว่าสร้างในรัชสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 12 เป็นสิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ตัวเทวสถานถือเป็นที่สุดของสถาปัตยกรรมเขมรสมัยคลาสสิกรุ่งเรือง แม้ปัจจุบันจะผ่านกาลเวลามายาวนานแต่ความงดงามทางสถาปัตยกรรมยังคงอยู่ จนทำให้ที่นี่กลายเป็นที่สุดแห่งปี 2015 ที่ควรค่าแก่การเยี่ยมชม



2. มาซูปิกซู เปรู (Machu Picchu)

มาซูปิกซู ปรเทศเปรู หรือที่เรียกว่า เมืองสาปสูญแห่งอินคา ซากอารยธรรมโบราณของชาวอินคา ตั้งอยู่บนเทือกเขาสูงในประเทศเปรู ที่เที่ยวน่าเที่ยวที่สุดอันดับ 2  ของปี 2015 เป็นอีกสถานที่ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น "มรดกโลก" ซึ่งสถานที่แห่งนี้ถือว่าเป็นแหล่งอารยธรรมที่ถูกลืม เพราะถูกทิ้งร้างไปนานนับ 100 ปี จนนักโบราณคดี ไฮแรมบิงแฮม ได้ค้นพบขึ้นมา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหล่าคนรักประวัติศาสตร์ไม่ควรพลาด แต่ถ้าคุณไม่ได้หลงรักในประวัติศาสตร์แต่ไม่อยากพลาดสถานที่เที่ยวสวยๆ ที่แม้จะถูกทิ้งร้างไปนับ 100 ปีล่ะก็ ลองไปเที่ยวที่นี่สักครั้ง รับรองจะติดใจ



3. ทัชมาฮาล อินเดีย (Taj Mahal)

ที่น่าเทียวอันดับสามของปี 2015 ขอยกให้กับอนุสรณ์แห่งรักบันลือโลก นั่นคือ ทัชมาฮาล ประเทศอินเดีย ตั้งอยู่ในริมฝั่งแม่น้ำยมุนา ในเมืองอาคราเป็นสถาปัตยกรรมแห่งความรักที่ถูกสร้างจากหินอ่อนที่มีความงดงามมากที่สุดในโลกสร้างขึ้นโดยสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโมกุล ผู้มีรักมั่นคงต่อพระมเหสีของพระองค์ โดยสร้างขึ้นภายหลังจากที่มเหสีของพระองค์ได้สิ้นพระชนม์ลง ภายในเป็นที่บรรจุหลุมศพของพระนางมุมตัซ มาฮาล ตัวหลุมศพถูกสร้างด้วยหินอ่อนสีขาว ศิลาแลง ประดับลวดลายเครื่องเพชร พลอย หิน โมราและเครื่องประดับจากมิตรประเทศ ได้รับคำรับรองว่าสร้างขึ้นด้วยสัดส่วนที่วิจิตรและงดงามที่สุด



4.มัสยิด ชีค ซาอิด สหรัฐอาหรับเอมิเรตต์ (Sheikh Zayed Grand Mosque Center Abu Dhabi)

อันดับที่ 4 มัสยิด ชีค ซาอิด สหรัฐอาหรับเอมิเรตต์ เป็นมัสยิดที่มีขนาดใหญ่และงดงามที่สุดในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก แนวคิดในการสร้างมัสยิดแห่งนี้คือการรวมโลกเอาไว้ในสถานที่แห่งเดียว เพราะนอกจากจะเปิดกว้างต้อนรับผู้คนทุกเชื้อชาติศาสนาจากทั่วโลกแล้ว การออกแบบและก่อสร้างยังเป็นการรวมเอาสถาปัตยกรรมและช่างฝีมือจากทั่วโลก ทั้ง อิตตาลี่ เยอรมนี โมร็อกโก อินเดีย ตุรกี อิหร่าน จีน อังกฤษ นิวซีแลนด์ กรีซ และ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อีกทั้งยังมีการผสมผสานวัสดุที่หลากหลายทั้ง หินอ่อน หินสี ทองคำ อัญมณี คริสตัลและเซรามิค เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่สวยงามและน่าเยี่ยมชมอย่างมาก



5.มหาวิหารซากราด้า ฟามิเลียร์ (Basilica of the Sagrada Familia)

อันอับที่ 5 ได้แก่ มหาวิหารซากราด้า ฟามิเลีย หรือ Temple Expiatori dela Sagrada Famlia Barcelona ตั้งอยู่ในประเทศสเปน โบสถ์ที่สร้างไม่เสร็จนี้เป็นสัญลักษณ์ของบาร์เซโลน่า เป็นงานชั้นยอดที่แสดงถึงอัจฉริยภาพของ Antoni Gaudi สถาปนิกชาวสเปนที่ถูกยกให้ว่าเป็นผู้ที่มีรสนิยมและมีเอกลักษณ์ในการออกแบบไม่เหมือนใคร ทุกวันนี้มีคนแห่กันไปดูโบสถ์นี้กันล้นหลาม



6. มหาวิหารนักบุญเปโตร อิตาลี (St. Peter’s Basilica)

อันดับที่ 6 มหาวิหารนักบุญเปโตร อิตาลี เป็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในนครรัฐวาติกัน และเป็นมหาวิหารเอกหนึ่งในสี่แห่งของนครรัฐวาติกัน ในกรุงโรม ที่นอกเหนือจาก มหาวิหารนักบุญยอห์น ลาเตรัน มหาวิหารซันตามาเรียมัจโจเร และมหาวิหารนักบุญเปาโลนอกกำแพง สามารถจุคนได้ กว่า 60,000 คน เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดที่หนึ่งในคริสตจักรโรมันคาทอลิก



7. มหาวิหารแห่งมิลาน อิตาลี (Milan Cathedral Duomo)

อันดับ 7 มหาวิหารแห่งมิลาน (Duomo Italy) มหาวิหารแห่งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นของเมืองมิลาน เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิกที่ทำจากหินอ่อนที่ใหญ่ที่สุดในโลก และใช้เวลาในการสร้างนานถึง 500 ปี ลักษณะเด่นของวิหารที่นอกเหนือจากความวิจตรงดงามแล้ว ยังประดับประดาไปด้วยรูปปั้นนับกว่า 3,000 รูป ที่สวยงามไม่แพ้กัน นับเป็นมหาวิหารที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจาก มหาวิหารนักบุญเปโตร อิตาลี



ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่


https://www.facebook.com/planetbluetravel




 

Create Date : 01 สิงหาคม 2558    
Last Update : 1 สิงหาคม 2558 6:12:52 น.
Counter : 619 Pageviews.  

สุดยอด 10 เมือง ที่ขึ้นชื่อว่าควรไปเยือนมากที่สุดในฤดูกาลแห่งใบไม้เปลี่ยนสี

  สุดยอด 10 เมือง ที่ขึ้นชื่อว่าควรไปเยือนมากที่สุดในฤดูกาลแห่งใบไม้เปลี่ยนสี




คังว็อนหรือคังว็อน-โด ประเทศเกาหลีใต้ (Gangwon-do/ Gangwan Province, South Korea)

จังหวัดนี้ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับการท่องเที่ยวช่วงฤดูกาลใบไม้ร่วงของเกาหลี เพราะบนยอดเขาซอรักซัน (Seoraksan) บนเกาะแห่งนี้เป็นจุดชมวิวชั้นเยี่ยมสำหรับชมสีสันของใบไม้ที่อวดแข่งสีสันของฤดูกาล มากไปกว่านั้น ยังมีความเชื่อกันว่า การมาเยือนจังหวัดคังว็อนในช่วงนี้จะช่วยเพิ่มดีกรีของคู่รักให้แนบแน่นขึ้น และสำหรับคนโสดก็จะได้เจอเนื้อคู่โดยเร็ววัน แต่จะจริงหรือไม่นั้น อันนี้คุณต้องไปพิสูจน์กันเอาเอง



ทัสกานี ประเทศอิตาลี (Tuscany, Italy)

ช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมเป็นช่วงเหมาะแก่การไปเยือนเมืองนี้ เพราะเป็นช่วงอากาศอบอุ่น ไม่ร้อน ไม่หนาว และในทุกๆ ปีในช่วงสัปดาห์ที่สองของเดือนกันยายนจะมีเทศกาลของไร่ไวน์ในเขตชิอานติ (Chianti Grape Festival) ซึ่งเป็นแหล่งผลิตไวน์ขึ้นชื่อ ในปีนี้ตรงกับวันที่ 5-8 กันยายน และในสัปดาห์ถัดมา (12-15 กันยายน) ก็จะมีเทศกาลชิมไวน์อันยิ่งใหญ่ของทัสกานีชื่อว่า “วีโน อัล วีโน” (Vino  al Vino) ซึ่งนอกจากจะมีไวน์รสดีจาก 12 ไร่ไวน์ชั้นนำมาออกบูธแล้ว ยังมีร้านอาหารพื้นเมือง และดนตรีสดมาร่วมเพิ่มความบันเทิงให้เทศกาลแห่งปีนี้ด้วย



จิ่วจ้ายโกว มณฑลเสฉวน เฉิงตู ประเทศจีน (Jiuzhaigou, Sichuan, China)

เมืองนี้เป็นเมืองแห่งธรรมชาติ เป็นเมืองแห่งธารน้ำและทะเลสาบ ในช่วงเดือนตุลาคม ต้นไม้ใบไม้ในเขตวนอุทยานแห่งชาติจิ่วจ้ายโกว (Jiuzhaigou National Park) จะผลัดใบเล่นสีสันเปลี่ยนสีกันอย่างงดงาม และหากคุณเป็นคนรักธรรมชาติ บรรยากาศเย็นตลอดปี และเหล่าลำธาร น้ำตก ป่าเขาของเมืองนี้จะทำให้คุณไม่อยากลาจากมหัศจรรย์ของธรรมชาติ สวรรค์บนดินแห่งนี้เลยทีเดียว



บอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา (Boston, United States of America)

ไม่ต้องอธิบายมากเพราะเมืองๆ นี้ได้ขึ้นชื่อว่า สวยงามประหนึ่งคำนิยามของฤดูใบไม้ร่วง ด้วยทั้งสีสันของธรรมชาติที่เตรียมปลิดใบเขียว เปลี่ยนเป็นสีแดงกันโดยพร้อมเพรียง ประกอบกับตึกรามแบบสมัยอาณานิคมที่รายล้อมอยู่ในเมือง กิจกรรมที่ชาวบอสตันและผู้มาเยือนต้องทำก็คือ การเดินชมเมือง ลัดเลาะริมแม่น้ำชาร์ลส (Charles River) ดังสมญาณามว่า “เมืองแห่งการเดิน (ชมเมือง)” (The Walking City)



มิวนิค ประเทศเยอรมัน (Munich, Germany)

ขึ้นชื่อไปทั่วโลกเรื่องเทศกาลเบียร์ประจำปี “Oktoberfest” ซึ่งในปีนี้จะครบรอบ 200 ปีของเทศกาล รับรองว่าความอลังการจะมากกว่าปกติเป็นสองเท่าตัว เทศกาลจัดขึ้นระหว่าง 18 กันยายน – 4 ตุลาคม และที่มากไปกว่าเรื่องเบียร์ ก็คือพิพิธภัณฑ์ของเมืองนี้ จัดว่ามีคอลเลคชั่นงานศิลปะที่ดีที่สุดในยุโรป ข้อสำคัญสำหรับการไปร่วมเทศกาลอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้คือ การจองโรงแรมและตั๋วเครื่องบินแต่เนิ่นๆ เพื่อจะรับประกันได้ว่า คุณจะไม่พลาดความบันเทิงระดับโลกอย่างเด็ดขาด



คอร์นวอลล์ ประเทศอังกฤษ/สหราชอาณาจักร (Cornwall, United Kingdom)

ดินแดนทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอังกฤษ ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งเทือกเขาและทะเลสีเงิน เป็นมณฑลที่ประกอบไปด้วยเมืองท่องเที่ยวขนาดเล็กๆ ติดทะเล คอร์นวอลล์มีชื่อเรื่องความสวยงามของเมือง

โบราณ หมู่บ้านชาวประมงริมน้ำ หอศิลปะ และอาหาร อีกทั้งฤดูกาลนี้นักท่องเที่ยวก็ไม่พลุกพล่านเหมือนช่วงฤดูร้อน ราคาที่พักก็ลดลง สำหรับนักเล่นเซิร์ฟ (Surfer) ช่วงนี้จะถือว่าเป็นช่วงที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งของปี เพราะน้ำทะเลยังอุ่น แดดไม่แรง และคลื่นลมก็กำลังดี สำหรับนักชิมก็ไม่ควรพลาดเทศกาลชิมหอยนางรมท้องถิ่น หอยนางรมแห่งเมืองฟอลเมาท์ (Falmouth Oysters) อันลือชื่อซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงฤดูกาลนี้เป็นประจำทุกปี และอย่าลืมแวะชิมขนมอบสไตล์คอร์นนิช (Cornish Pastry) ที่โด่งดังว่าอร่อยล้ำอย่าบอกใคร



แวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา (Vancouver, Canada)

เป็นเมืองหลวงที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ และป่าเขาลำเนาไพร ถึงแม้ว่ายังจะเป็นช่วงตอนปลายของฤดูฝน แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาของการมาเยือนเลย เพราะช่วงนี้เป็นช่วงเริ่มต้นของเทศกาลทางวัฒนธรรมและการแข่งกีฬาต่างๆ เช่น เทศกาลดนตรีซิมโฟนี ออเครสต้าแห่งปี ช่วงเปิดละครเวทีฤดูใหม่ รวมไปถึงเริ่มต้นการแข่งขันฮอคกี้อันโด่งดัง



เวสต์ สวีเดน ประเทศสวีเดน (West Sweden, Sweden)

ช่วงฤดูกาลนี้ เป็นช่วงเปิดเทศกาลกินกุ้งยักษ์ลอบสเตอร์ประจำปี เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 27 กันยายนไปจนสิ้นสุดเดือนตุลาคม สองเดือนนี้นอกจากจะเป็นช่วงที่กุ้งชุกชุม กุ้งอร่อย และตัวใหญ่กำลังดี อาหารทะเลอย่างอื่นก็ถือว่าเป็นช่วงที่รสชาติดีที่สุดของปีด้วย



เวนิส ประเทศอิตาลี (Venice, Italy)

หากคุณชื่นชอบงานศิลปะของยุโรปโบราณ คุณไม่ควรพลาดการมาเยือนเวนิซในช่วงนี้ เพราะพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติ จะจัดแสดงผลงานของจิโอวานนี อันโตนิโอ กานาล (Giovanni Antonio Canal) หรือที่นักศิลปนิยมรู้จักกันในนามคานาเลตโต (Canaletto) ซึ่งจะเปิดแสดงวันที่ 13 ตุลาคม นอกจากนั้นเมืองแห่งคูคลองในฤดูใบไม้ร่วงนี้ ก็มีสีสันของฤดูกาลที่สวยงามไม่แพ้เมืองใด อีกทั้งอากาศก็กำลังสบาย การล่องเรือกอนโกล่า (Gondola) ชมพระอาทิตย์ตกดิน ณ เมืองอันแสนโรแมนติค ใครหลายคนอาจจะได้สละโสดกันในทริปนี้ก็เป็นได้



มอนเทอเรย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา (Monterey, United States of America)

ขับรถชมวิวบนถนน 17 ไมล์ (17 Mile Drive) ช่วงฤดูใบไม้ร่วงถือว่าโรแมนติคที่สุด และในเดือนกันยายนยังมีเทศกาล “มหกรรมดนตรีแจ๊สประจำปีแห่งมอนเทอเรย์” (Monterey Jazz Festival) ซึ่งจัดเป็นประจำมาร่วม 56 ปี ในปีนี้ตรงกับวันที่ 20-22 กันยายน ถือว่าเป็นประเพณีงานดนตรีแจ๊สที่จัดมายาวนานที่สุดในโลก และในแต่ละปีนั้นก็มีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 5 หมื่นคน นักเดินทางผู้หลงใหลในดนตรีแจ๊สไม่ควรพลาดงานครั้งนี้ ที่สำคัญอย่าลืมจองตั๋วเครื่องบินและที่พักกันแต่เนิ่นๆ



ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่


https://www.facebook.com/planetbluetravel




 

Create Date : 31 กรกฎาคม 2558    
Last Update : 31 กรกฎาคม 2558 6:08:22 น.
Counter : 603 Pageviews.  

สถานที่ท่องเที่ยวตามรอยซีรี่ย์ Game of Thrones

  สถานที่ท่องเที่ยวตามรอยซีรี่ย์ Game of Thrones


เพราะความฮอตของซีรี่ย์ Game of Thrones  ของช่อง HBO ได้รับความนิยมอย่างมาก  จนส่งดีไปถึงการท่องเที่ยวในประเทศสเปน และ โครเอเชีย ที่ผู้สร้างใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำ  เพราะมีแฟนซีรี่ย์แห่ไปตามรอย 

เพื่อเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านั้นกันยกใหญ่    ส่วนจะเป็นที่ไหนกันบ้าง ไปดูกันเลย


1.   The Alcazar of Seville ในสเปน  ซึ่งใช้เป็นสถานที่พำนักของเจ้าชาย Doran Martell ในซีรี่ย์


2.  Osuna ตึกเก่าแก่อายุเกือบ 500 ปีในสเปน  ซึ่งคอซีรี่ย์ จะได้เห็นสถาปัตยกรรมอันสวยงามนี้ในซีซั่น 5  แน่นอนกับฉากต่อสู้อันดุเดือด  โดยมีแฟนซีรี่ย์บางคนเคยถ่ายภาพนักแสดงหนุ่มร่างเล็ก Peter 

Dinklage ร่วมแสดงในฉากนี้ได้วย


3. พระราชวังอัลฮามบรา ของ สเปน  ซึ่งเคยเป็นที่พำนักขอกษัตริย์ชาวมัวร์ และเป็นหนึ่งในสิ่งที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของมรดกทางประวัติศาสตร์ของมุสลิม ยิว และคริสต์ ปัจจุบัน เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งสถาปัตยกรรม

มุสลิมกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก


4.  Klis Fortress ป้อมปราการอายุเฉียด 2,00 ปี  ซึ่งตั้งตระหง่านกลางเมือง Split ของโครเอเชีย   โดยแฟนซีรี่ย์ Game of Thrones คงยังจำกันได้ว่า นี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่แม่มังกร  Daenerys  Targaryen  

ปลดปล่อยทาส  Meereen นั่นเอง


5.  พระราชวังไดโอคลีเชียน ในเมืองสปลิท ประเทศโครเอเชีย  ที่ Daenerys ใช้ปกครอง หลังปลดปล่อยทาสแล้ว


6.  เมืองดูบรอฟนิก  ประเทศโครเอเชีย  หรือ อาณาจักร Kings Landing ในซีรี่ย์ Game of Thrones


7. อุทยานแห่งชาติครึกคา    อุทยานแห่งชาติที่เป็นอันดับ 7 ของประเทศโครเอเชีย มักถูกใช้เป็นฉากกลางแจ้งของซีรี่ย์อยู่บ่อยๆ


8.  วิหารเซนต์เจมส์ ในเมืองสปลิท โครเอเชีย  ซึ่ง Arya Stark ได้เดินทางมาตอนท้ายของซีซั่นที่  4


9.   เบลฟัสต์  เมืองหลวงของไอร์แลนด์เหนือ  ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสถานที่ถ่ายทำหลัก   เพราะใช้ถ่ายทำทั้งฉากในร่ม และกลางแจ้ง   



ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่


https://www.facebook.com/planetbluetravel




 

Create Date : 30 กรกฎาคม 2558    
Last Update : 30 กรกฎาคม 2558 6:51:49 น.
Counter : 750 Pageviews.  

12 ดินแดนมหัศจรรย์จากทั่วโลกที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่บนโลก ตอน 2

  12 ดินแดนมหัศจรรย์จากทั่วโลกที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่บนโลก ตอน 2



ป่าเปลี่ยนสี (บอร์ดแมน ทรี ฟาร์ม) – เมืองมอร์โรว์ สหรัฐอเมริกา 


 เริ่มต้นความมหัศจรรย์ที่แรกกันด้วย ‘ป่าเปลี่ยนสี’ หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า ‘บอร์ดแมน ทรี ฟาร์ม’ (Boardman Tree Farm) สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองมอร์โรว์ รัฐออริกอน ทางฝั่งตะวันตกของอเมริกา


จริงๆแล้วเมืองมอร์โรว์ขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องการทำป่าไม้เป็นทุนเดิม ‘บอร์ดแมน ทรี ฟาร์ม’ จึงมีเนื้อที่กว่า 25,000 เอเคอร์ ดำเนินการโดนกลุ่มกรีนวูดรีซอร์ซ ปลูกเรียงกันเป็นแถวในระยะห่างเท่าๆกัน ใช้เวลาใน

การปลูกนานถึง 12 ปี ก่อนถูกโค่นส่งเข้าโรงงานในขั้นตอนสุดท้าย ช่วงที่บูมมากคือช่วงฤดูใบไม้ร่วง หรือที่เรียกกันว่า ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ตั้งแต่เดือนกันยายน – พฤศจิกายนของทุกๆปี นักท่องเที่ยวต่างพากันมา

ชมความสวยงามตามธรรมชาติของที่นี่กันอย่างไม่ขาดสายเลยแหละ



กรีนเลค (Green Lake) – รัฐสติเรีย ประเทศออสเตรีย


นักดำน้ำต้องปลื้ม! ดำน้ำชมความมหัศจรรย์ใต้โลกทะเลที่ ‘กรีนเลค’ หรือ ‘กรูเนอร์ ซ๊’ (Gruner Sea) ทะเลสาบสีเขียวมรกตใสแจ๋วในประเทศออสเตรีย ทุกๆช่วงฤดูหนาวจะมีความลึกเพียงแค่ 1-2 เมตรเท่านั้น! 

ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นใต้น้ำได้อย่างชัดเจน แต่พอเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ อุณหภูมิสูงขึ้น หิมะเริ่มละลาย ปริมาณน้ำในทะเลสาบจะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นจนถึง 12 เมตร ทำให้พื้นที่โดยรอบถูกน้ำท่วม ทั้งต้นไม้ 

ทางเท้า สะพาน แต่ก็นั่นแหละค่ะเสน่ห์ของ ‘กรีนเลค’ เค้าล่ะ!


  นักดำน้ำต่างบอกกันว่าที่นี่คือสวรรค์ของโลกใต้น้ำ เพราะจะพบกับทุ่งหญ้า ดอกไม้ สะพาน ม้านั่งจมอยู่ใต้น้ำ โรแมนติกเหมือนอยู่ในเทพนิยายค่ะ ใครอยากมาแนะนำว่าช่วงกลางเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน

ของทุกๆปีจะเหมาะที่สุด




 เรด ลากูน (ทะเลสีเลือด) - แถบอัลติปลาโน ประเทศโบลิเวีย


ตามคัมภีร์ไบเบิลมีการพูดถึงทะเลสีเลือดว่าเป็นสัญญาณของวันสิ้นโลก แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับกลายเป็นแหล่งพักพิงของสัตว์นานาชนิด โดยเฉพาะกับนกฟลามิงโก้แล้วนั้น ถือเป็นสวรรค์ที่หาได้ยากเลยที

เดียวแหละ




 ‘ลากูน่า โคโลราด้า’ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘เรด ลากูน’ (Red Lagoon) ทะเลสาบน้ำเค็มสีแดงบ้านแสนรักของนกฟลามิงโก้นานาพันธุ์ ภายในเขตสงวนแห่งชาติเอ็ดการ์โด อวารัว แอนเดียน ฟัวนา ใกล้กับพรมแดน

ประเทศชิลี แถมยังเป็น 1 ในพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศอีกด้วย ที่เป็นสีแดงแปร๊ดขนาดนี้ อย่าตกใจไป ไม่ใช่เอาเลือดของใครไปหยดแต่อย่างใดนะจ้ะ จริงๆแล้วสีน่ากลัวเหล่าเนี้ยมาจากสาหร่ายสี

แดงและขุลินทรีย์อื่นๆอยู่รวม กัน ทำให้สีเปลี่ยนไปนั่นเอง!

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่


https://www.facebook.com/planetbluetravel




 

Create Date : 29 กรกฎาคม 2558    
Last Update : 29 กรกฎาคม 2558 5:45:57 น.
Counter : 754 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  

ปวดหมอง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




โสด..
อารมณ์ ดี
ขี้เหร่
เอาแต่ใจ...
ยากจน...
ใส้แห้ง...
Friends' blogs
[Add ปวดหมอง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.