สุดยอด 10 เมือง ที่ขึ้นชื่อว่าควรไปเยือนมากที่สุดในฤดูกาลแห่งใบไม้เปลี่ยนสี
สุดยอด 10 เมือง ที่ขึ้นชื่อว่าควรไปเยือนมากที่สุดในฤดูกาลแห่งใบไม้เปลี่ยนสี
คังว็อนหรือคังว็อน-โด ประเทศเกาหลีใต้ (Gangwon-do/ Gangwan Province, South Korea)
จังหวัดนี้ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับการท่องเที่ยวช่วงฤดูกาลใบไม้ร่วงของเกาหลี เพราะบนยอดเขาซอรักซัน (Seoraksan) บนเกาะแห่งนี้เป็นจุดชมวิวชั้นเยี่ยมสำหรับชมสีสันของใบไม้ที่อวดแข่งสีสันของฤดูกาล มากไปกว่านั้น ยังมีความเชื่อกันว่า การมาเยือนจังหวัดคังว็อนในช่วงนี้จะช่วยเพิ่มดีกรีของคู่รักให้แนบแน่นขึ้น และสำหรับคนโสดก็จะได้เจอเนื้อคู่โดยเร็ววัน แต่จะจริงหรือไม่นั้น อันนี้คุณต้องไปพิสูจน์กันเอาเอง
ทัสกานี ประเทศอิตาลี (Tuscany, Italy)
ช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมเป็นช่วงเหมาะแก่การไปเยือนเมืองนี้ เพราะเป็นช่วงอากาศอบอุ่น ไม่ร้อน ไม่หนาว และในทุกๆ ปีในช่วงสัปดาห์ที่สองของเดือนกันยายนจะมีเทศกาลของไร่ไวน์ในเขตชิอานติ (Chianti Grape Festival) ซึ่งเป็นแหล่งผลิตไวน์ขึ้นชื่อ ในปีนี้ตรงกับวันที่ 5-8 กันยายน และในสัปดาห์ถัดมา (12-15 กันยายน) ก็จะมีเทศกาลชิมไวน์อันยิ่งใหญ่ของทัสกานีชื่อว่า วีโน อัล วีโน (Vino al Vino) ซึ่งนอกจากจะมีไวน์รสดีจาก 12 ไร่ไวน์ชั้นนำมาออกบูธแล้ว ยังมีร้านอาหารพื้นเมือง และดนตรีสดมาร่วมเพิ่มความบันเทิงให้เทศกาลแห่งปีนี้ด้วย
จิ่วจ้ายโกว มณฑลเสฉวน เฉิงตู ประเทศจีน (Jiuzhaigou, Sichuan, China)
เมืองนี้เป็นเมืองแห่งธรรมชาติ เป็นเมืองแห่งธารน้ำและทะเลสาบ ในช่วงเดือนตุลาคม ต้นไม้ใบไม้ในเขตวนอุทยานแห่งชาติจิ่วจ้ายโกว (Jiuzhaigou National Park) จะผลัดใบเล่นสีสันเปลี่ยนสีกันอย่างงดงาม และหากคุณเป็นคนรักธรรมชาติ บรรยากาศเย็นตลอดปี และเหล่าลำธาร น้ำตก ป่าเขาของเมืองนี้จะทำให้คุณไม่อยากลาจากมหัศจรรย์ของธรรมชาติ สวรรค์บนดินแห่งนี้เลยทีเดียว
บอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา (Boston, United States of America)
ไม่ต้องอธิบายมากเพราะเมืองๆ นี้ได้ขึ้นชื่อว่า สวยงามประหนึ่งคำนิยามของฤดูใบไม้ร่วง ด้วยทั้งสีสันของธรรมชาติที่เตรียมปลิดใบเขียว เปลี่ยนเป็นสีแดงกันโดยพร้อมเพรียง ประกอบกับตึกรามแบบสมัยอาณานิคมที่รายล้อมอยู่ในเมือง กิจกรรมที่ชาวบอสตันและผู้มาเยือนต้องทำก็คือ การเดินชมเมือง ลัดเลาะริมแม่น้ำชาร์ลส (Charles River) ดังสมญาณามว่า เมืองแห่งการเดิน (ชมเมือง) (The Walking City)
มิวนิค ประเทศเยอรมัน (Munich, Germany)
ขึ้นชื่อไปทั่วโลกเรื่องเทศกาลเบียร์ประจำปี Oktoberfest ซึ่งในปีนี้จะครบรอบ 200 ปีของเทศกาล รับรองว่าความอลังการจะมากกว่าปกติเป็นสองเท่าตัว เทศกาลจัดขึ้นระหว่าง 18 กันยายน 4 ตุลาคม และที่มากไปกว่าเรื่องเบียร์ ก็คือพิพิธภัณฑ์ของเมืองนี้ จัดว่ามีคอลเลคชั่นงานศิลปะที่ดีที่สุดในยุโรป ข้อสำคัญสำหรับการไปร่วมเทศกาลอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้คือ การจองโรงแรมและตั๋วเครื่องบินแต่เนิ่นๆ เพื่อจะรับประกันได้ว่า คุณจะไม่พลาดความบันเทิงระดับโลกอย่างเด็ดขาด
คอร์นวอลล์ ประเทศอังกฤษ/สหราชอาณาจักร (Cornwall, United Kingdom)
ดินแดนทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอังกฤษ ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งเทือกเขาและทะเลสีเงิน เป็นมณฑลที่ประกอบไปด้วยเมืองท่องเที่ยวขนาดเล็กๆ ติดทะเล คอร์นวอลล์มีชื่อเรื่องความสวยงามของเมือง
โบราณ หมู่บ้านชาวประมงริมน้ำ หอศิลปะ และอาหาร อีกทั้งฤดูกาลนี้นักท่องเที่ยวก็ไม่พลุกพล่านเหมือนช่วงฤดูร้อน ราคาที่พักก็ลดลง สำหรับนักเล่นเซิร์ฟ (Surfer) ช่วงนี้จะถือว่าเป็นช่วงที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งของปี เพราะน้ำทะเลยังอุ่น แดดไม่แรง และคลื่นลมก็กำลังดี สำหรับนักชิมก็ไม่ควรพลาดเทศกาลชิมหอยนางรมท้องถิ่น หอยนางรมแห่งเมืองฟอลเมาท์ (Falmouth Oysters) อันลือชื่อซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงฤดูกาลนี้เป็นประจำทุกปี และอย่าลืมแวะชิมขนมอบสไตล์คอร์นนิช (Cornish Pastry) ที่โด่งดังว่าอร่อยล้ำอย่าบอกใคร
แวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา (Vancouver, Canada)
เป็นเมืองหลวงที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ และป่าเขาลำเนาไพร ถึงแม้ว่ายังจะเป็นช่วงตอนปลายของฤดูฝน แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาของการมาเยือนเลย เพราะช่วงนี้เป็นช่วงเริ่มต้นของเทศกาลทางวัฒนธรรมและการแข่งกีฬาต่างๆ เช่น เทศกาลดนตรีซิมโฟนี ออเครสต้าแห่งปี ช่วงเปิดละครเวทีฤดูใหม่ รวมไปถึงเริ่มต้นการแข่งขันฮอคกี้อันโด่งดัง
เวสต์ สวีเดน ประเทศสวีเดน (West Sweden, Sweden)
ช่วงฤดูกาลนี้ เป็นช่วงเปิดเทศกาลกินกุ้งยักษ์ลอบสเตอร์ประจำปี เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 27 กันยายนไปจนสิ้นสุดเดือนตุลาคม สองเดือนนี้นอกจากจะเป็นช่วงที่กุ้งชุกชุม กุ้งอร่อย และตัวใหญ่กำลังดี อาหารทะเลอย่างอื่นก็ถือว่าเป็นช่วงที่รสชาติดีที่สุดของปีด้วย
เวนิส ประเทศอิตาลี (Venice, Italy)
หากคุณชื่นชอบงานศิลปะของยุโรปโบราณ คุณไม่ควรพลาดการมาเยือนเวนิซในช่วงนี้ เพราะพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติ จะจัดแสดงผลงานของจิโอวานนี อันโตนิโอ กานาล (Giovanni Antonio Canal) หรือที่นักศิลปนิยมรู้จักกันในนามคานาเลตโต (Canaletto) ซึ่งจะเปิดแสดงวันที่ 13 ตุลาคม นอกจากนั้นเมืองแห่งคูคลองในฤดูใบไม้ร่วงนี้ ก็มีสีสันของฤดูกาลที่สวยงามไม่แพ้เมืองใด อีกทั้งอากาศก็กำลังสบาย การล่องเรือกอนโกล่า (Gondola) ชมพระอาทิตย์ตกดิน ณ เมืองอันแสนโรแมนติค ใครหลายคนอาจจะได้สละโสดกันในทริปนี้ก็เป็นได้
มอนเทอเรย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา (Monterey, United States of America)
ขับรถชมวิวบนถนน 17 ไมล์ (17 Mile Drive) ช่วงฤดูใบไม้ร่วงถือว่าโรแมนติคที่สุด และในเดือนกันยายนยังมีเทศกาล มหกรรมดนตรีแจ๊สประจำปีแห่งมอนเทอเรย์ (Monterey Jazz Festival) ซึ่งจัดเป็นประจำมาร่วม 56 ปี ในปีนี้ตรงกับวันที่ 20-22 กันยายน ถือว่าเป็นประเพณีงานดนตรีแจ๊สที่จัดมายาวนานที่สุดในโลก และในแต่ละปีนั้นก็มีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 5 หมื่นคน นักเดินทางผู้หลงใหลในดนตรีแจ๊สไม่ควรพลาดงานครั้งนี้ ที่สำคัญอย่าลืมจองตั๋วเครื่องบินและที่พักกันแต่เนิ่นๆ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
https://www.facebook.com/planetbluetravel
Create Date : 31 กรกฎาคม 2558 | | |
Last Update : 31 กรกฎาคม 2558 6:08:22 น. |
Counter : 603 Pageviews. |
| |
|
|
|