มาอัพย้อนถึงวันเดิทางมาเมกา เดินทางวันที่9ค่ะ
ได้ไฟท์ช่วง 8.15 ค่ะ มาถึงสุวรรณภูมิราวๆตี4 เกือบตี5
แถมต้องนั่งรอเช็คอินอีก กว่าจะได้เช็คก็เกือบๆ6โมงเช้าแล้ว
กระเป๋าที่แบกมามี4ใบ จัดของกิน ของใช้ ไว้ให้พอๆกันทั้ง2ใบเผื่อเกินกรณีกระเป๋าหลงทางจะได้ไม่มีปัญหา
วันนี้มากันทั้งครอบครัวเลย คุณยาย กับน้าก็มาส่งด้วย แอบพายายมาเที่ยวสนามบิน 555
กระเป๋าอีกใบเป็นเป้ แบ็กแพ็ค เอาไว้ carry on และเก็บโน็ตบุ้ค ใครเอาของเหลว เจล หรือยาสีฟันติดกระเป๋าแครี่ออนมา
ต้องใส่ถุงซิปล็อคด้วยน่ะ ไม่งั้นเค้าไม่ให้เข้า
กระเป๋าใบเล็กอีกใบ ใส่ตังค์ พาสปอร์ต หมากฝรั่ง ปากกา ไว้ สะพายข้างติดตัว มีประโยชน์มากๆ
ทุกคนควรเอาไปน่ะ แม้มันจะน่ารำคาญก็ตามที
พอเช็คอินเสร็จพร้อมกระเป๋าเดินทางที่เขาเอาไปแล้ว 2 ใบไม่เกินใบละ23โล ที่JAL
ก็ร่ำลาบรรดาครอบครัว แล้วลากกระเป๋า ผ่านไป
มีบัตรFast Trace พอดีเลยเข้าช่องตรวจกระเป๋าได้อย่างรวดเร็ว โน็ตบุ๊ค ต้องเอาออกมาอีกถาด
ไม่ต้องกลัวเพราะเข้าไม่ได้เปิดดูอะไร
พอผ่านมาเสร็จก็ถือแบกกระเป๋า ผ่านที่ตรวจพาสปอร์ต เข้าไปยังแดนสวรค์
Duty Free ....
ที่เต็มไปด้วยเครื่อสำอางทั้งหลาย เหล้า เอ่ย อะไรเอย ยังไม่ต้องสนใจ(เพราะไม่มีตังค์) แต่ใช้บัตรเครดิตรูดได้
เสร็จแล้วมารอขึ้นเครื่อง แอบโชคดีได้นั้งที่คู่กะอะตอม แอร์ของJALก็น่ารักมาก บริการดี มีทั้งคนญี่ปุ่นและคนไทย
บนเครื่องเอาคอมมาเล่นไม่ได้ แต่เค้ามีทีวี กะเกมส์ให้เล่น แก้เบื่อ เลยนั่งดูหนัง(ที่ไม่มีซับ เมีแต่ซับญี่ปุ่นกะจีน)
กะเล่นSudoku ไป นอนหลับไปได้ตื่นหนึ่ง
มีอาหารให้ เลือก 2 อย่าง มีซูชิเป็นของว่างด้วย ขนมปัง น้ำผลไม้ ครบครัน อิ่มอืด แต่อาหารก็อย่างว่าแหละ จืดสนิท
แต่ขาลงนี่สิ(นั่งไปราวๆ5ชม.มั้ง) ปวดหูแทบระเบิด น้ำตาจะไหล นั่งเคี้ยวหมากฝรั่งเอาเป็นเอาตาย พอลงมาหูยังไม่หายอื้อเลย
พอลงมาเสร็จก็ไปต่อเครื่องของAAเลย แล้วก็ไปเดินเล่นที่ดิวตี้ฟรีญี่ปุ่น ขนมนี่ละลานตาอย่างแรง ตั้งความหวังไว้มากลับมาจะสอยไปให้หมด!
มีเครื่องโทรศัพท์พอดี เลยซื้อบัตรโทรศัพท์พันเยน โทรได้ประมาณ20นาที มาโทรหาแม่ เพราะคิดถึง 555
เสร็จแล้วมานั่งรอต่อเครื่องAA แอบเซ็งที่คนที่มาก่อนเอากระเป๋ามาวางไว้ที่ช่องที่นั่งเราเฉยเลย คนญี่ปุ่น คุยกะเค้าไม่รู้เรื่อง
เลยต้องเอากระเป๋าไปวางไว้ช่องที่ว่างๆแทน แนะนำให้เข้าไปเร็วๆจะได้ไม่ต้องเจอแบบนี้
ถ้าถามถึงแอร์ของAA เหวี่ยงมาก มีแอบกัดด้วยที่เรากินข้าวช้า (มันอิ่มอ่ะ) มันจะเก็บจาน แง่ง ไฟทฺนี้มีอาหารให้2มื้อค่ะ ชุดใหญ่มาก กินเหลือเลยทีเดียว
อันนี้นอนไปหลายตื่นมาก ข้ามเส้นแบ่งเวลา ทำเอางง เด๋วมืดเด๋วแดดจ้า
พอขาลงมาถึงชิคาโกค่อยยั่งชั่วไม่ค่อยเจ็บหูเหมือนJAL แต่หูอื้อ นานมากๆ เป็นชั่วโมงเลย
ก่อนลง เค้าจะให้ใบสีขาวๆเอามากรอกก็กรอกซะให้เสร็จบนเครื่องจะได้ไม่ยุ่งเหมือนโม ที่ไปกรอกข้างหน้า
โมติ๊กว่าเอาFoodมา เค้าก็ไม่ว่าน่ะ
ตรงจุด ตม. จะมีถามอะไรนิดหน่อย เช่น มาทำอะไร มารีบกับใคร ไม่ยากผ่านมาง่ายๆ เอาพาสปอร์ต DS กับใบขาวๆไปยื่นก็พอ
แล้วเค้าจะให้พาสปร์อต ที่แม็กขั้วของใบขาวคืนมาให้ (เอาไว้ใช้ทำSS)
เสร็จแล้วเราก็ไปเอากระเป๋ากัน ลากมันไปที่ช่องตรวจ แอบลุ้นสุดๆว่าจะโดนเจอไก่กระเที่ยมแบบเวฟของเราไหม 555
โชคดีที่ไม่โดนอะไร เลยพอพรีบไปได้เพราะต้องไปต่อเครื่องสายการบินในประเทศ
พอใกล้ถึงทางออกก็เอากระเป๋า ไปให้เขาเพราะเราต้องต่อเครื่องไปเคฟแลนด์
ตอนนี้เลยมีแต่กระเป๋าเป้กับสะพายข้าง ไปขึ้นรถรางไปอีกเกต
พอถึงก็ต้องต่อเครื่องอีก ไปเคฟแลนด์เครื่องบินเล็กมาก แถวละ 1 2 เอง แต่สจ๊วตสุดยอดค่า ล่ำมาก...
ของกินไม่ฟรีน่ะ อยากได้ต้องจ่าย เพราะงั้นหลับดีกว่า
บินมาเกือบ2ชม.มั้ง ก็ลงมารอกระเป๋า มีรถshuttleมารับเพราะจองไว้ เสียคนละ25เหรียญ มุ่งหน้าสู่ที่พัก
แอบเซ็งที่เจ้าของบ้านเค้าคิดค่ามารับแค่20เหรียญเอง แต่เค้าตอบช้าไง เพิ่งตอบตอนเราจองshuttleไปแล้ว
ก่อนที่จะมา ต้องหาลู่ทางไว้น่ะ ว่าจะเดินทางไปที่พักยังไง ถ้าไม่ติดต่อเจ้าของบ้าน ก็ต้องจองรถเอาไว้ ส่งเมล์ไปตั้งแต่ที่ไทยนี่แหละ
ระบุไฟล์ และวันไปถึง และจำนวนคนให้เค้าด้วย อย่าไปแบบไม่รู้เรื่องอะไร ไม่รู้ติดต่อใครน่ะ
มีคนทำแล้วต้องนั่งรอ 3-4 ชั่วโมงเลยทีเดียว กว่าจะติดต่อกับพี่อคาเด็กซ์ได้
ส่วนโมพักบ้าน919 west osborne บ้านของBob & Chris สบายมากกก ค่าเช่าเค้าลดให้เหลือเดือนละ250
แต่เสียค่าเดินทาง20ครั้ง 100เหรียญ แต่คุ้มน่ะ เพราะเห็นพวกบ้านใกล้ เดินไปทำงานใช้เวลาก็ราวๆ20 นาที
แถมหนาวๆด้วย เราบ้านไกลยังไงก็ต้องใช้รถจ่ายไปเถอะ
ที่นี่มีเครื่องครัวครบครัน ช้อนส้อมจาน มีหมดค่ะ ทำอาหารได้สบายๆเลย แถมChrisใจดี ซักผ้าให้ด้วย เครื่องซักผ้ามีน่ะ
ส่วนห้องเป็นเตียง 2 ชั้น บางห้องก็มี2ชุด นอนได้4 คน มีโต๊ะเครื่องแป้ง(บางห้อง) ตู้เสื้อผ้า
ส่วนห้องน้ำ ข้างบนมีห้องเดียว ใช้กัน 12 คน เข้าคิวกันหยาวเหยียด (บ้านนี้พัก 15 คนแต่ไม่แออัดน่ะ)
ห้องอาบน้ำกว้างและสะอาด มีอ่างอาบน้ำและฝักบัว ชักโครก มีน้ำอุ่น โอเคเลย
พอพักกันได้คืนหนึ่ง วันรุ่งขึ้นก็ต้องไปรายงานตัวที่HR ของKalahari นั่งรถพี่เบียร์ไปราวๆ 20นาที
เพื่อนัดหมายวันเทรนlife guard 4 วัน ส่วนHosekeeping เริ่มงานวันรุ่งขึ้นได้เลย
เอาล่ะ นอนพักกันดีกว่า!