luohun แต่งงานเปลือย ปรากฏการณ์ใหม่ในจีน
เห็นคำว่า 裸婚 กำลังฮิตในจีน มีสร้างเป็นละครออกมาแล้วหนึ่งเรื่องชื่อ 裸婚时代 ได้รับความนิยมอย่างมาก สาวๆปลื้มพระเอกกันใหญ่(ส่วนตัวเราปลื้มพ่อนางเอกมากกว่า ไม่เชื่อลองไปดูดิ แล้วจะรู้ว่าทำไม ใจเย็นเป็นบ้าเลย) เราเลยอยากแนะนำให้รู้จักคำนี้เสียหน่อย

คำว่า 裸婚 ถ้าแปลตรงๆในภาษาไทยก็ต้องแปลว่า แต่งงานเปลือย เปลือยในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า ไม่ใส่เสื้อผ้า แต่หมายถึงตัดทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับการแต่งงานออก เช่น งานเลี้ยง บ้าน รถ ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ แหวนแต่งงาน เป็นต้น ทั้งคู่จะไปจดทะเบียนแต่เพียงเท่านั้น

ในประเทศจีนบางบ้านก็ชอบจัดงานแต่งลูกหลานอย่างใหญ่โต บางรายถึงขนาดยืมเงินมาจัดงานพร้อมฝันลมๆแล้งๆว่าคนที่มาร่วมงานจะให้เงินช่วยมากพอที่จะใช้หนี้ แต่ส่วนมากมักจะไม่พอ ปัญหาก็บานปลายกระทบถึงเศรษฐกิจครอบครัวระยะยาว จากเหตุการณ์เหล่านี้พวกที่เกิดหลังปี 80 (八零年) ซึ่งเป็นรุ่นที่เกิดหลังนโยบายวางแผนครอบครัวของเติ้งเสี่ยวผิง นอกจากนั้นคนรุ่นนี้ยังเป็นคนรวยรุ่นที่สอง富二代 เด็กที่เกิดจากพ่อแม่สร้างเนื้อสร้างตัว เด็กพวกนี้ไม่เคยลิ้มรสความทุกข์ยากของพ่อแม่ เกิดมาก็มีกินมีใช้ พวกเขามีความคิดที่ต่างไปจากพ่อแม่ เช่น ไม่ทำตามประเพณีบางอย่างที่พวกเขาคิดว่าไม่เหมาะสมกับตน เปิดโลกมากขึ้น คนรุ่นนี้ไปเรียนต่างประเทศก็ไม่น้อย ก็รับเอาวัฒนธรรมฝรั่งเข้ามา ทั้งอาหาร ข้าวของเครื่องใช้ ปัจจุบันพวกที่เกิดหลังปี90เริ่มโตเป็นวัยรุ่นใกล้เข้าวัยทำงานแล้ว เด็กพวกนี้ก็คล้ายๆพวกเกิดหลังปี80 คือค่อนข้างรักอิสระ มีฝันของตัวเอง ในห้องสมุดแห่งนี้มีคนเอาข่าวเกี่ยวกับพวกที่เกิดหลังปี90九零后มาให้อ่านกันแล้ว

นอกจากสาเหตุข้างต้น ยังมีอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนรุ่นใหม่นิยมแต่งเปลือยกันมากขึ้น เนื่องจากในปัจจุบันมีคนจำนวนมากเป็นลูกคนเดียว โดยเฉพาะในเมืองใหญ่มีเยอะเป็นพิเศษ(ในชนบทยังมีลูกหลายคนอยู่ค่ะ เราเจอพวกนี้เยอะกว่าลูกคนเดียวอีก) ราคาบ้านที่พุ่งสูงจนกลายเป็นปัญหาระดับชาติ ค่าดูแลรักษารถ ค่าที่จอดรถ ค่าน้ำมัน วัยทำงานสองคนต้องดูแลคนแก่สี่ เด็กหนึ่ง ทำให้คนรุ่นใหม่ที่เพิ่งทำงานหลายคนแบกรับภาระไม่ไหว มิหนำซ้ำคนจีนแต่งงานค่อนข้างเร็ว เพื่อนคนจีนบอกเราว่าผู้หญิงอายุ25แล้วยังไม่แต่งงานนี่ถือว่าช้า ทำให้คนรุ่นใหม่ตัดภาระที่ไม่จำเป็นออกไป

ปัญหาจากการแต่งเปลือยคือทั้งคู่จะมีเวลาให้กับงานไม่เต็มที่ ละครเรื่อง裸婚时代ก็ได้นำปัญหานี้มาฉายผ่านละคร ประสิทธิภาพในการทำงานของพระเอกลดลงอย่างเห็นได้ชัดหลังจากแต่งงานแล้ว เรื่องงานที่ไม่ราบรื่นก็กระทบไปถึงเรื่องครอบครัว ทำให้พระเอกต้องเลิกกับนางเอกไป(ละครเรื่องนี้เรายังดูไม่จบค่ะ ไม่รู้ว่ากลับมาคืนดีกันหรือเปล่า)

นอกจาก裸婚时代เราขอแนะนำละครอีก 4 เรื่อง
毕业时刻
家有儿女
租个女友回家过年
还珠格格之燕儿翩翩飞

เรื่องสุดท้ายนี่เป็นละครที่ดังในประเทศจีนตอนนี้ แต่เรื่องนี้เรายังไม่ดูนะ เอาไว้ดูเรื่อง裸婚时代ให้จบก่อนค่อยไปดูเรื่องนี้ มันยังฉายไม่หมดเลย รอๆไว้ก่อนก็ได้ แต่ท่าทางสนุก
//video.baidu.com/v?s=50&ct=301989888&word=%BB%B9%D6%E9%B8%F1%B8%F1%D6%AE%D1%E0%B6%F9%F4%E6%F4%E6%B7%C9&ct=301989888

เอาชื่อละครภาษาจีนไปวางไว้ที่ 百度一下 ก็ดูละครได้แล้ว

ปล.ละครเรื่อง裸婚时代 ตัวละครเป็นสาวกแอปเปิ้ลเกือบหมดอ่ะ สงสัยแอปเปิ้ลคงทุ่มไปกับเรื่องนี้เยอะมั้ง ไอโฟน ไอแมดมีให้เห็นตลอดเรื่อง ดีว่าไม่เอาไอพอด ไอแพดมาด้วย ฮ่าๆ



Create Date : 24 กรกฎาคม 2554
Last Update : 24 กรกฎาคม 2554 19:54:45 น.
Counter : 996 Pageviews.

0 comment
วิทยาลัยพุทธศาสนาแห่งเดียวของจีนที่เหอหนานได้กำหนดการรับนักเรียนอย่างเป็นทางการแล้ว (ฝึกแปลจากข่าวจีน)
มหาวิทยาลัยแห่งนี้มีเนื้อที่ 37 ตารางกิโลเมตร เป็นวิทยาลัยพุทธศาสนาที่มีเนื้อที่มากที่สุดในโลก วันที่ 25 กุมภาพันธ์ ถึง 27 กุมภาพันธ์ เป็นวันที่วิทยาลัยแห่งนี้รับนักศึกษาเข้าเรียนเป็นครั้งแรก

วิทยาลัยพุทธศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในโลก เรียนสี่ปีได้ปริญญาตรี
เริ่มตั้งแต่ 20 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป เมืองหนันหยาง อำเภอถงไป่ บริเวณด้านล่างของจุดชมวิวหลงถาน คนลากรถสามล้อได้สังเกตเห็นว่า ในช่วงนี้มีผู้คนมากมายถามหาวิทยาลัยพุทธศาสนา

วิทยาลัยพุทธศานารับนักศึกษาแล้วใช่ไหม? หลังจากบอกทางแล้วคนลากรถฟั่นซรือปั๋วก็คุยกับคนลากรถคนอื่นๆถึงหัวข้อเดิมๆที่พวกเขาถกกันมานานหลายปีนี้ ที่กล่าวว่าเป็นหัวข้อเดิมๆนั้นก็เป็นเพราะว่าวิทยาลัยพุทธศาสนา ณ จุดชมวิวหลงถานแห่งนี้ได้ถูกอนุมัติให้สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005 หลักสูตรเรียนเต็มวันสี่ปี เน้นรับผู้ที่ศึกษาศาสนาและสังคม วิทยาลัยมีขนาด 37 ตารางกิโลเมตร รวมถึงจุดชมวิวหลงถานด้วย เรียกได้ว่าเป็นวิทยาลัยศาสนาพุทธที่ใหญ่ที่สุดในโลก

สมัครสอบเยอะ เข้าเรียนได้น้อย
วันที่ 6 เมษายน ปี 2009 วิทยาลัยพุทธศาสนาแห่งเหอหนานได้ประกาศรับนักศึกษา จากนั้นเป็นต้นมาก็มีพระภิกษุและนักสังคมจากหลากท้องถิ่นสมัครอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากงานก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ ทำให้ต้องรอถึงต้นปีนี้จึงสามารถรับนักศึกษารอบแรกได้ เนื่องจากประกาศรับสมัครมานาน วันสอบในวันที่ 25 กุมภาพันธ์มีผู้เข้าสอบแค่ 25 คนจากผู้สมัคร 300 กว่าคน ในระหว่างช่วงเวลาสอบยังมีผู้เข้าสอบจากหลายท้องถิ่นรับเดินทางมา นอกจากพระภิกษุแล้วยังมีคนทำงาน นักศึกษา ฯลฯ เวลาสอบผู้เข้าสอบสามารถนำมือถือติดตัวเข้าไปได้ ผู้คุมสอบพูดแต่เพียงว่า ทุกคนสมัครใจบวชเป็นพระภิกษุ ถ้ามีการโกงข้อสอบก็อย่ามาเรียนให้เสียเวลาเลย เนื้อหาการสอบนั้นมีความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับศาสนาพุทธ ภาษาจีน ภาษาต่างประเทศและสอบสัมภาษณ์

อยู่กับธรรมะเท่านั้นหรือ? ไม่!
เรียนที่วิทยาลัยแห่งนี้ นอกจากไม่ต้องเสียค่าจิปาถะแล้ว ยังมีเงินให้ใช้ทุกเดือน ทุนการศึกษา ฟรีที่อยู่และอาหาร นอกจากนั้นยังต่างจากนักศึกษาที่อื่น หางานง่าย ทางวิทยาลัยเพิ่งรับนักศึกษาก็เริ่มมีวัดทั่วประเทศติดต่อรับนักศึกษาแล้ว กิจวัตรประจำวันของนักศึกษาเหมือนกับพระ ตื่นนอนตี 5 ตี ทำวัตรเช้า 5 ครึ่ง รับประทานอาหารเจ 7 โมง เรียน 8 โมงครึ่ง อาหารเที่ยง 12 โมง เรียนภาคบ่าย บ่าย 2 โมง ทำวัตรเย็น 4 โมงครึ่ง อาหารเย็น 5 โมงครึ่ง นอน 4 ทุ่ม ถ้าคุณคิดว่าพวกเขาอยู่แต่กับธรรมะเท่านั้นละก็คุณคิดผิด นอกจากธรรมะแล้วทางวิทยาลัยยังสอนพุทธดนตรี แกะสลัก ภาษาต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีศิลปะป้องกันตัว การชงชา เป็นต้น ในอนาคตจะมีหลักสูตรวิปัสสนาระยะสั้นอีกด้วย


河南唯一佛学院报考火热 刚招生毕业生已被预定
河南唯一佛学院报考火热 刚招生毕业生已被预定
  它占地37平方公里,是世界上面积最大的佛学院。2月25日~27日,这所河南唯一的佛教学院首次进行招生考试。
  世界最大佛学院,4年拿本科文凭
  2月20日开始,在南阳市桐柏县龙潭河风景区山脚下拉活儿的三轮车夫有了新发现:好多人跟他们打听佛学院在哪儿。
  “佛学院开始招生了吧?”热心指路后,车夫范师傅跟其他车夫们,聊起了这个他们讨论了几年的“老话题”。
  之所以说是老话题,是因为这个建在龙潭河风景区的佛学院,2005年就已通过国家宗教局批准开始筹建。
  学院学制为全日制四年本科,面向佛教界和社会招生。学院占地面积约37平方公里,包括了龙潭河风景区,称得上是世界最大佛学院。
  报考火热,“失约率”挺高
  2009年4月6日,河南佛教学院公布了2009年招生简章。此后,各地僧人及社会人士陆续报名。
  由于学校一期工程未完工,直到今年年初,学院才开始招收第一批学员。
  因招生简章发布已太久,2月25日考试当天,报名的300多人中,只有25人参加了考试。
  考试期间,不断有考生从全国各地陆续赶来。他们中,除了僧人,还有在职干部、大学生等。
  考试时,考生可带手机进场。监考老师只说了一句话:大家都有志于做僧侣,如果连考试都作弊,那就别修行了,耽误自己。
  考试内容包括佛教知识、语文、外语和面试。
  生活只有青灯伴古佛?No!
  在这里上学,不仅免收学杂费,每月有补助、有奖学金,而且食宿费全免。
  同时,与大学生就业难相反,河南佛教学院刚招生,已有全国各地的寺庙来联系接收毕业生了。
  学员和僧人一样,每天5点起床,5点半开始做早课,7点用早斋,8点半学习,12点午斋,14点学习,16点半晚课,17点半晚斋,22点熄灯。
  如果你认为他们就是过着青灯伴古佛的生活,那你就错了。学院不但讲授佛学,还将开设佛教音乐、雕塑、外语等课程。此外,还安排有武术、茶道等。未来,学院还将规划短期禅修班。来源:河南商报
//news.sohu.com/20110301/n279581124.shtml?pvid=tc_news&a=21&b=%E4%BD%9B%E5%AD%A6%E9%99%A2%E6%8B%9B%E7%94%9F%E7%81%AB%E7%88%86%20%E5%AD%A6%E7%94%9F%E6%9C%AA%E5%85%A5%E6%A0%A1%E5%B7%B2%E8%A2%AB%E9%A2%84%E5%AE%9A



Create Date : 11 มีนาคม 2554
Last Update : 11 มีนาคม 2554 18:56:50 น.
Counter : 600 Pageviews.

0 comment
การสูญเสีย ความได้เปรียบทรัพยากรมนุษย์ แก่ก่อนรวยต้องเจอปัญหาอะไรบ้าง1
消失的“人口红利”:未富先老多了哪些挑战?

“人口红利”,一个经济学、人口学上的专业术语,正成为时下媒体报道的流行语:
  今年以来,各地纷纷大幅上调最低工资,企业出现“加薪潮”,原因是“人口红利”在消失,不涨工资找不到人干活;
10月起,作为国内人口老龄化程度最高的城市,上海试行企业柔性延迟退休。最新数据显示,20年后中国将两名劳动人口养一名退休人员,有人提议国家也应研究延迟退休年龄,以应对“人口红利”消失、减轻老龄化压力;
  ……
  人口是如何变成“红利”的?中国人口数量庞大,“人口红利”也会消失吗?如果“人口红利”真的消失,对中国经济长远影响会有多大?
什么是“人口红利”?
  劳动力人口供给充分,社会负担轻,劳动力价格便宜、储蓄率高,使经济获得额外增长源泉,这种情况下的高增长被称为“人口红利”
2013年,或者2015年,将是中国“人口红利”消失的转折点———在众多学者眼中,这是一个普遍认可的说法。
1997年,一些外国学者首次提出了“人口红利”(Demographic Bonus)概念,次年开始,它被联合国人口基金会在每年出版的《世界人口现状》中正式使用,也逐渐为国际社会所认同。
  “人口红利”并不难理解。一国人口结构从“高出生、低死亡、高增长”到“低出生、低死亡、低增长”的转变过程中,要经历三个阶段:第一阶段,总人口中青少年比例较高,社会抚养负担重;第二阶段,劳动适龄人口比例高,社会抚养负担轻;第三阶段,人口老龄化高峰来临,社会抚养负担变重。在第一阶段已过去而第三阶段尚未来临时,劳动力人口供给充分,社会负担轻,劳动力价格便宜、储蓄率高,使经济获得额外增长源泉,就形成了“人口红利”。
  这个过程,西方发达国家走了几十年到一百多年的时间,因此“人口红利”并不明显。而经过30年的不懈努力,我国人口过快增长的势头得到有效控制,也迅速实现了人口再生产类型由“高出生、低死亡、高增长”向“低出生、低死亡、低增长”的历史性转变,从而使人口年龄结构表现为明显的“两头小、中间大”。
  有研究表明,1978年,平均一名劳动力要抚养0.603个未成年人和赡养0.081个65岁以上老年人。2006年,则变为一名劳动力负担0.255个儿童和0.127个老年人。这28年间, 少儿抚养负担年均以1.24%的幅度降低, 而老年负担则以0.166%的幅度增加,两者相抵,总抚养负担每年以1.075%的幅度降低。这样,劳动年龄人口多,社会总抚养负担降低,劳动力供应充足、成本低,产生了明显的“人口红利”。
  过去30年,中国经济持续快速增长,GDP年均增长率超过9%,广东更超过13%,这当中确实有很多“人口红利”的影子。上世纪80年代末,青壮年劳动力纷纷南下,广东等地形成了汹涌“民工潮”,千千万万打工仔、打工妹推动了劳动密集型产业的迅猛发展,并以此不断向内地扩展,助推中国经济的历史性起飞。
  据中国社科院研究员蔡昉的研究,我国人口抚养比例每下降一个百分点,人均GDP增加0.115个百分点,中国人均GDP增长率中有27%的贡献来自于“人口红利”。
  然而,“人口红利”既然是人口转变过程中的中间阶段,也就注定终有消失的时候。2004年前后,距“民工潮”兴起不过15年左右,珠三角、长三角等地用工形势迅速转变,“民工潮”变成“民工荒”,并且同样迅速地向内地扩展,各地近年都陆续出现“招工难”的情况。“人口红利”开始消失,越来越受到关注。
  据蔡昉预测,从2000年到2010年,我国劳动年龄人口只增加了约1%,到2015年,中国的劳动年龄人口将不再增长。大概从2013年开始,我们的人口抚养比就将不再下降。也就是说,2013年或2015年前后,随着我国人口老龄化程度提高,劳动年龄人口比重下降,我国传统意义上的“人口红利”应该说就消失了。
  短短数年间,一向被认为中国几近“无限供给”的劳动力,居然正面临短缺———这确实是一个让我们吃惊,却又不能不面对的话题。

การสูญเสีย ความได้เปรียบทรัพยากรมนุษย์ แก่ก่อนรวยต้องเจอปัญหาอะไรบ้าง

ความได้เปรียบด้านทรัพยากรคนในแง่ของเศรษฐศาสตร์และมนุษยศาสตร์กลายเป็นคำพูดติดปากสำหรับสื่อต่างๆไปแล้ว

ในปีนี้ หลายๆแห่งในประเทศจีนได้ทยอยกันปรับขึ้นเงินเดือนขั้นต่ำ กลายเป็นกระแสขึ้นเงินเดือนสำหรับภาคธุรกิจไปแล้ว เป็นเพราะว่าความได้เปรียบทางทรัพยากรคนกำลังจะหายไป ถ้าไม่ขึ้นเงินเดือนก็อย่าหวังว่าจะหาลูกจ้างได้

เดือนตุลาคมเป็นต้นมา เมืองที่มีประชากรสูงอายุจำนวนมากที่สุดอย่างเซี่ยงไฮ้ได้ทดลองให้เกษียณอายุการทำงานช้าลงอย่างนิ่มๆ ตัวเลขล่าสุดได้ออกมาระบุว่า อีกยี่สิบปีให้หลังประเทศจีนจะมีแรงงานสองคนเลี้ยงดูประชากรที่เกษียณอายุแล้วหนึ่งคน มีคนออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับการวิจัยยืดเวลาเกษียณเพื่อรับมือกับการสูญเสียความได้เปรียบด้านทรัพยากรมนุษย์และความกดดันจากจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น

ทำอย่างไรทรัพยากรมนุษย์ถึงกลายเป็นความได้เปรียบ? ประชากรจีนมีมากมาย ความได้เปรียบนี้จะหายไปจริงหรือ? ถ้าสูญเสียความได้เปรียบนี้ จะเกิดอะไรขึ้นกับการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนในระยะยาว?

อะไรคือความได้เปรียบด้านทรัพยากรมนุษย์

แรงงานที่มีมากมาย ภาระของสังคมเบาขึ้น ค่างจ้างแรงงานถูก อัตราเงินเก็บของประชากรสูงขึ้น ทำให้มีเงินมาอุดหนุนภาคเศรษฐกิจ สภาพการณ์แบบนี้ถูกเรียกว่าความได้เปรียบทางทรัพยากรมนุษย์

ในปี 2556 หรือในปี 2558 จะเป็นจุดเปลี่ยนของการสูญเสียความได้เปรียบด้านทรัพยากรมนุษย์ในจีน ในสายตาของผู้รู้หลายคน คำพูดนี้เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป

ในปี 2540 ได้มีผู้รู้ชาวต่างชาติเอ่ยถึงความได้เปรียบด้านทรัพยากรมนุษย์เป็นครั้งแรก ในปีต่อมามันได้ถูกกองทุนสหประชาชาติเพื่อประชากรใช้ในวารสารประจำปีและได้กลายเป็นสิ่งที่ประชาคมโลกให้การยอมรับ

ความได้เปรียบด้านประชากรไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจยาก การเปลี่ยนแปลงที่โครงสร้างของแต่ละประเทศพัฒนาจาก เกิดเยอะ ตายน้อย จำนวนประชากรสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็น เกิดน้อย ตายน้อย จำนวนประชากรสูงขึ้นไม่มากนั้นจะต้องผ่านสามช่วงเวลาด้วยกัน หนึ่ง ประชาชนวัยรุ่นมีจำนวนมาก ภาระในการเลี้ยงดูสูง สอง อัตราแรงงานต่อประชากรมีสูง ภาระในการเลี้ยงดูต่ำ สาม ประชากรสูงอายุเพิ่มสูงขึ้นเริ่มมาถึง ภาระในการเลี้ยงดูสูง ในตอนที่ช่วงแรกผ่านพ้นไปแล้วแต่ช่วงเวลาที่สามยังไม่มาถึงจะมีแรงงานเพียงพอต่อความต้องการ ภาระในการเลี้ยงดูไม่สูง ค่าแรงต่ำ อัตราเงินเก็บสูง เป็นแหล่งเงินสนับสนุนเศรษฐกิจ ได้กลายเป็นความได้เปรียบด้านทรัพยากรมนุษย์

ประเทศในแถบยุโรปได้ผ่านขั้นตอนนี้มาเป็นเวลาหลายสิบปีถึงร้อยกว่าปี เพราะฉะนั้นเราจึงเห็นมันได้ไม่ชัดเจนนัก จามความพยายามของสามสิบปีของประเทศจีน ทำให้อัตราการเกิดที่พุ่งทะยานสูงได้รับการควบคุม ขณะเดียวกันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์จาก เกิดเยอะ ตายน้อย จำนวนคนเพิ่มสูงอย่างรวดเร็วมาเป็น เกิดน้อย ตายน้อย จำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ โครงสร้างสังคมก็กลายเป็น สองปลายเล็ก ตรงกลางใหญ่

ผลการวิจัยระบุว่าในปี 2521 คนวัยทำงานหนึ่งคนต้องเลี้ยงดูผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 0.603 คน และต้องเลี้ยงดูผู้สูงอายุที่อายุเกิน 65 จำนวน 0.081 คน ในปี 2549 ได้กลายเป็นคนวัยทำงานหนึ่งคนต้องเลี้ยงดูผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 0.255 คน และต้องเลี้ยงดูผู้สูงอายุ 0.127 ภายใน 28 ปีที่ผ่านมานี้ ภาระการเลี้ยงดูเด็กได้หายไป 1.24% แต่ทว่าภาระเลี้ยงดูผู้สูงอายุเพิ่ม 0.166% เมื่อนำสองช่วงเวลานี้มาเปรียบเทียบกัน ภาระในการเลี้ยงดูลดลง 1.075% ทุกปี ดังนั้นคนวัยทำงานยิ่งเยอะ ภาระในการเลี้ยงดูก็ยิ่งต่ำ แรงงานมีอย่างเพียงพอ ต้นทุนต่ำ เห็นได้ชัดถึงความได้เปรียบทางทรัพยากรมนุษย์

สามสิบปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจของประเทศจีนพัฒนาอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง จีดีพีเติบโตมากกว่า9%ทุกปี ที่กวางตุ้งเติบโตมากกว่า 13% สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความได้เปรียบด้านทรัพยากรมนุษย์ ในปลายทศวรรษที่ แรงงานหนุ่มสาวต่างทยอยเดินทางสู่ทางใต้ เช่นที่กวางตุ้ง ทำให้พื้นที่แถบนี้กลายเป็นจุดศูนย์รวมแรงงาน จำนวนแรงงานนับพันนับหมื่นกลายเป็นแรงกระตุ้นการเติบโตของกิจการที่ใช้แรงงานในการผลิตอย่างมหาศาล อีกทั้งยังเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง เป็นแรงผลักดันให้การเติบโตของเศรษฐกิจจีนครั้งประวัติศาสตร์ครั้งนี้

ผลจากการสำรวจและวิจัยของเจ้าหน้าที่สังคมศาสตร์ ภาระการเลี้ยงดูของประเทศจีนจะลดลงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ อัตราจีดีพีต่อคนเพิ่ม เปอร์เซ็นต์ อัตราการเพิ่มของจีดีพี 27% มาจากความได้เปรียบด้านทรัพยากรมนุษย์

ความได้เปรียบด้านทรัพยากรมนุษย์คือส่วนหนึ่งของจุดเปลี่ยนแปลงจำนวนประชากร แน่นอนมันย่อมมีโอกาสสูญหายไป หลังจากปี 2547 จุดศูนย์รวมแรงงาน นั้นไม่สามารถยืนหยัดได้นานกว่าสิบห้าปี ปากแม่น้ำหลายแห่งนอกจากที่กวางตงถูกใช้ไปในทางที่เปลี่ยนไป จากจุดศูนย์รวมแรงงานกลายเป็นขาดแคลนแรงงาน อีกทั้งยังมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ในหลายพื้นทยอยเกิดขาดแคลนแรงงานตามมาเรื่อยๆ ความได้เปรียบด้านแรงงานได้เริ่มสูญเสียไปแล้ว นับวันจะได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ

จากการสำรวจและวิจัยสามารถคาดเดาได้ว่า นับจากปี 2543 ถึง ปี 2553 คนวัยแรงงานเพิ่มปีละ 1% เท่านั้น จนถึงปี 2558 แรงงานจีนจะไม่การเพิ่มขึ้น ประการไว้ว่าตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นไป ภาระการเลี้ยงดูประชากรจะไม่ลดลง หรือพูดอีกทางหนึ่งคือ หลังจากปี 2556 หรือ ปี 2558 จำนวนแรงงานจะลดลงเนื่องจากจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น ความได้เปรียบด้านทรัพยากรมนุษย์ที่มีมาอย่างยาวนานก็คงจะสูญหายไป

ในเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ จีนถูกเข้าใจว่าเป็นแหล่งแรงงานที่ไม่มีวันหมด แต่จีนกำลังเผชิญกับภาวะขาดแคลนแรงงาน เรื่องนี้ทำให้เราตกใจไม่น้อย อีกทั้งยังไม่สามารถเผชิญหน้ากับปัญหาได้



เรากำลังทดลองแปลงานอยู่ เพราะอยากเป็นนักแปลมากที่สุดเลยในตอนนี้ ในที่สุดก็แปลเสร็จหนึ่งตอน ยากมากมาย ฮือๆ จะมีคนอ่านรู้เรื่องไหมอ่ะ



Create Date : 11 ตุลาคม 2553
Last Update : 11 ตุลาคม 2553 19:43:51 น.
Counter : 802 Pageviews.

1 comment
รูปร้านอาหาร Buddha ที่ Chrishchuch ค่ะ
รูปแรกค่ะ แจ่มๆเลย


รูปที่สอง



ความจริงถ่ายมาเยอะกว่านี้ค่ะ แต่ท่าทางลงรูปที่นี่ยาก แค่สามรูปพอ นี่เป็นป้ายชื่อถนนค่ะ



ตำแหน่งนะคะ ถ้าเดินทางจากริคคาร์ตอนมอลของที่นี่ไปทางตัวเมือง จะเลยริคคาร์ตอนมอลมาหน่อยนึง เคยเจอโฮสคนเก่าเอาเศียรพระพุทธรูปวางไว้ในสวน ประมาณว่าเอาไว้ประดับเล่นๆ เป็นเรื่องปกติของฝรั่งค่ะ แต่ไม่กล้าเถียงด้วย อย่างแรก ภาษาอังกฤษไม่เก่งมาก อย่างที่สอง หัวเดียวกระเทียมลีบค่ะ



Create Date : 17 กันยายน 2553
Last Update : 17 กันยายน 2553 14:56:25 น.
Counter : 507 Pageviews.

1 comment
ขายจักรยาน
และแล้วเราก็มีอารมณ์เขียนไดอีกครั้ง หุหุ คราวนี้เขียนเป็นภาษาไทยด้วยนะ คงเป็นเพราะใครบางคนไม่ยอมออนคิวคิวมั้ง เหอะๆ

วันนี้ไปขายจักรยานมา อืม เจ้าของบ้านเขากลัวเราไม่รู้ว่าจะขายอย่างไรถามมาหลายครั้งแล้ว เมื่อวานซืนก็ถาม แต่ด้วยความขี้เกียจวันนี้ถึงเพิ่งเอามันไปขาย ตอนเช้าดูพันทิปก่อน ดูเสร็จเตรียมเอาไฟล์โหลดเข้าเอ็มพีสามไว้ฟังวันนี้ จากนั้นก็ออกจากบ้าน ก่อนที่เราจะออกจากบ้านเจ้าของบ้านมาพอดี เขาก็ถามว่าจะให้เขาไปส่งไหม เราก็บอกว่าไม่ต้อง เราไปเองได้ แบบว่าไม่อยากรบกวนอ่ะนะ ตอนที่ออกจากบ้าน เจ้าของบ้านเห็นกระเป๋าเราปิดไม่ดีก็มาปิดให้ หุหุ ใจดีมะ?

ด่านแรก รอรถเมล์ วันนี้ใส่แค่กางเกงขายาวหนึ่งตัวกับเสื้อนอกกันฝนอีกนึงตัว รองเท้าแตะ แค่นั้น หนาวเท้าจริงๆ ไม่น่าขี้เกียจเลยเรา

ด่านที่สอง พอรถเมล์มาถึงเราก็รอให้คนอื่นขึ้นหมดก่อน แล้วก็บอกคนขับด้วยภาษาอังกฤษงูๆปลาๆของเราว่า เราอยากจะเอาจักรยานคันนี้ไปด้วย เขาโบ้่ยให้เราเอาจักรยานไปวางไว้หน้ารถ แต่เราบอกเขาซ้ำอีก เขาตอบกลับมาว่าหน้าที่เอาจักรยานวางไว้หน้ารถเมล์ไม่ใช่หน้าที่ฉัน เป็นหน้าที่เธอ แล้วเขาก็ถามว่า เธอรู้ไหมว่าวางยังไง เราก็ส่ายหัว เขาก็บอกว่า งั้นเดี๋ยวฉันทำให้ดู ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ (เรานึกในใจ ฉันไม่อยากเอามันขึ้นรถเมล์เป็นครั้งที่สองหรอก) แล้วเขาก็อธิบายเร็วๆพร้อมกับทำให้ดู ดีว่าพวกฝรั่งไม่ชอบทำอะไรยากๆ เลยพอเดาวิธีทำได้ เสร็จพวกเราก็ขึ้นรถแล้วเขาก็ถามว่าจะไปที่ไหน เราบอกไม่ถูกเพราะไม่รู้ชื่อถนน ไม่รู้ด้วยว่าแถวนั้นเรียกว่าอะไร แต่รู้ทางอ่ะ เราก็บอกเขาว่าใกล้ๆกับชายหาดซัมเนอร์ เขาก็บอกว่าพอก่อนถึงจุดเปลี่ยนรถเมล์หรือที่คนที่นี่เรียก bus exchange เราต้องลงรถ แล้วเดินไปที่ป้ายถัดจาก bus exchange เพื่อขึ้นรถอีกครั้ง เราก็บอกว่าได้ แต่ในใจอ่ะ เครียดเลย ระยะทางไม่ใช่ใกล้ๆนะ แถมเราเอาแผนที่เดินรถของที่นี่ทิ้งไปแล้ว เดินไปยังไงหว่า

พอเลยโรงพยาบาลของเมืองไปหน่อยเขาก็บอกให้เราลงรถ เราถามเขาว่าไปให้ใกล้กว่านี้หน่อยได้ไหม เขาบอกไม่ได้ เพราะเขาไม่สามารถจอดรถในเมืองได้ เราถามว่า ถ้าอย่างนั้นเราต้องเดินไปใช่ไหม เขาบอกเธอก็ขี่จักรยานของเธอไปสิ เราก็ถามเราไม่มีหมวก ขี่จักรยานไม่ได้แล้วจะทำอย่างไร เขาตอบมาว่า นั่นมันปัญหาของเธอไม่ใช่ปัญหาของฉัน ฮิ้ววววว อืม เจ๊แกส่อแววไม่เป็นมิตรตั้งแต่ก่อนขึ้นรถละ ดวงซวยจริงๆมาเจอคนขับคนนี้ เพราะถ้าเป็นคนขับที่เป็นมิตร เขาไม่มีทางตอบแบบนี้แน่นอน

แล้วเราก็ลงจากรถ เอาจักรยานออกแล้วก็เข็นจักรยานไปเรื่อยๆ เราเดินเลี่ยงตัวเมืองหน่อยๆนะ คนไม่เยอะดี ไม่อยากเจอคนรู้จัก ฮ่าๆ หลงทางหนึ่งครั้ง แต่กลับลำทันหาทางเจอ พอเดินมาถึงป้ายรถเมล์เรากลับใจไม่ขึ้นรถเมล์ละ เดินต่อนี่แหละ เจอคนขับแบบคนเมื่อกี้อีกเสียอารมณ์เปล่าๆ จะได้เดินเล่นด้วย วันนี้อากาศดีพอสมควร

ขายจักรยานเสร็จก็ขึ้นรถกลับบ้าน อืม ขากลับผ่านRiccarton(ย่านซื้อของของที่นี่ ) เห็นร้านอาหารที่ใช้คำว่า Buddha เป็นชื่อร้าน (ขาไปก็ผ่านนะ แต่เราไปมองอีกด้าน) แถมเอาเศียรพระพุทธรูปมาตั้งไว้หน้าร้านอีกด้วย จริงๆนะ หลังจากมาอยู่นิวซีแลนด์แล้ว เราเกลียดฝรั่งขึ้นเยอะเลย แต่ฝรั่งที่ดีกับเราก็มีอ่ะ เหอะๆ อืม ไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นเหมือนเราไหม เรารักประเทศไทยมากขึ้นหลังจากไปเรียนจีน เกลียดฝรั่งมากกว่าเดิมหลังจากเรียนนิวซีแลนด์ แต่ให้ความสนใจชาวเมารีมากขึ้น หุหุ

ถึงบ้านก็กินข้าว ดูพันทิปต่อ ช่วงบ่ายๆเจ้าของบ้านมาบอกว่า ยังมีการโอนเงินค่าเช่าห้องอัติโนมัติอยู่ให้เราตรวจดูบัญชี(ค่าห้องเราโอนทางธนาคารทุกสัปดาห์) แล้วเขาก็ให้จดหมายเรามาซองนึง จดหมายที่ว่ามาจากธนาคารค่ะ เขาบอกว่าตอนนี้เราเรียนจบแล้ว เนื่องจากเราใช้บัญชีนักเรียน(กระแสรายวันที่ธนาคารเปิดให้นักเรียนต่างชาติ ค่าธรรมเนียมถูกนิดนึง) ทางนั้นต้องการรู้ว่าเราวางแผนอย่างไรต่อไป เรากะว่าจะปิดบัญชีวันศุกร์อ่ะนะ เลยไม่สนอะไรมาก

ใกล้จะได้กลับบ้านแล้ว โอ้ อยากถึงบ้านเร็วๆจัง



Create Date : 15 กันยายน 2553
Last Update : 15 กันยายน 2553 12:13:11 น.
Counter : 371 Pageviews.

2 comment
1  2  3  4  

นางสาวคานทอง
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



All Blog