ด้วยจิตวิญญาณของคนเป็น "ครู"
Group Blog
 
All blogs
 

อยากเล่าเรื่องเล็ก

อยากเล่าเรื่อง “เล็ก”

เล็กเป็นชื่อของเพื่อนรักคนหนึ่งของฉัน เธอมีรูปร่างเล็กสมชื่อ ผิวขาว เธอเป็นคนสวยในสายตาของฉัน ผิวหน้าละเอียดอ่อนไร้สิวฝ้า เห็นแม้กระทั่งเส้นเลือดบางๆ ตาคม หางตาชี้ขึ้นเล็กน้อย เป็นดวงตาที่เก๋ไก๋ที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา เลยทีเดียว เล็กบอกกับใครๆ ว่าตัวเองอ้วน แต่ฉันกลับมองว่ารูปร่างของเธอได้สัดส่วนกับความสูง ไม่อ้วน แต่ก็ไม่ใช่คนผอม มันดูกลมกลึงน่ารัก ที่เล่าๆ มานี้ ดูเหมือนฉันจะชื่นชมเพื่อนคนนี้เป็นพิเศษ แน่ละ ก็เธอเป็นเพื่อนสนิทในไม่กี่คนของฉันนี่

ฉันรู้จักเล็กเมื่อตอนฉันเรียนอยู่ชั้น ม.๒ เพราะเล็กได้มีโอกาสรำสีนวล ซึ่งการรำครั้งนั้นเธอได้แสดงเพื่อออกรายการโทรทัศน์ ช่อง 8 ลำปาง ในฐานะตัวแทนของโรงเรียน ก็มีรำกันหลายคน แต่ฉันสะดุดตาเพื่อนคนนี้เป็นพิเศษ เธอไว้ผมยาว ผมหน้าม้า เมื่อแต่งหน้าเต็มที่เพื่อออกโทรทัศน์ จะเห็นว่าเธอสวยที่สุดในบรรดาคนที่รำทั้งหมด แต่ก็นั่นแหละ เป็นแค่การรู้จักกันเผินๆ ตามประสาเพื่อนคนละห้อง และเล็กก็ดูจะเป็นคนหยิ่งและไว้ตัว ขณะที่ฉันเองก็ไม่ใช่คนมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีสักเท่าไหร่

เมื่อฉันเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ครูที่สอนดนตรีไทยใด้แนะนำว่าฉันดูมีพรสวรรค์ทางด้านดนตรี สมควรได้ไปศึกษาต่อทางด้านนี้โดยตรงที่วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ สารภาพตามตรงว่าฉันคิดว่าฉันไม่ได้คล้อยตามความคิดนี้เลย แต่ฉันก็ขออนุญาตพ่อเพื่อไปสอบเรียนต่อตามที่อาจารย์แนะนำเพียงเพราะว่า ฉันกลัวต้องเรียนกับนักเรียนชาย (ตอนนั้นโรงเรียนของฉันเป็นโรงเรียนหญิงล้วนเพิ่งเริ่มรับนักเรียนชายเฉพาะมัธยมปลาย 2 ปีก่อนหน้านั้น) ฉันไม่เก่งพละ วิชาพลศึกษาคือปัญหาอันยิ่งใหญ่ของเด็กขี้เหร่อย่างฉัน ถ้าฉันเรียนกับนักเรียนชาย พวกเขาต้องหัวเราะเยาะฉันแน่ๆ โอ! เหตุผลแค่นี้ก็ทำให้ฉันต้องหันเหชีวิตไปเรียนวิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ แล้วไปเรียนวิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ไม่อายใครเขาหรือเวลาเรียนพลศึกษา ฉันเข้าใจ(เอาเอง) ว่า วิทยาลัยแห่งนี้คงไม่ให้นักเรียนเรียนพละ (ฮ่า มันเป็นอะไรที่ผิดมาก)

ที่วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ นี่เองที่ทำให้ฉันกับเล็กต้องสนิทกัน เพราะเรามาจากโรงเรียนเดียวกัน และเราอยู่หอพักเดียวกัน ที่สำคัญเราบังเอิญได้พักห้องเดียวกัน และแล้วฉันก็พบว่าภาพลักษณ์ เพื่อนที่ดูเย่อหยิ่ง และถือตัว แท้จริงแล้วฉันเข้าใจผิดมาก เล็กเป็นคนคุยเก่ง และอัธยาศัยดีมาก แต่ที่เข้าใจไม่ผิดก็คือเล็กเป็นคนที่มั่นใจตัวเองมากๆ

เล็กเรียนหนังสือไม่ค่อยเก่งนัก จึงทำให้ต้องลอกการบ้านจากฉันบ่อยๆ ในขณะที่ฉันเอง ก็ค่อนข้างเป็นคนหวงวิชา ยิ่งการลอกการบ้าน ฉันถือเป็นพฤติกรรมที่แย่มาก แต่ฉันก็ต้องตามใจเพื่อน ฉันก็เลยเก็บความไม่พอใจด้วยการบันทึกไว้ในสมุดจดเล่มหนึ่ง ฉันเขียนๆๆๆ บอกเล่าถึงความอัดอั้นตันใจว่าทำไมๆๆๆ เล็กถึงไม่ทำการบ้านเอง ทำไมถึงต้องลอกการบ้านต่างๆนานา และแล้ววันหนึ่งเล็กก็ได้อ่านสมุดเล่มนั้นโดยบังเอิญเพราะหน้าปกมันเหมือนสมุดจดการบ้านวิชาหนึ่ง เล็กโกรธมาก หลังจากโยนสมุดเล่มนั้นใส่หน้าฉัน เธอก็ไม่พูดกับฉันเลย เรานอนห้องเดียวกันแต่ไม่พูดกัน เป็นอะไรที่อึดอัดมาก แต่ฉันก็ถือว่าฉันไม่ผิด ฉันก็แค่ระบายความไม่พอใจลงไปลงในสมุด ทำไมต้องโกรธฉันขนาดนั้น (อันที่จริง ฉันก็ใช้คำพูดที่ค่อนข้างแรงอยู่นะ) เราไม่พูดกันได้เพียงอาทิตย์เดียวเท่านั้นก็มีเหตุที่ทำให้เราต้องหันหน้าเข้าหากัน

มีนักเรียนจากปักษ์ใต้กลุ่มหนึ่ง มาพักหอเดียวกับพวกเรา ว่ากันว่าพวกเธอๆเป็นหลานผอ. ผอ.เป็นคนใต้ พอย้ายมาดำรงตำแหน่งที่วิทยาลัยนาฏศิลปแห่งนี้ ก็ชักชวนเพื่อนลูก รวมทั้งหลานตัวเองมาเรียนที่นี่ 4 คน เด็กใต้เหล่านีส่งเสียงดังด้วยภาษาใต้อย่างไม่เกรงใจใคร ห้องของฉันอยู่หน้าบันได ยิ่งพวกเธอรู้ว่าเราไม่พอใจที่เธอทำเสียงดังโครมคราม ก็ราวกับว่าเธอจะยิ่งจงใจทำให้มันดังยิ่งขึ้น ฉันกับเล็กก็เลยปรึกษากันเรื่องนี้ เล็กเป็นคนริเริ่มคุยกับฉันก่อนด้วยซ้ำ

คืนนั้น เราก็เอาปากกาเคมีมาเขียนข้อความด่าทอต่างๆ นานา ไว้หน้าห้องเด็กใต้โดยเฉพาะ 2 ใน4 เป็นรุ่นเดียวกับเราดังนั้นเราจึงเขียนไว้ที่หน้าห้องของพวกเธอเท่านั้น ข้อความนั้นฉันจำไม่ได้ แต่รู้ว่าแรงมาก แล้วเช้านั้นพวกเราก็เงียบหายอยู่ในห้อง รอคอยว่า พวกนั้นจะมาถล่มเราเมื่อไหร่ เราตื่นแต่เช้าเพื่อรอ และแล้วเมื่อเวลาใกล้ 7 โมงเช้าเราก็ได้ยินเสียงเคาะประตูราวกับฟ้าจะถล่ม เล็กรีบไปเปิดทันที เพื่อนชาวใต้ 2 คน และรุ่นพี่ อีก 2 ยืนทำหน้าถมึงทึงอยู่หน้าห้อง พวกเธอด่าๆๆๆๆ ทั้งภาษากลาง ปนกับภาษาใต้ พวกเราก็ด่าๆๆตอบ และในที่สุดก็ลงมือตบตี ไม่รู้ว่าใครเริ่มก่อน ห้องของฉันกับเล็กก็แสนจะคับแคบ และมันตลกมากตรงที่ว่าทั้งหกคน ที่ตบตีกันนั้น ไม่มีใครมีทักษะในการต่อสู้แม้แต่คนเดียว พวกเราทึ้งกันไปมา ดึงผม ตบตี ชุลมุนชุลเก ในที่สุดก็มีใครคนใดคนหนึ่งระเบิดเสียงหัวเราะออกมา และเราก็หัวเราะกัน จากนั้นก็กลายเป็นเพื่อนกัน เรื่องของเด็กๆ มันง่ายดายเช่นนี้เอง

จบปัญหาสัมพันธภาพกับชาวใต้ เพราะในที่สุดเราก็กลายมาเป็นเพื่อนกัน แต่เล็กกลับมีปัญหาใหญ่เรื่องหนึ่งที่ฉันต้องร่วมแก้ไข ปัญหาที่ว่าก็คือ วิทยาลัยนาฏศิลปะของพวกเราบังคับให้นักเรียนหญิงต้องไว้ผมยาว เพราะจะได้สะดวกกับการเกล้าผม มวยผม เวลาที่มีกิจกรรมการแสดง ทางวิทยาลัยมีระเบียบว่าผมต้องยาว โดยวัดจากโคนผมถึงปลายผมต้องได้ 20 นิ้วเท่ากัน ขึ้นไป อนุโลมให้เฉพาะนักเรียนใหม่ ที่ตอนนี้อาจไม่ยาวถึง 20 นิ้วก็จริงแต่ต้องห้ามตัดผม ซึ่งพวกเราก็ไม่มีใครกล้าที่จะตัดอยู่แล้ว เพราะอาจารย์ฝ่ายปกครองของวิทยาลัยได้ชื่อว่าดุมาก

วันหนึ่งในช่วงปิดเทอมเล็ก ฉันไปหาเล็กที่บ้านในเมืองลำปาง และแล้วก็ต้องตกใจมากเพราะผมเล็กซึ่งเริ่มยาวประบ่า เช่นเดียวกับฉันกลายเป็นผมซอยสั้น !!! เกิดอะไรขึ้นกับเล็ก ฉันถามถึงสาเหตุเลยได้ความว่า เล็กบอกว่าอยากเล็มผมที่แตกปลาย เลยไปร้านเจ้าประจำ แล้วเผลอหลับไป พี่เจ้าของร้านไม่รู้ว่าเล็กย้ายโรงเรียนแล้วหวังดีอยากให้เล็กได้ลองซอยผมสั้นทรงฮิทที่กำลังมาแรงเธอเลยซอยให้ เล็กเป็นกังวลใจมาก ฉันก็พลอยกลุ้มใจกับเพื่อน เราจะทำอย่างไรดี พ่อกับแม่เล็กท่านเป็นพ่อค้าแม่ค้าอยู่ชลบุรี ก็เลยไม่ได้รู้ในปัญหานี้ ฉันก็หวาดกลัวว่าจะต้องขาดเพื่อนที่ดีแสนดีอย่างเล็ก ในที่สุด เราก็คิดทางแก้ปัญหาแบบเด็กๆ

เราไปขอซื้อผมปลอมจากทางร้าน เลือกเอาสีผมที่ใกล้เคียงกับผมเล็ก จากนั้น เล็กก็รวบผมซอยสั้น ปรากฏว่ารวบได้นิดเดียวเหมือนหางไก่ เราก็เอาผมปลอมที่หามาตัดให้เท่ากัน แล้วเอามารวบเข้ากับหางไก่ที่มีอยู่ มันต้องใช้หนังยางหลายเส้นมาก จากนั้นก็เอาริบบิ้นสีดำ ผูกหลายๆ รอบเพื่อกลบหนังยางที่ดูเยอะเกินความจำเป็น วิธีนี้ดูเนียนกว่าการใส่วิกผมปลอม แต่ข้อเสียคือ เส้นผมปลอมที่นำมาต่อ มันจะร่วงบ่อยมาก

เล็กกลับไปเรียนตอนเปิดเทอมด้วยวิธีนี้ เธอโดนอาจารย์ลงโทษแค่ผมข้างหน้าที่ไม่เรียบร้อย แต่วิธีการที่ว่านี้มันเป็นกรรมวิธีที่ยุ่งยากพอสมควร เราต้องตื่นกันแต่เช้าเพื่อที่จะทำผมให้เล็ก ผมปลอมก็หายาก เพราะมันร่วงบ่อยๆ ก็ต้องซื้อเติมเรื่อยๆ ห้องของเรามีหน้าต่างมุ้งลวดที่ติดกับห้องน้ำ เช้าตรู่เราก็จะเอาผ้าเช็ดตัวมาขึงหน้าต่างไว้กันใครชะโงกหน้ามาดู เราทำกันอย่างนี้เรื่อยมาได้หลายอาทิตย์เล็กก็หมดความอดทน

เพราะในชั่วโมงพละ เราเล่นวอลเลย์บอลกัน เล่นไปเล่นมา ผมปลอมเล็กก็ร่วงเป็นจำนวนมาก เพื่อนรักของเราอีกคนหนึ่งคือไอ้หนาก็สังเกตเห็น “เฮ้ยเล็ก ทำไมผมเธอมันร่วงมากขนาดนี้ดูสิเหลือปอยนิดเดียว” เราจับไอ้หนาเข้าห้องน้ำพร้อมกับเรา ไอ้เล็กปลดผมปลอมออกให้ดู จากนั้น เราก็โดดโรงเรียนเลยในวันนั้น ไปปรึกษาราชการลับต่อในห้องนอนที่หอพัก เล็กบอกกับเราและไอ้หนาว่า เล็กทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เล็กจะไปสารภาพผิดกับอาจารย์

และแล้วเล็กก็ออกจากโรงเรียนกลางคัน เพราะเธอไม่ได้ไปสารภาพผิดกับอาจารย์แต่ เธอตัดสินใจขอลาออกเลย เล็กบอกกับเราว่า เมื่อเข้ามาเรียนแล้วถึงรู้ว่าจริงๆแล้วเธอไม่ชอบการถูกบังคับด้วยระเบียบวินัยที่หยุมหยิมเช่นนี้ แม้ฉันจะเหนี่ยวรั้งเล็กไว้เพียงไร แต่เธอก็บอกว่าเธอตัดสินใจดีแล้ว


เล็กจากไปอย่างง่ายๆ โดยทิ้งข้าวของให้เป็นมรดกดูต่างหน้าเยอะแยะไปหมดเช่นวิทยุเทป เสื้อผ้าเป็นต้น จากนั้นเล็กก็ไปเรียนตัดผม เรียนเสริมสวย และไม่กี่ปีมานี้ ฉันถึงเพิ่งรู้ว่าเธอเป็นเจ้าของร้านกิ๊ฟช็อป ที่ภูเก็ต มีชื่อว่าร้านเล็กๆ เรานัดเจอกันที่ลำปาง และเมื่อไปร้องเพลงคาราโอเกะด้วยกันฉันก็ต้องทึ่งมากเพราะเล็กร้องเพลงเพราะมาก โดยเฉพาะเพลงของมาลีวัลย์ เจมีน่า เล็กร้องได้ราวกับมาลีวัลย์มาร้องให้ฟังตรงหน้าเลยทีเดียว! อ้อ จนถึงปัจจุบันนี้เพื่อนของฉันคนนี้ก็ยังเป็นสาวโสด และเธอก็ยังมีบุคลิกที่มาดมั่นเหมือนเดิม และที่สำคัญเธอยังสวยน่ารัก เหมือนเดิมด้วยเช่นกัน




 

Create Date : 03 มกราคม 2555    
Last Update : 3 มกราคม 2555 16:58:12 น.
Counter : 664 Pageviews.  

วันประกาศผลสอบ

ขอเล่าย้อนหลังเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่ร.ร.ของลูกๆ นัดประชุมผู้ปกครองเพื่อรับผลการเรียน แต่เราต้องให้คุณพ่อของลูกๆ ไปแทน เพราะเป็นวันประกาศผลสอบของโรงเรียนเราเช่นกัน

ไม่รู้ว่าคุณแม่คนอื่นๆ เค้าลุ้นเหมือนเราหรือเปล่าในวันที่จะได้ทราบผลการเรียนของลูก ขณะที่กำลังแจกสมุดรายงานผลการเรียนให้ผู้ปกครอง ใจเราก็เต้นตุ้มๆ ต่อมๆ รอคุณสามีโทรฯมาบอกผลการเรียนของลูก

ลูกสาวคนเล็กย้ายมาจาก ร.ร.อนุบาลแห่งหนึ่งซึ่งในระดับอนุบาล1 - 2 ไม่ได้มีการวัดผลเพราะเค้าเน้นการเตรียมความพร้อม เด็กๆ ก็ไปร.ร.เพื่อปั้นดินน้ำมันบ้าง วาดรูป และ นันทนาการบ้าง ซึ่งเราก็ว่าเป็นการจัดการศึกษาที่ดีนะ แต่ปีนี้แกอยู่ชั้นป.1 แล้ว ดังนั้นจึงเป็นปีแรกที่จะได้รู้ว่าผลการเรียนเฉลี่ยของแกอยู่ในเกณฑ์ใด

และแล้วการรอคอยก็สิ้นสุด เมื่อแจกสมุดพกให้แก่นักเรียนคนสุดท้ายที่เจ้าตัวมารับเอง เพราะผู้ปกครองติดธุระ คุณสามีก็โทรฯมารายงาน
เจ้าตัวเล็กได้ 4.00 ก็ดีใจกันถ้วนหน้า ก้าวแรกของแกเป็นก้าวที่กล้าพอสมควร ส่วนพี่คนโตที่อยู่ชั้นป.5 ได้ 3.74


และเมื่อเรากลับถึงบ้าน นี่คือการจำลองบทสนทนาระหว่างคุณแม่แสนเฮี้ยบกับลูกชาย

คุณแม่ : ทำไมเกรดภูมิถึงเป็นอย่างนี้ ด้วยศักยภาพแล้วลูกควรทำได้มากกว่านี้ แต่นี่เพราะลูกมัวแต่เล่นเกมมากเกินไป และอ่านแต่หนังสือการ์ตูน หนังสือหนังหาไม่ยอมอ่าน เรียนแค่ชั้นป.5 เกรดมันน่าจะดีกว่านี้นะ

คุณพ่อ : ไม่เป็นไรลูก เกรดขนาดนี้ก็ดีแล้ว เรียนไม่เก่งไม่เป็นไร ขอให้ลูกเป็นคนดีพ่อก็ภูมิใจที่สุดแล้ว

ภูมิ : สำหรับคุณแม่แล้ว แค่เป็นคนดียังไม่พอหรอกคร๊าบบบบ (พร้อมทำหน้าเบื่อสุดชีวิต)

คุณแม่ : รับปากกับแม่สิว่าปีนี้ลูกจะตั้งใจเรียนมากกว่านี้

ภูมิ : คร๊าบบบบ


และแล้วลูกชายก็เลี่ยงไปรับโทรศัพท์เพื่อน

ภูมิ : เออ ไบร์ทเหรอมีไรอ่ะ อ๋อ เกม GTA ใหม่เหรอ มีๆๆๆ เฮ้ยเรามี transformer ด้วยเพิ่งได้มาใหม่

คุณแม่ : ถามไบร์ทหน่อยสิ ว่าเค้าได้เกรดเท่าไร แม่อยากรู้ (อ่ะนะ)

ภูมิ : เฮ้ย...ไบร์ท เกรดได้เท่าไรวะ ห๊า ! 1.87 ทำไมได้น้อยอย่างนี้วะ พ่อแม่ไม่บ่นแย่เหรอ

อะไรนะ ! ไม่บ่น ไรวะ อ๋อ พ่อแม่ชินแล้ว เออๆๆ เราเหรอ ได้ 3.74 ได้แค่นี้แม่บ่นชิบ... กดดันสุดๆ เอ็งทำไมโชคดีอย่างนี้วะ ของเราถ้าได้เท่าไบร์ทนะ สงสัยแม่เอาตาย

เออๆๆๆ เดี๋ยวจะไรท์ให้นะ GTA น่ะ



ฟังการสนทนาระหว่างของลูกกับเพื่อน มันทำให้เราได้คิด
และคิดได้บ้างว่า บางทีความคาดหวังที่มากมายเกินไป ก็สร้างความกดดันให้กับลูกมากพอสมควร เราอ่ะนะ ทฤษฎีเยี่ยม ปฏิบัติแย่ อ่านจิตวิทยาสำหรับเด็กมาก็เยอะ แต่พอนำมาใช้กับลูกจริงๆ ไม่เคยทำได้สักที พอฟังลูกก็สะท้อนใจเหมือนกันนะ


โชคดีของลูกๆ ที่พ่อของพวกเขาเป็นมนุษย์คนละขั้วกับเราโดยสิ้นเชิง คุณสามีเรานะ ร่ำๆจะยุให้เปลี่ยนนามสกุลเป็น "เชิญยิ้ม" หรือ "ชวนชื่น" ประมาณนั้น เพราะวันๆ พี่แกปล่อยมุกไม่เคยซ้ำกันสักที


เย็นวันนั้นเราพาเด็กๆ ไปกินไก่ผู้พัน ฉลองการรู้ผลสอบ เราลองเปลี่ยนท่าทีใหม่โดยการบอกนายภูมิว่า "จริงๆแล้วแม่ก็ภูมิใจมากนะที่ภูมิได้เกรดขนาดนี้ แต่ถ้าปีหน้าลูกตั้งใจเรียนอย่างเต็ม แม่จะดีใจมากๆ ถึงแม้ว่าเกรดจะน้อยกว่านี้แม่ก็จะไม่ว่าอะไรลูกเลย" อิอิอิ บอกแล้วว่าทฤษฎีเยี่ยม นายภูมิยิ้มแฉ่ง "คร๊าบบบ รับรองภูมิจะตั้งใจเต็มที่"

เฮ้อ.....แค่นี้ก็ชื่นใจแล้ว




ภูมิกะเพลง




 

Create Date : 11 เมษายน 2551    
Last Update : 11 เมษายน 2551 16:37:27 น.
Counter : 400 Pageviews.  

คนดีที่ไม่รู้จัก


เคยไหมคะ ที่บางครั้งเรามองคนจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้วตัดสินด้วยความเข้าข้างตัวเองว่า คนๆนี้ดูแย่ ดูน่ารังเกียจ แต่พอรู้จักเพียงบางเสี้ยวที่เขาแสดงออกซึ่งตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับที่เราคิด กลับพบว่าความคิดเพียงผิวเผินของเราแบบนี้ช่างน่าละอายเหลือเกิน

เมื่อหลายสิบปีก่อนที่ฉันได้รับการบรรจุแต่งตั้งให้ไปเป็นครูอยู่ที่จังหวัดเล็กๆ แห่งหนึ่งนั้น ความเหงา ความพลัดพรากจากผู้ที่เป็นที่รักทำให้ฉันกับแฟนตัดสินใจแต่งงานกันทันที่หลังจากรับราชการได้เพียง 1 ปี ทั้งๆที่เรายังคงสอนหนังสือกันคนละจังหวัด และทั้งๆที่เรายังอายุยังน้อยทั้งคู่ ด้วยเหตุผลที่ว่าเราจะได้นัดเจอกันได้โดยไม่สร้างความลำบากใจให้กับผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย

สองปีภายหลังจากการแต่งงานเมื่อสามีได้ย้ายกลับสู่ภูมิลำเนา ฉันก็ตั้งครรภ์ แม้ไม่พร้อมเท่าไรนักเพราะเรายังต้องแยกกันอยู่ แต่ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายก็ยินดีปรีดากันนักหนา เพราะสามีเป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน และสำหรับฉันแม้พี่ๆจะ มีครอบครัวและมีลูกกันไปแล้วหลายคน แต่สำหรับน้องเล็กอย่างฉันเมื่อบอกว่าจะมีลูก พ่อแม่และพี่ๆ ก็ยินดีด้วยอย่างยิ่ง


เมื่อย่างเข้าเดือนที่สามของการตั้งครรภ์ ฉันผู้ซึ่งเห่อลูกคนแรกพอสมควรก็ชักชวนพี่แพรว ซึ่งเป็นเพื่อนครูที่สนิทที่สุดเพราะเราพักอยู่บ้านพักครูหลังเดียวกันมานับตั้งแต่เป็นครูโรงเรียนนี้ ไปเที่ยวในตัวเมืองเพื่อจะไปซื้อชุดคลุมท้อง เราเดินซื้อของในห้างใหญ่อย่างอารมณ์ชื่นบานด้วยกันทั้งคู่ ใช้เงินอย่างเพลิดเพลินจนเหลือติดกระเป๋ากันคนละนิดหน่อย ซึ่งก็คงไม่เป็นไรถ้าหากไม่เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นกับฉัน


ฉันเข้าห้องน้ำเพราะมีความรู้สึกแปลกๆ บางอย่าง ไม่ปวดท้อง แต่เหมือนจะเป็นประจำเดือน และเมื่อเข้าไปในห้องน้ำก็พบว่าตัวเองมีเลือดออกเหมือนมีประจำเดือนจริงๆ ซึ่งสร้างความตกใจให้ฉันเป็นอย่างมาก ก็ฉันตั้งครรภ์อยู่จะมีเลือดออกได้อย่างไร เราต่างรีบเดินจ้ำอ้าวไปยัง รพ.เอกชนที่ใกล้ที่สุดในขณะนั้น

คุณหมอเมื่อรู้อาการของฉันก็สั่งให้อัลตราซาวนด์ โดยให้ฉันรอให้เกิดความรู้สึกปวดปัสสาวะมากๆ ถึงจะอัลตราซาวนด์ ซึ่งทุกช่วงเวลาที่รอฉันเครียดและกระวนกระวายมากเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง และหลังจากนั้นคุณหมอก็ทำการอัลตราซาวนด์ แล้วก็บอกฉันด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า “เสียใจด้วยครับ เราไม่พบทารกในครรภ์ คุณแท้งบุตร”


อารมณ์ในขณะนั้นฉันรู้สึกโศกเศร้ามากมาย ถึงแม้ลูกจะอายุครรภ์เพียงสามเดือน แต่ครอบครัวเล็กๆ ของเราคือฉันกับสามีก็ร่วมสร้างฝันด้วยกันต่างๆนานาสำหรับการจะต้อนรับสมาชิกตัวน้อยๆของเรา ฉันจำได้เลาๆในขณะนั้นว่าหมอบอกกับพี่แพรวซึ่งมีสติดีกว่าฉันว่า ฉันต้องมารับการขูดมดลูกในวันพุธ ซึ่งก็อีกสามวันหลังจากนั้น สำหรับวันนี้หมอบอกว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงให้กลับไปพักผ่อนที่บ้าน

ฉันผู้ซึ่งอยู่ในภาวะอารมณ์ที่ไม่ปกติเพราะความอ่อนเพลียและความผิดหวังเสียใจอย่างที่สุด เดินตามพี่แพรวไปห้องจ่ายเงินและรับยา พอไปถึงฉันก็ ทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรงที่เก้าอี้แถวยาวหลายตัวหน้าห้องยาอันคับแคบ ปล่อยหน้าที่การประสานงานกับพยาบาลห้องจ่ายยาไว้กับพี่แพรว

มีชายวัยกลางคน คนหนึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ฉัน ด้วยความที่เขาเป็นคนค่อนข้างอ้วน เก้าอี้ตัวเล็กๆ คงสร้างความอึดอัดให้กับเขาพอสมควรจึงนั่งขยับตัวไปมาทำให้เกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าดอยู่ตลอดเวลา และการขยับตัวของเขาก็พลอยทำให้เก้าอี้ที่ฉันนั่งอยู่กระเทือนไปด้วย ฉันจึงมองเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร มองเพื่อจะบอกให้ทราบด้วยสายตาว่าฉันไม่พอใจพฤติกรรมของคุณ และก็ทำให้สังเกตขึ้นมาอีกนิดว่าเค้าเป็นผู้ชายที่ผิวค่อนข้างคล้ำ สวมเสื้อม่อฮ่อมเก่าๆ และมีท่าทีที่ไม่น่าไว้ใจ ฉันจึงไม่ต่อว่าอะไร


ขณะนั้นเองพี่แพรวซึ่งก็ยืนในช่องรับบิลค่ารักษาด้านหน้าฉัน ก็หันหลังกลับมาบอกด้วยสีหน้าวิตกกังวล “ตัวเอง ค่ารักษา 4,000 บาท” ฉันตกใจและเครียดขึ้นมาทันที เพราะเราทั้งคู่มีเงินรวมกันไม่ถึง 500 บาท เราปรึกษากันเบาๆ ว่าจะทำอย่างไรดี โดยเฉพาะขณะนั้นเป็นเวลาเย็นมากแล้ว เราปรึกษากันอยู่นานก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลเอกชน เราไม่คาดคิดว่าแค่การอัลตราซาวนด์และค่ายาจะทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงถึงเพียงนี้ (อันนี้ต้องบอกว่าเป็นค่าของเงินเมื่อเกือบยี่สิบปีมาแล้ว)


ขณะที่กำลังปรึกษากันอยู่นั้น ผู้ชายที่นั่งใกล้ฉันดูจะฟังพวกเราปรึกษากันอย่างตั้งใจ จนทำให้พี่แพรวและฉันรู้สึกตัวและ ยิ่งเพิ่มความไม่พอใจให้กับฉันมากขึ้น ถึงกับส่งสายตาไม่เป็นมิตรไปอีกครั้งหนึ่ง แต่พอเขาลุกขึ้นไปจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลของตัวเองฉันก็เลิกใส่ใจ


แล้วจู่ๆ เขาคนนั้นก็หันกลับมายัดเยียดเงินใส่มือฉัน 500 บาท พร้อมกับพูดว่า “ค่ารถกลับบ้านนะหนู รีบกลับไปได้แล้ว เห็นคุยว่าคิวรถกลับบ้านจะหมดแล้วไม่ใช่หรือ” ขณะที่เรากำลังงวยงงกับเงิน 500 บาทในมือ เขาก็ก้าวพรวดๆ จากไปอย่างค่อนข้างรวดเร็วเท่าที่คนอ้วนคนหนึ่งจะเดินได้


แม้จะงงๆ แต่ปัญหาเฉพาะหน้าก็ยังต้องแก้ไข ฉันกับพี่แพรวจึงตัดสินใจที่จะเจรจาขอผ่อนผันค่ารักษาพยาบาลโดยเราคิดว่าจะยอมวางบัตรข้าราชการทิ้งไว้ให้กับเจ้าหน้าที่ แต่แล้วฉันกับพี่แพรวก็ต้องพบกับความประหลาดใจอีกครั้งเมื่อเจ้าหน้าที่บอกเราว่า ผู้ชายคนนั้นจ่ายค่ารักษาให้หมดแล้ว “อ้าว ! คุณพ่อจ่ายค่ารักษาให้แล้วนี่คะ” พี่เจ้าหน้าที่ห้องยาคงจะหมายถึงชายคนนั้น ฉันละล่ำละลักบอกพี่แพรว “พี่แพรว รีบไปขอที่อยู่เค้าให้น้องหน่อย น้องจะติดต่อขอคืนเงินเขาทีหลัง”


แต่สายเกินไป พี่แพรววิ่งกลับมาพร้อมกับบอกว่า เขาไปที่ไหนไม่รู้ ฉันและพี่แพรวต่างพูดถึงผู้ชายคนนั้นด้วยความรู้สึกแปลกใจในน้ำจิตน้ำใจอันแสนยิ่งใหญ่ที่เขามีให้กับฉัน เงิน 4,000 บาทค่ารักษาพยาบาล และเงินค่ารถกลับบ้านมันช่างเป็นน้ำใจที่มากมายมหาศาลที่เขาหยิบยื่นให้ทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกัน และสำหรับฉัน ฉันแทบจะลืมความเศร้าโศกจากการสูญเสียลูก เพราะความตื้นตันใจกับความดีของคนแปลกหน้า

ทุกวันนี้ ฉันก็ยังรำลึกถึงเขาด้วยความขอบคุณ ขอบคุณสำหรับน้ำใจอันยิ่งใหญ่ของผู้ชายคนหนึ่ง ที่ดูจากเครื่องแต่งกายและผิวพรรณไม่ได้บ่งบอกถึงฐานะอันมั่งคั่ง ขอบคุณสำหรับบทเรียนราคาแพงที่สอนให้รู้ว่าอย่าด่วนตัดสินคนด้วยรูปลักษณ์ภายนอก และขอบคุณที่สอนให้รู้ว่าคนทำดีโดยไม่หวังผลตอบแทนมีอยู่ๆจริงบนโลกใบนี้.





 

Create Date : 29 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 27 เมษายน 2552 23:48:01 น.
Counter : 351 Pageviews.  


เมณี
Location :
ลำปาง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เป็นครูคนหนึ่งที่มุ่งมั่นในการสอนด้วยจิตและวิญญาณของความเป็นครู



หนังสือทุกเล่มที่นำมาอ่านผ่านบล็อกนี้ เป็นหนังสือที่มีอยู่ในห้องสมุดโรงเรียนแม่ทะวิทยา อ.แม่ทะ จ.ลำปาง จึงขออนุญาตใช้พื้นที่นี้เชิญชวนครู อาจารย์ บุคลากรทุกระดับชั้นในโรงเรียน และนักเรียนทุกคน มาหยิบยืมไปอ่านได้ตามระเบียบการยืมหนังสือของห้องสมุดได้ตลอดเวลาราชการค่ะ
Friends' blogs
[Add เมณี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.