|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
เที่ยวเนปาล... แบกเป้เที่ยวเดี่ยวได้ สบายมาก (วันแรก)
การเที่ยวต่างประเทศคนเดียวสำหรับผู้หญิงไม่ใช่เรื่องน่ากลัว (ในบางประเทศ) และหนึ่งในนั้นดิฉันคิดว่าคือที่นี่ "เนปาล" เมืองแห่งอารยธรรมกว่า 2000ปี แหล่งรวมมรดกโลก มีการผสมผสานของศาสนาต่างๆไว้อย่างลงตัว และเป็นที่ประสูติของพระพุทธเจ้า
การเตรียมตัวสำหรับการเที่ยวคนเดียวต้องศึกษาข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่หลากหลายเพื่อให้ได้ข้อมูลหลายๆด้านและสามารถวิเคราะห์ถึงปัญหาเฉพาะหน้าที่อาจเกิดและเตรียมพร้อมในทุกๆด้าน แต่ทั้งหมดนี้ไม่ไช่เรื่องยากอีกต่อไปในยุคข้อมูลข่าวสารอินเตอร์เน็ต ดิฉันมีเวลาเพียง 3 วันสำหรับทริปนี้ จึงวางแผนการเที่ยวแค่ภายในหุบเขากาฐมาณฑุซึ่งประกอบไปด้วยเมืองกาฐมาณฑุ (เมืองหลวง) เมืองปาตัน (City of Fine Arts) และเมืองภัคตะปูร์ (เมืองเก่ากว่า 2000ปีที่ยังมีชีวิต)
ก่อนเดินทางดิฉันหาข้อมูลเกี่ยวกับเนปาลจากหน้าโฮมแพจ เว็บบอร์ดต่างๆจากผู้ที่เคยเดินทางด้วยตัวเองโดยไม่ใช้บริการโปรแกรมทัวร์ ในที่สุดดิฉันก็ได้ข้อสรุปให้กับตัวเองได้ว่า...ดิฉันอยากได้ไกด์นำเที่ยวเป็นชาวพื้นเมืองเนปาล ซึ่งจะช่วยให้เราได้เที่ยวแนวลึกกว่าการเดินเที่ยวถ่ายรูปตามสถานที่ท่องเที่ยวที่มีไว้ในหนังสือท่องเที่่ยว หรือการไปตามแผนที่เท่านั้น คิดได้ดังนั้นแล้วดิฉันจึงตัดสินใจหาที่พักแบบโฮมสเตย์ เพื่อให้ได้สัมผัสวิถีชีวิตการอยู่ การกินและการมองแบบชาวเนปาล ซึ่งก็หาได้ง่ายจากเว็บไซด์เช่นกัน
ดิฉันคงไม่ต้องอธิบายขั้นตอนก่อนการเดินทางเช่น การจองตั๋วว่าสายการบินไหนราคาเท่าไหร่ เงินรูปีต้องแลกเงินที่ไหน ทำวีซ่าที่สถานทูตเนปาลยังไง อากาศช่วงที่จะไปอุณหภูมิเฉลี่ยเท่าไหร่ควรเตรียมเสื้อผ้าแบบไหน หรือหาที่พักยังไง เพราะข้อมูลพวกนี้คุณสามารถหาอ่านได้ง่ายมากในอินเตอร์เน็ตซึ่งมีข้อมูลเป็นภาษาไทย สิ่งที่ควรเตรียมไปอย่างยิ่งสำหรับการเดินบนถนนในกาฐมาณฑุคือหน้ากากกันฝุ่น และหากไม่ต้องการเปลี่ยนหน้ากากแบบผ้าทุกวัน ดิฉันแนะนำให้ซื้อยี่ห้อ 3Mค่ะ มีขายตามร้านประเภทอุปกรณ์ Security ราคาประมาณ 100-150 บาท แล้วคุณจะรู้สึกว่า "หน้ากากกันฝุ่นคือชีวิตของฉัน"
15 กรกฎาคม2554 เริ่มต้นความประทับใจแรกของการเดินทางด้วยสายการบิน Royal Nepal แม้ว่าแอร์โฮสเตสจะสวยไม่เท่าคนไทย แต่การบริการและอาหารอร่อยดีค่ะ มีบริการเสริฟอะไรต่อมิอะไรอยู่เรื่อยๆ เริ่มจากเครื่องดืื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม น้ำผลไม้ ถั่วเนปาล (อร่อยสุดๆ) ไวร์ วิสกี้ เบียร์ อาหาร (ไก่อบราดข้าวอร่อยมากค่ะ) กินอิ่ม และทุกอย่างขอเพิ่ม-ขอเติมได้ตลอดโดยเฉพาะไวน์แดงรสชาติดีทีเดียว
จากหน้าเว็บไซด์ที่อ่านมาแนะนำให้เลือกที่นั่งขาไปเป็นริมหน้าต่างด้านขวาของตัวเครื่อง และขากลับให้นั่งริมหน้าต่างด้านซ้ายของตัวเครื่อง แต่หากไม่ได้เลขที่นั่งตามนี้เรามาขอเปลี่ยนที่นั่งบนเครื่องได้ค่ะ สายการบิน Royal Nepal คนไม่แน่นมากนัก เพื่อจะได้เห็นวิวของเทือกเขาหิมาลัยได้ถนัดชัดเจน ก่อนเข้าสู่หุบเขากาฐมาณฑุเครื่องจะบินผ่านเทือกเขาหิมาลัยก่อนค่ะ เพียงแต่ขาไปท้องฟ้ามีแต่เมฆปกคลุมหนาแน่นมองไม่เห็นอะไรเลย ดิฉันจึงไม่ได้เห็นวิวหิมาลัยต้องรอลุ้นอีกทีขากลับ
ถึงสนามบินกาฐมาณฑุโดยสวัสดิภาพ กัปตันนำเครื่องลงจอดด้วยความนิ่มนวลค่ะ แม้ว่าลักษณะภูมิประเทศจะเป็นหุบเขา ยากแก่การนำเครื่องลงจอดก็ตาม ดิฉันไม่ได้โหลดกระเป๋าเพราะสัมภาระแค่ 3 วันแทบไม่มีอะไรมาก จึงเดินไปที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองและออกมาเจอเจ้าของโฮมสเตย์ที่รอรับอย่างง่ายดาย เนื่องจากสนามบินที่นี่เล็กมาก เล็กกว่าสนามบินในต่างจังหวัดที่เมืองไทยหลายเท่าตัวเลยก็ว่าได้ และที่แปลกตากว่าคือรถเท็กซี่ค่ะ ทุกคันเป็นไซร์เล็กแบบเดียวกันหมดขนาดประมาณใหญ่กว่ารถมีร่าบ้านเราสมัยก่อนนิดนึง นั่งได้ 4ที่นั่งรวมคนขับ ถ้ากระเป๋าใบใหญ่ประเภทเตรียมมาขึ้นหิมาลัยก็คงจะนั่งไม่พอค่ะ เห็นขนาดรถเล็กขนาดนี้แรงดีใช้ได้เลยค่ะ ที่สำคัญรถทุกคันไม่มีแอร์ค่ะ ต้องเปิดกระจกรับลมและนี่แหล่ะ! "หน้ากากกันฝุ่นคือชีวิตของฉัน"
โฮมสเตย์ที่ดิฉันพักอยู่ในเมืองปาตันห่างออกมาจากเมืองกาฐมาณฑุและสนามบินประมาณแค่ 10-15 นาที แต่เสียงบีบแตรบนท้องถนนก็ยังคงมีอยู่ไม่แพ้ถนนในกาฐมาณฑุ หลังจากวางกระเป๋าในห้องพัก ดิฉันรีบเปลี่ยนชุดสบายๆ เพื่อเดินเล่นชมเมืองปาตันยามเย็นอย่างไม่รีรอ สาวเนปาลเจ้าของบ้านชื่อ "สารีต้า เป็นผู้นำเที่ยวพาเดินทั่วทุกตรอก ซอกซอย ของเมืองปาตันซึ่งเป็นเมืองเก่า บรรยากาศเงียบสงบขึ้นมาก ที่อยู่อาศัยลักษณะบ้านเรือนแบบเก่าดั้งเดิมสร้างด้วยอิฐมอญเป็นแถวสูงๆขึ้นไป ประตูบ้านบานเล็กมากกว้างแค่เมตรกว่า สูงไม่เกินสองเมตร เชื่อว่าเมื่อเข้าบ้านจะต้องก้มหัวเพื่อเป็นการย้ำเตือนให้เรามีความอ่อนน้อมถ่อมตน หรืออีกเหตุผลนึงน่าจะมาจากเรื่องภูมิอากาศที่หนาวเหน็บการสร้างประตูบ้านให้เล็ก หน้าต่างบานเล็กๆจะช่วยให้ลมหนาวไม่พัดเข้ามามากนัก และลักษณะเด่นของอิฐมอญที่ช่่วยคลายความร้อนยามกลางคืนได้ดี และเก็บความเย็นได้ดีในยามกลางวัน การเดินทางในช่วงเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นฤดูร้อนของที่นี่ ดิฉันจึงไม่ต้องเผชิญกับความหนาวเย็นและอุณหภูมิในฤดูร้อนก็แค่ 19-24 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าไม่ได้ร้อนมากมายนักสำหรับคนไทยอย่างเราๆ
บ้านเรือนในปาตันมักเรียงตัวติดกันล้อมรอบตัววัดทั้งสี่ด้าน โดยมีวัดอยู่ตรงกลาง สารีต้าเล่าว่า บ้านที่ล้อมรอบวัดเป็นญาติกันหมดและมีหน้าที่ช่วยกันดูแลรักษาวัดนั้นๆ ขอบบานประตูด้านบนบ้านบางหลังมีลาย Paint รูปพระพุทธรูปไว้ 5 องค์แสดงถึงธาตุดิน น้ำ ฟ้า ลม ไฟ ซึ่งรอย Paint นี้จะมีได้ก็ต่อเมื่อบ้านหลังนี้มีผู้เฒ่าผู้แก่ ที่นี่ให้ความสำคัญกับการมีอายุยืน จะมีงานเฉลิมฉลองอายุและPaintขอบบนของบานประตูเพื่อบ่งบอกและยกย่องผู้อาวุโสของบ้านนี้
ถนน...เรียกว่าทางเดินน่าจะเหมาะกว่า ถูกแยกเป็นซอยเล็กๆสำหรับคนเดินผ่านแคบๆพอสวนกันได้ หน้าก็วัด หลังก็วัด ริมข้างทางจะเจอศาลเทพเจ้าพระศิวะของศาสนาพรหมณ์อยู่เป็นระยะๆ ในชุมชนหนึ่งๆจะมีแหล่งน้ำสาธารณะไว้ดื่มไว้ใช้ร่วมกัน เป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมอยู่ด้านล่างจากระดับทางเดินลึกลงไป 5-7 เมตร ผู้คนในชุมชนก็จะนำภาชนะสำหรับใส่น้ำมารองและขนไปใช้-ไปดื่มยังบ้านของตัวเอง
สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองปาตันได้แก่ ปาตันดอร์บาร์สแควร์ (Lalitpur Sub-Metropolitan City) ที่นี่ไม่มีห้างสรรพสินค้า ดังนั้นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจยามเย็นของชาวเมืองปาตันทุกเพศทุกวัยจึงมารวมกันที่ปาตันดอร์บาร์สแควร์ ภายในบริเวณนี้เคยเป็นพระราชวังเก่า มีความงดงามด้วยศิลปะแบบชาวเนวาร์(ชาวพื้นเมืองของเนปาล)และถูกยกให้เป็นมรดกโลก
ปาตันยังมีวัดที่สำคัญๆได้แก่วัดมหาเบาดา Mahabuddha Rudravarna มีการผสมผสานเอาศิลปวัฒนธรรมตะวันตกรวมอยู่ด้วย สังเกตจากรูปปั้นสิงโตด้านในวัด
วัดพันพระพุทธรูป Mahabuddha Templeที่มาของชื่อวัดคือมีพระพุทธรูปองค์เล็กๆรวมกันนับได้ 1,000 องค์ทำด้วยอิฐมอญติดไว้รอบเจดีย์
เวลาช่วงเย็นย่ำสำหรับการเดินทางในวันแรกนี้ ดิฉันให้สารีต้ากลับไปพักผ่อนก่อนเพื่อใช้เวลาเดินเล่นในตลาดปาตันและหาที่นั่งดื่ม-กินบรรยากาศภายในปาตันสแควร์ค่อยๆค่ำลงเรื่อยๆ
________ติดตามอ่านต่อทริปวันที่สองเมื่อ...เขียนเสร็จ_________
รายละเอียดค่าใช้จ่ายก่อนเดินทาง(เงินบาท) สายการบิน Royal Nepal ไป-กลับ 11,700 บาท ค่าประกันสุขภาพระหว่างเดินทาง 153 บาท ค่าทำวีซ่า 900 บาท
รายละเอียดค่าใช้จ่ายระหว่างเดินทาง (เงินรูปี) วันที่15 ก.ค. 54 1 อาหารเย็นที่ร้านในปาตันสแควร์ 700 2 เบียร์ 200 3 สบู่ 20
วันที่16 ก.ค. 54 1 Bus ไป สวะยัมภูนาถ 20 2 Ticket เข้าสวะยัมภูนาถ 200 3 กาแฟร้าน Roof บนเจดีย์สวะฯ 350 4 Taxiจากสวะฯไป Thamel 200 5 อาหารเที่ยงบนถนนทาเมล 1,200 6 ซื้อกระโปรงบนถนนทาเมล 350 7 Ticket เข้ากาฐมาณฑุสแควร์ 250 8 Taxiกาฐมาณฑุสแควร์ไปปาตัน 300 9 Ticket เข้าปาตันสแควร์ 200 10 ซื้อกระบอกสวดมนต์ 1,200 11 ดื่มกาแฟสด ร้านกาแฟที่ปาตัน 100 12 ซื้อชาเป็นของฝาก 860
วันที่17 ก.ค. 54 1 Bus ไปเจดีย์เบาดา 20 2 Ticket เข้าเจดีย์เบาดา 150 3 Bus จากเบาดาไปน้ำตก 20 4 น้ำดื่ม 70 5 Bus จากน้ำตกไปปศุปฎินาถ 20 6 Bus จากปศุปฎินาถไปภัคตะปูร์ 20 7 อาหารเที่ยงที่ร้านในภัคตะปูร์ 955 8 หน้ากากพระพิฆเนศ 300 9 ไอติมเนปาล 10 10 Bus จากภัคตะปูร์กลับปาตัน 20
วันที่18 ก.ค. 54 1 Taxi จากปาตันไปสนามบิน 250 2ค่าที่พัก Home stay Sanu's House 3คืน4วัน 2,100 รวมค่าใช้จ่ายระหว่างทริปรวมทั้งสิ้น 10,085รูปี (4,584บาท)โดยแบ่งเป็น ค่าเดินทาง 870 รูปี ค่าที่พัก 2,100รูปี ค่าอาหาร 3,585รูปี ค่าTicket 800 รูปี ของฝากฯลฯ 2,730รูปี
รวมทริปการเดินทางทั้งหมด 12,753+ 4,584 บาท ค่าใช้ทั้งหมด = 17,337 บาท
ข้อมูลเพิ่มเติม 1. การบินไทยมีเที่ยวบินทุกวัน/สายการบินRoyalNepalมีเที่ยวบินแค่จ.พ.ศ. 2. ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง เวลาต่างกัน 1.5 ชั่วโมง 3. อัตราแลกเปลี่ยน 1U$=70 รูปี /1 บาท= 2.2 รูปี 4.เดือนกรกฎาคมอุณหภูมิ 19.5-28.1 ํc 5. สิ่งที่ควรเตรียม: หน้ากากกันฝุ่น ยาแก้ไข้ แก้แพ้อากาศ 6. หากคิดว่าจะกินอาหารเนปาลไม่ได้ให้เตรียม มาม่า น้ำดื่ม
ที่เนปาลไม่มีน้ำแข็ง เนื้อวัว เนื้อหมู แอร์คอนดิชั่น แกนกลางกระดาษทิชชู่ สบู่เหลว ไฟบนถนนยามกลางคืน รถไฟ ห้างสรรพสินค้า วินมอร์ไซด์
Create Date : 31 กรกฎาคม 2554 |
| |
|
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2558 11:07:51 น. |
| |
Counter : 3104 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
Black Sesame |
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]
|
บางครั้ง...สถานที่..ที่เดียวกัน ของ..ของสิ่งเดียวกัน สำหรับบางคนอาจสร้างความประทับใจได้มากมายมหาศาล แต่สำหรับบางคน...กลับไม่มีความหมายอะไรเลย
บาง Blog เต็มไปด้วยเรื่องราวน่าประทับใจ น่าจดจำ อยากเขียนถึง บาง Blog มีเพียงภาพถ่าย ไม่มีเรื่องราวใดๆจะเขียนถึงด้วยซ้ำ
แต่....ความประทับใจมากมายมหาศาลทั้งหมดเหล่านั้น ก็เป็นเพียงเรื่องที่่ผ่านพ้นไปแล้ว ไม่อาจสำคัญมากไปกว่า...ปัจจุบันที่ดำรงอยู่
|
|
|
|