บินเดี่ยวเที่ยวเสียมราฐ 3 วัน (วันที่สาม)


…..กว่าจะได้เขียนบันทึกการเดินทางภาคต่อ วันที่สาม (6 ธันวาคม 2557) ก็ข้ามปีกันเลยทีเดียว อิอิ

ใกล้จะครบรอบ 1 ปีที่ไปเมืองเสียมราฐ จึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขียนยังไม่จบทริปนี่นา 

มาต่อกันเลยคร่า...


การเดินทางไปกัมพูชาช่วงฤดูหนาว เอ่อ อ อ คำนี้ดูไกลความจริง

ขอใช้แค่ช่วงเดือนธันวาคม หรือช่วงอากาศเย็นจะเหมาะกว่าคำว่า ฤดูหนาวค่ะ

อากาศที่นี่ร้อนระเบิดค่ะ หากมาช่วงเดือนอื่นๆไม่แนะนำนะคะ

เพราะอากาศจะร้อนแบบที่เราจะนึกไม่ออกเลยล่ะค่ะ

ส่ิงที่ตามของอากาศร้อนคือ เราจะเหนื่อยง่าย เที่ยวได้แค่ครึ่งวัน

ก็อาจต้องรีบกลับไปนอนพักตากแอร์เย็นๆที่โรงแรม


วันนี้เริ่มต้นชีวิตเช้ากว่าวันอื่นๆ เพื่อมานั่งชมพระอาทิตย์ขึ้นที่นครวัตด้วย

และเหตุผลที่ต้องตื่นตี 4 ก็เพื่อมาจองพื้นที่ให้ได้ภาพช่วงพระอาทิตย์ขึ้นที่นครวัต

มันคือความใฝ่ฝันของหลายๆคนค่ะ ภาพจึงออกมาเป็นเช่นนี้ ฮ่าๆๆๆๆ








อากาศช่วงเช้าหลังพระอาทิตย์ขึ้นพ้นขอบฟ้ามันช่างสดชื่นซะจริงๆ

ดิฉันเดินเล่นเพื่อหาทำเลเหมาะๆ นั่งกินแซนวิชที่เตรียมไว้

เพลิดเพลินกับบรรยากาศของนครวัตยามเช้าตรู่ไปด้วยเลย

พูดได้คำเดียวว่า "ชิล"




ช่วงสัก 8-9 โมงเช้า เดินทางต่อไปที่ "นครธม" อันเป็นที่ตั้งของปราสาทบายน

ซึ่งห่างออกมาจากนครวัต แค่ 1-2 กิโลเมตรได้ค่ะ

ขอเล่าประวัติของ นครธม ซึ่งเล่าไปแล้วในบันทึกการเดินทางวันแรก






………พ.ศ. 1724-1780 พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ขับไล่พวกจามและสร้างเมืองพระนครหลวงขึ้นมาใหม่ ชื่อ

"นครธม"แปลว่าเมืองหลวง โดยมีปราสาทบายนเป็นศูนย์กลาง ได้รับอิทธิพลจากศาสนาพุทธนิกายมหายาน

ซึ่งนิกายมหายานเชื่อว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว แต่ไม่ยอมนิพพานเพราะเป็นห่วงมนุษย์โลก

จึงมีการอวตารมาอยู่บนโลกมนุษย์หลายต่อหลายภาคเพื่อคุ้มครองปลดทุกข์ให้มนุษย์

ดังจะเห็นที่ปราสาทบายน หินสลักรูปพระพุทธเจ้าทั้งสี่ทิศสี่หน้ามองมายังมนุษย์ด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น

อาจเปรียบดั่งพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เองที่ปกครองอาณาจักรด้วยธรรมะ

จนพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 สวรรคตอาณาจักรขอมเริ่มเสื่อมลง อาณาจักรสุโขทัยก็เริ่มมีอำนาจในปีพ.ศ. 1781/









นอกจากบรรยากาศของปราสาทตาพรหม 

(ที่มีต้นไม้ใหญ่หุ้มตัวปราสาทโดยรอบ ในการเดินทางวันที่ 2) ที่น่าประทับใจยิ่งนัก

สำหรับดิฉันแล้ว ปราสาทบายน ในนครธมแห่งนี้ก็เป็นสถานที่ที่ดิฉันชอบมากๆ 

บวกกับอากาศเช้านี้สดชื่นมาก ท้องฟ้าแจ่มใส การเดินเที่ยวที่นี่จึงสบายใจอย่างบอกไม่ถูก


ในบริเวณ นครธม ยังเป็นที่ตั้งของปราสาทอื่นๆ(จำชื่อไม่ได้)และลานแสดงช้าง

เราสามารถเดินได้เรื่อยๆรอบๆค่ะ พื้นที่อาณาบริเวณ กว้างขวางพอดู 

มีต้นไม้ร่มรื่นมากด้วยค่ะ ดิฉันใช้เวลาเดินเล่นที่นี่ก็พาเข้าไปเกือบเที่ยงวัน












ท้องเริ่มร้องหิว ว ว ว คิดถึงอาหารบนถนน Pub street ขึ้นมา

เลยขอให้ Suk ขับรถกลับมาที่บริเวณที่พักก็คือถนน Pub street

เพื่อหาร้านกินข้าวชิลๆ เจอร้านชื่อ Amok เปิดเมนูมาทันที

ลองสั่งอาหารชื่อเดียวกับชื่อร้าน Amok ก็คล้ายๆห่อหมกบ้านเราค่ะ




ต่อด้วยนอนกลางวัน ZZzzzzzz

…..แล้วเย็นๆค่อยให้ Suk มารับไป ปราสาทพนมบาเค็ง เพื่อดูพระอาทิตย์ตก


หลายๆที่ในเสียมราฐ มันทำให้เราอดนึกภาพความยิ่งใหญ่ 

ความรุ่งเรืองของอาณาจักรขอมไม่ได้จริงๆ

ที่สำคัญคือ มนุษย์ทำได้อย่างไร? สร้างได้อย่างไร? 

หนึ่งในเหตุผลเหล่านั้น เชื่อว่าต้องมีความศรัทธาในส่ิงที่ทำ 

"ปราสาทพนมบาเค็ง" ตั้งอยู่บนยอดเขาและต้องเดิน เดิน และเดินค่ะ

ดังนั้นมาก่อนเวลาพระอาทิตย์ตกสัก 1-2 ชั่วโมงก็จะดี (นักท่องเที่ยวเยอะมาก!)








ขออนุญาตเล่าประวัติย่อ.....ปราสาทนี้สร้างขึ้นสมัยพระเจ้ายโสวรมันที่ 1 (พ.ศ. 1432-1453)

อยู่ในเขตเมืองหลวงสมัยนั้นคือ "ยโสธรปุระ"

เป็นศาสนาสถานฮินดูถวายแด่พระศิวะ คือพระเจ้ายโสวรมันที่ 1 มีพราหมณ์ชื่อ"วามะศิวะ"

ซึ่งได้ประดิษฐานศิวะลึงค์ไว้บนยอดเขา "ศรียะโสธาระคีรี"

เปรียบเหมือนเขาพระสุเมรอันศักดิ์สิทธิ์เป็นที่สถิตของเหล่าทวยเทพ

ในที่นี้ศิวะลึงค์เป็นสัญลักษณ์ของการปกครองโดยระบอบกษัตริย์สมมุติเทพ

ซึ่งริเริ่มโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ปฐมกษัตริย์ผู้ก่อตั้งอาณาจักรขอม เมื่อปีพ.ศ. 1346 นั่นเอง

(จะเห็นได้ว่าศาสนาพุทธและฮินดูมีอิทธิพลกับอาณาจักรขอม)






จบวันนี้ด้วยภาพความประทับใจ พระอาทิตย์ตกดินจากยอดเขาสูง 

อำลาทริปเสียมราฐแต่เพียงเท่านี้ พรุ่งนี้ก็ต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯซะแล้ว


ปล.อาหารเช้าแบบตะวันตกอร่อยๆ หาได้่ง่ายบนถนน Pub street

ส่วนตัวชอบร้านนี้ค่ะ





เสียมราฐเป็นเมืองที่น่าเที่ยวและปลอดภัยเมืองนึงเลยค่ะ ผู้หญิงเดินทางคนเดียวได้สบายใจ

ไม่สงสัยเลยว่าทำไมนักท่องเที่ยวถึงเยอะขนาดนี้ คนที่นี่พูดภาษาอังกฤษได้เป็นส่วนใหญ่ 


อ้อ ใครสนใจทริปเที่ยวง่ายๆสบายๆแบบนี้

ลองดูนะคะ การเที่ยวคนเดียวสนุกกว่าที่คิดนะคะ ไม่ต้องกลัวจะเหงาเลย

แค่เดินถ่ายรูป อ่านแผนที่ อ่านประวัติศาสตร์ของแต่ละสถานที่ ก็ไม่มีเวลาเหงาแล้วค่ะ


ดูเหมือนคนขับรถตุ๊กๆของดิฉันจะ hot มากในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทย

ติดต่อเขาได้ค่ะทาง facebook: "Sok Paul"

รับรองความสุภาพ เรียบร้อย ตรงเวลา และซื่อสัตย์


<<<<<<< ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบนะคะ >>>>>>>>>>>





 

Create Date : 27 พฤศจิกายน 2558   
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2558 11:06:25 น.   
Counter : 580 Pageviews.  


บินเดี่ยวเที่ยวเสียมราฐ 3 วัน (วันที่สอง)

วันที่สอง

ตื่น 6 โมงเช้า นัด Suk มารับ 7:00 ร้านรวงยังไม่เปิดขายอาหารเช้าเลย มีเพียงร้าน Blue Pumpkin เปิดขายกาแฟ

ก็เลยซื้อครัวซอง แซนวิช ติดไปด้วยเผื่อหิวระหว่างทาง




เช้านี้ไปกันที่ปราสาทตาพรหม หนึ่งในฉากหนัง Tomb Raider ที่มีรากไม้ดึกดำบรรพ์ใหญ่โตคลุมปราสาท แสงกระทบก้อนอิฐยามเช้า สวยงามเกินคำบรรยายจริงๆ ผสมกลิ่นรากต้นไม้ ก้อนหินเย็นๆมันมีกลิ่นบางอย่างอธิบายไม่ถูกค่ะ เป็นบรรยากาศที่น่าประทับใจมาก ลืมบอกไปค่ะว่า...ระหว่างการเดินชมปราสาทโดยเฉพาะที่นี่ การเสียบหูฟังเปิดเพลงของ Enya 

ไปด้วย มันเริ่ดมาก! ยังกะหลุดเข้าไปสู่แดนสนธยา 







แถมก่อนมาถ้าอ่านประวัติความเชื่อศาสนาฮินดู พุทธมหายาน

ยิ่งช่วยให้การเที่ยวครั้งนี้เข้าใจภาพบนฝาผนังและรูปปั้นต่างๆได้ดีค่ะ

ปราสาทตาพรหมเป็นปราสาทเล็กๆค่ะ แต่เราก็ใช้เวลาไป 1ชั่วโมง

เรียกได้ว่าเดินทั่วทุกมุมและสวยทุกมุมจริงๆ เป็นความรู้สึกสวยที่แตกต่างจากนครวัด









ออกจากปราสาทตาพรหมเวลา 8:30 เดินทางต่อเพื่อไปยังปราสาทหินทรายสีชมพู ใช่แล้ว!

เรากำลังไปต่อกันที่ บันทายศรี ซึ่งต้องออกนอกเมือง 30 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 45-60 นาที (เรื่องนี้ต้องตกลงราคาตุ๊กๆไว้ตั้งแต่ต้นนะคะ ไม่งั้นจะถูก charge เพิ่มเพราะถือว่านอกเมือง) แต่ยังคงเป็นเมืองเสียมราฐค่ะ เพียงแต่ออกไปรอบนอกหน่อย


ระหว่างทางสองข้างทางเป็นหมู่บ้านที่พักอาศัยคนเสียมราฐจริงๆ

ทำให้นึกถึงบรรยากาศต่างจังหวัดของไทยเมื่อสัก 10-20 ปีก่อน บ้านทรงไทยยกสูง

หลังคากระเบื้องบ้าง หลังคามุงใบจากบ้าง ใต้ถุนเลี้ยงหมู เลี้ยงวัว เลี้ยงควาย เลี้ยงไก่

มีทุ่งนาข้าวเขียวขจีสุดลูกกะตา มีต้นตาลสูงๆแซมๆ เหมือนแถวจังหวัดเพชรบุรี

มองไปแล้วสดชื่นมากๆ แถมพอรถวิ่งผ่านสะพานข้ามห้วยเล็กๆ

มองไปเห็นเด็กกระโดดน้ำกันอย่างสนุกสนาน อยากจอดแล้วลงไปกระโดดกับเด็กๆด้วย

แต่…ยังมีสติรู้ว่าเราสะพายกล้องนะ ตัวเปียกแล้วยังไง มีชุดเปลี่ยนไหม? ไปต่อเถอะ

ริมถนนชาวบ้านจะต้มน้ำตาลสดกันบนเตาถ่าน กะทะใบใหญ่มาก ควันลอยขึ้นจากกะทะ

มีแสงแดดสาดแบบรำไร เป็นภาพที่สวยประทับใจอีกแล้ว แม้ไม่ได้ถ่ายภาพไว้แต่เก็บไว้ในใจชัดเจน


มาถึงปราสาทบันทายศรี เดินเข้าประตูทางเข้าโชว์ Entrance ticket ใบเดิมค่ะใช้ได้ตลอดทุกที่ ที่นี่สวยแบบอ่อนหวานสมชื่อ ที่แปลว่า ปราสาทสตรี งานแกะสลักละเอียดและสวยงดงาม บนหินทรายคงทนถาวรมาก












แม้อายุจะยาวนานกว่า 1,000 ปี งานแกะสลักยังคงความคมชัดสวยงามและแน่นอนว่าจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีน ชาวตะวันตก ก็เยอะมากเหมือนกับทุกๆที่่ 


สิ่งที่จะช่่วยให้อรรถรสการชมปราสาทของเราหลุดเข้าไปสู่แสนสนธยาประนึงดินแดน Neverland คือ "การเสียบหูฟัง"ช่วยได้มากจริงๆค่ะ ไม่เชื่อลองทำดูนะคะ



หลังจากออกมาจากปราสาท น่าจะเป็นเวลาประมาณเกือบ 11:00 

เจรจาตกลงกับ Suk ไปไหนต่อดีอ่ะ? เหนื่อยเหมือนกันค่ะแต่ก็น่าจะได้อีกสัก 1 ที่ 

Suk แนะนำปราสาทแปรรูป ที่อยู่ในเมืองแถวๆไม่ห่างจากปราสาทตาพรหมที่ผ่านมาเมื่อเช้า

มาถึงปราสาทแปรรูปประมาณเที่ยงกว่า แสงแดดกำลังแรงได้ที่เลย ==' 

สำหรับที่นี่ไม่ได้อ่านประวัติมาล่วงหน้า แต่ความงามไม่ได้ด้อยไปกว่าที่อื่นเลย 

ลักษณะสร้างจากหินทราย ศิลาแลงและอิฐ






หมดพลังแล้วสำหรับวันนี้บอก Suk ว่าพอแระ ขอพักผ่อนนะ 

เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้ามืดเพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่นครวัดอีกน่ะ


อิอิ กลับมา Pub street หาร้านนั่งทานอาหารเที่ยงชิลๆ ติดใจเมนูลกลัก 

(สเต๊กเนื้อลูกวัวหั่นเต๋าผัดพริกไทยน้ำเยิ้ม อร่อยโฮก!)

จิบกาแฟบ้างไรบ้าง น้ำเปล่าในร้านอาหารแพงโครต สั่งเบียร์ถูกกว่า 

นั่งมองคนแปลกหน้า แต่ละชาติ แต่ละภาษา แต่ละกริยาจริตไปเรื่อยๆ เพลินดี 

แล้วกลับมาหลับกลางวันที่โรงแรม










ตื่นมาเย็นย่ำ เดินเล่น Night Market ใกล้ๆ Pub street ดีจังที่พักที่นี่รายล้อมด้วยร้านอาหาร ผับ ตลาด ครบจริงๆ เดินซื้อของฝาก ต่อราคามันส์มาก 

เสื้อยืด 4 ตัว 10USD (ตกตัวละ 83 บาท)

ผ้าพันคอผ้าแพรมั้งลายสวยดี บอกราคาผืนละ 8USD ต่อราคา 2 ผืน 10USD 

(ตกผืนละ 166 บาท) ใครเคยต่อราคาได้ถูกกว่านี้บอกด้วย! ให้เจ็บใจเล่น 





ก่อนจะกลับไปนอนคืนนี้ ต้องหาซื้ออาหารตุนไว้เป็นอาหารเช้าสำหรัับการชมพระอาทิตย์ขึ้นพรุ่งนี้เช้ามืดที่นครวัด 



เดินดิ่งไปที่เดิมเลยร้าน Blue Pumpkin เลือกแซนวิชทูน่าชิ้นใหญ่มาก เกินคำว่าอิ่มแน่! 

พรุ่งนี้รอดแระ นอนดีก่า/




 

Create Date : 15 ธันวาคม 2557   
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2558 11:06:41 น.   
Counter : 321 Pageviews.  


บินเดี่ยวเที่ยวเสียมราฐ 3 วัน (วันแรก)



…..แรงบันดาลใจเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ไม่แน่ใจนัก
มารู้ตัวอีกทีก็มีหนังสือ "นครวัดนครธม" ในครอบครอง อ่านประวัติศาสตร์อาณาจักรยิ่งสนุก

แถมเปิดดูหนัง Tomb Raider ยิ่งอยากไปเห็นฉากสวยๆในหนังกับตาตัวเองซะจริงๆ
อย่างที่เค้าว่ากันว่า "See Angor Wat and die" มันจะขนาดนั้นเลยหรือ จัดเลยดีกว่า!

Search จองตั๋วเครื่องบิน Low cost Airline ล่วงหน้าครึ่งปีเพื่อให้ได้ราคาถูก
หาที่พักย่านถนน Pub Street พอดีเพื่อนที่เคยไปแนะนำว่าที่นี่เป็น Location ที่ดีที่สุด
และราคาที่พักไม่เกิน 1,000 บาท/คืน หาได้ทั่วไป หลังจากนั้นค้นหาอ่านหนังสือ
บวกหาข้อมูลใน pantip ว่าแต่ละคนที่เคยไปเดินทางกันยังไง ไปเที่ยวที่ไหนกันบ้าง
แล้วก็ตัดเฉพาะสถานที่ที่เราอยากไปมาคัดสรร ลงเวลาแต่ละวันว่าจะไปที่ไหนบ้าง
ได้คำแนะนำเหมารถตุ๊กๆเที่ยวและให้ชื่อ Facebook มาเรียบร้อย เราไม่รอช้าจัดการติดต่อไปจองตัวคนขับตุ๊กๆ
ชื่อ Suk Paul ส่งรายละเอียดสถานที่ที่เราต้องการไปในแต่ละวันและต่อรองราคา 3 วันได้ 60USD

สำหรับคนที่มีเวลาหลายวันมักเลือกเดินทางด้วยรถยนต์จากเมืองไทยข้ามแดนที่ปอยแปต
แต่คนทำงานประจำอย่างเราวันหยุดที่เหลืออยู่น้อยนิด เดินทางด้วยเครื่องบินน่าจะประหยัดเวลามากที่สุด

จุดประสงค์หลักของการเที่ยวครั้งนี้คือการเดินเล่นถ่ายภาพ
ดังนั้นแผนการเดินทาง จึงวางไว้แบบหลวมๆเพื่อใช้เวลาแต่ละที่ได้แบบเนิบช้าดังนี้

วันที่1 ถึงเสียมราฐเกือบเที่ยง check in ออกไปนครวัด
วันที่2 เช้าตรู่ไปปราสาทตาพรหม ปราสาทบันทายศรี ปราสาทแปรรูป
วันที่3 เช้ามืดดูพระอาทิตย์ขึ้นนครวัด ต่อด้วยนครธม และดูพระอาทิตย์ตกที่พนมบาเค็ง
วันที่4 check out ขึ้นเครื่องเกือบเที่ยง

วันแรก
เครื่องออกจากไทย 10:00 เวลาเดินทางแค่ 1ชั่วโมงครึ่งโดยประมาณ ก็ถึงเสียมราฐราวๆก่อนเที่ยง
เวลาสองประเทศนี้เท่ากันค่ะไม่ต้องปรับนาฬิกา
คนไทยไม่ต้องขอวีซ่า มีแค่ Passport ก็ขึ้นเครื่องไปลงสนามบินเสียมราฐ ถึงสนามบินเสียมราฐเห็นฝรั่งต่อแถว application visa
เราไม่ต้องไปต่อแถวตามนะคะเพราะยาวมาก เราคนไทยเดินเข้าช่อง eVisa ไปได้เลยค่ะ
เดินออกมา เราก็มองหาป้ายคนขับรถมารับจากโรงแรมซึ่งติดต่อไว้ล่วงหน้าว่าให้มีบริการมารับด้วยนะ

นัดตุ๊กๆ Suk Paul มารับที่โรงแรมบ่ายโมงตรง (คนที่นี่ตรงเวลามากๆ! ไม่สายสักนาทีเดียว) 

ไปนครวัดกันเร๊ย ยย!
ทางไปนครวัดต้องแวะซื้อตั๋วเข้าก่อนนะคะ ซึ่งสถานที่ซื้อตั๋วจะอยู่คนละที่กับนครวัดนะคะ 
(แต่ก็คือทางผ่านแหล่ะค่ะ)

Suk ขับรถพาไปถึงที่ขายตั๋วฯก็ถ่ายรูปติดตั๋วเข้าชม (รักษาเท่าชีวิตนะคะ ห้ามหาย!)
จ่ายค่าตั๋วสำหรับ 3 วัน 40USD (ใช้เวลาแค่2-3นาที คิวไม่ยาว ไม่ต้องกลัวค่ะ)
ตั๋วนี้สามารถใช้ผ่านเข้าชมได้ทุกวัดทุกปราสาทในเสียมราฐ

Suk ขับรถต่อไปส่งเราที่หน้าทางเข้านครวัด โดยนัดเวลากันว่าเค้าจะรออยู่ตรงโค้งถนนนี้นะ
ออกมาให้เดินมาเจอกันตรงนี้ พร้อมส่งน้ำดื่มมาให้เรา 2 ขวด…คิดว่ายูวน่าจะใช้เวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมง/โอเค ไปล่ะ!







เอาเข้าจริงเดินชมวัดเพลิน หลงระเริงไปกับนางอัปสร ภาพฝาผนังรามเกียรติ และตำนานเทพต่างๆของฮินดู








บรรยากาศในนครวัด มันอธิบายไม่ถูก มันมีกลิ่นอายความขลังปนความศักดิ์สิทธิ์เหมือนมีพลังบางอย่างแฝงอยู่
ทุกฝาผนัง ทุกบานประตู เดินทวนเข็มนาฬิกาครบทุกทิศเป็นสี่เหลี่ยม 1 รอบ แล้วก้าวขึ้นบันไดสูงสู่อีกชั้นนึงของวัดเป็นชั้นของสวรรค์
เดินวนเป็นสี่เหลืี่ยมอีก 1 รอบ เราใช้เวลาเพลินมาก ออกมาเจอ Suk อีกครั้งตอน 5 โมงเย็นกว่าๆ





ตามความเชื่อตอนสร้างเพื่อให้ที่นี่เป็นที่ประทับของเทพเจ้าสูงสุดของฮินดู
หรือเป็นที่ประทับหลังความตายของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ดังนั้นนครวัดจึงหันหน้าไปทางทิศตะวันตก
มีประวัติศาสตร์มาเล่าต่อนิดนึง เผื่อว่าจะทำให้การเที่ยวชมมี inner และสนุกขึ้นคือ....

"นครวัดเป็นวัดที่สร้างยุคสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ช่วงพ.ศ. 1650-1725
โดยได้รับอิทธิพลจากศาสนาฮินดู ต่อมากองทัพจามยึดเมืองพระนครยโศธรปุระ

พ.ศ. 1724-1780 พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ขับไล่พวกจามและสร้างเมืองพระนครหลวงขึ้นมาใหม่ ชื่อ
"นครธม"แปลว่าเมืองหลวง โดยมีปราสาทบายนเป็นศูนย์กลาง ได้รับอิทธิพลจากศาสนาพุทธนิกายมหายาน
ซึ่งนิกายมหายานเชื่อว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว แต่ไม่ยอมนิพพานเพราะเป็นห่วงมนุษย์โลก
จึงมีการอวตารมาอยู่บนโลกมนุษย์หลายต่อหลายภาคเพื่อคุ้มครองปลดทุกข์ให้มนุษย์
ดังจะเห็นที่ปราสาทบายน หินสลักรูปพระพุทธเจ้าทั้งสี่ทิศสี่หน้ามองมายังมนุษย์ด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น
อาจเปรียบดั่งพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เองที่ปกครองอาณาจักรด้วยธรรมะ
จนพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 สวรรคตอาณาจักรขอมเริ่มเสื่อมลง อาณาจักรสุโขทัยก็เริ่มมีอำนาจในปีพ.ศ. 1781

พุทธศตวรรษที่ 20 กษัตริย์ขอมต้องละทิ้งเมืองพระนครไปตั้งราชธานีใหม่ทางลุ่มน้ำโขงตอนใต้
ซึ่งตอนนั้นอาณาจักรอยุธยารบกับขอมหลายครั้งจนยึดเมืองพระนครหลวง(นครธม) ขอมตกอยู่ภายใต้การครอบครองของไทย

จนถึงปี พ.ศ. 2450 ไทยเสียเมืองเสียมราฐ พระตะบอง และศรีโสภณให้ฝรั่งเศสในยุคล่าอาณานิคม"/







ออกจากนครวัด หมดพลังแล้วค่ะ ที่คิดจะไปดูพระอาทิตย์ตกที่พนมบาเค็งซึ่งเป็นศูนย์กลางเมืองนครยโศธรปุระ เป็นอันต้องเลื่อน
ขอให้ Suk ขับกลับมา Pub Street เพื่อหาข้าวกินดีกว่า 

เดินเล่นต่อตลาดเก่าซึ่งติดกับ Pub Street และเดินกลับโรงแรม นอน/

ค่าใช้จ่ายโดยสรุป 3 วัน ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบินประมาณ 12,000 ( แลกเงินไป 370 USD)
*จริงๆค่าอาหารการกินไม่แพงค่ะ มีให้เลือกเมนูละ 2USD ขึ้นไป 
แต่ที่เห็นกินแพงเพราะติดกาแฟสด และเลือกอาหารทานเป็น Set ใหญ่ตลอด
ค่าเบียร์ก็ถูกค่ะ แค่กระป๋องละ 1USD มีให้ดื่มทั่วไปบนถนน Pub street

รออ่านกันต่อวันที่สองอีกไม่นานเกินรอค่ะ ขอเวลาเขียนแป๊บบบบบบ!!!/.





 

Create Date : 11 ธันวาคม 2557   
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2558 11:07:01 น.   
Counter : 549 Pageviews.  



Black Sesame
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




บางครั้ง...สถานที่..ที่เดียวกัน ของ..ของสิ่งเดียวกัน
สำหรับบางคนอาจสร้างความประทับใจได้มากมายมหาศาล
แต่สำหรับบางคน...กลับไม่มีความหมายอะไรเลย

บาง Blog เต็มไปด้วยเรื่องราวน่าประทับใจ น่าจดจำ อยากเขียนถึง
บาง Blog มีเพียงภาพถ่าย ไม่มีเรื่องราวใดๆจะเขียนถึงด้วยซ้ำ

แต่....ความประทับใจมากมายมหาศาลทั้งหมดเหล่านั้น
ก็เป็นเพียงเรื่องที่่ผ่านพ้นไปแล้ว ไม่อาจสำคัญมากไปกว่า...ปัจจุบันที่ดำรงอยู่ Instagram
[Add Black Sesame's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com