เคยผิดหวัง ก็มีสิทธิ์ผิดหวังได้อีกไม่ต้องห่วง
เคล็ดลับแห่งความสุข

เคล็ดลับแห่งความสุข : ว.วชิรเมธี

คนส่วนใหญ่มีความเชื่อกันว่า ความ "มี" มีความสุขมากกว่าความ "ไร้" การได้ "เป็น" คนมีชื่อเสียงมีความสุขมากกว่าการเป็นคน "สามัญ" แสนธรรมดา แต่...เมื่อถึงเวลาหนึ่ง หลายคนเริ่มคิดสวนทางกับความเชื่อของคนส่วนใหญ่ เพราะเริ่มค้นพบด้วยตัวเองว่า บางทีความ "ไร้" กลับทำให้มีความสุขยิ่งกว่า เช่นเดียวกัน ใครบางคนตะเกียกตะกายที่จะได้เป็นนั่นเป็นนี่ แต่พอได้เป็นแล้วกลับโหยหาความเป็นคนธรรมดาสามัญที่คุ้นชินมาแต่ก่อน
ฯลฯ
บางครั้งความสุขของคนเราก็อยู่ที่การได้เป็นคน "ธรรมดา" และอยู่ที่การได้เป็นคนซึ่ง "ไร้" ภาระผูกพันในทางสังคม มากกว่าการเป็นคนมีชื่อเสียงและการแวดล้อมด้วยประดาวัตถุอำนวยกิเลสสารพัดชนิด
การเป็นคนง่าย ๆ ซึ่งไม่มีใครรู้จัก มีเวลาเป็นของตัวเองอย่างล้นเหลือ การเป็นคนซึ่งสามารถเดินตัวปลิวไปยังทุกหนทุกแห่งได้อย่างที่ใจปรารถนา โดยไม่ต้องทนแบก "อัตตา" ของตัวเองไปด้วย หรือการมุ่งไปข้างหน้าโดยไม่มีภาระให้กังวลอยู่ข้างหลังแม้แต่น้อย ใช่หรือไม่ว่าสิ่งนี้คือปรารถนาแห่งชีวิตของคนส่วนใหญ่ในโลกนี้
แต่จะมีสักกี่คนที่ได้เป็นได้ทำอย่างที่ปรารถนาแห่งหัวใจเรียกร้องต้องการ
อะไรกันที่ทำให้เราไปไม่ถึงจุดหมายแห่งความสุขของชีวิตตามที่ตั้งเข็มทิศแห่งชีวิตเอาไว้ อะไรกันที่ทำให้เราจมจ่อมสถิตเสถียรอยู่กับสถานะใดสถานะหนึ่ง หรือที่ใดที่หนึ่ง และ/หรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่าวยาวนาน จนปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น ก้าวไปไม่ถึงความสุขที่สงบเย็นอย่างที่ปรารถนาเสียที อะไรกันคือพันธนาการที่ว่านั้น
บางทีคำตอบอาจอยู่ที่นิทานปรัชญาต่อไปนี้ก็เป็นได้



ผู้อาวุโสคนหนึ่งใช้ชีวิตอย่างแสนสุขอยู่กับครอบครัวบนเกาะแห่งหนึ่งมาเป็นเป็นเวลานาน ที่เกาะแห่งนี้เขามีบ้าน มีครอบครัว มีทรัพย์สมบัติ มีอิสรเสรีในชีวิต มีเวลามากมายจนเขารู้สึกว่าตัวเองไม่ต่างอะไรกับพระราชา
อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างในโลกนี้ย่อมมีวันหมดอายุของตัวเองเสมอ แล้วอยู่มาไม่นานเขาก็รู้วาวันเวลาของตัวเองกำลังเดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายแล้ว เขาขอให้ลูก ๆ พาเขาออกไปสูดอากาศริมทะเลที่ชายหาด เขาหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์แห่งแผ่นดินถิ่นเกิดเข้าไปเต็มปอด ทอดตามองทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นสมบัติของตัวเองอย่างภาคภูมิ แล้วเขาก็ค่อย ๆ ทรุดตัวลงกับชายหาด กอบเอาดินทรายจำนวนหนึ่งมากำไว้ในมือแน่น เขาบอกตัวเองว่า ผืนดินถิ่นนี้คือสมบัติของเขาแต่เพียงผู้เดียว ในระหว่างนี้เอาก็ขาดใจตาย
เมื่อตื่นขึ้นมาอีกที เขาพบว่าตนเองยืนอยู่บนสถานที่อันเป็นทิพย์แห่งหนึ่ง ข้างหน้าเขามีเทวทูตมากมายมาเชิญให้เขาเข้าสู่ดินแดนสวรรค์อันผาสุก แต่พอเขาย่างเท้าก้าวมาถึงธรณีประตูแดนสวรรค์เขาก็ต้องหยุดชะงัก ไม่สามารถก้าวผ่านไปได้ มีบางสิ่งบางอย่าง ทำให้สมาชิกแห่งสวรรค์คนล่าสุดไปอาจก้าวต่อไปได้อีก เทวทูตสงสัยจึงตรวจค้น ก็พบว่าสองมือของชายชรายังกำดินทรายเอาไว้แน่น เทวทูตบอกให้เขา "ปล่อยวาง" สมบัติเก่าจากแผ่นดินเกิดเสีย มิฉะนั้นก็จะไม่สามารถเข้าสู่ดินแดนสวรรค์ได้ แต่..ชายชราบอกว่า จะให้เขาทิ้งอะไรก้ได้ทั้งนั้น แต่จะให้ทิ้งผืนดินจากแผ่นกินเกิดนั้น เขาทำไม่ได้ เพราะ"ส่งนี้"เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เป็นตัวแทนของความทรงจำอันแสนสุขของเขาในเมืองมนุษย์
เมื่อชายชราไม่ยอมวาง "เงื่อนไข" อันผิดกฏสวรรค์ เขาก็จำต้องรั้งรออยู่ตรงธรณีประตูสวรรค์ชั้นนอกต่อไป ไม่สามารถเข้าสู่ดินแดนสวรรค์ชั้นในได้ ต่อมาเทวทูตคณะเดิมได้เพียรมาพบเขาและอ้อนวอนให้เขาเข้าไปยังดินแดนสวรรค์เสียที แต่ไม่ว่าจะพยายามอยางไร ชายชราก็ไม่ยอม "ปล่อยวาง" ดินในมือ เมื่อเขาไม่ยอมปล่อยวางอยู่อย่างนั้น เทวทูตทั้งหลายก็จนด้วยเกล้า จำต้องปล่อยเขาไว้อย่างนั้นตามยถากรรมตั้งหลายสิบปี
กระทั่งเวลาผ่านไปนานแสนนาน วันหนึ่งมีสมาชิกแดนสวรรค์คนใหม่อุบัติขึ้นมา เธอคนนี้หาใช่ใครอื่นไม่ หากแต่คือหลานสาวของชายชรานั่นเอง เมื่อทั้งสองพบกันตรงหน้าประตู ปู่กับหลานโผเข้ากอดกันด้วยความยินดีปรีดา วินาทีที่ชายชราโผตัวเข้ากอดหลานสาวนั้นเอง เขาก็เผลอตัวแบมือออก ดินทรายในมือร่วงหล่นลงสู่พื้นโดยฉับพลัน เทวทูตเห็นดังนั้นจึงจับมือปู่กับหลานก้าวผ่านธรณีประตูเข้าสู่แดนสวรรค์ชั้นในอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่ชายชราย่างเท้าก้าวผ่านธรณีประตูสวรรค์นั้นเอง เขาก็ตกใจจนตะลึงลาน เพราะแดนสวรรค์อันแสนสุขที่อยู่ตรงหน้าหาใช่อะไรอื่นไม่ เพราะมันคือประดาทรัพย์สมบัติทั้งปวงซึ่งเขาเคยครอบครองแต่เมื่อยังมีชีวิตอยู่นั้นเอง บัดนี้ทรัพย์สมบัติทั้งปวง บนเกาะนั้นได้ลอยเลื่อนมาประดิษฐาน ณ แดนสวรรค์อันแสนสุขพร้อมทั้งยังเปลี่ยนสถานภาพกลายเป็นทรัพย์สมบัติอันเป็นทิพย์วิจิตรตระการตา รอให้เขาผู้เป็นเจ้าของเพียงหนึ่งเดียวมาครอบครองเหมือนเดิมอยู่เป็นเวลานานแล้ว
พอเห็นเช่นนั้น ท่านผู้เฒ่าถึงกับออกปากอุทานกับตัวเองเบา ๆ ด้วยความเสียดายว่า
"โธ่! ถ้ารู้ว่าวิมานอันแสนสุขมิได้มีอยู่แต่ในเมืองมนุษย์เท่านั้นเราก็คงก้าวเข้ามายังแดนสวรรค์นี่ตั้งนานแล้ว"



"ขอให้ทุกท่านมีดวงตาเห็นธรรม เพื่อประโยชน์สุขแก่ตนเองและผู้อืน"




Create Date : 17 กันยายน 2551
Last Update : 17 กันยายน 2551 9:31:22 น. 0 comments
Counter : 179 Pageviews.

แมลงอ้อล้อลม
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แมลงอ้อล้อลม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.