เพลงจีน : อาชาสีชาด (许篮心 - 红马 hóng mǎ)

ช่วงนี้เพลงที่ฟังบ่อยมาก ๆ แล้วกด Replay เป็นร้อย ๆ ครั้งคือเพลงนี้ค่ะ

 

ปกติเราเป็นคนชอบฟังเพลงญี่ปุ่น รองมาก็คือเพลงจีน แล้วถึงเป็นเพลงไทย และเพลงภาษาอังกฤษ ตามลำดับ

 

เพลงนี้ได้ค้นพบตอนที่ตามหาเพลงประกอบซีรีย์เพื่อทำ Playlist เพลงจีนที่ชอบเอาไว้ฟังในรถ

 

เราฟังครั้งแรกแล้วชอบมากเลย ติดหูมาก ๆ ก็เลย replay ซ้ำไปมา แซงขึ้นมาเป็นเพลงที่ชอบอันดับหนึ่งในเวลานี้อย่างรวดเร็ว

 

เป็นเพลงที่ดนตรีเบา ๆ ฟังแล้วรู้สึกสงบเหลือหลาย

 

เหมาะที่จะฟังเพื่อผ่อนคลายหลังจากผ่านวันทำงานอันหนักหน่วง มองท้องฟ้า ชมธรรมชาติ

 

เนื้อเพลงก็มีเนื้อหาเกี่ยวกับการชมธรรมชาติ

 

---

 

เนื้อเพลงภาษาไทย (จากคอมเม้นต์ในคลิปค่ะ)

 

𝙻𝚢𝚛𝚒𝚌𝚜 𝚋𝚢 𝙴_𝙸𝚏 𝚂𝚘 เด๋อ!!

 

อาศัยเจียงหนาน เหล่าเพื่อนบ้านมักจริงใจ

ท่านผลาญ​เหมันต์​ด้วยแสงวันงอกใบ

ในความเงียบงัน ชายถือร่มใส่ไหมแดง

แล้วเริ่มบรรเลง บทเพลง ธารภูเขา(ร่ำเพลง ธารภูเขา)​

.

หนานซานแหล่งประมง ร่วมชงดื่มราตรี

ควบอาชาชาดทอดความงามที่มี

ขี่ถึงชิงโจวกัน

.

วู้~ ฮู้ วู้ ฮู้ วู้~ มองเมฆยามเย็น

วู้ ฮู้ เอนนอนกลางพิรุณ​

วู้ ฮู้ ลุ่มหลงตะวันอัสดง

วู้ ฮู้ ลาธานีทิศเหนือ

.

อาศัยเจียงหนาน เหล่าเพื่อนบ้านมักจริงใจ

ท่านผลาญ​เหมันต์​ด้วยแสงวันงอกใบ

ในความเงียบงัน ชายถือร่มใส่ไหมแดง(ข้าขานบรรเลง)​

แล้วเริ่มบรรเลง บทเพลง ธารภูเขา(ร่ำเพลง ธารภูเขา)​.

ข้าอยู่เจียงหนาน

ชายยามแสงลา

ในความเงียบงัน

พลันท่านบรรเลง

 

ข้อความจากผู้แปลเนื้อเพลง :

นี่คือเนื้อร้องไทยที่เราพอเรียบเรียงได้นะคะ และ ขอบคุณ​ช่องนี้ที่มามอบเพลงแปลดีๆให้เราฟังค่ะ และถ้าใครต้องการจะใช้เนื้อเพลงเรา โปรดใส่เครดิตด้วย ขอบคุณ​ค่ะ- รอเพลงใหม่จากแอดอยู่ค่ะ

 

-----




Create Date : 15 เมษายน 2566
Last Update : 15 เมษายน 2566 6:13:55 น.
Counter : 899 Pageviews.

0 comment
ไดอารี่ 13 เมษายน 2566 ปีใหม่ไทย

00.54 น. คอนโด

 

ตื่นกลางดึก ฉันนึกว่าใกล้จะเช้าแล้วเลยลุกขึ้นมา ดูนาฬิกาเอ้า เกือบ ๆ ตี 1 เลยเช็คฟี้ดแบ็คโพสต์ในกลุ่มที่โพสต์ไปก่อนนอน มีคนมาคอมเม้นต์พอสมควร โพสต์เกี่ยวกับเอริส และความรักของเธอที่มีต่อรูเดียส

 

เมื่อวานเข้านอนตอนสี่ทุ่ม -_-: 

 

แต่ว่า เฟิร์นยังไม่กลับห้องเลย

 

น้องไปไหนอ่ะ เป็นห่วงจัง นี่จะตี 1 แล้วยังไม่กลับมาเลย รถไฟฟ้าก็หมดไปแล้ว นางขับรถไม่เป็นด้วย

 

จะเป็นอะไรหรือเปล่านะ?

 

เอ้า ตายยาก พูดถึงก็มาเลย 555 ฉันหลับไปแล้วตื่นนึง น้องสาวพึ่งกลับบ้าน! ไปไหนมา!! ปาร์ตี้เหรอ? 

 

เฟิร์นบอกว่า ไปแฮมเมอร์มา แล้วก็ไปกินข้าวกับเพื่อนมา พี่เคเคเลี้ยง Kempinski พวกผู้บริหารธุรกิจ Consult นี่เลี้ยงหรูหราตลอด เป็นนิสัยหรือไงนะ รวยจัง 

 

—-

 

5.56 น. คอนโด

 

เช้ามืดฉันคิด ๆ ไปว่า ถ้ามีร้านเป็นของตัวเองในโซนสุขุมวิทสักซอย 33-39 จะทำอะไร

 

แน่นอน ร้านที่อยากทำมานานก็คือมังงะคาเฟ่ ฉันเคยไปมาที่ญี่ปุ่น ชอบมาก

 

แต่ไม่รู้จะเวิร์กที่ไทยไหมนะ

 

ตึกแถวสัก 4 ชั้น ชั้น 1-3 ทำเป็นมังงะคาเฟ่ ชั้น 4 เป็นโรงแรมแมว แบ่งห้องจิ๋ว ๆ ไว้ให้ฉันซุกหัวนอนกับเก็บเสื้อผ้าสักหน่อย

 

ชั้นแรกมี Reception + ห้องสมุดการ์ตูน มีทั้งภาษาไทยและญี่ปุ่น ไม่ให้ยืมกลับบ้านต้องอ่านที่นี่ 

ชั้นสองมีบาร์เครื่องดื่ม ห้องอ่านหนังสือ วาง Bean Back Chair หรือเก้าอี้นั่งสบาย ๆ ไว้หลาย ๆ อัน มีโต๊ะทำงานแบบนั่งคนเดียว เสียบปลั๊กชาร์จไฟได้ แล้วก็มีโซน Tablet ที่ในนั้นใส่การ์ตูนเป็นดิจิตอลไฟล์ไว้สัก 1000 เรื่อง มาอ่านได้ แต่ห้ามดูดข้อมูลออกไป (อาจจะไป Deal กับ MEB, Comico หรืออะไรสักอย่าง)

ชั้น 3 ก็เป็นโซนนั่งอ่านเหมือนกัน แต่จะมี Sleeping Pod ไว้ให้บริการลูกค้าด้วย

 

เก็บเงินเป็นรายชั่วโมง ชั่วโมงแรกฟรี(เผื่อเลือกการ์ตูน) ชั่วโมงถัดไปชั่วโมงละเท่าไหร่ต้องไปทำ Feas ก่อน สมาชิกรายปีก็มี วิธีคำนวณชม อาจใช้เครื่องตอกบัตรเหมือนที่เค้าตอกบัตรพนง. หรือไม่ก็แสกน QR code เข้าออกอารมณ์ที่จอดรถเซ็นทรัล มีล็อกเกอร์ฝากกระเป๋าได้ แต่ต้องมาเบิกกุญแจที่เค้าเตอร์ พร้อมฝากบัตรปชช ไว้ (ป้องกันคนเอากุญแจกลับบ้าน หรือเอาของผิดกม.มาฝากไว้ที่ร้าน)

 

เวลาทำการ 9 โมงถึง 2 ทุ่ม ที่จริงอยากเปิด 24 ชม แต่ไม่น่าจะคุ้ม 555 เรายังไม่เจริญเหมือนญี่ปุ่น

 

คนเฝ้าร้านคือฉันเอง กะเดียว กินนอนที่นั่นแหล่ะ ตอนเฝ้าร้านก็หาอะไรทำไปเรื่อย ๆ พอร้านเริ่มอยู่ตัวค่อยให้ลูกน้องเฝ้าแทน

 

ถ้าจะหาคนมาเฝ้าช่วยต้องพูดญี่ปุ่นได้ เพราะย่านนั้นคนญี่ปุ่นน่าจะมาใช้บริการเยอะ + เรามีการ์ตูนญี่ปุ่นให้บริการด้วย

 

ส่วนโรงแรมแมว อยากทำเพราะชอบแมว+เคยคุยกับเพื่อนที่เป็นสัตว์แพทย์เอาไว้แล้วว่าจะมาหุ้นกันทำ

 

ค่าเช่าตึกที่สุขุทวิท ไปดูมาแล้ว เดือนละ 80,000 ถูกสุดก็ 70,000 บาท ไม่น่าจะทำกำไรได้ แต่ถ้ามันฮิตขึ้นมาก็ไม่แน่ เฮ้อ อยากลองทำดูจัง มีทุนไม่ถึงล้านบาทเลย แบบนี้จะเรียก Experience store ได้ไหมนะ

 

คิดฟุ้งซ่านประมาณนี้แหล่ะเมื่อเช้า

 

—-

 

7.30น. คอนโด

 

ไปอ่านพันทิปมา มังงะคาเฟ่ มีในซอยสุขุมวิท39 อยู่แล้ว เค้าคิดชม.ละ150 บาทแหน่ะ เจ้าของเป็นคนญี่ปุ่น

 

ไปลองใช้บริการบ้างดีไหมนะ 

 

—-

ออกกำลังก่อนดีกว่า วันนี้ว่าจะเริ่มเปลี่ยนจาก Plank สลับ Elbow Plank เป็นวิดพื้นจริง ๆ ดูแล้ว ดูสิว่าจะทำได้ไหม

 

ฉันไม่ได้ Cardio เลย ครั้งสุดท้ายคือเต้น Just Dance กับแม่ ไม่เหนื่อยเท่าไหร่ Just Dance ถ้าอยากเหนื่อยต้องเต้น Extreme เท่านั้น

 

ส่วน Ring fit ไม่ได้เล่นหลายเดือนละ น่าจะต้องขายได้แล้วล่ะ ฉันไม่ค่อยชอบเท่าไหร่

 

 

8.27น. คอนโด

 

ออกกำลังเสร็จแล้ว

 

สรุป วิดพื้นไม่ได้จ้าาา แค่ตอนลงยังเอาตัวลงไม่ได้เลย 😭

 

ไปเปิดคลิปที่เขาสอนฟอร์มวิดพื้นสำหรับผู้หญิงดู ปรากฏว่าท่าเตรียมความพร้อมที่ฉันทำอยู่ก็ยังผิด 

 

ฉันพยายามเพิ่มกล้ามเนื้อหน้าท้องด้วยการ Plank สลับกับ Elbow Plank ซึ่งเหนื่อยมาก ๆ ๆ ๆ 

 

มาหลัง ๆ ที่ไม่เหนื่อย ไม่ใช่เพราะแข็งแรงขึ้น แต่วันนี้ลองเช็คฟอร์มตัวเองดูถึงได้รู้ว่าตอน Plank ก้นฉันงอ

 

โอ้ยย โกงนี่หว่า ถึงว่าทำไมไม่ค่อยเหนื่อย วันนี้ลองล็อกให้ก้นไม่โด่ง เหนื่อยมากกกกก กกก ก ก ก 

 

อีกยาวไกลแหล่ะกว่าจะ Full Push up ได้ -_-; 

 

วันนี้ก็เหมือนเดิม Plank สลับ Elbow Plank 3 Set กับ Squat 100 ครั้ง

 

เวลาเห็นสาว ๆ หุ่นสวย ๆ ในรถไฟฟ้าแล้วก็นึกในใจว่าพวกเธอกินอาหารและออกกำลังกายกันยังไงนะ ที่แน่ ๆ ถ้ามาด้วยการออกกำลังต้องเป็นคนมีวินัยและจิตใจกล้าแข็งแน่ ๆ 

 

——

8.52น. คอนโด

 

ไปฟัง ClubHouse มา เหงา อยากบอกสวัสดีปีใหม่กับใครสักคน แล้วอยากฟังชาวบ้านคุยกัน

 

ในห้อง Thai Club House Friend เมื่อเช้า มีคนพูดถึงข้าวแช่ อา อยากกินจัง เมื่อวานกินแต่อาหารญี่ปุ่น เกาหลี วันนี้อยากกินอาหารไทยจังเลย

 

แต่สุขุมวิทนี่แพงชะมัดเลย -_-; 

 

ฉันว่าเมื่อวานฉันเรียนหนักไปนิด ถึงได้เหนื่อยขนาดนั้น เลยยกเลิกที่จองตอนบ่ายออก แล้วว่าจะไปนั่งอ่านหนังสือเอง จะได้ทำโจทย์ของบทที่เรียนไปแล้วก่อน ให้เนื้อหามันเข้าหัวก่อน ตอนเช้าฉันจะไปเรียน Intangible Asset ให้จบ 


แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ยกเลิก เพราะไม่อยากผิดคำพูดที่ให้ไว้กับตัวเอง... ว่าวันหยุดนี่จะเรียนให้เยอะที่สุด

——

 

11.15 น. P square

 

ฉันมาสายเกือบ 1 ชม. โชคดีที่ที่ฉันนั่งประจำยังว่างอยู่

 

คนเกือบเต็มทุกเครื่อง สมแล้วที่เป็นวันหยุด!!! 

 

—-

 

13.19 น. Starbucks TimeSquare 

 

นั่งที่เดียวกับเมื่อวาน

 

ลงมาพักนิดหน่อย เหนื่อยกับการเรียน

 

เปลี่ยนแผนการเรียนนิดหน่อย ตอนแรกกะว่าจะเรียน Impairment แต่คิดว่าเปลี่ยนไปเรียนไอ้ที่อยู่ในเล่มให้จบก่อนให้หมดดีกว่า จะได้ให้มันจบเป็นเล่ม ๆ ไปไม่ต้องงง

 

เรียนจบเล่มเมื่อไหร่ฉันก็กลับบ้านละวันนี้

 

ที่จริงที่อยากเปลี่ยนมาเรียนในเล่มก็เพราะมันมีแต่เรื่องยิบย่อย ไม่ยาก และไม่ค่อยออก

 

รู้สึกวันนี้หัวสมองไม่ค่อยไหว เลยลงมานั่งจิบกาแฟ เพราะเมื่อเช้าแทบจะหลับคาคอมที่พี่แพทสอนสักสองสามรอบ

 

เมื่อเช้าเรียน Intangible asset 

 

พี่แพทบอกว่า มันออกไม่บ่อย ปรนัยที่เคยออกก็ไม่ออกนานแล้ว แต่ในชีวิตจริงเอาไป Applied ยากเพราะมันต้องใช้ Judgement

 

อือ ก็สินทรัพย์ไม่มีตัวตนอ่ะนะ

 

ต้อง 1) มีปย.ในอนาคต 2) ระบุได้ 3) ไม่มีรูปร่างกายภาพ

 

ไอ้ข้อ 1 กับ 3 น่ะไม่เท่าไหร่ แต่ข้อ 2 นี่…

 

มันเคยง่ายกว่านี้ สมัยโปรแกรมมันส่งกันผ่านแผ่น CD แต่พอมันกลายเป็นดิจิตอลดาวโหลด เส้นแบ่งมันก็เลือนลางจางหาย 

 

พี่แพทบอกให้ยึดว่าโปรแกรมที่ว่านั่นสามารถก็อปใส่ USB แล้วส่งมอบได้ไหม มองงั้นก็ได้คร่าว ๆ 

 

แล้วก็จะมีพวกงานวิจัยที่เกิดภายในบริษัท ที่ต้องใช้ Judgement เพื่อตัดสินว่าขั้นของ R&D มันเปลี่ยนเมื่อไหร่

 

ก็คือ ถ้ามันเป็น Research อยู่ ต้องรับรู้เป็นค่าใช้จ่าย

 

จะ Cap เป็น Intang เมื่อเป็น Development แล้วเท่านั้น

 

ในโจทย์ CPA เค้าคงบอกมาเลยแหล่ะ แต่ในชีวิตจริง ก็ไปคุยกับลูกค้าเอาละกันว่าถ้าจะ Cap เขาใช้เกณฑ์อะไรมาตัดสินว่ามันพ้นความเป็น Research แล้ว

 

บทนี้พันกับ งบการเงินรวมด้วย

 

ค่าความนิยมอ่ะ ถ้าเกิดในบริษัทเราเอง ห้าม ห้าม ห้าม ห้าม บันทึก Goodwill 

 

Goodwill เกิดจากการรวมธุรกิจเท่านั้น อนึ่ง Goodwill ไม่ได้อยู่บท Intang มันอยู่บทงบการเงินรวม แต่โจทย์ชอบออกมาหลอกว่าอยู่ในสินทรัพย์ไม่มีตัวตน

 

บันเทิงชะมัด

 

แล้วนี่ยังมีดีเทลแบบ งานวิจัยที่ลูกทำ ตอนอยู่กับลูกมองเป็น EXP พอบ.แม่มาซื้อรับรู้เป็น Intangible Asset เฉยเลย เพราะเขามองว่าบ.แม่เห็นประโยชน์จากงานวิจัยนั้นเลยตัดสินใจมาซื้อบริษัทลูกไง

 

แต่พอรวมแล้ว ค่าใช้จ่ายที่เกิดต่อจากนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะ Cap ได้นะ ต้องไปดูอีกว่ามันเพื่อ Research หรือ Development 

 

หูวว ไม่อยากจะคิดว่าชีวิตจริงจะวุ่นวายขนาดไหน

 

เรียนแบบหลับ ๆ ตื่น ๆ เลยจำได้แค่นี้เอง -_-;  ต้องไปทบทวนจริง ๆ จัง ๆ 

 

ตอนบ่ายจะเรียนเรื่อง ต้นทุนกู้ยืม แล้วก็แก๊งเรื่องเล็ก : เว็บไซต์ แหล่งแร่ หน้าดิน 

 

—-

14.48 น. P square 

 

รู้สึกฉันจะพักนานกว่าใครเพื่อนเลยแฮะ ขึ้นมาถึง ทุกคนก็กลับมานั่งหน้าจอกันหมดละ

 

สุดยอด ตั้งใจ ขยันมาก ทุกคน

 

ส่วนใหญ่น่าจะเป็นน้อง ๆ อ่ะนะ ฉันผ่านแล้วหมดเวลาเลยต้องมาเก็บใหม่เนี่ย ช้ำใจอยู่หรอก แต่ก็ต้องยอมรับ เพราะฉันขี้เกียจเองเลยต้องสอบซ้ำสอบซากเสียเวลามาเรียนหลายรอบ

 

เริ่มแก่แล้วแรงบรรดาลใจยิ่งถดถอย แต่พอคุยกับลูกค้าแล้วก็มีแรงฮึด

 

เขาบอกว่าไม่ใช่ทุกคนจะเก็บชม.ครบแล้ว เหลือสอบไม่กี่ตัวก็จะได้เป็น CPA แบบฉันนะ

 

ถ้าฮึบ ๆ อีกสักนิด ได้ใบ CPA มา มันการันตีอาชีพการงานได้หลายอย่าง

 

ก็ใช่แหล่ะ ถ้าฉันทิ้งตอนนี้ สามวิชาที่ผ่านไปแล้วก็เหมือนพยายามเสียเปล่า ต้องสู้กับมันหน่อย อีกนิดเดียวเอง

 

—-

15.42 น. P Square

 

มึนมากไม่ไหวแล้ว 🤯

 

เรียนเรื่อง Borrowing Cost 

 

เริ่มมาที่นิยามก่อน มันคือต้นทุนกู้ยืม AKA ดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากเงินกู้ยืมที่เอามาเป็นต้นทุนของอาคารได้

 

ความซับซ้อนของมันคืออะไร Cap ได้ Cap ไม่ได้ คำนวณยังไง เริ่มเมื่อไหร่ จบเมื่อไหร่ แล้วใช้เงินกู้ก้อนไหนบ้าง สินทรัพย์ตัวไหนถูกบังคับให้ต้องเอาดอกเบี้ยมารวมเป็นต้นทุนบ้าง

 

ตอนพี่แพทสอนเรื่องเงินกู้ยืมเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะฉันก็ยังทันอยู่นะ แต่พอขึ้นเรื่องเงินกู้ยืมเพื่อวัตถุประสงค์ทั่วไปนี่หลุดไม่ไหวเลย ฟังไปครึ่งชม.เลยต้องพักก่อน แล้วจะกลับไปฟังใหม่อีกรอบ

 

อยากเลิกเรียนตอนนี้แล้วออกไปทบทวนบทเรียนก่อนชะมัด 🥲 มันยากมากเลยอ่ะ อยากไปพักใจก่อน แล้วค่อยมาฟังต่อทีหลัง หัวสมองไม่แล่นแล้ว

 

ยอมให้ปรับฟาวส์ก็ได้มั้งเนี่ย ที่จริงตอนแรกวันนี้ตั้งใจจะเปลี่ยนเวลาจองเป็นน้อยลงกว่านี้ แต่เปลี่ยนใจ 5555

 

หรือลุยต่อให้จบดีนะ เหลืออีกชม.นึง แต่ยังไง ๆ ก็อยากจะทบทวนก่อนไปต่ออ่ะ

 

—-

 

19.34 น. MRT

 

สรุปฉันก็เรียนต่อจนจบเนื้อหา Borrowing Cost นะ

 

เก่งมากตัวฉัน สมองไม่ไหว ก็รีไปรีมาจนหมดเวลา สุดท้ายก็ไม่ได้เรียนพวกบทเล็ก ๆ ให้จบวันนี้อย่างที่ตั้งใจ 

 

เรียนเสร็จก็ไปหาข้าวกินที่ Terminal 21 บรรยากาศวันนี้รื่นเริงมาก ๆ มีแต่คนใส่เสื้อลายดอก เดินไปเดินมาเต็มเมือง ตอนเดินสวนกับคนถือปืนฉีดน้ำก็เสียว ๆ อยู่ว่าเขาจะฉีดใส่ฉันไหม อย่านะ อย่านะ 😆

 

ในใจก็นึกว่าทำไมวันที่ทุกคนพักผ่อนสบาย ๆ แบบนี้ฉันต้องมานั่งปวดหัวกับ Intangible Asset และ Borrowing Cost นะ 

 

อาชีพที่เป็นวิชาชีพนี่ขาดความรู้ไม่ได้จริง ๆ 

 

พอดีที่ Terminal 21 มีร้าน ทงคัตสึ วาโก ฉันเคยกินแล้วประทับใจในความอร่อย เลยไปกินอีก ครั้งที่แล้วกินที่ Central world

 

รอบนี้ฉันไปคนเดียว แอบเหงานิดหน่อย คิดว่าจะเขียนบล้อกเกี่ยวกับอาหารลง Bloggang ดูบ้าง

 

—-




Create Date : 15 เมษายน 2566
Last Update : 15 เมษายน 2566 5:55:34 น.
Counter : 245 Pageviews.

0 comment
MushokuTensei Fanfic :ความฝันของซิลฟี่
#MT #fanficMT



 
นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านบูเอนา หลังจากที่รูเดียสได้ออกจากหมู่บ้านไปที่ป้อมปราการโรอาแล้วเป็นเวลาเกือบปี
 
เด็กหญิงซิลฟีเอ็ต ยังคงไปที่บ้านของอัศวินประจำหมู่บ้านทุกวันไม่เคยขาด เพื่อฝึกฝนมารยาทและการทำอาหารตามตำหรับบ้านเกรย์แรท
 
เธอมุ่งมั่นมากที่จะเป็นเจ้าสาวของรูเดียส เกรย์แรท เพื่อนของเธอที่จากไปไกลแสนไกล
“ความจริงก็ไม่ได้ไกลเท่าไหร่หรอกนะ” เปาโลบอกซิลฟี่ “เมืองป้อมปราการนี่นั่งรถม้าไปแค่ประมาณ 6 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว”
 
นั่นถือว่าไกลมากสำหรับเด็ก 8 ขวบอย่างเธอที่ยังอ่านตัวอักษรไม่คล่องด้วยซ้ำ
 
“คุณเปาโลพาหนูไปเยี่ยมรูดี้บ้างไม่ได้หรือคะ” ซิลฟี่ถาม
 
“ไม่ได้หรอก ที่จับพวกเธอแยกกันเพราะอะไร เธอก็รู้ดีนี่ รอลส์อธิบายให้ฟังแล้วใช่ไหมล่ะ” เปาโลพูด เกาคออย่างลำบากใจเมื่อเห็นเด็กหญิงทำหน้าจะร้องไห้
 
“แม้แต่จดหมายก็ไม่ให้ส่งมาสักฉบับ หนูคิดถึงรูดี้มากนะคะคุณเปาโล!” ซิลฟี่ว่า “ขอให้เห็นว่ารูดี้ยังสบายดีกับตาก็พอ!”
 
เปาโลถอนหายใจ ลูกชายของเรามันเนื้อหอมขนาดนี้เลยรึ
 
ในใจก็เวทนาสาวน้อยนัก แต่คิดว่าความรักของซิลฟีเอ็ตคงเหมือนรักลูกหมาทั่วไปที่ไม่นานก็จะจางลงไปเองเมื่อเด็กหญิงโตขึ้นและมีเรื่องอื่นให้สนใจมากกว่า
 
แต่เรื่องที่คาดไม่ถึงก็คือเธอกลับมาที่บ้านนี้ทุกวัน ทำความสนิทสนมกับภรรยาทั้งสองคนของเขา ขอให้สอนวิชาทำอาหารให้ เพราะเธอต้องการรู้ว่ารูเดียสชอบทานอะไร ยิ่งไปกว่านั้นยังให้สอนมารยาทแบบขุนนางให้อีก เพราะเธอรู้ว่ารูเดียสเป็นขุนนาง พอถามก็บอกว่าต้องพยายาม เวลาเดินข้าง ๆ รูเดียสจะได้ไม่เสียหน้า
 
ความทะเยอทะยานของซิลฟี่ช่างน่าประทับใจ
 
“เข้าใจแล้วล่ะ ถ้าไปแอบดูเฉย ๆ ล่ะก็คงพอได้ แต่ห้ามเข้าไปทักเด็ดขาดเลยนะ”
 
ซิลฟี่ไม่อยากจะเชื่อหู ดวงตาเธอเปล่งประกายด้วยความดีใจ หูยาว ๆ กระดิกขึ้นลงด้วยความตื่นเต้น
 
“ขอบคุณค่ะ!!”
 
หลังจากนั้น เปาโลก็จัดแจงส่งจดหมายถามกีแลนถึงวันหยุดครั้งต่อไปที่รูเดียสจะเข้าไปในเมือง เขากับรอลส์จะพาซิลฟี่ไปดูรูเดียสห่าง ๆ
 
ซิลฟี่เฝ้ารอวันนัดอย่างใจจดใจจ่อ รอลส์กับภรรยาเห็นก็สงสารลูกสาวจับใจ เขารู้ดีว่าความฝันของลูกจะไม่เป็นจริง เพราะรูเดียสไม่ใช่เด็กธรรมดา เป็นถึงอัจฉริยะที่ใช้เวทย์มนต์ขั้นศักดิ์สิทธิ์ได้ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ แถมยังมีนามสกุลเหมือนขุนนางชั้นสูงที่ทำงานใกล้ชิดพระราชา ไม่มีทางเลยที่สาวชาวบ้านอย่างซิลฟี่จะสมหวัง
 
แต่มันก็เร็วเกินไปที่จะบอกเรื่องนี้กับซิลฟี่วัย 8 ขวบ ที่ดูเหมือนจะรักลูกชายของบ้านนั้นหมดหัวใจ จนแม้เขาจะจากไปเป็นปีเธอก็ยังไม่ทำความรู้จักกับเด็กคนอื่นในหมู่บ้าน และยังถามพ่อแม่ทุกวันว่าเมื่อไหร่เขาจะกลับมา
 
อะไรทำให้เธอรักเด็กชายคนนี้ขนาดนั้นกันนะ เป็นเพราะใช้เวลาร่วมกันทุกวัน? เป็นเพราะเขาเป็นเพื่อนคนแรก? เป็นเพราะเขาช่วยเธอไว้จากการโดนรังแก? รอลส์ก็หาคำตอบไม่ได้ รู้แต่ว่าในใจของลูกสาวไม่เหลือที่ว่างให้ใครคนอื่นเลย
 
วันที่นัดหมายมาถึง ซิลฟีเอ็ตใส่หมวกใบใหญ่ปิดบังเส้นผมสีเขียวสะดุดตาของเธอ ซิลฟี่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจที่จะได้ไปพบเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันเป็นปี
 
วันนั้นคนที่เดินทางไปด้วยกันก็มีเปาโล กับรอลส์ เดินทางด้วยม้าสองตัว ออกเดินทางตั้งแต่แสงแรกของวัน เพื่อไปให้ถึงเมืองป้อมปราการในตอนบ่าย ที่กีแลนบอกเปาโลว่ามักเป็นช่วงที่รูเดียสไปเดินเล่นในเมือง
 
เปาโลเองก็ตื่นเต้นไม่น้อยที่จะได้เห็นลูกชายของตนเติบโตขึ้นจากที่ไม่ได้เห็นมาเป็นปี แต่เพื่อไม่ให้เสียหน้า เขาจะให้รูเดียสเห็นตัวเองไม่ได้
 
การเดินทางราบรื่นดีตลอด เมื่อมาถึงเมืองป้อมปราการ ซิลฟี่ดูเหนื่อยล้าเพราะไม่เคยนั่งม้าติดกันนานขนาดนี้ แต่เธอก็สนุก
 
“ชอบไหม ขี่ม้า?” รอลส์ถามลูกสาว
 
“ชอบค่ะ!”
 
“ไว้ว่างๆ พ่อจะสอนขี่ม้าให้แล้วกัน แต่หนูต้องขายาวกว่านี้ก่อน”
 
“ค่ะ!” ซิลฟี่เอ็ตตอบรับอย่างกระตือรือร้น ถือว่าเป็นภาพที่น่าเอ็นดูในสายตาผู้ใหญ่ทั้งสอง
 
ทั้งสามคนไปนั่งรอเวลาที่ร้านนั่งดื่มในละแวกนั้นที่มีพื้นที่นั่งอยู่ชั้น 2 และมีหน้าต่างสามารถมองลงมาเห็นร้านรวงต่าง ๆ ได้จนสุดถนน
 
ซิลฟี่กับเปาโลคอยมองหาผู้คนที่เดินไปมามากมาย เวลาผ่านไปสิบนาที ยี่สิบนาที จนเป็นชั่วโมง
 
“นั่นไง!” ซิลฟีเอ็ตร้องด้วยความดีใจจนแขกคนอื่นในร้านหันมามอง เธอชี้นิ้วลงไปข้างล่าง
 
เห็นเด็กผู้ชายแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าดูแพง ผมสีน้ำตาลตัดสั้น ดวงตาสีเขียวมรกต มีไฝเม็ดหนึ่งที่ใต้ตาซ้าย รูเดียส เกรย์แรทนั่นเอง
 
รูเดียสเดินมาเพียงคนเดียว ในมือถือห่อผ้าสีขุ่น ๆ ขนาดใหญ่กว่ามือของเขาไม่มากนัก เขาเดินทอดน่องอย่างสบายใจและยิ้มเล็ก ๆ ดูท่าทางมีความสุขดี
 
ซิลฟี่เอาหน้าเข้าไปชิดหน้าต่าง เขาอยู่นั่น! ยังสบายดี! รูเดียสเป็นคนที่มีตัวตนจริง ๆ ไม่ใช่ความฝันที่เธอสร้างขึ้นมา!
 
ซิลฟี่ดีใจจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา
 
รูเดียสเอาห่อผ้าไปวางที่หน้าร้านขายของแห่งหนึ่ง เปิดห่อผ้าออก ข้างในมีตุ๊กตาหินตัวเล็ก ๆ มองจากตรงนี้ทั้งสามคนมองไม่เห็นว่ามันเป็นรูปอะไร หลังจากเจรจาอะไรกันเรียบร้อย รูเดียสก็หันหลังแล้วเดินหายไปในฝูงชน
 
หลังจากที่แน่ใจแล้วว่ารูเดียสจะไม่กลับมาอีก ทั้งสามคนก็ลงไปที่ร้านนั้น
 
“เมื่อกี้มีเด็กผู้ชายคนนึงเดินมาขายของใช่ไหม ขอดูของที่เขาขายหน่อยสิ”
 
“โอ้ ได้สิครับ ได้เลย” พ่อค้ายิ้มต้อนรับ แล้วหยิบของชิ้นนั้นออกมา
 
มันคือตุ๊กตาหินที่มีรายละเอียดปรานีตงดงาม เป็นรูปของเด็กผู้หญิงผมสั้น ในมือถือช่อดอกไม้ ชุดกระโปรงที่เธอใส่พลิ้วไหวเหมือนมีลมพัด
 
ตุ๊กตาของซิลฟี่….
 
ซิลฟี่เห็นแล้วก็ยกมือปิดปาก
 
พ่อค้าก็สังเกตเห็น
 
“โอ้คุณหนู ตุ๊กตาตัวนี้หน้าตาเหมือนคุณหนูเลยนะครับ เห็นความละเอียดในงานนี่ไหม ต้องใช้ความตั้งใจและเวลาเป็นอย่างมากในการสร้างมันขึ้นมาเลยนะ ตุ๊กตาตัวนี้เหมาะกับคุณหนูที่สุดเลยนะครับ ทั้งความปราณีตและพลิ้วไหวของเสื้อผ้า เป็นงานแกะสลักชั้นเซียนเลยทีเดียว” พ่อค้าสาธยาย “ผมจะขายให้ในราคา 2 เหรียญทองอัสราว่าอย่างไรครับ”
 
2 เหรียญทองอัสรา…
 
จำนวนนั้นมากเกินกว่าเงินเดือนของรอลส์ทั้งเดือนเสียอีก แต่เธออยากได้ อยากได้มาก ๆ มันเป็นของที่ผ่านมือรูเดียสมาเชียวนะ ถึงไม่รู้ว่าเขาได้มาจากไหนและทำไมถึงขาย เธอก็อยากได้มันอยู่ดี
คนที่อยากได้ยิ่งกว่าก็คือรอลส์ ในโลกที่ไม่มีรูปถ่ายนี้ ตุ๊กตาที่หน้าตาเหมือนลูกสาวของเขาแบบนี้คงหาไม่ได้อีกแล้ว
 
แต่…
 
“ขอโทษนะซิลฟี่.. พ่อไม่มีเงินมากขนาดนั้น” รอลส์ขอโทษซิลฟี่ ซิลฟี่พอจะคาดเดาได้อยู่แล้ว เธออดผิดหวังไม่ได้ แต่ซิลฟี่ไม่ได้เป็นเด็กเอาแต่ใจ
 
“ไม่เป็นไรค่ะคุณพ่อ หนูเข้าใจดี ความจริงวันนี้ได้มาเห็นว่ารูดี้สบายดีหนูก็ดีใจที่สุดแล้วค่ะ” ซิลฟี่ยิ้มแย้ม
 
“รู้จักคุณหนูรูเดียสด้วยหรือครับ” พ่อค้าถาม
 
ซิลฟี่หน้าแดงทันทีแบบเห็นได้ชัด
 
“แหะ ๆ เด็กคนนั้นคือลูกชายของผมเองครับ” เปาโลบอกพ่อค้า
 
“อ้อ คุณมีลูกชายที่ดีนะครับ เป็นคนขยันมากเลย ปั้นตุ๊กตามาขายเพื่อเก็บเงินซื้อหนังสือ เขาเคยบอกผมว่าเขาสนใจหนังสือในร้านขายหนังสือตรงนั้น เลยทำงานเพิ่มเติมเพื่อเก็บเงินซื้อหนังสือ”
พ่อค้าอธิบายให้ฟัง “แถมตุ๊กตาแต่ละตัวที่เขาหามาให้นี่ก็งานดี ๆ ทั้งนั้น ต้องขอบคุณลูกชายคุณจริง ๆ ที่ทำให้ผมมีสินค้าไปเปิดร้านในต่างแดน”
 
เปาโลได้ฟังอย่างนั้นก็หน้าบาน อารมณ์ดีเป็นอย่างมาก
 
ส่วนซิลฟี่พอได้ยินเรื่องราวของรูเดียสเธอก็ดีใจ ถึงแม้จะไม่ได้ฟังจากเจ้าตัวก็ตาม
 
อืม.. เก็บเงินซื้อหนังสืองั้นเหรอ สมกับเป็นรูเดียสจริง ๆ
 
รูเดียสในความทรงจำของเธอก็มักจะพกหนังสืออยู่ตลอดเวลา อ่านท่องจนจำได้ขึ้นใจ แถมยังรู้เรื่องราวมากมายเต็มไปหมด มองอย่างไรก็เป็นคนที่น่าชื่นชม
 
“ตกลงซื้อครับ” เปาโลว่าอย่างนั้นแล้วหยิบสองเหรียญทองมาจ่ายให้พ่อค้า
 
การเดินทางกลับนั้นอิ่มเอมใจ ซิลฟี่ดีใจที่ได้แอบมองรูเดียสจากไกล ๆ ทรมานใจที่เข้าไปคุยไม่ได้ก็จริง แต่เธอก็พอใจแค่นี้แหล่ะ
 
แล้วยังเรื่องเล่าที่ฟังจากพ่อค้า เธอก็มั่นใจได้ว่ารูเดียสที่เธอชอบยังคงเป็นคนขยัน เก่ง และต็มไปด้วยความสามารถเหมือนเดิม
 
ตุ๊กตาตัวนั้นเปาโลซื้อไป และวางไว้ที่บ้านเกรย์แรท ซึ่งไอชาชอบมาก ๆ
 
ซิลฟี่ได้มองตุ๊กตาตัวนั้นทีไร เธอก็จะระลึกได้ถึงเด็กชายผู้เป็นที่รักของเธอที่จากไปอยู่ที่ไกลแสนไกล และความรักของเธอก็ไม่เคยลดลงเลย

__------_____---
ลงไว้หลาย ๆ ที่ แหะแหะ เราชอบซิลฟี่จริง ๆ น้องปักธงตั้งแต่เด็กเลย

ตามจริงพวกผู้ใหญ่พยายามปิดบังไม่ให้ซิลฟี่รู้ว่ารูเดียสไปอยู่ที่ไหน แต่เรามโนเองว่าถ้านางรู้ขึ้นมาคงเกิดเหตุการณ์ประมาณนี้แหล่ะ

ไม่แน่ใจว่าควรลงในบล้อกหมวดไหน เลยเอาไว้การ์ตูน เป็นแฟนฟิคการ์ตูนไป



Create Date : 13 เมษายน 2566
Last Update : 13 เมษายน 2566 14:10:04 น.
Counter : 417 Pageviews.

0 comment
ไดอารี่ 12 เมษายน 2566
 
#Diary
8.50 น. Starbucks Timesquare
 
กลับมาจากอุบลทีไร จะเกิดคำถามในหัวทุกครั้งว่า “ฉันมาทำอะไรที่นี่”
 
Lifestyle ที่อุบลมันดีมาก งานก็มีให้ทำ พ่อแม่พี่น้องก็อบอุ่น อาหารก็อร่อย ชีวิตก็อยู่อย่างลูกคุณหนู ฉันมีความสุขมาก
 
ฉันมากรุงเทพทำไม ไม่มีอะไรที่ฉันชอบสักอย่าง มีแค่เพื่อน ๆ นี่แหล่ะ แต่มันนาน ๆ ทีเจอก็ได้นี่ ไม่เห็นว่ามีความจำเป็นต้องประจำอยู่กรุงเทพ ยกเว้นเรื่องที่แต่งงานมีสามีแล้ว
 
ฉันชอบวิถีชีวิตที่อุบล
 
ตื่นเช้า ๆ มาช่วยแม่ขนทอง เฝ้าร้าน คอยดูลูกค้า คุยกับพี่ไกร อ่านนิยายที่ชอบ ฟังเพลงที่อะป๊าเปิด ฟังอะป๊าร้องเพลง ดูละครกับคุณแม่ คุยปรัชญากับน้องภีม สนทนาธรรมกับหมูเอย
 
พอตกเย็นก็เข้าห้องใครห้องมัน มีเวลาส่วนตัว หรือถ้าเซ็งก็ออกไปเดินเซ็นทรัล
 
ภีมบอกว่าที่อุบลมีห้างน้อยเกินไป น่าจะมีเดอะมอลล์มาอีกสักยี่ห้อ
 
ฉันชอบมาก ๆ วิถีชีวิตที่อุบล ตั้งใจว่าสอบ CPA ผ่านเมื่อไหร่จะกลับไปอยู่ถาวร ประกาศขายคอนโดที่กรุงเทพหรือไม่ก็ปล่อยเช่าไป กลับไปวิ่งธุระให้ที่บ้าน ทำระบบให้ ปฏิบัติธรรมไปด้วยก็ได้ มันดีมากเลย ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางวันละชม. สองชม. ไม่ต้องอดทนโดนหัวหน้าดุด่า ไม่ต้องเครียดกับงานที่เยอะเกินพิกัด แล้วยังมีเวลาทำงานอดิเรกมากกว่าด้วย
 
ฉันมาทำอะไรที่นี่อยู่วะ
 
——
9.22 น. สตาร์บั๊ค TimeSquare
 
มานั่งรอเรียน P square เอาคอมมาทำงานร้านทองด้วย
 
มีเรื่องนึงที่สังเกตตัวเองได้
 
อาทิตย์ก่อนตอนอยู่ที่ร้านทอง ฉันเล่น Facebook หนักมาก ในคอมนี่แหล่ะ เพราะลบจากมือถือไปแล้ว
 
Twitter ก็เล่น ไปส่งข้อความให้ผู้ติดตามรู้ว่าช่วงนี้ทำ Social Detox อยู่ + แปะลิงค์ ReadAWrite ด้วย เผื่อใครตามไปอ่านแฟนฟิค
 
แต่ยิ่งเล่น Social ยิ่งรู้สึกเหงา
 
มันคือหลุมดำอะไรสักอย่างจริง ๆ
 
รู้สึกคาดหวังว่าต้องมีคนมาคุยกับเราตลอดเวลา อยากพูด อยากคุย อยาก ๆ ๆ
 
มันเป็นความรู้สึกแบบ เฮ้อ ไม่มีใครทักมาเลย อยากคุยจัง ทั้ง ๆ ที่ตอนไม่เล่นก็ไม่ได้เกิดความรู้สึกแบบนี้
 
แล้วมันจะทำให้เราไถไม่หยุด หรือในกรณีฉันก็คือหาคอนเทนต์มาโพสต์ไม่หยุด อยากเห็นผู้คนคุยกัน เกี่ยวกับ MT
 
ฉันก็ไปเลื่อนดูคอมเม้นต์ชาวบ้านคุยกันได้ทั้งวี่ทั้งวัน โคตรเสียเวลาเลย สุดท้ายก็มานั่งรู้สึกผิด หรือไม่ก็รู้สึกแย่เวลามีใครว่ารูเดียส
 
Social Media ตัวร้าย อย่ายอมแพ้มันนะฟ้า!!
 
——
10.05 น. Starbucks Timesquare
 
เมื่อกี้ไปเล่นพันทิป แล้วก็เอาไดอารี่ไปใส่บล้อก (Bloggang)
 
ที่จริงอยากอัพโหลดไว้หลาย ๆ ที่ แต่คงไม่ได้เริ่มอัพตั้งแต่ต้นปี เริ่มจากปัจจุบันเป็นต้นไปดีกว่า เอาไว้อ่านเองนี่แหล่ะ ฉันชอบอ่านไดอารี่ตัวเอง รู้สึกว่าบล้อกนี่แหล่ะเป็น Platform ที่อยู่ยั้งยืนยงที่สุดละ บล้อกที่เขียนตั้งแต่ปี 2554 ยังอยู่ ๆ เลย
 
ถ้าเก็บที่อื่นมันหายไปนานละ
 
แล้วยังมีเพื่อนด้วย
 
คราวก่อนตอนที่อิน Mushoku Tensei แรก ๆ ฉันก็เบียว เขียนบล้อกว่าอยากใช้ชีวิตจริงจัง มีคนมาคอมเม้นต์ยาว ๆ ด้วย ไม่ได้คาดหวังว่าจะมีใครผ่านมาเห็นด้วยซ้ำ เขินชะมัด
 
แต่ฉันชอบแชร์ไดอารี่ให้เพื่อนอ่านอยู่แล้ว ถึงโตแล้วมันต้องคัดบางอย่างออกไปบ้าง (เช่นพวกเนื้อหา 18+ บนเตียงของฉันกับสามีอะไรพวกนั้น) แต่ส่วนใหญ่ก็น่าจะยังแชร์ได้อยู่ เผื่อปสก.ชีวิตฉันมันเป็นประโยชน์กับใคร
 
ชีวิตฉันก็ค่อนข้างน่าสนใจ ถ้าให้พูดอ่ะนะ…
 
—-
 
11.36น. P Square
 
เรียนมาประมาณ 1 ชม. แล้ว วันนี้มาเรียนต่อจากเมื่อวาน ยังเป็น PPE อยู่
แม่เจ้าโว้ยยย ทำไมมันยากขนาดนี้
 
ยากมาก ยากมาก ๆ ๆ ๆ ๆ
 
มันมีหลายเรื่องมาพันกันอ่ะ PPE ไม่เหมือนสมัยที่ฉันสอบผ่านเลย ตอนนั้นยัง Simple กว่านี้เยอะ (ฉันทำวิชาบัญชี 1 หลุดเลยต้องเตรียมสอบใหม่)
 
ฉันขนลุกไปหมด แล้วนี่แค่บทแรก ฉันต้องหยุดวิดีโอจดตามตั้งหลายครั้ง
พิจารณาแล้ว โหดมาก ๆ T-T
 
แต่ฉันจะต้องพยายามให้มันได้ ตัดสินใจแล้วว่าจะทำให้ได้ ก็ต้องทำให้ได้!!!
 
ตอนแรกตั้งใจจะรีบเรียนให้จบก่อนเริ่มทำงานที่ Mazars วันที่ 18 แต่เนื้อหามันซับซ้อนโคตร ๆ ฉันต้องทำความเข้าใจอะไรเยอะมากๆ
 
คิดว่าไม่น่าจะเรียนจบทันถ้าจะเอาแบบเข้าใจทุกอย่าง มันต้องหยุดวิดีโอบ่อยมาก ๆ เลย
 
โห แล้วนี่พึ่งมาถึงคลิปที่ 5 จาก 9 คลิปของ PPE
 
มันพันไปหลายบทเลย
ต้นทุนกู้ยืม
สัญญาเช่า
การด้อยค่า
สินค้าคงเหลือ
อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน
ประมาณการหนี้สิน
เครื่องมือทางการเงิน
 
ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนจะอ้วก ข้าวก็หิว ตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย
กลืนน้ำลายเอื้อก ฉันเอาตัวเองมาเจอกับอะไรเนี่ย
 
ทำไมมันโหดขนาดนี้ !!!
 
แต่ต้องสู้นะ จะท้อไม่ได้เด็ดขาด สู้มันๆๆๆ
 
——
 
17.45 น. P Square
 
จองไว้ถึง 18.30 น. เป็นเวลาที่สถาบันปิด
 
ฉันเรียน PPE จบแล้ว แล้วก็ต่อด้วย IP
 
PPE ยากมากกก IP ไม่เท่าไหร่ รู้สึกได้พักสมอง
 
ที่จริงจะเรียน Intangible Asset ต่อก็ได้ แต่ถ้าเรียนต่อน่าจะไม่จบเนื้อหา ต้องค้างกลางคันแน่ ก็เลยหยุดก่อน ไว้ค่อยมาต่อพรุ่งนี้
 
ออกก่อนเวลาที่จองได้ 1 ชม. ฉันก็ออกได้แล้วล่ะ
 
อยากจะไป TK park แต่ก็อยากไปร้านหนังสือภาษาญี่ปุ่นมือ2 ที่เห็นใน Ticktock วันก่อน จะไปหาดูว่ามี Mushoku Tensei ไหม
 
คิดว่ายังไงพรุ่งนี้ TK park ก็เปิด แต่ร้านหนังสือไม่รู้จะเปิดไหม ลองโทรไปถามก่อนดีกว่าว่าวันนี้ปิดไหม สงกรานต์ร้านอะไร ๆ ก็ปิด
 
——
 
18.52 น. ร้านอาหารญี่ปุ่น
 
ไปมาแล้วร้าน Keybooks
 
ได้ Mushoku Tensei เล่ม 1 มา ตื่นเต้นมาก!!!
 
ที่จริงตอนแรกไปผิดร้าน ไปแวะร้านเล็ก ๆ ก่อน ฉันก็ตะหงิดว่าไหนในรีวิวเขาบอกว่ามี 3 ชั้นวะ อันที่เข้าผิดไปมันเป็นร้านเล็ก ๆ แบบห้องแถวเล็ก ๆ นิดเดียว
 
ผิดหวังเลย เพราะไม่มี ฉันอุตส่าห์เหนื่อยเดินเท้าจากตึก Time Square มาซอยสุขุมวิท 33 ตั้ง 20 นาที
 
ที่จริงระหว่างทางเดินมาก็เพลิดเพลินดีแหล่ะ แต่วันนี้กระเป๋าหนักเลยไม่ค่อยสนุก ใครใช้ให้แบกคอมมาเล่า
 
พอเดินคอตกออกจากร้านก็กำลังจะกลับ ไปเห็นว่าฝั่งตรงข้ามมีร้านหนังสืออีก
 
แล้วป้ายชื่อร้านเบอร์เริ่ม Keybooks
 
เอ้ออออ นี่สิ ร้านในรีวิวที่ว่า ต้องร้านนี้ หนังสือมือ 2 สามชั้น
 
ตอนไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่นงานอดิเรกฉันคือไปขลุกอยู่ตามร้านหนังสือกับของเล่นมือ 2 ของญี่ปุ่นนี่แหล่ะ
 
ฉันมีความสุขกับสถานที่มีหนังสือเยอะ ๆ มาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว มันเป็นสิ่งที่ Spark Joy ฉัน
 
ยิ่งร้านหนังสือมือ 2 นี่สนุกมาก ของมันเปลี่ยนเรื่อย ๆ บางทีเราแค่อยากจับอยากลูบหนังสือการ์ตูนที่เราชอบตอนนั้น ถ้าโชคดีก็ได้ของราคาถูกเหมือนได้ฟรี
 
ฉันมักจะเก็บสะสมหนังสือการ์ตูนที่ชอบเป็นภาษาญี่ปุ่น กะว่าสักวันเก่งภาษาญี่ปุ่นแล้วจะอ่าน ซึ่งเลเวลฉันตอนนี้ก็อ่านรู้เรื่องแล้วประมาณ 60% ที่เหลือก็เปิด Google Translate ส่องเอา
 
ฉันเห็นร้าน Keybooks เลยรีบเดินเข้าไป ในร้านมีคนเยอะกว่าที่คิดนะ
 
เอ่อ แต่พนักงานคุยกับฉันเป็นภาษาญี่ปุ่น แน่แหล่ะ นี่ร้านหนังสือญี่ปุ่น เขาก็คงคิดว่าเป็นคนญี่ปุ่นอยู่แล้ว
 
ฉันขึ้นไปหาที่ชั้น 2 โซนการ์ตูน ไม่มี ไม่มี ฮือออ
แล้วก็ขึ้นไปชั้น 3 เจอแล้ว!! อยู่ในโซน Light Novel
เรียงกันอยู่ 4 เล่ม มีเล่ม 1 , 10 , 11, 12
เล่ม 1 สภาพดี ห่อปกไว้ด้วย
แต่เล่ม 10,11,12 นี่สันซีด
 
น่าจะมาจากคนละบ้าน
 
ฉันเลยซื้อมาแค่เล่ม 1 รูเดียสที่รัก ❤️
 
เดี๋ยวถ้ามีโอกาสจะแวะมาอีก เผื่อมีเล่มอื่น ๆ สภาพดี ๆ
 
ซื้อที่นี่จะถูกกว่าสั่งมือหนึ่งประมาณ 90 บาท ฉันสนุกตรงที่ได้ลุ้นด้วยว่าจะมีของไหม
 
—-
 
19.17น ร้านอาหารญี่ปุ่น
 
กินเสร็จแล้ว
 
สั่งข้าวหน้าเท็มปุระ
 
ราคาพอ ๆ กับร้านเกาหลีตอนกลางวัน ถ้ากินแบบนี้ทุกวันฉันจนแน่ ๆ -_-; กรุงเทพค่าครองชีพแพงจัง
ตอนนี้กำลังอ่านนิยายเรื่อง ปาฏิหาริย์ร้านอาหารเทพเจ้า เลยอยากกินอาหารญี่ปุ่น
 
เรื่องที่อ่านเมื่อเช้าเกี่ยวกับเท็มปุระ เลยสั่งเท็มปุระ
 
เลี่ยนอ่ะ กินแล้วเลี่ยน แต่อย่างน้อยน้ำเปล่าร้านนี้ก็ราคา 15 บาท ไม่ใช่ 30 บาท
 
มื้อต่อไป อยากจะกินอาหารไทยแล้ว น้ำพริกผักต้ม หรืออะไรทำนองนั้น -_-
 
แค่คิดว่า พรุ่งนี้ต้องเข้ามาเรียนอีกก็เหนื่อยแล้ว 😣 แต่ถ้าไม่รีบเรียนตอนนี้ฉันจะหาเวลามาเรียนยากแล้ว ต้องรีบเรียนไว้
 
เหนื่อยจัง ระหว่างเดินมาแถวนี้ ก็คิดในใจว่าหรือจะเอางานที่น้องมุกเสนอมาให้ดี งานแอดมินภาษาอังกฤษ งานสบาย ๆ ได้เงินเยอะ แต่ไม่มีทั้งความมั่นคงและ Career Path พอทำได้สักปี 2 ปีก็ลาออกกลับไปอยู่อุบล
 
ไม่รู้สิ วันนี้ไม่ค่อยมีแรงบรรดาลใจเลย เหมือนหมดไฟ อยากยอมแพ้ อยากหนีกลับบ้าน เต้น Just Dance กับแม่ทุกวัน วัน ๆ ไม่ต้องทำอะไรมากมาย แปลโดจิน วาดแฟนอาร์ตไปเรื่อย ๆ งานก็ทำเท่าที่อยากทำพอ
 
เฮ้อ ชีวิตฉันแค่นั้นได้ไหมนะ
 
—-
19.50 น. รถไฟฟ้า
 
เหนื่อยจัง
 
-_-;
 
ขอทวนสิ่งที่ได้เรียนมาวันนี้เท่าที่ยังเหลือในสมอง
 
PPE :
 1. การบันทึก มูลค่าของ PPE ตอนวันที่ได้มา บันทึกที่ราคาทุนเสมอ ตัวที่ซับซ้อนก็จะมี ภาษีซื้อที่ขอคืนไม่ได้ พวก 2/10 n30 หักออกได้ ระวังพวกค่าอบรมพนักงานให้ใช้งาน PPE เป็น อันนั้นห้ามรวมเป็นต้นทุน โจทย์ชอบหลอกมา
 2. ต้นทุนการรื้อถอน PPE ต้องบันทึกคิดเป็น PV มารวมกับต้นทุนของ PPE ด้วย ถ้ามันมีเพิ่มหรือลดก็ต้องไปปรับเข้า PPE ด้วย ถ้ามีค่าเสื่อมที่ยังตัดไม่หมดก็จะซับซ้อนขึ้นไปอีก
 3. PPE บันทึกได้ 2 วิธี วิธีแรกคือวิธีราคาทุนที่ทำกันทั่ว ๆ ไป คือตั้งทุน หักค่าเสื่อม หักด้อยค่า อีกวิธีไม่ค่อยได้เห็นคือวิธีตีราคา มันจะซับซ้อนเพราะเวลาตีราคาเพิ่มจะวิ่งเข้า OCI หรือหัก PL ที่เคยบันทึก/เวลาตีราคาลงต้องิ่งเข้า PL หรือหัก OCI ที่เคยลด มึนมาก
 4. ค่าเสื่อมราคามีวิธีคิด 4 วิธี จุดหลอกแตกต่างกันหมด
  1. เส้นตรง รู้ ๆ กัน แต่อย่าไปคิดลด Residual Value โดนหลอกกันตรงนี้ แล้วตัวหารคือ Useful Life ไม่ใช่ Economic Life แยกให้ออก (Useful Life คือตามความตั้งใจของผบห.บริษัทเรา Econ Life คืออายุที่ชาวบ้านเขาใช้กันทุกคน)
  2. Double Declining คำนวณเป็นเรทตัด *2 เท่า แล้วก็หักออกจากต้นทุนทั้งยังงั้นเลย จะไปล็อก Residual value ตอนจบ เพราะงั้น ไม่ต้องหัก Residual Value
  3. Sum of the yr digit ระวังตอนซื้อระหว่างปี จะถัว ๆ เอาแบบวิธีอื่นไม่ได้ ดูดี ๆ แล้วอย่าเรียงปีผิด ต้นทุนที่ให้คูณต้องหัก Residual Value ด้วย
  4. Production Unit ปีไหนไม่ใช้ก็ไม่ต้องคิดค่าเสื่อม แต่ให้ระวังด้อยค่าแทน
 
IP :
ขาเข้า : ครอบครอง (เป็นเจ้าของเอง) หรือเช่าแบบ ROU
ขาปล่อย : ให้เช่าแบบดำเนินงาน ถือไว้แบบไม่รู้จะทำอะไร ถือไว้เก็งกำไร
พวก CIP ก็นับเป็น IP ได้ถ้าวัตถุประสงค์คือ IP
IP มีวิธีบันทึก 2 แบบ คือ ต้นทุนกับวิธีมูลค่ายุติธรรม
วิธีมูลค่ายุติธรรม ≠ วิธีตีราคาใหม่ (ของPPE)
ข้อสอบเคยออกให้บอกความแตกต่างด้วย -_-; ที่จำได้คือมันต่างกันตรงที่ถ้าเป็นวิธีของ PPE ต้องมีส่วนที่บันทึกเข้า OCI แต่ของ IP จะเข้า PL เสมอ
แล้วของ PPE ไม่ได้ให้ตีราคาใหม่ทุกปีเหมือน IP แค่ตีราคาสม่ำเสมอก็พอ
ทีนี้ก็จะมี Inven มาพันด้วยบางที เช่น บริษัทขายบ้าน ก็ต้องบันทึกบ้านเป็น Inven ไม่ใช่ PPE หรือ IP
 
ข้อสอบจะชอบออกหลอกเรื่องนิยาม ในปรนัยอ่ะ
ฉันหลุดตลอดเลยตอนพี่แพทพาทำโจทย์ ต้องกลับไปทวนเยอะ ๆ 😓
ที่จริงเรียนเยอะมากกกกกวันนี้
เฮ้อ ไม่ชอบเลย อยากสอบผ่านไวไวจุง
 
—-
 
21.33 น. คอนโด
 
กลับถึงบ้านก็วางกระเป๋าแล้วอาบน้ำสระผมก่อนเลย เหนื่อยมาก
 
ทำไมไปเรียนมันถึงเหนื่อยขนาดนี้นะ นั่งทั้งวันด้วย ไม่ดีต่อสุขภาพเลย
 
พรุ่งนี้กับมะรืนก็ยังต้องลุยแบบนี้อีก ทรหดจัง ตอนเด็ก ๆ เรียนตั้งแต่เช้าจรดเย็นไปได้ยังไงกันนะ?
 
แล้วฉันก็นอนเล่น FB วันนี้ไม่มี Schedule Post ที่ตั้งเวลา Post ไว้ล่วงหน้าแฮะ ฉันเลยเอา Fanart ที่วาดเมื่อวานไปลงกลุ่ม

ฉันชอบมากเลยรูปนี้ ครอบครัวสุขสันต์ รู้สึกฝีมือในการวาดซิลฟี่พัฒนาขึ้น
 
แล้วก็กะจะตั้งโพสต์ล่วงหน้า ปรากฏมือลั่นไปโพสต์ลงกลุ่มเลย ก็เลยเอาตามนั้นแหล่ะ ไม่ล่วงหน้าก็ได้
 
วันนี้จะรีบนอน เมื่อคืนวานนอนไม่ค่อยหลับ เพราะอะไรไม่รู้ รู้สึกนอนหลับตาอยู่นานมาก ๆ ๆ ๆ
 



Create Date : 13 เมษายน 2566
Last Update : 13 เมษายน 2566 14:09:14 น.
Counter : 259 Pageviews.

0 comment
ไดอารี่ 11 เมษายน 2566

7.40 น. บนเครื่องบิน

 

เกือบตกเครื่อง -_-; 

 

เมื่อเช้าชิวไปหน่อย นั่งตอบอีเมลล์ Mazars อยู่ เขาให้ตอบคำถามแนะนำตัวเองแล้ว ฉันก็นั่งนึก ๆ อืมม 

 

พอมันส่งไปแล้วกลับไปรีวิวคำตอบไม่ได้ ง่า!!! ฉันน่าจะเซฟไว้ เวลาคนถามเกี่ยวกับสิ่งที่ตอบไปจะได้จำได้

 

ฉันก็ตอบตามความจริงหมดอ่ะแหล่ะ มีตอบเลี่ยง ๆ ก็ข้องานอดิเรก ที่จริงงานอดิเรกฉันคือ Mushoku Tensei แต่มันเฉพาะกลุ่มเกิน เลยตอบเลี่ยง ๆ ว่า วาดแฟนอาร์ท เขียนนิยาย (ความจริงคือเขียน fanfic)

 

นิยายที่เขียนเรื่องล่าสุดยังเป็นแฟนฟิคแมวขาว (เกม) เลย 5555 เรื่องที่ออริจินอลจริง ๆ มีแต่ร่างพล็อตไว้ ไม่เคยได้คลอดออกมาสักกะที

 

อืม ฉันนัดอะป๊าไว้ 7 โมงเช้า เมื่อวานอะป๊าก็นอนที่ร้านทอง เพราะถ้านอนที่บ้านจะกลับมารับฉันไม่ทัน

 

กว่าฉันจะนวยนาดลงมา ก็ 7 โมงแล้ว อะป๊ายังชวนกินข้าวอีก

 

แล้วระหว่างกินข้าว อะป๊าก็ถามว่า “ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับเท่าไหร่”

 

 “ประมาณ 2000 ค่ะ”

 

“2000 เองเหรอ” อะป๊าถาม

 

“เวลามันแย่ไงคะ จริง ๆ ขามาหนูต้องขึ้นเครื่อง 6 โมงเช้า แต่ไฟลท์มันเปลี่ยนเป็น 5 โมงเย็น เลยได้กลับตอนเย็นแทน”

 

“อ่อ งั้นเหรอ” อะป๊ารับรู้ “อะป๊าว่าจะให้ค่าเดินทางกับค่าเอาทองไปขาย”

 

แล้วอะป๊าก็ควักตังค์ให้ฉัน 5000 บาท

 

“4000 พอค่ะอะป๊า เมื่อวานคุณแม่พึ่งให้มา 1000” ฉันคืนเงินอะป๊า 1000 บาท “ขอบคุณมากนะคะ”

 

แล้วฉันก็กินข้าว พยายามโหลดหนังสือใส่ Boox Leaf ไปด้วย เมื่อเช้าหนังสือที่จองไว้ใน TK read มันถึงคิวพอดี

 

กินข้าวเสร็จ โหลดหนังสือเสร็จ มองนาฬิกา แม่จิ๊บหัย!!! 7.15 น. ว้อททททท 

 

รีบเลย! ต้องเดินไปโรงจอดรถอีก บอกอะป๊าว่าอาจจะตกเครื่องก็ได้

 

ต้องขอบคุณที่บ้านฉันอยู่ใกล้สนามบิน เลยมาขึ้นเครื่องทัน!! 

 

8.59 น. ในแท็กซี่

 

กำหนดการวันนี้คือ

เช้า ไปขายทองให้ร้านที่ดิโอลลด์สยาม

สาย ๆ กำหนดราคาทองเสร็จ เอาเงินสดไปเข้าบัญชีธนาคาร รอพี่โฟร์กที่ดิโอลลด์สยาม

เที่ยง กินข้าวกับพี่โฟร์ก แล้วพี่โฟร์กไปส่งที่คอนโด

บ่าย จองเรียน P square แล้วออกไปเรียน (แต่เรียนให้เสร็จก่อน 2 ทุ่ม)

เย็น กลับบ้านมานอนคอนโด

 

หลังจากนี้อีกหลายวันก็คงมีแต่เรียน P square

 

ฉันตั้ง Post ล่วงหน้าไว้ในกลุ่ม Facebook ของ MT รางวัลเรียน P square จนจบก็คือการดาวโหลด App facebook มาอ่านคอมเม้นต์คนในกลุ่มวันละครั้งตอนเลิกเรียน (6โมงเย็น)

 

ยังไม่ได้กำหนดเลยว่าจะเรียนเนื้อหาอะไรก่อนหลัง  ก็คงเอาตามกำหนดการของพี่แพทไปเลยแหล่ะ ยังไงซะก็จะเรียนทั้งหมดอยู่แล้ว

 

บอกตามตรง ฉันสนุกกับวิชาบัญชีมากกว่าวิชาสอบบัญชีและกฏหมาย

 

ถ้าให้เรียงลำดับ คงเป็น บัญชี > สอบบัญชี > กฏหมาย

 

ดีจริง ๆ ที่สอบกฏหมายผ่านหมดแล้ว

 

——

 

ฉันนั่งแท็กซี่ไปโดยไม่ได้บอกแม่ว่าพี่โฟร์กไม่ได้มารับ เดี๋ยวแม่ไม่สบายใจ

 

เป็นเพราะถ้าพี่โฟร์กมารับ ฉันจะต้องรอประมาณ 2 ชม. เพราะพี่โฟร์กต้องไปรับส่งพ่อแม่ก่อน

 

วันนี้เหมือนว่าแม่ละมัยจะเข้ามาโรงบาลรามานะ

 

อยากไปบริจาคเลือดจัง 

 

—-

 

18.39 น. P Square

 

เรียนมาได้ประมาณ 1 ชม. แล้ว รู้สึกเริ่มหลุด เลยพักก่อน

 

ที่จริงวันนี้ว่าจะแวะไป TK park สักหน่อย แต่จอง P square ไว้ถึง 1 ทุ่มครึ่ง อาจจะต้องออกก่อน

 

มาถึง P square วันนี้ ระหว่างเดินทางมาด้วยรถไฟฟ้า ฉันไม่ได้เล่นมือถือเลย นั่งสมาธิ แล้วมันทำให้ใจสงบดีนะ กะว่าจะทำให้เป็นนิสัยคือไม่เล่นมือถือตอนนั่งรถไฟฟ้า นั่งหรือยืนสมาธิแทน




Create Date : 12 เมษายน 2566
Last Update : 12 เมษายน 2566 9:45:29 น.
Counter : 399 Pageviews.

0 comment
1  2  

Kurobina
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ยินดีที่ได้รู้จัก หวังว่าเราจะได้ทำดีต่อกัน

ขอสงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามมิให้ผู้ใด ทำซ้ำ คัดลอก ดัดแปลง แก้ไข หรือเผยแพร่ ไม่ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดใน Blog นี้ ทั้งโดยเผยแพร่ไม่ว่าจะเป็นการส่วนตัวหรือเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด
Motivation and Habits are keys to success.
  •  Bloggang.com