อย่าใช้เวลาทั้งชีวิตหาเงิน จงใช้เวลาส่วนหนึ่งของชีวิต หาเงินเพื่อใช้ตลอดชีวิต FACE BOOK : Tuckkatan Ketsarin
 
 

วิตก วิกฤต

ช่วงนี้ดูเฉยๆดีกว่าค่ะSmiley


ด้วยเหตุผลร้ายๆ นานัปการทำให้ ไม่อยากแนะนำให้นักลงทุนเข้าไปซื้อหุ้นในเวลา เพราะมองจากมุมไหนก็เป็นเพียงการเด้งขึ้นเพื่อลง หรือออกไปในทาง side way down หรือพูดให้ดูดีขึ้นมาหน่อยคือ จุดสูงสุดต่ำลงเรื่อยๆ ขณะที่ผลกระทบที่จะตามหลังจากนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะร้ายแรงขนาดไหน?? รวมทั้งท่าทีของนักลงทุนสถาบันในประเทศ และต่างประเทศ ยังจะซื้อหุ้นต่อไปหรือไม่...ก็ไม่มีใครรู้ได้...ก็อย่าเสี่ยงดีกว่านะจ๊ะ

ฉะนั้น อย่าได้แปลกใจที่ผู้คนมากมายจะแสดงอาการวิตกจริตกันสุดฤทธิ์ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นมันรุนแรงและหนักหน่วงเกินจะรับไหว (น้ำท่วมบ้านท่วมรถ ไม่มีใครรับได้อยู่แล้ว) และยังเป็นต้นเหตุที่ทำให้นักทุนหันมาเทขายหุ้นทิ้งอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ยังโชคดีที่มีแรงช้อนเข้ามารับหุ้นไว้เป็นระยะ สุดท้ายหุ้นก็เลยลบไปแค่ 18.88 จุด ปิดที่ 952.75 จุด ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขาย 2.31 หมื่นล้านบาทนะจะบอกให้

ประเด็นที่ต้องติดตามดูกันต่อไป และต้องนำมาประมวลผลคือ สถานการณ์น้ำท่วมของประเทศไทย เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม และรุนแรงหนักขึ้นเรื่อยๆ ในเดือนตุลาคม โดยเฉพาะพื้นที่ใน จ.พระนครศรีอยุธยา มีน้ำท่วมหนัก กระทั่งส่งผลทำให้นิคมอุตสาหกรรม และเขตอุตสาหกรรมทั้ง 5 แห่ง ต้องปิดดำเนินการ ซึ่งนิคมฯ ดังกล่าวประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร, สวนอุตสาหกรรมโรจนะ, นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค (บ้านหว้า) และเขตอุตสาหกรรมแฟคตอรี่ แลนด์...มันร้ายแรงเหลือรับประทานเจ้าค่ะ

สิ่งที่เดี๊ยนได้เรียนรู้อีกอย่างหนึ่งคือ หลังจากพูดกันว่า “เอาอยู่??” แต่ผลสุดท้ายกลับกลายเป็นว่า น้ำได้ไหลเข้าท่วมนิคมอุตสาหกรรมนวนคร จ.ปทุมธานี ส่งผลให้รัฐบาลประกาศให้หยุดผลิต และต้องเร่งอพยพคนออกจากพื้นที่กันอย่างอลหม่าน...ล่าสุดก็เป็นคิวของ สวนอุตสาหกรรมบางกระดี ที่จะจมน้ำต่อไปนั้น!!...หวังอะไรไม่ได้อีกแล้วจริงๆ เพราะใน จ.ปทุมธานี มีนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ 2 แห่ง คือ นิคมอุตสาหกรรมนวนคร และสวนอุตสาหกรรมบางกระดี...เมื่อนิคมทั้ง 2 แห่งล่มอีก ความเสียหายย่อมเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณนะจะบอกให้


ดูเหมือนความร่วมมือร่วมใจของภาคเอกชนจะมีมากกว่าภาครัฐบาล (เคยว่าคนอื่นดีแต่โม้ ตัวเองก็ดีแต่โม้เหมือนกัน) ทุกคนก็เลยมีความหวังที่จะผ่านวิกฤติน้ำท่วมครั้งนี้ไปได้ (ทั้งที่รู้กันเต็มอกว่า เปอร์เซ็นต์รอดน้อยมาก) แถมภาคเอกชนก็ระดมสรรพกำลังช่วยเหลือกันอย่างไม่ท้อถอย จึงขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจส่งผ่านไปช่วยพี่น้องที่ได้รับผลกระทบ และขอปรบมือให้กับ ท.ทหาร อดทน ที่ลงไปช่วยในทุกพื้นที่เจ้าค่ะ

จาก...โมนิก้า-ข่าวหุ้น




 

Create Date : 19 ตุลาคม 2554   
Last Update : 19 ตุลาคม 2554 13:02:12 น.   
Counter : 458 Pageviews.  


“Rebound” เพราะไม่สามารถอธิบายได้ด้วยปัจจัยพื้นฐาน คนที่เข้าเล่นคงเหลือแค่เหล่าผู้กล้า และกองทุน

นักลงทุนที่คลุกคลีอยู่ในตลาดหุ้นน่าจะเริ่มประมวลผลการลงทุนอย่างเป็นระบบอีกครั้ง...โดยกลุ่มหุ้นที่มีการพูดถึงมากที่สุดในช่วงภาวะผันผวนเป็นอันดับแรกๆ คือ กลุ่มหุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง และทนทานต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัวนะจะบอกให้

โดยตัวหลักๆ ที่ทุกสำนักทุบโต๊ะดังเปรี้ยงคือ ADVANC, BGH, CPALL, DCC และ TUF โดยเหตุผลที่แนะนำคือ ไม่ว่าภาพรวมของเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ทุกคนต้องกิน ทุกคนต้องใช้ ทุกคนต้องรักษาตัวถึงไม่แปลกใจที่ทุกสำนักจะประสานเสียงพร้อมพรักให้เล่นสุดตัว...ตรงกันข้ามกับในรายของ TICON ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมเนื้อๆ เน้นๆ เต็มๆ หัวใจ...หุ้นถึงลงแบบไม่มีหูรูดเจ้าค่ะ

ส่วนเบอร์รองๆ ที่เหมาะแก่การลงทุนระยะกลาง เพราะได้รับผลกระทบปัญหาน้ำท่วมไม่มากคือ DTAC นอกจากนี้ ยังรวมถึงหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้างและค้าปลีก โดยต้องเน้นหนักไปในหุ้น DCC, HMRPO เนื่องจากวิเคราะห์กันว่า ยอดขายอาจลดลงในช่วงน้ำท่วม แต่ก็มีแนวโน้มดีขึ้นมากหลังน้ำลด ส่วนหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมเต็มๆ และกำลังอยู่ในช่วงขาลงสุดๆ ได้แก่ AH, HANA, KCE, ROJNA และ STANLY ...ทุกคนคงรู้หมดแล้วแหละ...เดี๊ยนนำมาพูดอีกครั้ง ก็เพื่อเตือนความจำพะยะค่ะ

เมื่อวันศุกร์นั่งมองการเคลื่อนตัวของดัชนีในช่วงภาคเช้า และดูนักวิเคราะห์แต่ละรายออกมาแสดงวิสัยทัศน์เรื่องหุ้น โดยส่วนใหญ่แสดงความคิดเห็นว่า ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกสลับกับแดนลบในกรอบแคบๆ โดยดัชนีไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ระดับ 940 จุดไปได้ ขณะที่มูลค่าการซื้อขายโดยรวมอยู่ในระดับต่ำกว่าหมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากทุกคนกำลังติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศ รวมถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อบริษัทจดทะเบียนเจ้าค่ะ

จุดที่น่าสนใจคือ ทุกคนบรรยายเหมือนกันว่า ดัชนีแกว่งตัวแคบๆ ยังไม่มีอะไรใหม่ มีแต่เรื่องของน้ำท่วม ขณะนี้โบรกเกอร์กำลังอยู่ระหว่างการทบทวนคำแนะนำการลงทุนในหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมในรอบนี้ และฟันธงแนวโน้มการซื้อขายภาคบ่ายจะแกว่งตัวตามข่าวต่างๆ ที่จะเข้ามากระทบต่อตลาดหุ้น...แต่ภาพจริงๆ ที่ปรากฏกลับกลายเป็นดัชนีเหินทะยานอย่างร้อนแรงพะยะค่ะ

ถึงกระนั้นก็ไม่อาจไว้วางใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ เพราะดัชนีปรับตัวขึ้นไปที่ 955.81 จุด บวกไป 18.99 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายแค่ 1.99 หมื่นล้านบาท วิเคราะห์จากตำราต่างๆ ต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “Rebound” เพราะไม่สามารถอธิบายได้ด้วยปัจจัยพื้นฐาน แถมในแง่ของเทคนิคก็บอกว่า การขึ้นแบบนี้ “ขึ้นเพื่อลง” ชัดๆ...คนที่เข้าเล่นคงเหลือแค่เหล่าผู้กล้า และกองทุนเท่านั้นพะยะค่ะ

จาก..โมนิก้า-ข่าวหุ้น




 

Create Date : 17 ตุลาคม 2554   
Last Update : 17 ตุลาคม 2554 13:53:07 น.   
Counter : 471 Pageviews.  


กลัวกันหมด... เรื่องน้ำท่วม

ดูเหมือนผู้คนทั่วไปจะเกิดอาการวิตกจริตเกี่ยวกับเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่กันถ้วนหน้า ไปไหน มาไหน ก็มีแต่คนถามเรื่อง “น้ำท่วมบ้าน” ตลอดเวลา และถามถึงเรื่องการ “ซื้ออาหารกักตุน” ไว้หรือยัง?? เพราะคำชี้แจงของคนในรัฐบาล “ยิ่งเละ” พูดแต่เรื่องดีๆ และคำที่ได้ยินบ่อยสุดคือ “เหตุการณ์ไม่รุนแรง” แต่ผลที่เกิดขึ้นกลับกลายเป็นว่า น้ำท่วมบ้านชั้นล่างทุกหลัง นิคมอุตสาหกรรมล่มถ้วนหน้า...แบบนี้เขาเรียกว่า “ไม่รุนแรงเหรอไง?”...เจ๊ปู

จึงไม่ขอตำหนิคนกรุงเทพฯ ที่แห่กันไปซื้อข้าวของกักตุนเพื่ออยู่ให้ได้เป็นเดือน เพราะสิ่งที่เห็นกันเต็มตาคือ “ปูแดงพยายามรักษาหน้าสุดฤทธิ์” จึงไม่ยอมประกาศ “ภาวะฉุกเฉิน” เพื่อให้ทุกคนได้เตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ...ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็เลยเป็นความโกลาหลไปหมดทุกเรื่อง เพราะไม่มีใครเชื่อ ที่สักแต่จะพูดเรื่องดีนะจะบอกให้

ขนาด “พี่โต้ง” ในฐานะดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ถึงกับร่ำไห้โผกอดนักลงทุนญี่ปุ่น หลังเห็นนิคมอุตสาหกรรมไฮเทคล่มไม่เป็นท่า เพราะต้านทานกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากไม่ไหว ทั้งที่วันก่อนเพิ่งลงไปดูแล และกำกับด้วยตนเอง และเชื่อว่า “เอาอยู่!!” แต่สุดท้ายไม่เป็นเหมือนกับที่คาดการณ์ไว้แบบนี้...เป็นใครก็ต้องกลัวขี้ขึ้นสมองทั้งนั้นแหละ...(เห็นเขื่อนกั้นน้ำตรงนั้นพัง ตรงนี้พัง รถจมน้ำเกือบทั้งคัน ใครไม่กลัวถือว่า สุดยอดเจ้าค่ะ)

เมื่อเหตุการณ์ไม่ค่อยจะสู้ดีขึ้นเรื่อยๆ SAT ก็เลยประกาศปิดโรงงานที่บางนา-ตราด 1 วัน เตรียมพร้อมกรณีน้ำท่วม ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่า สัดส่วนลูกค้าของบริษัทเป็นโตโยต้า ประมาณ 25% มิตซูบิชิราว 30% และฮอนด้า ราว 10% โดยขณะนี้บริษัทยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้...หากลูกค้าหยุดดำเนินธุรกิจแค่ 1-2 สัปดาห์ จะมีผลกระทบต่อบริษัทไม่มาก และบริษัทคงไม่มีการปรับเป้ารายได้หรือยอดขายทั้งปีนี้

ยกเว้นหากเกิดกรณีน้ำท่วมขัง และลูกค้าต้องหยุดการผลิตนานเป็นเวลา 1-2 เดือนบริษัทคงต้องมีการพิจารณาปรับลดเป้ายอดขายและรายได้ปีนี้ลง และนี่คือ อีกหนึ่งตัวอย่างในหุ้นกลุ่มยานยนต์ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติโดยตรง เช่นเดียวกับหุ้นในกลุ่ม อิเล็กทรอนิกส์ และนิคมอุตสาหกรรม น่าจะมีชะตากรรมไม่ต่างไปจากหุ้นตัวดังกล่าวมากนัก...งานนี้อย่าได้แปลกใจที่หุ้นกลุ่มดังกล่าวลงหนักเหลือเกินเจ้าค่ะ

ส่วน “พี่อนุสรณ์” กรรมการผู้จัดการใหญ่ BCP ก็เป็นอีกหนึ่งรายที่ประกาศตัวอย่างเป็นทางการว่า ขณะนี้บางจากได้หยุดเดินเครื่องโรงงานผลิตไบโอดีเซลชั่วคราว เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วม ทำให้มีความกังวลด้านการขนส่งวัตถุดิบ และในปัจจุบันมีสต๊อกน้ำมันไบโอดีเซลบี 100 อยู่ที่ 4-5 ล้านลิตรหรือประมาณ 1 เดือน ซึ่งเพียงพอที่จะส่งให้ลูกค้า ส่วนจะสามารถเปิดดำเนินการได้เมื่อไรนั้น คงต้องรอประเมินสถานการณ์ภายหลังจากวันที่ 18 ต.ค.นี้... สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่บางปะอิน ยังไม่ถูกน้ำท่วม เนื่องจากโรงไฟฟ้าดังกล่าวมีพื้นที่สูงถึง 5 เมตร แต่หากปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น บริษัทก็มีการสร้างกำแพงกั้น เพื่อป้องกันน้ำท่วมไว้แล้ว...ทราบแล้วเปลี่ยน!!

สำหรับท่าทีของผู้บริหารกองทุนต่างๆ ก็ทยอยกันออกมาบอกกับผู้ถือหุ้นเพื่อความสบายใจแก่ทุกฝ่ายตลอดเวลา ล่าสุดเป็นคิวของ บลจ.กสิกรไทย ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดกองทุนรวมอันดับหนึ่งของไทยว่า กองทุนหุ้นภายใต้การบริหารของบริษัท ไม่ได้มีการลงทุนในหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ จึงไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ที่สร้างความเสียหายให้กับอุตสาหกรรมดังกล่าวในขณะนี้...เนื่องจากในปัจจุบันเน้นหนักลงทุนในหุ้นที่เติบโตจากการบริโภคภายในประเทศเป็นหลักนะจะบอกให้

ป.ล. การที่หุ้นไทยตกหนักคราวนี้เป็นผลมาจากเหตุการณ์น้ำท่วมหนัก และยังประเมินมูลค่าความเสียหายที่แท้จริงไม่ได้ รวมทั้งไม่รู้ว่าในอนาคตเศรษฐกิจของไทยจะเป็นอย่างไร จึงเทขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงกันตลอดเวลา จนมีแนวโน้มว่าหุ้นไทยจะลงหนักอีกรอบพะยะ

จาก.... โมนิก้า - ข่าวหุ้น




 

Create Date : 14 ตุลาคม 2554   
Last Update : 14 ตุลาคม 2554 11:04:31 น.   
Counter : 548 Pageviews.  


หุ้นหนีน้ำท่วม

วานนี้มีอารมณ์ร่วม 2 อย่างในคราวเดียวกัน...โดยอารมณ์แรกเป็นอาการเศร้าสร้อย หลังเห็นพ่อแม่พี่น้องลุงป้าน้าอา ขนของหนีน้ำท่วมกันอย่างอลหม่าน ส่วนอารมณ์ที่สองออกอาการคึกคักสุดฤทธิ์ หลังเห็นดัชนีเหินทะยานขึ้นไปถึง 51.07 จุด ก่อนจะมาปิดที่ 913.72 จุด ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายกว่า 3 หมื่นล้านบาท มันช่างเป็นอารมณ์ “เศร้าปนสุข” ที่เดี๊ยนไม่เคยมีมาก่อนในรอบหลายสิบปีนะคะ

ที่น่าสนใจคือ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนรู้ว่า “โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน” และอย่าตั้งตนอยู่ในความประมาทเป็นอันขาด เพราะทุกสิ่งทุกอย่างอาจสลายหายไปเป็นศูนย์ภายในชั่วข้ามคืน ถึงพยายามให้ทุกคนเข้าใจกลไกเรื่องต่างๆ อย่างเป็นระบบ เพราะถ้าคิดแบบนั้นได้ ก็สามารถแปลงวิกฤติเป็นโอกาสได้ตลอดเวลา ขณะเดียวกันก็ขอแสดงความยินดีกับนักลงทุนที่สามารถทำกำไรในช่วงตลาดหุ้นผันผวนได้อีกครั้งพะยะค่ะ

ประเด็นที่น่าสนใจในสายตา เดี๊ยนอยู่ที่การกลับเข้ามาซื้อของนักลงทุนสถาบัน (โบรกเกอร์ไม่เกี่ยว เพราะรายนี้เทรดเอามันลูกเดียว ไม่เคยลงทุนระยะยาว ยิ่งซื้อเยอะเท่าไหร่ วันถัดไปยิ่งขายเยอะเท่านั้น) น่าจะหมายถึงการสิ้นสุดขาลงอย่างบูรณาการแล้วกระมั่ง เพราะทุกคนเริ่มรู้สึกว่า แนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ฝั่งยุโรป เริ่มมีทางออกที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น จึงย้อนกลับเข้ามาลงทุนในหุ้นอีกครั้งไงล่ะค่ะ

วานนี้ในช่วงภาคบ่ายถึงเห็นดัชนีพุ่งขึ้น 5% และกลับขึ้นมายืนเหนือ 900 จุดอีกครั้ง ซึ่งเป็นไปในทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่ดีดตัวขึ้น 1-5% โดยแรงซื้อหลักๆ ยังพุ่งเป้ามาที่หุ้นขนาดใหญ่อย่าง “พลังงานและแบงก์” แถมยังเป็นแรงซื้อที่ติดพันเสียด้วย ส่งผลให้ในช่วงภาคบ่ายราคาหุ้นชั้นนำของประเทศอย่าง BBL ขยับขึ้นไปกว่า 7% ส่วนป่อเต็กตึ๊ง PTT ขยับขึ้นไปมากถึง 9% ส่วนหุ้นปูนใหญ่ SCC ขยับขึ้นไปกว่า 7% แบบนี้...เสียดายของกันใช่ม๊า...ถึงตะลุยซื้ออย่างหนัก

ถึงกระนั้นก็มีกูรูของ บล.ภัทร PHATRA ออกมาปรับลดเป้าดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้เหลือแค่ 920 จุด จากเดิม 1,100 จุด พร้อมกันนี้ “เฮียศุภวุฒิ” ในฐานะกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวิจัย ให้เหตุผลปรับลดเป้าดัชนีปีนี้ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก และยังยืนยันให้นักลงทุนถือเงินสดมากสุดในพอร์ต และให้ติดตามสถานการณ์ยุโรป และสหรัฐอย่างใกล้ชิดพะยะค่ะ

งานนี้ใครเชื่อหรือไม่เชื่อ เดี๊ยนไม่สามารถไปบีบบังได้ แต่ที่รู้ๆ คือ ถ้าเป็นคนมีเงินเย็น และกล้าพอ น่าจะโหนกระแส เพื่อเพิ่มช่องทางในการทำกำไร ขณะเดียวกันก็ควรรับรู้ว่า ราคาหุ้นหลายตัว ณ ระดับปัจจุบันให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูง...ยกเว้นสถานการณ์ของหุ้นกลุ่มยานยนต์ เพราะรองนายกฯ ออกมาพูดอย่างเป็นทางการแล้วว่า น้ำท่วมที่เกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบกับไลน์ผลิตรถยนต์นะจะบอกให้

เมื่อตลาดหุ้นเข้าสู่ช่วงการดีดตัวขึ้น หรือพูดให้เข้าประเด็นหน่อยก็คือ เด้งรับข่าวดี ย่อมทำให้หุ้นบลูชิพเกิดอาการ “ปึ๋งปั๋ง” อย่างกับได้รับยาไวอากร้านั้น!! เดี๊ยนมองจากในมุมของคนที่มองโลกในแง่ดีเป็นหลักว่า นี่คือการเปิดโอกาสให้คนที่ต้องการเป็นเศรษฐีใหม่ได้ทำฝันให้เป็นจริง และดูเหมือนว่าประเด็นดังกล่าวจะโดนใจขาโจ๋วัยมันส์อย่างจังเสียด้วย...สุดยอดหุ้นบลูชิพถึงกลับมาได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วพะยะค่ะ

งานนี้ไม่ขออธิบายเหตุผลที่ทำให้ดัชนีขึ้นแรง แต่อยากบอกให้ทุกคนรู้ว่า ขาช็อตทั้งหลายตัวดำเกรียมกันถ้วนหน้า เพราะต้องกลับลำมาไล่ซื้อหุ้นอย่างอลหม่าน และดูเหมือนว่า แต่ละรายจะออกมาบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า “อ่านเกมพลาด ก็เจ็บตัวหนักแบบนี้แหละ” เดี๊ยนถึงเชื่อว่า ความเป็นไปได้ที่หุ้นจะอ่อนตัวลงแรงเริ่มน้อยลง เพราะแรงซื้อที่อัดแน่นเข้ามาเมื่อวานเป็นเครื่องยืนยันว่า มีคนพร้อมจะซื้อหุ้นตลอดเวลาเจ้าค่ะ

ป.ล.หุ้นปรับตัวขึ้นแรงในคราวนี้ว่ากันว่า เป็นการหนีน้ำท่วม ดัชนีก็เลยต้องยกฐานสูงขึ้นเจ้าค่ะ

จาก..โมนิก้า - ข่าวหุ้น




 

Create Date : 07 ตุลาคม 2554   
Last Update : 7 ตุลาคม 2554 9:25:02 น.   
Counter : 458 Pageviews.  


อย่าฝังใจกับเหตุการณ์ร้ายๆ เพราะเราควรอยู่กับปัจจุบัน และอนาคต

ช่วงหลังๆ เดี๊ยนไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่อง Window Dressing แต่พอเห็นกองทุนในประเทศเข้ามาซื้อหุ้นแบบจัดเต็ม ก็มีความจำเป็นต้องบอกเล่าเรื่องดังกล่าวต่อไปอีกวัน และในช่วง 1-2 วันนี้จะเป็นการชี้ชะตาโอกาสขึ้นของหุ้นไทยได้ชัดเจนสุดอีกด้วย...เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นเพราะการซื้อหุ้นเพิ่มเติมของนักลงทุนสถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติมักทำให้หุ้นบลูชิพขยับขึ้นแรงนะซี

ถึงกระนั้นก็ต้องยอมรับว่า เนื้อหาสาระที่แท้จริงของเรื่องดังกล่าวก็เป็นเพียงแค่วัฏจักรธรรมดาๆ ของดัชนี จึงไม่ควรนำมาเป็นสาระสำคัญที่ใช้ประกอบการลงทุนที่หวังผลระยะยาว (ในช่วงตลาดหุ้นเป็นขาขึ้นไม่ควรหวังผลมาก แต่ในช่วงที่ตลาดหุ้นเป็นขาลงน่าจะหวังผลได้) และควรมองย้อนกลับไปในอดีตว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าว มามั่ง...ไม่มามั่ง นะคะ

ผสมผสานกับแนวความคิดของนักกลยุทธ์การลงทุนสมัยใหม่ชี้ชัดว่า "ลมพัดผ่านวูบเดียว" ซึ่งเป็นโอกาสทองสำหรับนักลงทุนที่อ่านเกมขาด และเข้าซื้อหุ้นถูกจังหวะ ซึ่งประเด็นทั้งหมดที่กล่าวมานั้นคือเรื่องที่เดี๊ยนพยายามเตือนนักลงทุนเป็นประจำ แถมผู้รู้บางท่านแสดงความคิดเห็นไว้ว่า มีโอกาสเป็นจริงน้อยเหลือเกิน (วันก่อนดันขึ้นไปเยอะแล้ว วันนี้ไม่มีความจำเป็นต้องดันต่อ)

ฉะนั้น มิตรรักแฟนเพลงอย่าได้ฝากความหวังไว้ที่เรื่องนี้มากเกินไป เพราะบ่อยครั้งที่ปรากฏการณ์ดังกล่าวทำให้นักลงทุนน้ำตาตกในมาไม่รู้กี่รายต่อกี่ราย...สู้เอาเวลาที่มีทั้งหมดไปเฟ้นหาหุ้นที่น่าลงทุนจะคุ้มกว่ากันเยอะ เพราะเป็นรูปธรรมที่สามารถจับต้องได้ตลอดเวลา และที่สำคัญคือ ระดับของดัชนีก็พอๆ กับช่วงต้นปี ความจำเป็นที่จะต้องทำตัวเลขเพื่อปิดงบสวยๆ ถึงเป็นเรื่องเกิดขึ้นยากมากพะยะค่ะ

ประเด็นที่ต้องติดตามดูกันต่อไปคือ ปีก่อนๆ ยอดซื้อหุ้นสุทธิไปโผล่ที่นักลงทุนสถาบันในประเทศมากเหลือเกิน ส่งผลให้น้ำหนักเรื่องดังกล่าวถูกนำมาพูดอย่างกว้างขวาง แต่พอเดี๊ยนเจาะลึกข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมดก็ปรากฏว่า พอถึงวันทำ Window Dressing จริงๆ ดัชนีปรับตัวไม่เกิน 4 จุด หรืออีกทางหนึ่งก็เป็นการอ่อนตัวปิดลบไปเลย!!

วันนี้ถึงต้องจับตาดูหุ้นขนาดใหญ่อย่าง แบงก์ ปิโตรเคมี พลังงาน สื่อสาร และอสังหาริมทรัพย์ ให้ดีเป็นพิเศษ เพราะหุ้นกลุ่มดังกล่าวจะเป็นตัวกำหนดทิศทางการเคลื่อนตัวของดัชนี...ส่วนหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กก็เป็นแค่เพียงหุ้นเก็งกำไรสั้นๆ ที่หมุนเวียนเล่นกันไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นหุ้นทีเด็ดของนักลงทุนประเภทลุยดะเจ้าค่ะ

ประเดิมข่าวเม้าท์กันวันนี้ที่หุ้นปิโตรเคมี วันก่อนรูดมหาราช ถัดมาก็เด้งขึ้นปึ๋งปั๋ง วันวานเกิดเครื่องน็อค ก็เลยไม่รู้ว่า วันนี้จะเป็นอย่างไร?? ถึงอยากให้นักลงทุนจับตาดูหุ้นแกนหลักอย่าง PTTCH-PTTAR-IVL เป็นกรณีพิเศษ...เนื่องจากงานนี้เป็นการประชันความงอมประจำปี 54 และเร็วๆ นี้ก็คงรู้ผลว่าใครจะคว้าตำแหน่ง “งอมพระรามแห่งปีไปครอง” อิอิอิ



สำหรับดาวเด่นในรอบขาขึ้นถัดไป คือ หุ้นรับเหมาก่อสร้าง!!...โดยตัวหลักๆ ที่มีการพูดถึงในหมู่คนที่ทำข้อมูลวงในคือ STEC ITD CK พร้อมกับย้ำจุดแข็งของหุ้นเหล่านี้อยู่ที่ “โปรเจ็กต์ในอนาคต” และยังเปรยให้ฟังแบบกระทบกระเทียบว่า หากไม่กล้าช้อน ก็ไปหากะละมังมารองแทน หรือไม่มีทั้งสองอย่างที่กล่าวมา ก็อยู่เฉยๆ เถอะค่ะ

เหมือนกับในรายของ BTS-LOXLEY-BGH ของมันเห็นกันเต็มลูกกะตาว่า “หุ้นอนาคต” จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากราคาหุ้นจะวิ่งระเบิดระเบ้ออีกรอบ และตอนนี้ก็เป็นโอกาสดีที่จะทยอยเก็บหุ้นสะสม วันนี้บอกได้คำเดียวว่า แม้ตอนนี้ราคาหุ้นจะยังไม่วิ่ง แต่ในอนาคตวิ่งแรงแน่นอน...สิ่งที่เดี๊ยนอยากเตือนสติทุกคนให้รับทราบอย่างเป็นการคือ “อย่าฝังใจกับเหตุการณ์ร้ายๆ เพราะเราควรอยู่กับปัจจุบัน และอนาคต” นะจะบอกให้





 

Create Date : 29 กันยายน 2554   
Last Update : 29 กันยายน 2554 8:46:59 น.   
Counter : 575 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  7  8  

tuckkatan-ket
 
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สาวเจียงใหม่เจ้า
[Add tuckkatan-ket's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com